ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 197 ผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 197 ผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษ

ตอนที่ 197 ผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษ

เหลยสิงเก็บปืนของเขาและพูดกับซูเถาว่า

“หายนะ มันจะดีกว่าถ้าเราจะรีบจบมันเสียก่อน”

ซูเถาพยักหน้าเห็นด้วย เธอมองไปที่เหลียนซาที่นอนจมกองเลือด และมองไปที่สิ่งที่อยู่เหนือศีรษะของเหลียนซา

ผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษแต่ว่าเธอไม่สามารถขุดสมองของเหลียนซาออกมาต่อหน้าผู้คนจำนวนมากได้

ซูเถาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหาข้ออ้างเพื่อให้หลินฟางจือนำร่างของเหลียนซาเข้าไปในห้วงมิติ และค่อยจัดการกับมันเมื่อเธอกลับไปที่เถาหยาง

จากนั้นเธอก็หยิบปืนออกมาชี้ไปที่ถานหย่งที่หมดสติ แล้วปล่อยกระสุนออกไปเพื่อส่งเขาขึ้นไปบนฟ้า

ศพถูกนำไปไว้ในพื้นที่ของฟางจือเพื่อนำกลับไปที่เถาหยาง

เมื่อกลับมาถึงเถาหยาง เธอก็ยังกังวลเกี่ยวกับการจะควักสมองเพื่อนำผลึกนิวเคลียสออกมา คาดว่ามันจะเกิดการนองเลือดขึ้น และเธอไม่อยากจะทำสิ่งนี้ในห้องของเธอ

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เธอก็คิดว่าต้องสร้างชั้นเพิ่มอยู่เหนือสนามซ้อมยิงปืน สร้างเป็นห้องเล็ก ๆ ซึ่งมีเพียงแค่อ่างล้างหน้า ฝักบัว และเตียงไม้ 2 เตียงเท่านั้น

หลังจากเคลื่อนศพทั้งสองขึ้นไป ซูเถาก็นำถุงมือมาสวม และเตรียมใจเพื่อเปิดกะโหลกทีละคน

เธอเริ่มจากถานหย่งเป็นคนแรก ความเหนียวเหนอะหนะเมื่อเอามือเข้าไปทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย หญิงสาวหลับตา ควานมันสองสามครั้ง เมื่อสัมผัสถึงอะไรแข็ง ๆ จึงหยิบมันออกมาและเห็นว่ามันคือผลึกนิวเคลียสที่แทบจะแยกไม่ออกเมื่อเทียบกับผลึกนิวเคลียสของซอมบี้ที่วิวัฒนาการแล้ว

ในขณะเดียวกัน เมื่อเธอสัมผัสผลึกนิวเคลียส ดูเหมือนจะมีภาพคู่มือปรากฏขึ้นในสมองของเธอ

[ชื่อ : ฉนวน]

[เลเวล : 1]

[ภาพรวมของความสามารถ : สามารถสกัดกั้นการโจมตีและควบคุมพลังทางจิตทั้งหมด]

[เวลาพลังงานที่เหลืออยู่ : 3 วัน]

ก่อนที่ซูเถาจะทันได้ตอบสนอง วินาทีต่อมาเสียงระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ทำภารกิจลับสำเร็จ ร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันและสิ่งก่อสร้างได้รับการอัปเกรด]

[พื้นที่ใหม่ถูกปลดล็อค พื้นที่นี้ครอบคลุมพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ต้องการใช้ผลึกนิวเคลียส 5 อันเพื่อรับสิทธิ์การจัดการหรือไม่? ]

ห้าอัน…

ซูเถาไม่มีถึงขนาดนั้น เธอจึงตอบว่า “ไม่”

ตอนนี้เธอมีผลึกนิวเคลียสสามอันในมือ ยังขาดอีกสองอัน เธอไม่รู้ว่าจะหามันได้ที่ไหน ดังนั้นเธอจึงต้องระงับเรื่องนี้ไว้ก่อน

เธอเปิดหน้าจอระบบขึ้น และแน่นอนว่าหน้าจอแสดงผลใหม่ก็ปรากฏ

มันแสดงพื้นที่ที่กะพริบเป็นสีแดงที่ยังไม่มีชื่อ เพื่อรอให้เธอใช้ผลึกนิวเคลียสเพื่อรับสิทธิ์ในการจัดการ

นี่น่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางของสถานีเก่า

เมื่อเธอได้รับผลึกนิวเคลียสสองอัน เธอจะมายึดครองดินแดนแห่งนี้!

ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผู้ที่มีพลังวิเศษที่ถานหย่งทิ้งไว้ก็น่าจะยังอยู่

ซูเถาทอดถอนใจ เพียงไม่นานสถานีเก่าที่เธอเคยมองว่าเป็นหนามยอกอกก็กลายเป็นผลประโยชน์ของเธอ

ไม่รู้ว่าคนที่เหลืออยู่ในสถานีเก่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเห็นเธอรับช่วงต่อ

แต่ไม่ว่าปฏิกิริยาจะเป็นอย่างไร คนที่เกลียดเธอจะต้องถูกฆ่าตาย และคนที่เต็มใจอยู่ต่อจะได้รับการปฏิบัติอย่างดี

เธอนำผลึกนิวเคลียสที่เป็น ‘ฉนวน’ ออกไป และหลังจากทำความสะอาดคราบเลือดแล้ว เธอก็ไปเอาผลึกนิวเคลียสของเหลียนซาออกมาด้วย

สิ่งนี้ทำให้เธอประหลาดใจ

มันเป็นสีน้ำเงินและพลังงานที่ไหลอยู่ภายในดูเหมือนจะมีมาก หลังจากสัมผัสแล้ว ภาพคู่มือในสมองเธอก็ได้ให้คำตอบ

[ชื่อ : มี๋อิน]

[เลเวล : 2]

[ภาพรวมความสามารถ : เป็นการใช้เสียงร้องเพลงเพื่อทำให้ผู้คนลุ่มหลงเทิดทูน สูญเสียความเป็นตัวเอง]

[เวลาพลังงานที่เหลืออยู่ : 6 วัน]

ผลึกนิวเคลียสเลเวล 2!

จู่ ๆ ซูเถาก็นึกถึงหลินฟางจือที่เคยมีวิวัฒนาการมาแล้วครั้งหนึ่ง เดาว่าเหลียนซาอาจจะเป็นผู้ที่มีพลังวิเศษที่มีวิวัฒนาการเช่นกัน

เมื่อนึกย้อนไปถึงคู่มือที่ระบุถึง ‘ฉนวน’ ไม่แปลกใจเลยที่ถานหย่งถูกเหลียนซาใช้พลังควบคุมเขาได้

ความสามารถเลเวล 1 และเลเวล 2 ถ้าเธอนำผลึกนิวเคลียสทั้งสองมาผสานรวมกัน มันก็เทียบเท่ากับการรวมพลัง

ซูเถามีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับพลังความสามารถและวิวัฒนาการ

เธออดไม่ได้ที่จะใจเต้น

เมื่อผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษทั้งสองอยู่ใกล้กัน มันก็เทียบเท่ากับการครอบครองพลังวิเศษทั้งสองอย่างชั่วคราว ซึ่งสามารถใช้มันได้ทุกเมื่อ และทำให้เธอมีความแข็งแกร่งอย่างก้าวกระโดด

แต่เมื่อเธอดูที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันและสิ่งก่อสร้างที่อัปเกรดแล้ว เธอก็รู้สึกสับสน

ข่าวดีก็คือมีบางอย่างเช่น “โดม” ปรากฏขึ้นจริงในร้านค้าที่อัปเกรดแล้ว

ไม่เพียงแต่จะสามารถต้านทานอันตรายจากท้องฟ้าได้เท่านั้น อันตรายจากพื้นดินก็ไม่ใช่ปัญหา

มันไม่สามารถมองเห็นและจับต้องได้ แต่โดมป้องกันจะแข็งตัวขึ้นเมื่อถูกโจมตีเท่านั้น

นับว่าเป็นของดี

แต่สินค้าที่ดีนั้นราคาไม่ถูกเลย เถาหยางมีขนาดขนาด 5,000 ตารางเมตร ต้องใช้เงินทั้งหมด 5 ล้านเหลียนปัง

ซูเถามองดูทรัพย์สินทั้งหมด เธอมีเพียงประมาณสามล้านเหลียนปังเท่านั้น…

ดูเหมือนว่าต้องหาวิธีทำเงินให้มากขึ้น

เธอต้องใช้เวลาในการสะสมค่าเช่าและค่าห้องของเถาหยางและผานหลิว

หากต้องการทำเงินอย่างรวดเร็ว ก็ยังคงต้องทำข้อตกลงกับฐานหรือองค์กรอื่น ๆ

เธอยังต้องรีบหาเงินและสร้างเกราะป้องกัน นี่เป็นเป้าหมายล่าสุดของเธอ

เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว ที่โบนวิงส์หลุดรอดออกไป

แม้ว่าฉางจิงและตงหยางจะอยู่ห่างกัน แต่การมุ่งหน้าจากเหนือไปใต้ของสัตว์ประหลาดที่มีปีกขนาดใหญ่ มันต้องบินเร็วมาก

บางทีในสัปดาห์นี้มันอาจมาถึงบริเวณใกล้เคียงของชิงเผิงเจียง

เมื่อคิดอย่างนี้ ก็ถือว่าวิกฤตการณ์กำลังใกล้เข้ามา

คืนนั้น ซูเถาสร้างห้องชุด 5 ห้อง เป็นห้องชุดที่มี 3 ห้องนอนและ 2 ห้องนั่งเล่น เพื่อให้เมิ่งเชียนปล่อยเช่าในวันรุ่งขึ้น

เมิ่งเชียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “เถ้าแก่ขยันขันแข็งจริงๆ! บอกตามตรง การลงทะเบียนเข้าอยู่อาศัยถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง แต่เดือนนี้พบว่าครึ่งหนึ่งไม่ใช่คนจากตงหยาง”

ซูเถาขมวดคิ้ว “มาจากอวิ๋นชางเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาดูมีความกังวล”

ในชิงเผิงเจียง ฐานอวิ๋นชางเป็นฐานที่ล้าหลังที่สุดในห้าฐาน และมีจำนวนประชากรน้อยที่สุด

มีสามเขตที่ถูกซอมบี้ยึดครองเมื่อสามเดือนก่อน และพวกเขายังขอความช่วยเหลือจากตงหยาง

ตงหยางเองก็ยังประสบปัญหาเรื่องการป้องกัน และกำลังต้องการกำลังคนและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อสร้างกำแพงเมือง

เมิ่งเชียนพยักหน้าและพูดว่า

“ใช่ ส่วนใหญ่เป็นคนจากฐานอวิ๋นชาง แต่ฐานอื่น ๆ อีกสามฐานก็มีเหมือนกัน”

ซูเถารู้สึกประหลาดใจ “หนานเจิ้งก็ด้วยเหรอ”

ในบรรดาห้าฐานของชิงเผิงเจียง ฐานหนานเจิ้งเป็นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างดีที่สุด

ตั้งแต่การระบาดของซอมบี้ที่มีวิวัฒนาการครั้งแรกเมื่อครึ่งปีก่อน อัตราการว่างงานของหนานเจิ้งมีปริมาณครึ่งหนึ่งของตงหยาง อัตราการตายของทหารต่ำกว่าของตงหยางถึงหนึ่งในสาม และจำนวนของผู้ที่มีพลังวิเศษก็ไม่สูงไปกว่าตงหยางมากนัก

แม้แต่กำแพงเมืองของพวกเขาก็ถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

เมิ่งเชียนถอนหายใจ “ได้ยินมาว่าพวกมันยึดเขตได้แล้ว แม้ว่าเขตนั้นเล็กและไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ใจผู้คนสั่นคลอน และมีหลายคนที่หนีไป”

เมื่อซูเถาทราบข่าว เธอก็โทรหาเผยตงทันทีและถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของตงหยาง

เท่าที่เธอรู้ แม้ว่าตงหยางจะยังไม่สูญเสียอาณาเขตไป แต่อัตราผู้เสียชีวิตก็สูงมาก

ความสามารถในการยึดดินแดนเหล่านี้โดยพื้นฐานแล้วต้องแลกกับชีวิตของทหาร

ซูเถากังวลมากว่าในขณะที่สงครามทวีความรุนแรงขึ้น ชีวิตของผู้คนในตงหยางสูญเสียไปมากเท่าไหร่แล้ว?

และนี่เป็นครั้งแรกที่เผยตงไม่รับโทรศัพท์

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท