“ปล่อยฉัน ฉันไม่อยากขี่ม้าตัวนี้!” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอขี่ม้า แต่เป็นครั้งแรกที่ขี่ม้าที่วิ่งเร็วแบบนี้ บั้นท้ายของเธอเจ็บมาก แต่ผู้ชายคนนี้วางอำนาจมาก เธอจึงได้แต่ดิ้นรนไปมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาเท่านั้น!
ทว่าเซียวเถี่ยเฟิงซึ่งเพิ่งถูกกล่าวหาว่าฉุดคร่าสตรีกลับเข้าใจความหมายของเธอผิด
“ไม่ปล่อย ตายก็ไม่ปล่อย!” เขากัดฟันพูดอยู่ตรงข้างหูเธอ มือข้างหนึ่งกอดเธอเอาไว้แน่น ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้
“เซียวเถี่ยเฟิง ไอ้คนสารเลว!” เธอแค้นใจเหลือเกิน เจ็บแทบตายแล้ว ก้นของเธอกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทำไมเขาถึงได้หยาบคายแบบนี้?
ไม่ใช่บอกว่าผู้ชายมีครอบครัวแล้วจะไม่เหมือนเดิมหรอกหรือ เขามีลูกมีเมียแล้ว ยังไม่รู้จักทำตัวให้อ่อนโยนบ้างเลยรึไง?!
“ใช่ ข้ามันสารเลว”
เสียงลมพัดผ่านข้างหู ใบหน้าแข็งกระด้างของชายหนุ่มก้มลงมาขบติ่งหูของเธอเบาๆ
“ข้ามันสารเลว แต่ชีวิตนี้เจ้าอย่าหวังว่าจะสลัดหลุดจากคนสารเลวอย่างข้าได้เลย”
เขากล่าวคำพูดนี้ด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ แถมยังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เซียวเถี่ยเฟิง…เซียวเถี่ยเฟิง นาย…นาย…”
กู้จิ้งโมโหแทบตายแล้ว เธอคิดไม่ถึงเลยว่าท่านบรรพบุรุษจะเป็นคนแบบนี้!
เขาคิดจะมีเมียสองคนอย่างนั้นหรือ? มีเมียหลวงคนหนึ่งแล้วก็มีเมียน้อยอีกคน?
ฮึ!
เธอยกมือขึ้นตีลำคอเขาแรงๆ หลายครั้งด้วยความโมโห จริงๆ คิดจะตบหน้า แต่จนใจที่เขานั่งอยู่ข้างหลัง มือของเธอก็ไม่ยาวพอ
เธอตีเขาพลางร้องตะโกนด้วยความเคียดแค้น “ไอ้คนลามก! นายไม่ผิดต่อเมียของนายหรือ? จนป่านนี้แล้ว นายก็ยัง…ยัง…”
คิดๆ ขึ้นมาก็แค้นใจนัก เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ทำให้เขาไปแต่งงานกับคนอื่น มีลูกกับคนอื่น พวกเขากลับไปไม่ได้อีกแล้ว กลับไปไม่ได้อีกแล้ว!
เธอยอมรับเด็กที่พวกเขาจะรับมาเป็นลูกบุญธรรมได้ แต่ไม่อาจยอมรับลูกที่เขามีกับคนอื่น!
ยิ่งไม่อาจยอมให้ตัวเองกลายเป็นมือที่สามในการแต่งงานครั้งใหม่ของเขา!
เซียวเถี่ยเฟิงไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะตบตีเขาอย่างไร เธออยากตีก็ตีไปเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เจ็บอยู่แล้ว
มือข้างหนึ่งของเขากำบังเหียนแน่น ส่วนอีกข้างกดเอวของเธอเอาไว้ เห็นเธอโกรธแค้นเช่นนี้ เขาก็เข้าใจว่าเธอกำลังโกรธเขา
“เจ้าอย่าโกรธเลย ข้ารู้ว่าเมื่อก่อนข้าเป็นฝ่ายผิด ข้าผิดต่อเจ้า ต่อไปข้าจะปรับปรุง ดีไหม? เจ้าอยากได้อะไรข้าจะหาให้เจ้าทั้งหมด เจ้าจะมีทรัพย์สินเงินทอง มีแพรพรรณเนื้อดี มีบ้านหลังใหญ่ มีคนรับใช้มากมายคอยปรนนิบัติ ดีไหม? เราจะแต่งงานกัน เราจะจัดงานแต่งงานใหญ่โตให้ผู้คนทั่วแผ่นดินรับรู้ ข้าจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าเป็นเมียของข้า”
นางอยู่กับเขามาหลายปี แต่เขากลับไม่เคยรู้เลยว่านางต้องน้อยเนื้อต่ำใจสักแค่ไหน
กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็ทั้งเสียใจทั้งโมโห น้ำตาของเธอร่วงลงมา แต่ไม่นานหนักก็ปลิวหายไปตามสายลม
“นายพูดเรื่องพวกนี้ไปจะมีประโยชน์อะไร คิดว่ามีประโยชน์อย่างนั้นหรือ?” คิดขึ้นมาเธอก็เสียใจ ได้พบกันตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ไม่สู้ไม่พบยังจะดีเสียกว่า!
“มีประโยชน์สิ เราอายุยังน้อย ยังมีเวลาอีกชั่วชีวิต” เขาจะใช้เวลาทั้งชีวิตชดเชยให้เธอ
ม้าพุ่งทะยานไปข้างหน้า แผงคอม้าปลิวสะบัดไปตามสายลม ฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย น้ำตาของกู้จิ้งไหลพรากยิ่งกว่าเดิม
ครึ่งปีมานี้ ใช่ว่าเธอจะไม่เสียใจ แต่เธอพยายามบังคับตัวเองให้ลืมความเสียใจนั้นต่างหาก
เห็นชัดๆ ว่าเป็นคนที่กอดเธอเข้านอนทุกคืน เห็นชัดๆ ว่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยากับเธอ จู่ๆ กลับกลายเป็นของคนอื่น เธอจะไม่เสียใจได้อย่างไร?
กู้จิ้งอดร้องไห้ไม่ได้ เธอร้องไห้ไป ทุบตีเขาไป
แค้น… เธอแค้นเขาเหลือเกิน
ใครใช้ให้เขาทนเหงาไม่ได้ เธอจากไปได้ไม่นานก็ไปแต่งงานกับคนอื่น!
จู่ๆ เซียวเถี่ยเฟิงก็ออกแรงกระตุกบังเหียนครั้งหนึ่ง ทำให้ม้าที่กำลังห้อตะบึงไปข้างหน้าหยุดลงตรงหน้าจวนหลังหนึ่งอย่างกะทันหัน
กู้จิ้งเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าจวนแห่งนี้มีประตูใหญ่โตโอ่อ่าหลายบาน บนประตูแต่ละบานมีหมุดทองแดงขนาดใหญ่ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นจวนของชนชั้นสูง
“ที่นี่คือที่ไหนหรือ?” พอม้าหยุดวิ่ง บั้นท้ายไม่เจ็บ กู้จิ้งก็กะพริบตาที่คลอด้วยน้ำตาปริบๆ พลางมองสถานที่แห่งนี้ด้วยความงุนงง
“บ้านหลังใหญ่ที่เจ้าอยากได้อย่างไรเล่า”
“เอ่อ…”
เซียวเถี่ยเฟิงอุ้มเธอพลิกกายลงจากหลังม้า จากนั้นก็ก้าวผ่านประตูเข้าไปโดยไม่ได้วางเธอลงเสียด้วยซ้ำ
องครักษ์สองคนที่เฝ้าประตูอยู่จำได้ว่าวันนี้แม่ทัพเซียวไปร่วมงานแต่งงานของอู่อ๋อง คิดว่าต้องกลับมาค่ำกว่านี้ แต่ใครจะคิดว่าฟ้าเพิ่งจะมืด ท่านแม่ทัพก็กลับมาแล้ว พวกเขาตกใจมาก ดังนั้นจึงรีบค้อมกายคารวะแล้วลนลานเปิดประตูให้
หลังจากประตูเหล็กสีแดงบานใหญ่ถูกเปิดออก เซียวเถี่ยเฟิงก็อุ้มกู้จิ้งเดินเข้าไปทันที
ในจวนมีดอกไม้ใบหญ้า มีต้นไม้เขียวขจี มีศาลา มีหอสูง ไม่ด้อยกว่าจวนของอู่อ๋องสักนิด
เห็นได้ชัดว่าเป็นจวนของชนชั้นสูง
แต่ในจวนแห่งนี้มีฮูหยินคนหนึ่งกับคุณชายน้อยอยู่แล้วหลายคน?
คิดขึ้นมาหัวใจของกู้จิ้งก็ขมขื่นเหลือเกิน
ทำไมตอนนั้นเธอถึงได้หาเรื่องมุดเข้าไปในกระเป๋านะ?
อยู่ดีๆ ก็ต้องยกผู้ชายแสนดีไปให้คนอื่น
เซียวเถี่ยเฟิงย่อมไม่รู้ว่าในสมองของกู้จิ้งกำลังคิดอะไร เขารู้เพียงแค่ว่าเสี่ยวจิ้งเอ๋อของเขากำลังเสียใจ เขาอยากจะชดเชยให้ ดังนั้นจึงอุ้มเธอเดินเข้าไปในเรือนหลังอย่างรวดเร็วแล้ววางเธอลงบนเตียงหลังหนึ่ง
กู้จิ้งกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธออยากรู้ว่าเมียใหม่ของเขามีหน้าตาอย่างไร?
แต่เซียวเถี่ยเฟิงกลับเดินไปที่มุมห้องแล้วยกหีบไม้แดงหลายใบมาวางลงตรงหน้าเธอ จากนั้นก็เปิดมันออก
แสงสีทองในหีบทำให้กู้จิ้งถึงกับตาพร่า
“นี่…นี่…นี่…”
เธอตกใจจนพูดไม่ออก ต่อให้หูตาแคบสั้นสักแค่ไหน เธอก็รู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร มันคือเพชรนิลจินดาหยกอำพันมุกราตรีซึ่งล้ำค่ายิ่งกว่าทองคำเสียอีก!
ชีวิตนี้เธอยังไม่เคยเห็นของล้ำค่ามากมายเช่นนี้มาก่อนเลย!
“นายไปปล้นใครมารึไง…” สมองของเธอด้านชาไปหมด สุดท้ายก็ได้แต่พึมพำคำพูดประโยคนี้ออกมา
“มีเพชรนิลจินดามากมายขนาดนี้ ต่อไปเจ้าจะได้มีชีวิตที่สุขสบาย ในคลังสมบัติก็ยังมีอีก เจ้าชอบไหม?”
“ฉันๆๆ…” เธอตกใจจนพูดไม่ออก
เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเธอมีใบหน้าซีดขาวแกมงุนงงเหมือนจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็คิดว่าเธอยังไม่พอใจ
“ในจวนของข้ามีคนรับใช้มากมาย ล้วนแต่ถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี รับรองว่าต้องปรนนิบัติให้เจ้าพอใจได้แน่ หากใครไม่เชื่อฟัง เจ้าสามารถสั่งสอนได้เต็มที่”
“งั้นหรือ…”
เธอเริ่มไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่… ไหนบอกว่าเป็นมือที่สามต้องถูกเมียหลวงตามไล่ตบยังไงล่ะ?
“ของเหล่านี้ล้วนเป็นของเจ้า ข้าจะมอบให้เจ้าเก็บเอาไว้ กุญแจคลังสมบัติก็จะมอบให้เจ้าด้วย”
“ยังมีที่นาหลายแปลงกับบ้านหลายหลัง นี่คือโฉนดที่ดิน นี่คือโฉนดบ้าน ต่อไปพวกมันจะเป็นของเจ้า”
เซียวเถี่ยเฟิงขนเอากุญแจเอยโฉนดต่างๆ เอยมายัดใส่มือกู้จิ้ง
กู้จิ้งมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความงุนงง
เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเธอไม่มีทีท่าดีใจสักนิดก็คิดว่าเธอยังไม่พอใจ เขารีบก้มลงมาให้ใบหน้าของตัวเองอยู่ในระดับเดียวกับเธอ มือทั้งสองกุมหัวไหล่ของเธอไว้พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าบอกว่างานแต่งงานบนโลกครึกครื้นมากไม่ใช่หรือ เจ้าชอบไหม เราเองก็มาฉลองกันบ้าง พรุ่งนี้เราจะจัดพิธีแต่งงานกัน เจ้าจะได้เห็นว่างานแต่งงานของเราครึกครื้นมากสักแค่ไหน”
กู้จิ้งยังงงไม่หาย เขาแต่งงานกับเธอ แล้วลูกเมียของเขาจะทำยังไง? ทิ้งไปงั้นหรือ? แบบนี้คงไม่ค่อยดีมั้ง?
เซียวเถี่ยเฟิงเห็นกู้จิ้งไม่มีสีหน้ายินดีสักนิดก็กังวลใจมาก แต่คิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจ
“เจ้ายังโกรธข้าอยู่ใช่ไหม?”
“ฉัน…ฉันจะโกรธนายเรื่องอะไร?” จริงๆ แล้วกู้จิ้งกังวลใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!
“เจ้าโกรธที่ข้าอยากมีลูก เจ้าโกรธที่ข้าบังคับเจ้า”
“นี่…” กู้จิ้งนึกถึงเรื่องในอดีต หัวใจก็เจ็บแปลบ เธอสูดหายใจลึก “จริงๆ แล้วฉันไม่ได้โกรธนายหรอก แค่ไม่พอใจนิดหน่อยเท่านั้น แต่นั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ฉันเข้าใจ”
“ไม่” สายตาร้อนผ่าวของเซียวเถี่ยเฟิงจับจ้องอยู่ที่ร่างของสตรีซึ่งนั่งอยู่บนเตียง ปากเอ่ยคำสัญญาช้าๆ ทีละคำๆ “ชีวิตนี้ ข้าไม่อยากได้ลูกอีกแล้ว ข้าต้องการแค่เจ้าเท่านั้น ขอเพียงเจ้าอยู่ข้างกายข้า อยู่กับข้าไปชั่วชีวิต ข้าก็พอใจแล้ว”
มีลูกหลานอะไร สืบสายเลือดอะไร ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งนั้น
เขาแค่อยากให้นางอยู่ข้างกายเขา เท่านี้…ชีวิตนี้เขาก็ไม่มีอะไรต้องเสียดายอีกแล้ว
“แต่ว่า…” นับแต่ได้พบกับเซียวเถี่ยเฟิงอีกครั้ง กู้จิ้งก็ตกอยู่ในสถานะที่ได้แต่ปากอ้าตาค้าง “แต่ในเมื่อมีแล้วย่อมไม่อาจยัดกลับไป คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องมีความรับผิดชอบ…”
“หมายความว่ายังไง?” คราวนี้กลายเป็นเซียวเถี่ยเฟิงที่ต้องขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
“นายมีลูกกับคนอื่นแล้วไม่ใช่หรือ? มีแล้วก็มี เลี้ยงดูให้ดี อย่าทำอะไรที่ผิดต่อพวกเขาเลย”
ระหว่างที่พูด กู้จิ้งก็ดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของเขาแล้วตั้งท่าจะลุกขึ้น
“เรื่องของฉันกับนายกลายเป็นอดีตไปแล้ว เรื่องในอดีตผ่านไปหมดแล้ว คนเราต้องมองไปข้างหน้า ตอนนี้นายก็แต่งงานมีลูกแล้ว สมควรต้องดีต่อภรรยา ตั้งใจเลี้ยงดูลูกๆ ให้เติบใหญ่ อย่าปล่อยให้พวกแกกลายเป็นลูกไม่มีพ่อ นายเป็นคนดี ไม่มีทางทำเรื่องเลวร้ายอย่างการทอดทิ้งลูกเมียได้ นายเองก็ไม่เหมาะจะทำเรื่องแบบนี้”