ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 287 เช็คอิน

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 287 เช็คอิน

ตอนที่ 287 เช็คอิน

เหลยสิงร้อนใจจริง ๆ แต่เขาหาโอกาสเหมาะ ๆ ที่จะมอบของขวัญให้เธอไม่ได้เลย เพราะคนแซ่สือตามติดเธอทุกย่างก้าว

หลังจากให้ของขวัญซูเถาแล้ว เขายังต้องการคุยกับเธอ และไม่ต้องการให้ใครที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย

ซูเถาไม่ได้สังเกตเห็นความวิตกกังวลของเขาเลย แต่กำลังคิดว่าจะลงหลักปักฐานที่ไหน เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับซินตู เธอก็เลยไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี

แต่สือจื่อจิ้นเป็นคนจัดการโทรศัพท์ไปแก้ปัญหานี้เรียบร้อยแล้ว “จัดการเรียบร้อยแล้ว เราจะอาศัยอยู่ที่เขตเป่ยเฉิง ก่อนอื่นให้ขับรถไปที่โรงรถใกล้ ๆ เพื่อจอดรถที่นั่น เนื่องจากเขาไม่อนุญาตให้รถบ้านเข้าเมือง”

ซูเถารีบตามเขาไปที่รถและถามเขาด้วยความสงสัยว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักฐานซินตูดีทีเดียว”

สือจื่อจิ้นมองไปที่เหลยสิงที่ถูกลืมไว้ข้างล่างรถอย่างใจเย็น และมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย

“ผมเคยมาที่นี่สองสามครั้งแล้ว ไปกันเถอะ”

เมื่อรถกำลังจะสตาร์ท ซูเถาก็นึกถึงเหลยสิง ก่อนจะเปิดกระจกรถแล้วถามพวกเขา

“คุณมีที่พักหรือยัง”

เหลยสิงสามารถตอบว่ายังไม่มีได้หรือเปล่า?

แต่นั่นถือเป็นการยอมรับว่าเขาไม่มีความสามารถสู้สือจื่อจิ้นได้ล่ะสิ?

เขาโบกมือ “เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล แต่ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดก็มาหาผมได้ตลอดเวลา”

สือจื่อจิ้นกล่าวว่า “มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก กัปตันเหลยวางใจได้”

เหลยสิงกระตุกยิ้มเย็นชา แทนที่จะตอบคำพูดของอีกฝ่าย เขากลับหันไปหาซูเถาและพูดว่า

“พรุ่งนี้คุณว่างไหม ผมมีของสำคัญจะให้คุณ”

วันพรุ่งนี้ซูเถาไม่มีแพลนจะทำอะไร

การประชุมสุดยอดพันธมิตรจะเริ่มในอีกสามวัน และเธอวางแผนที่จะออกไปเดินเล่นในซินตูในช่วงสองวันนี้

แต่เธอไม่อยากรับนัดของเหลยสิง จึงตอบว่า “ของอะไรเหรอ ทำไมคุณไม่ให้ฉันตอนนี้เลยล่ะ”

ความจริงแล้วเธอไม่อยากได้ของขวัญเลย

“ไม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลา” เหลยสิงเอ่ยอย่างเฉียบขาด

ซูเถาสงสัยว่าถ้าเป็นของสำคัญทำไมต้องรอเวลา แต่เธอก็ไม่อยากจะให้เหลยสิงเสียน้ำใจจึงได้แต่กัดฟันตอบตกลงไป

หลังจากกลุ่มเป้าถูจากไป ซูเถาเอียงหน้ามองการแสดงออกของสือจื่อจิ้น อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการใด ทำเพียงแค่บอกว่า “พรุ่งนี้ผมจะไปกับคุณ”

ซูเถาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าเพราะมีบางสิ่งที่ต้องอธิบายให้เหลยสิงฟัง

การก่อสร้างของเขตเป่ยเฉิงของซินตูนั้นไม่เลว แม้ว่าจะไม่ประณีตและสวยงามเท่าเถาหยาง แต่ก็ถือว่าค่อนข้างดีเพราะถนนกว้างขวางและเป็นระเบียบเรียบร้อย

โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ก็เสร็จสมบูรณ์ เธอยังเห็นอาคารที่มีความสูง 20 ชั้น จากระยะไกล และเธอยังเห็นพนักงานที่แต่งตัวดีเดินเข้าไปข้างในอีกด้วย

ภาพนี้คล้ายกับใจกลางเมืองก่อนวันสิ้นโลก ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานสำหรับพนักงานออฟฟิศ

เพียงแต่ตัวอาคารดูเก่าไปหน่อย ซึ่งคาดว่าน่าจะสร้างมาหลายปีแล้ว

แต่ด้านข้างยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของซินตู การสร้างอาคารนี้ไม่ง่ายเหมือนที่ซูเถาทำได้เพียงแค่อดนอนและสร้างมันขึ้นในตอนกลางคืน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสิ้นโลกแบบนี้ ทรัพยากรมนุษย์ วัตถุและการเงินที่ต้องจ่ายไปนั้นมีจำนวนมหาศาลมากบราวนี่ออนไลน์

ซูเถามองดูอาคารเป็นเวลานาน และตัดสินใจสร้างอาคารอีกหลังสำหรับเถาหยางและตงยางในอนาคต ไม่สิ สองอาคาร!

รถบ้านของเธอจอดอยู่ในลานจอดรถขนาดใหญ่ และหลายคนก็มองเข้ามาจากด้านข้างเมื่อขับรถเข้ามาใกล้ เพราะแม้กระทั่งก่อนวันสิ้นโลก รถบ้านที่หรูหราเช่นนี้ก็มีอายุไม่มากนัก

ไม่รู้ว่าสือจื่อจิ้นนำผ้าบังแดดผืนใหญ่จากไหนมาคลุมรถบ้าน และอธิบายว่า

“มันเด่นเกินไป อดไม่ได้ที่จะดึงดูดสายตาผู้คน”

ซูเถายกนิ้วให้เขา

สุดท้ายเธอก็เบียดเข้าไปในรถกับเฉียนหลินและคนอื่น ๆ และมุ่งหน้าไปในที่ที่สือจื่อจิ้นหาห้องพักไว้ให้

ซูเถาคิดว่าเป็นเกสต์เฮ้าส์ธรรมดา โรงแรม ฯลฯ แต่กลับกลายเป็นอาคารอพาร์ตเมนต์แบบเก่า

สภาพแวดล้อมโดยรอบค่อนข้างดีมีร้านสะดวกซื้อและที่จอดรถชั้นล่างและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสถานที่นัดพบอยู่ห่างออกไปเพียง 10 นาทีโดยรถยนต์

สือจื่อจิ้นยื่นบัตรให้แผนกต้อนรับ

ฝ่ายต้อนรับสแกนดูและพูดอย่างกระตือรือร้น “พลตรีสือ คุณและเพื่อนร่วมทีมสามารถเข้าห้องได้โดยการใช้คีย์การ์ด นี่คือคีย์การ์ดของแต่ละห้องที่คุณเพิ่งจอง”

ซูเถาหยิบคีย์การ์ดห้องและถามเขาด้วยเสียงต่ำ

“ค่าห้องเท่าไหร่”

“ฟรี”

ซูเถา “???”

สือจื่อจิ้นเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า

“มีคนในซินตูต้องการซื้อตัวผม ก็เลยแสดงความจริงใจออกมาน่ะ พักให้สบายเถอะ”

จริงเหรอ!

ไม่น่าล่ะ เขาถึงดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

ซูเถาหยิบบัตรห้องของเธอและขึ้นไปชั้นบน เพราะสงสัยเกี่ยวกับอาคารอพาร์ตเมนต์ในซินตู

หลังจากที่เธอเปิดประตูเข้าไป ก็ได้รู้ว่าห้องชุดนี้เป็นห้องชุด 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น โดยที่เธออาศัยอยู่กับเฉียนหลินและเฉียนหรง แยกกันนอนคนละห้อง ส่วนห้องน้ำและห้องนั่งเล่นใช้ร่วมกัน

นี่คือรูปแบบที่มีการแชร์ห้องเช่าหรือการเช่าเป็นกลุ่ม

แม้ว่าเฟอร์นิเจอร์ในห้องพักนี้จะใช้งานได้ปกติ แต่ก็ค่อนข้างเก่าและไม่เข้ากับการตกแต่งโดยรวม

ภายในห้องก็ร้อนอบอ้าว เมื่อเปิดหน้าต่างก็ทำให้พบกับคลื่นความร้อนที่ปะทะเข้ามาทำให้ยิ่งร้อนเข้าไปอีก

ทั้งห้องมีเครื่องปรับอากาศเพียงเครื่องเดียวซึ่งติดตั้งไว้ในห้องนั่งเล่น

ซูเถาพยายามเปิด แต่ก็พบว่ามีมิเตอร์ติดอยู่

เธอตรวจสอบอย่างละเอียดและพบว่าเธอต้องจ่าย 200 เหลียนปังต่อชั่วโมง!

เมื่อคุ้นเคยกับค่าไฟฟ้าที่ต่ำของเถาหยาง ซูเถาและแม่ลูกครอบครัวเฉียนต่างก็อ้าปากค้าง

ปล้นเงินกันชัด ๆ

เฉียนหรงหรงขยับห่างจากรีโมทคอนโทรลของเครื่องปรับอากาศทันทีสามเมตร เธอมองไปที่เครื่องปรับอากาศราวกับว่ากำลังมองโจร

ซูเถาหยิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ออกมาเพื่อทำให้เย็นลง

เธอเปิดขวดเครื่องดื่มและดื่มไปครึ่งขวดจากนั้นก็ตัดสินใจเปิดเครื่องปรับอากาศ เธอไม่ได้ขาดเงินดังนั้นจึงไม่อยากตระหนี่

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เธอจะต้องพักอยู่ที่ซินตูนี้อย่างน้อยครึ่งเดือน

แต่ละคนก็แยกย้ายไปที่ห้องของพวกเขา และเฮยจือหม่าก็เริ่มลาดตระเวนดินแดนใหม่ด้วย

อีกาน้อยอย่างหลิงอวี่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเศร้าสร้อยในกรง

เสวี่ยเตาแลบลิ้นออกมาเพื่อทำให้ตัวเองเย็นลง และเนื่องจากสภาพอากาศร้อนมากจึงทำให้มันไม่อยากอาหาร

มีเตียงเดี่ยวเพียงเตียงเดียวในห้องของซูเถา และผ้าปูที่นอนสีขาวบนนั้นมีคราบเหลืองเล็กน้อย เธอแทนที่เตียงด้วยเตียงคู่ในระบบ พร้อมผ้าปูชุดใหม่สี่ชิ้นที่นุ่มและใหม่เอี่ยม

ตู้เสื้อผ้าก็ถูกแทนที่ด้วยตู้เสื้อผ้าไม้ในระบบ ซึ่งเพียงพอสำหรับใส่ของใช้ประจำวันและเสื้อผ้าที่เธอนำมาทั้งหมด

เพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างสบาย เธอเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในห้องนั่งเล่น ปูพรมนุ่ม ๆ บนพื้น และแขวนผ้าม่านสีเหลืองอ่อนเพื่อเป็นร่มเงา

น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือไม่มีปลั๊กไฟในห้องพักนี้ อาจเพื่อป้องกันผู้เช่าลอบใช้ไฟฟ้า ไม่อย่างนั้นเธออาจจะต้องจัดตู้เย็นอีกหนึ่งหลัง

เมื่อเธอไม่สามารถจัดตู้เย็นได้ตามใจ เธอก็ทำได้แต่วางล็อกเกอร์ไว้ในห้องนั่งเล่นสำหรับวางน้ำและเครื่องดื่ม รวมถึงอาหาร เพื่อให้หยิบใช้ได้สะดวก

เดิมทีเธอต้องการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ในห้องของเฉียนหลินและเฉียนหรงหรงด้วย

แต่เฉียนหลินไม่อยากรบกวนหรือสร้างความลำบากให้เธอ ดังนั้นจึงปฏิเสธ

เฉียนหรงหรงก็พอใจแล้ว เมื่อก่อนพวกเธอไม่ได้อาศัยอยู่ในเถาหยาง และบ้านของพวกเธอก็ไม่ดีเท่าที่นี่!

ซูเถาก็เลยตามใจพวกเขา

เมื่อเธอจัดการทุกอย่างใกล้เสร็จ ซ่งเยว่ปินก็มาหาเธอและพูดอย่างเกรงใจว่า

“เถ้าแก่ซู คืนนี้ผมจะไปร้านขายสัตว์เลี้ยงในซินตู คุณจะไปกับผมไหม ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ บางครั้งผมก็ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าคนวัยไล่เลี่ยกับคุณชอบอะไร คุณช่วยไปเป็นที่ปรึกษาให้ผมหน่อยได้ไหม?”

ซ่งเยว่ปินมาที่ซินตูไม่เพียงเพื่อส่งผู้ค้ามนุษย์สองคนมาหาเธอเท่านั้น

ที่สำคัญกว่านั้น เขาต้องการหาสัตว์เลี้ยงที่ดีสำหรับหญิงสาวผู้มั่งคั่งทางตอนเหนือ

มีร้านขายสัตว์เลี้ยงในซินตู ไม่น่าซินตูถึงได้เป็นฐานยอดเยี่ยมทางตอนใต้

ซูเถาถามด้วยความสงสัย “ผู้หญิงคนนั้นอายุเท่าไหร่”

ซ่งเยว่ปินกล่าวว่า “อายุแค่ 20 ปี อายุไล่เลี่ยกับคุณ ดังนั้นผมเลยคิดว่า ถ้าคุณชอบ เธอก็น่าจะชอบเหมือนกัน”

อายุยังน้อย ซูเถาคิดว่าเธอเป็นหญิงสาวในวัยสามสิบเสียอีก

เธอไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย ดังนั้นซูเถาจึงพยักหน้าและพูดว่า

“ได้ค่ะ คืนนี้กี่โมงคะ”

“หลังจากทานมื้อเย็นดีไหม? ผู้จัดการเฉียนและเสี่ยวเฉียนว่างไหม? อยากไปด้วยกันหรือเปล่า?”

ไหน ๆ ตอนกลางคืนไม่มีอะไรทำ ถือว่าได้ออกไปเดินเล่นละกัน เฉียนหลินกับเฉียนหรงหรงก็เลยตกลง

หลินฟางจือที่กำลังแจกจ่ายเสบียงให้ทุกคน บังเอิญได้ยินดังนั้นเขาจึงอยากจะตามไปด้วย

ซูเถาเลยไปบอกสือจื่อจิ้น และในที่สุดก็ได้สมาชิกไปดูสัตว์เลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งคน

เมื่อตกกลางคืน ไฟในซินตูก็สว่างขึ้น ในเวลากลางคืนแบบนี้ ถนนโดยรวมก็ยังสว่างอยู่ ไม่เหมือนตงหยางที่เวลาออกไปข้างนอกจะต้องใช้ไฟส่องทาง

ในคืนที่สดใสไม่มีใครสังเกตเห็น เฮยจือหม่าวิ่งออกจากอพาร์ตเมนต์และหายตัวไป

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท