ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 56 ฉันจริงใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าพวกคุณต้องการฉันก็จะให้

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 56 ฉันจริงใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าพวกคุณต้องการฉันก็จะให้

ตอนที่ 56 ฉันจริงใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าพวกคุณต้องการฉันก็จะให้

ทั้งสองยื้อกันไปมาจนเกือบครึ่งชั่วโมง จนคนฟังอย่างจวงหว่านได้ยินแล้วก็รู้สึกรำคาญ

ซูเถาก็พูดจนคอแห้งไปหมด หากกู้หมิงฉืออยู่ตรงหน้าเธอ เธอจะขึ้นไปชี้หน้าด่าไอ้โจวปาผี*[1]นี่จริง ๆ คนอะไรไม่ยอมเสียเปรียบเลยสักนิด

กู้หมิงฉือถึงกับผุดลุกขึ้นยืน ถ้าซูเถาอยู่ตรงหน้าของตนเอง เขาคงจะต้องถอดแว่นตาเพื่อให้เธอได้รู้สึกถึงความน่ากลัวว่าเป็นยังไงอย่างแน่นอน

เครือข่ายป้องกันสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้สําเร็จ

ซูเถาทําขั้นตอนสุดท้ายที่จะถอยกลับ

“ใช้น้ำหนึ่งปีก็ได้ แต่ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบ จำกัดห้าสิบตันต่อเดือน คุณหาคนมาเอาไปเอง ฉันจะไม่จัดส่งให้ถึงหน้าประตู นอกจากนี้คุณต้องให้จงเกาอี้เป็นหมอของเถาหยางเป็นเวลาหนึ่งปี เรียกตอนไหนก็มาตอนนั้น!”

กู้หมิงฉือขมวดคิ้วมุ่น “ห้าสิบตันน้อยเกินไป คนของฉันมีมากกว่าสามพันคน เราถอยกันคนละก้าว เป็นแปดสิบตันต่อเดือนแล้วฉันปล่อยจะให้จงเกาอี้ไปอยู่กับเธอเป็นเวลาสามวันต่อเดือน”

ซูเถารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา ด้วยวิธีนี้จะมีเวลาสามวันต่อเดือนในการไปพบแพทย์ นี่อาจเป็นคลินิกขนาดเล็กพิเศษ ที่มีแพทย์มาตรวจเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน นี่ก็มีต้นแบบเล็ก ๆ ของโรงพยาบาลแล้ว!

แต่เพื่อให้ดูเหมือนว่าเธอเป็นคนเสียเปรียบ ซูเถาจึงแสร้งทำเป็นต่อรอง

“สามวันสั้นเกินไป ฉันขอเป็นห้าวันแล้วกัน หากตกลงกันได้ที่ห้าก็ปิดดีลเลย”

ในความเป็นจริงถ้ากู้หมิงฉือปฏิเสธ ซูเถาก็จะยอมรับว่าสามวันก็สามวัน

แต่คิดว่ากู้หมิงฉือคงโดนเธอโอนอ่อนจนอารมณ์ดีไปแล้ว จึงพูดว่า “มีผลตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป ผู้ช่วยของผมจะแจ้งให้คุณทราบถึงการติดตามเรื่องต่อจากนี้”

พูดจบก็วางสายภายในไม่กี่วินาที

เมื่อเขาวางสายแล้วซูเถายังคงค่อนข้างประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง หรือว่าเขาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับตนเองแล้ว

จวงหว่านพูดอย่างกังวล “แปดสิบตันต่อเดือน มันจะสร้างภาระหรือผลกระทบอะไรให้กับเถาหยางไหม ถ้ามี ฉันคิดว่าคงจะดีหากไม่รับมัน บางทีนี่อาจเป็นหายนะของดวงอาทิตย์ยามเช้าก็ได้นะ”

ซูเถาโบกมือเป็นพัลวัน “ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะเรายังได้หมอที่จะมาตรวจเป็นประจํา มีไม่กี่คนในตงหยางที่มีความสามารถในการรักษา และเราก็สามารถคว้ามาได้แล้ว”

น้ำแปดสิบตันตามราคาของในระบบคือ 400 เหลียนปัง ถูกมากจริง ๆ เหมือนได้ผู้ที่มีความสามารถมาฟรี ๆ และก็ได้กำไรมหาศาลมาครอบครอง

จวงหว่านถอนหายใจอย่างโล่งอก “เช่นนั้นก็ดีแล้ว”

ซูเถาสร้างห้องเก็บน้ำและคลินิกชั่วคราวขึ้นในคืนนั้น ห้องเก็บน้ำอยู่ใกล้กับประตูใหญ่ซึ่งสะดวกสําหรับคนของกู้หมิงฉือที่จะมา

มีบ่อน้ำสิบบ่อติดตั้งอยู่ภายในซึ่งห้องนี้รองรับคนได้ห้าคน

คลินิกชั่วคราวอยู่ติดกับอาคารสํานักงานหันหน้าไปทางอาคารที่พัก มีขนาดเท่าห้องสองห้อง ภายนอกทาสีขาว ติดป้ายสัญลักษณ์โรงพยาบาลไว้ด้านหน้า ทําที่กั้นภายใน ด้านซ้ายเป็นพื้นที่ให้คําปรึกษา ด้านขวาเป็นพื้นที่พักผ่อน

ซูเถาสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้มีพลังในการรักษา ในพื้นที่ตรวจวินิจฉัยก็จัดตู้กดน้ำ โต๊ะ พื้นที่พักผ่อน สร้างห้องน้ำเดี่ยว เตียงเดี่ยว ตรงข้ามเตียงยังติดตั้งทีวีไว้ หลังจากตรวจไข้เสร็จในแต่ละวันยังสามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงได้

รับประกันได้อย่างแน่นอนว่าหมอจงจะเพลิดเพลินไปกับการตรวจไข้ และรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน

ซูเถาจินตนาการว่าเมื่อมีกำลังพอเธอจะสร้างคลินิกเล็ก ๆ แห่งนี้ให้เป็นคลินิกขนาดใหญ่ สร้างสามชั้นให้เหมือนกับโรงพยาบาลตงหยาง แพทย์ที่ปรึษาสามารถนั่งในห้องโถงที่ชั้นหนึ่ง อุปกรณ์และเครื่องมือครบครัน และมีพื้นที่ให้ผู้ป่วยใน…

เครื่องสื่อสารก็ดังขึ้นทันทีที่ซูเถาตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น

เมื่อเปิดดูก็เห็นว่าเป็นสือจื่อจิ้นที่ส่งรูปถ่ายให้เธอ ซึ่งเป็นรูปคลินิกขนาดเล็กที่สร้างขึ้นใหม่

ซูเถามองครั้งหนึ่งแล้วก็วางเครื่องสื่อสารลงที่เดิม และดำเนินสงครามเย็นต่อไป

ไม่คิดว่าเพิ่งจะวางไปก็มีเสียงดังขึ้นมาอีก อีกฝ่ายส่งข้อความมาอีกแล้ว

‘เชิญหมอหรือคนใช้พลังมาได้?’

แล้วเธอก็เมินข้อความนั้นอีกครั้ง

หลังจากนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงอีกยี่สิบนาที ซูเถาก็ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เติมน้ำและอาหารให้กับเจ้าแมวน้อย เมื่อกำลังจะไปล้างหน้าก็มีเสียงหน้าประตูดังขึ้น

เมื่อเปิดประตูก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของสือจื่อจิ้นถืออาหารเช้าไว้ในมือ

“ตื่นแล้วทำไมไม่ตอบข้อความผม?” เขาส่งอาหารเช้าเข้าไปในอ้อมแขนของซูเถา

ซูเถาเริ่มพูดหาข้ออ้าง “ฉันปิดเสียงไว้ก่อนเข้านอน เลยไม่ได้ยินน่ะ”

ในวินาทีถัดมาสือจื่อจิ้นก็กดโทรหาหญิงสาว และเสียงเรียกเข้าที่ดังชัดก็ก้องอยู่ภายในห้อง

“…”

ทำลายได้อย่างพินาศย่อยยับ ซูเถายกเท้าขึ้นและต้องการเตะประตูให้ปิดลง แต่สือจื่อจิ้นตอบสนองเร็วกว่าเธอ โดยใช้มือยันประตูไว้

“คุณยังไม่ได้ตอบคําถามของผม ว่าเชิญหมอหรือคนที่ใช้พลังมา?”

ซูเถาจึงยอกย้อนกลับไป “สำคัญมากเหรอ คุณก็ไม่ได้จะหาหมอที่เถาหยางสักหน่อย?”

สือจื่อจิ้นได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวว่า “มันไม่สําคัญสําหรับผม แต่มันสําคัญสําหรับคุณ ดูจากการแสดงออกของคุณแล้ว คาดว่าจะเป็นคนใช้พลังหรืออาจเป็นคนที่อยู่ภายใต้อำนาจของกู้หมิงฉือ คุณติดต่อเขาได้ยังไง”

มีผู้ใช้พลังในการรักษาเพียงสองคนในเขตตะวันออก คนหนึ่งอยู่ฝั่งเขา อีกคนหนึ่งอยู่ฝั่งของกู้หมิงฉือ ส่วนคนอื่น ๆ มีความสามารถในการรักษาเพียงระดับต่ำที่สามารถหยุดเลือดและบรรเทาอาการปวดได้เท่านั้น

การที่จะทำให้ซูเถาสร้างคลินิกได้ และภายในยังตกแต่งเอาไว้อย่างดี มีการต้อนรับที่อบอุ่น คงมีได้คนเดียวคือจงเกาอี้ลูกน้องของกู้หมิงฉือ

ซูเถาพูดเพียงว่า ‘หุ้นส่วนทางธุรกิจ’

สือจื่อจิ้นลูบคิ้วของตนเอง “คุณช่างกล้าหาญจริง ๆ กับกู้หมิงฉือคุณก็สามารถพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจได้ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณเคยเจอหน้ากันไหม แต่ผมต้องเตือนว่า คุณเป็นคนธรรมดา พลังของเขา แค่มองคุณครั้งเดียว คุณก็กระอักเลือดได้ทันที ถ้าไม่ฆ่าตัวเอง ก็ถูกคนที่อยู่เหนือการควบคุมฆ่า”

ซูเถารู้สึกกระวนกระวายใจ “พลังอะไรที่สามารถฆ่าฉันตายได้เพียงแค่มองฉันครั้งเดียว”

“มันเรียกว่า ‘ดวงตาแห่งความหวาดกลัว’ มันสามารถระดมความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจิตใจของผู้คน ปล่อยให้ความกลัวบุกรุกสมองของคุณ กีดกันคุณจากเหตุผล ทําให้คุณสูญเสียการควบคุม เพื่อให้คุณทําร้ายตัวเองหรือทําร้ายผู้อื่นอย่างบ้าคลั่ง”

“เขาเคยใช้พลังของเขาเพื่อทําให้ผู้คนหลายสิบคนในกองกำลังปกป้องเมืองจนเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า และเขาก็โหดเหี้ยมมาก ดังนั้นเผยตงจึงเกลียดเขามาก เผยตงปฏิบัติต่อคุณอย่างดี คุณต้องคิดแล้วว่าเรื่องนี้ควรจบลงยังไง”

ซูเถาปวดหัวแทบจะระเบิด

“ฉันไม่รู้ถึงเรื่องนี้ และไม่ใช่เรื่องที่แย่สําหรับฉันที่จะร่วมมือกับเขา มันง่ายมาก ฉันให้น้ำแก่เขาเป็นเวลาหนึ่งปี เขาให้จงเกาอี้ฉันเป็นเวลาหนึ่งปี ทางพี่เผยฉันจะไปชี้แจงกับเธอให้ชัดเจน ถ้าเธอยอมรับไม่ได้ ฉันจะเป็นคนผิดสัญญา”

“ให้น้ำเป็นเวลาหนึ่งปี?”

ซูเถาเอ่ย “ใช่ ก็คือห้องเก็บน้ำตรงชั้นล่างที่อยู่ข้างประตู ถ้าคุณเห็นคลินิกก็น่าจะเห็นมันนะ ฉันไม่ใช่คนตระหนี่ ถ้าคุณหรือพี่เผยต้องการฉันก็จัดหาให้ฟรี”

ดวงตาของสือจื่อจิ้นเต็มไปด้วยความสับสน “คุณรู้คุณค่าของน้ำเหล่านี้ไหม?”

ซูเถาเอ่ย “ฉันไม่รู้ได้ด้วยเหรอ? ตอนนี้ทุกที่เกิดการขาดแคลนน้ำ และในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน น้ำสามารถแซงหน้าอาหารจนกลายเป็นสิ่งจําเป็นในการอยู่รอดอันดับหนึ่ง แล้วคุณเชื่อไหมว่าน้ำหนึ่งแก้วสามารถซื้อแรงงานที่แข็งแกร่งได้?”

“ผมเชื่อ แล้วคุณยังบอกว่าจะให้?”

“เพราะฉันปฏิบัติต่อคุณและพี่เผยในฐานะเพื่อนคนที่ฉันห่วงใย คุณแบกชีวิตหลายหมื่นชีวิตไว้บนหลังของคุณทั้งรุ่งอรุณและอนาคตบนบ่าของคุณ”

เธอชี้ไปที่หัวใจของตนเอง “ฉันอ่อนแอ ฉันขี้ขลาดตาขาว รักตัวกลัวตาย ฉันไม่ทรงพลังเทียบชั้นฟ้าเท่าคุณ ความจริงใจนี้ ถ้าคุณต้องการฉันก็ให้ได้ ก็ถือว่าฉันได้ออกแรงไปส่วนหนึ่ง แต่โปรดเข้าใจฉัน ฉันต้องการหมอที่ดี ฉันต้องการสร้างโรงพยาบาล ตอนนอนก็ฝันถึงเฉินซีที่ยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ไม่สามารถใช้ชีวิตที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอไปตลอด ขาของผู้อาวุโสเหมยที่พิการมาครึ่งชีวิต ฉันต้องการให้เขายืนขึ้นและมองไปที่เถาหยาง ฉันต้องการให้ผู้คนในเถาหยางที่มีโรคสามารถรักษาให้หายขาดได้ และแพทย์ที่สามารถรักษาพวกเขาได้ ก็แค่นั้นเอง”

[1] โจวปาผี เป็นตัวละครในหนังสือ มีบทบาทเป็นนักเลงเจ้าที่

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท