เมื่อเฟยหลงกล่าวก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นมา
” อ๊ากกกกกกกกกกกกก ”
ตรงทางเข้าซากปรักหักพังผู้บ่มเพาะว่วนหนึ่งที่เต็มไปด้วยคว่มโลภนั้นพุ่งเข้าไปด้านในเป็นคนเเรกๆเเต่จุบจบของเขาก็มีเเต่ความตายที่รออยู่
ร่างกายของผู้บ่มเพาะเหล่านั้นราวกับถูกเปลวเพลิงบางอย่างเเผดเผาค่อยๆสลายกลายเป็นเถ้าถุลีอย่างรวดเร็ว
” นี่มัน………….. ”
” เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ ”
พวกซูซ่านที่เห็นเหตุการณ์นั้นเหมือนกันก็รู้สึกหนาวเหน็บก่อขึ้นในจิตใจถ้าหากพวกนางเป็นคนที่เข้าไปเหมือนกันก็คงจะเหมือนกับผู้บ่มเพาะเหล่านั้น
” มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอท่านำี่เฟยหลง ”
” ท่านอาจารย์พวกเขาโดนอะไรเข้าไปทำไมร่างกายถึงกับสลายกบายเป็นเถ้าถ่านอย่างนั้น”
เฟยหลงที่เห็นเหล่าผู้บ่มเพาะเหล่านั้นที่ตอนเเรกกำลังพุ่งเข้าไปหาสมบัติด้านในอย่างบ้าคลั้งได้สติขึ้นมา
” พวกเขาไม่สังเกตุเห็นกับดักที่วางไปอยู่ด้านหน้าอย่างชัดเจน ”
” เพราะว่าหนึ่งในพวกเขานั้นไม่สามารถสัมผัสได้ถึงค่ายกลอย่างไรละเเละยังเป็นค่ายกลระดับสีเหลืองขั้นต่ำอีกด้วยมันถูกอำพรางเอาไว้ด้วยค่ายกลอีกอัน ”
พวกซูซ่านที่ได้ยินดังนั้นก็ได้มองหน้ากันไปด้วยความตกใจเพราะพวกนางนั้นสัมผัสไม่ได้เเม่เเต่น้อยถึงค่ายกลที่ว่า
เสี่ยวไป๋ที่เงียบมาโดยตลอดก็กล่าวถามเฟยหลงออกมา
” พี่ใหญ่ในเมื่อเป็นค่ายกลเเล้วอย่างนั้นมันก็ต้องมีทางทำลายใช่หรือไม่……… ถ้าให้ท่านลงมือด้วยตัวเองละก็ข้าคาดว่าค่ายกลอันเล็กน้อยนี้ไม่อาจทั่จะทำอะไรท่านได้ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้ส่ายหน้าออกมาเป็นการตอบกลับเสี่ยวไป๋เเล้วกล่าวออกมาว่า
” เสี่ยวไป๋เจ้ายังไม่เข้าใจเรื่องหนึ่ง……….ข้าจะลงมือทำไมในเมื่อพวกเขานั้นมีคนที่สามารถทำลายมันได้อยู่เเล้ว ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินกังนั้นก็มองรใเหล่าผู้บ่มเพาะจำนวนมากมายที่กำลังหยุดอยู่หน้าประตูวิหารของซาปรักหักพังเพียงไม่กี่ก้าว
ด้วยความสงสัยจึงพยามหาสิ่งที่ตัวมันคิดว่าจะต้องมีอย่างเเน่นอนนั้นก็คือ…… ปรมาจารย์ค่ายกล…….
นอกจากปรมาจารย์ค่ายกลเเล้วการทำลายค่ายกลที่อยู่ระดับสีเหลืองขั้นต่ำต้องใข้พลังขอบเขตหลอมรวมขั้นต่ำร่วมมือกันสองคนเป็อย่างน้อย
เเละในหมู่ผู้บ่มเพาะเหล่านี้นั้นมีผู้บ่มเพาะขอบเขตหลอมรวมขั้นต่ำอยู่ไม่กี่คนเเต่ก็เพียงพอที่จะทำลายค่ายกลอย่างเเน่นอน
ทางด้านเหล่าผู่มเพาะที่หยุดอยู่หน้าประตูวิหารโบราณนั้นก็ได้คิดหาวิธีต่างๆนาที่จะเข้าไปด้านในโดยที่ไม่ต้องตกตายเหมือนผู่บ่มเพาะก่อนหน้านี้
” เเล้วเราจะเข้าไปเอาของด้านในมันได้อย่างไร”
” ประตูวิหารบ้านี้มันมีอะไรทำไมถึง……. ”
ในตอนที่เหล่าผู้บ่มเพาะกำลังถกเถียงกันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงผู้บ่มเพาะใัยกลางคนได้กล่าวออกมาว่า
” หรือนั้นอาจจะเป็นค่ายกลก็เป็นได้ ”
เหล่าผู้บ่มเพาะคนอื่นจึงกล่าวถามออกมาด้วยความรีบร้อน
” ค่ายกลอย่างนั้นเหรอเเล้วมันระดับไหนละ………. เจ้ามามารถทำลายมันได้หรือไม่ ”
ชายวัยกลางคนที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาเเล้วส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวว่า
” ตามที่ข้าคาดเดาละก็ค่ายกลนี้นั้นอยู่ระดับสีเหลืองขั้นต่ำ…….. ด้วยความสามารถของข้าเกรงว่ามันจะไม่สามารถทำได้ ”
“เพราะข้าเป็นเพียงเเค่ปรมาจารย์ค่ายกลระดับสีส้มขั้นสูงสุดเท่านั้น ”
เหล่าผู้บ่มเพาะรอบๆที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้กล่าวออกมา
” ในที่นี้มีสหายคนไหนบ้างที่สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ ”
” ใช่เเล้วไม่ว่าสหายคนไหนทำลายค่ายกลนี้ได้พวกข้าจะต้องตอบเเทนอย่างเเน่นอน ”
เหล่าผู้บ่มเพาะรอบได้พยามเสนอรางวัลเพื่อหาตัวปรมาจารย์ค่ายกลระดับสีเหลืองขั้นต่ำมาทำลายค่ายกลถึงเเม้ว่าโอกาศที่จะเจอนั้นมันต่ำมากเหลือเกิน