เธอชื่อกู้จิ้ง ปีนี้อายุยี่สิบสี่ เป็นแพทย์ทั่วไปประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
กู้จิ้งข้ามเวลาได้ยังไงน่ะหรือ เรื่องมันเป็นแบบนี้
คืนวันนั้นเธอเก็บสัมภาระ เตรียมตัวเดินทางไปพักผ่อนที่เขาเว่ยอวิ๋นบ้านเกิด
เธอยังขาดกระเป๋าสำหรับใส่ยาซึ่งจะเอาไปให้ชาวบ้านในภูเขาที่แทบจะไม่ได้ออกมาพบปะกับผู้คนในโลกภายนอก หาไปหามาก็เจอกระเป๋าหนังสีดำใบหนึ่ง
กระเป๋าหนังใบใหญ่นี้เป็นของที่คุณยายของเธอมอบให้ก่อนตาย ถือได้ว่าเป็นของดูต่างหน้า ดังนั้นถึงมันจะน่าเกลียดจนแทบดูไม่ได้ เธอก็ยังเก็บมันเอาไว้ข้างกาย ตอนนี้มาคิดดู เธอกำลังจะกลับไปไหว้สุสานของคุณยาย ถ้าอย่างนั้นก็ใช้กระเป๋าใบนี้เถอะ
หญิงสาวเริ่มเก็บยาและอุปกรณ์ต่างๆ ใส่ลงในกระเป๋า ทันใดนั้นเรื่องมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น เธอใส่ของเข้าไป แต่พอมองดู ในกระเป๋ากลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรสักอย่าง
เธอไม่เชื่อ หยิบของใส่เข้าไปอีก มันก็ยังว่างเปล่าเหมือนเดิม
เธอเดินวนรอบกระเป๋าด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็หยิบข้าวของต่างๆ ทั้งมีดผ่าตัด, ยา, หลอดทดลอง, อาหารกระป๋อง, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวมไปถึงไขควง, แอลกอฮอล์, ไฟแช็ก ฯลฯ เรียกได้ว่าเห็นอะไรก็หยิบมายัดใส่กระเป๋าหมด แต่ข้าวของเหล่านั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ถึงตอนนี้เธอก็แทบจะเป็นบ้า หญิงสาวเริ่มสวดมนต์ “คุณยายคะ วิญญาณของคุณยายที่อยู่บนสวรรค์ช่วยบอกหนูหน่อยเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น?”
แต่คุณยายของเธอไม่ได้แสดงปาฏิหาริย์ เธอจึงได้แต่ขมวดคิ้วพลางมองกระเป๋าหนังว่างเปล่าด้วยความงุนงง
กำลังคิดอยู่ว่าควรไปแจ้งความหรือนิมนต์พระมาดีหรือไม่ เธอก็ได้ยินเสียงหวีดร้องด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นที่ด้านนอก “เริ่มแล้ว เริ่มแล้ว!”
กู้จิ้งค่อยนึกขึ้นได้ว่า วันนี้ดูเหมือนจะมีจันทรุปราคา
ได้ยินว่าเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ยากจะพบพานในรอบหลายร้อยปี เพื่อนๆ ของเธอหลายคนต่างก็เฝ้ารออยู่
กู้จิ้งลุกขึ้นยืน ใจคิดว่าอย่าเพิ่งไปคิดเรื่องกระเป๋าหนังนี่เลย ไปดูปรากฏการณ์พิสดารที่ยากจะพบพานในรอบหลายร้อยปีให้สบายใจก่อนดีกว่า
คิดไม่ถึงว่าจังหวะที่ลุกขึ้น เธอจะเผลอสะดุดล้มหน้าคว่ำ
บังเอิญตรงหน้าคือกระเป๋าหนังที่เปิดทิ้งเอาไว้
ทันทีที่ศีรษะทิ่มลงไปในกระเป๋า กู้จิ้งก็รู้สึกว่ามีเสียงหวีดแหลมดังก้องจนหูอื้อไปหมด ซ้ำตรงหน้าก็ปรากฏแสงสีขาวสว่างจ้าบาดตาจนเธอลืมตาไม่ขึ้น
ชั่ววินาทีนั้น เธอรู้สึกว่าร่างของตัวเองหนักอึ้งกว่าปกติ ราวกับแบกก้อนหินหนักหนึ่งร้อยแปดสิบชั่งเอาไว้
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดเสียงอื้ออึงนั้นก็หายไป แสงสีขาวก็หายไปด้วย เธอลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้าก่อนจะพยายามโงหัวขึ้นจากกระเป๋า
แต่พอลุกขึ้นได้ ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับเป็นเท้าคู่หนึ่ง
เท้าคู่นั้นใหญ่กว่าของเธอมาก แค่ดูก็รู้ว่าเป็นของผู้ชาย แถมมันยังทั้งหยาบกร้านทั้งสกปรก
ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ เท้าคู่นั้นสวมรองเท้าสาน!
ถึงตอนนี้เธอก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ แต่ยังคงรักษาความเยือกเย็นตามแบบฉบับของแพทย์ทั่วไปเอาไว้ได้ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ สายตาค่อยๆ เลื่อนจากรองเท้าสานคู่นั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
เหนือรองเท้าสานคือกางเกงผ้าเนื้อหยาบซึ่งตัดเย็บขึ้นอย่างหยาบๆ ชีวิตนี้ไม่เคยเห็นกางเกงที่ทั้งหยาบทั้งแข็งกระด้างแบบนี้มาก่อนเลย
เหนือกางเกงคือขอบกางเกงซึ่งถูกรัดไว้ด้วยผ้าเนื้อหยาบ ดูท่าจะใช้มาหลายปีแล้ว สายรัดเอวนั่นถึงได้ยับย่นถึงเพียงนั้น
เหนือเอวกางเกงคือแผงอกแข็งแกร่งเปล่าเปลือย บนแผงอกนั้นมีแผลเป็นน่ากลัว ซ้ำยังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เหนือแผงอกคือใบหน้าแข็งกร้าว วันนี้คงยังไม่ได้โกนหนวด ใบหน้าถึงได้รกรุงรังอยู่บ้าง
เจ้าของใบหน้านั้นกำลังขมวดคิ้วเข้มดกหนาพลางกวาดตามองเธอด้วยความสงสัย เหมือนกับที่เธอกำลังสำรวจมองเขา
สายตาของกู้จิ้งเลื่อนจากใบหน้าของเขาลงมาที่แผงอก ลงมาที่สายรัดเอวกางเกง แล้วก็ลงมาที่กางเกง
ทันใดนั้นเธอก็หยุดชะงัก เพราะสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างตรงนั้น
สัญชาตญาณของหมอบอกเธอว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเธอก็สังเกตลูกกระเดือกที่กำลังขยับกับดวงตาที่มืดมัวลงของผู้ชายคนนั้น
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา ความปรารถนาตามสัญชาตญาณดิบที่ไม่อาจควบคุมได้
เธอได้ข้อสรุปทันที เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย
ผู้ชายคนนี้กำลังมีความปรารถนาทางเพศ
“ฉัน…” เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็เลียริมฝีปากพลางกลืนน้ำลายคำหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก “ฉันถูกหลอกมาขาย ฉันให้เงินคุณได้นะ!”
เธอเดาว่า บางทีเวลาชั่ววินาทีที่เธอคิดอาจจะนานกว่าที่คิดก็ได้
เธออาจจะถูกตีหัวสลบหรือไม่ก็ถูกวางยา พอหมดสติก็ถูกขายมายังหมู่บ้านบนภูเขาที่แสนห่างไกลแห่งนี้
นี่มันคดีลักพาตัวผู้หญิงในเมืองมาขายในเขตชนบทหรือเปล่า?
เธอต้องตั้งสติให้ดี ต้องหาทางหนีไปให้ได้
เขาชื่อเซียวเถี่ยเฟิง ปีนี้อายุยี่สิบหก เป็นนายพรานซึ่งอาศัยอยู่ในเขาเว่ยอวิ๋น
เซียวเถี่ยเฟิงเก็บสาวงามคนหนึ่งได้ในสวนแตงยังไงน่ะหรือ เรื่องมันเป็นแบบนี้
วันนั้น เขาไปช่วยเฝ้าสวนแตงให้ท่านหมอเหลิ่ง
เฝ้าสวนแตงหนึ่งคืน เขาจะได้เงินสิบอีแปะ
เขามีรูปร่างสูงใหญ่ มีแรงมาก ซ้ำยังต่อยตีเป็น ใครๆ ก็กลัว ย่อมเหมาะจะทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าสวนแตงมากที่สุด แถมจะว่าไปเขาก็มีตัวคนเดียว ฤดูร้อนแบบนี้จะนอนที่ไหนก็ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหาเงินเพิ่มอีกสิบอีแปะ
นอนไปได้ครึ่งคืน เพราะกินแตงมากไปก็เลยปวดปัสสาวะขึ้นมา เขาจึงคิดจะไปหามุมอับจัดการปัญหาเสียหน่อย
คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินออกไปนอกเพิงก็พบว่าตรงบริเวณที่ห่างไปไม่ไกลนักมีเงาตะคุ่มของอะไรบางอย่างกำลังขยับอยู่
เขาเลิกคิ้วขึ้น สัญชาตญาณบอกให้ระวังตัวขึ้นมาทันที
ใครกันที่กินดีหมีหัวใจเสือ กล้ามาขโมยแตงในช่วงที่เขากำลังเฝ้าอยู่?
เซียวเถี่ยเฟิงสาวเท้ายาวๆ ตรงไปหาเงาตะคุ่มนั้น พอเพ่งตามองก็พบว่ามันดูเหมือนถุงหนังใบหนึ่ง
ในถุงหนังมีอะไรบางอย่างอยู่?
เขากำลังคิดจะก้มลงเปิดมันออก แต่จู่ๆ ปากถุงก็เปิดออกเสียก่อน จากนั้นศีรษะของใครบางคนก็โผล่ขึ้นมา
ศีรษะนั้นมีผมสีดำสนิท แม้จะเป็นค่ำคืนที่ไร้ซึ่งแสงจันทร์ มันก็ยังเป็นเงางามราวกับผ้าต่วนชั้นดีที่ขายอยู่ในเมือง
หลังเส้นผมนั้น เขามองเห็นดวงตาที่กำลังเบิกกว้างคู่หนึ่ง
ดวงตาคู่นั้นสุกใสเป็นประกาย แต่กลับดูสงบนิ่งเยือกเย็นมาก ราวกับว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ล้วนอยู่ในการควบคุมของนาง
แม้ว่ายามนี้นางจะกำลังตกใจ แต่มันก็ไม่อาจบั่นทอนท่าทีสงบนิ่งและหยิ่งยโสซึ่งเหมือนจะติดตัวนางมาแต่กำเนิดได้เลย
พอเลื่อนสายตาต่ำลง เขาก็ต้องขมวดคิ้วแน่น ตามองทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
ลำคอของผู้หญิงคนนี้ทั้งบางทั้งขาวจนเขารู้สึกเหมือนจะมองเห็นเส้นเลือดสีเขียวจางๆ บนลำคอของนางได้เลยทีเดียว
ใต้ลำคอนั้นคือความขาวโพลน…
ดวงตาของเขาร้อนวูบ อยากหลบแต่ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ลำคอแข็งเหมือนถูกน้ำแข็งเกาะ ทำอย่างไรก็ไม่อาจเบือนหน้าไปทางอื่นได้เลย
ชายหนุ่มกัดฟันก่อนจะเลื่อนสายตาต่ำลงอีก
ด้านล่างคืออะไรบางอย่างซึ่งดูเหมือนกับเสื้อผ้าที่…ไม่มีแขนไม่มีคอ? ผ้าที่ทั้งเล็กทั้งบางนั่นแทบจะปกปิดอะไรไม่ได้
อย่างน้อยเขาก็เห็นว่าผ้าบางๆ นั่นไม่สามารถปกปิดภูเขาเล็กๆ สองลูกใต้ลำคอของนางได้เลย
ลูกกระเดือกของเขาขยับอีกรอบ ลำคอของเขาทั้งร้อนผ่าวทั้งแห้งผากราวกับถูกไฟเผา แตงที่กินไปวันนี้สูญเปล่าจริงๆ
เขากำหมัดแน่นแล้วมองต่ำลงไปอีก คราวนี้เขาถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่ ในสมองเหลือเพียงความว่างเปล่า ผืนฟ้าผืนดินต่างก็หมุนวนไปรอบๆ
บน…บนโลกนี้ ทำไมถึงมีผู้หญิงแบบนี้อยู่ด้วย?
ภายใต้แสงจันทร์สลัว บนถุงหนังสีดำนั้นคือขาเรียวยาวขาวเนียนนุ่มซึ่งไม่มีสิ่งใดปกปิด
ท่อนล่างของนางมีเพียงแค่ผ้าซึ่งสั้นเต่อเสียยิ่งกว่าท่อนบน แม้แต่ครึ่งหนึ่งของขาอ่อนก็ยังปิดไม่มิด
ระหว่างที่เซียวเถี่ยเฟิงกำลังเบิกตามองขาอ่อนขาวเนียนน่าตื่นตะลึงด้วยสายตาที่เหมือนจะถูกตรึงอยู่กับที่นั้น สตรีนางนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วเริ่มกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นกัน
เขาสัมผัสได้ว่าดวงตาสุกใสคู่นั้นกวาดมองผ่านสายรัดเอวของเขา แผงอกของเขา ลำคอของเขา
แม้สายตาคู่นั้นจะแฝงด้วยแววประหลาดใจแกมประเมิน แต่ก็ไม่มีความเอียงอายหรือความหวาดกลัวใดๆ แม้แต่น้อย ความเป็นธรรมชาตินั้นเหมือนกับแสงจันทร์เยียบเย็นซึ่งสาดส่องลงมาบนผืนโลกตามครรลองซึ่งถูกกำหนดเอาไว้
เขายืนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้สตรีตรงหน้ากวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว ทุกส่วนที่ถูกนางมองจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเยียบเย็นเสียดลึกเข้าไปถึงกระดูกก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ อุ่นขึ้นๆ จนกระทั่งร้อน จากนั้นความร้อนก็ค่อยๆ ไหลไปตามเส้นเลือด แผ่กระจายไปทั่วร่าง แผดเผาทุกอณูในร่างกายของเขา
เขาจ้องหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กะพริบ
สตรีนางนี้มีคิ้วบาง จมูกไม่มีอะไรพิเศษ ริมฝีปากไม่โดดเด่น รูปหน้าก็ไม่ใช่รูปผลท้อที่คนในหมู่บ้านชื่นชอบที่สุด เมื่อเครื่องหน้าที่แสนธรรมดาจนไม่มีอะไรสะดุดตาผู้คนเหล่านี้มารวมเข้าด้วยกัน ประกอบกับดวงตาใสกระจ่างเรียบเฉยคู่นั้น นางก็ดูนิ่งเฉย ไม่สะทกสะท้านกับอะไรทั้งสิ้น ราวกับคนที่กำลังมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านด้วยสายตาของผู้ที่เหนือกว่า