I Was Kidnapped By The Strongest Guild – ตอนที่ 5 ปลาซิวที่ใหญ่ที่สุดในโลก

I Was Kidnapped By The Strongest Guild

“พี่ขอดูมันใกล้ ๆ หน่อยได้ไหม?”

 

เหตุผลเดียวที่เธอขอดูปลาใกล้ ๆ ก็คงเป็นเพราะเธออยากได้มัน

 

ด้วยความไม่เต็มใจที่ยอมแพ้ในเรื่องปลาของฉัน ทำให้ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการกอดกับดักไว้แน่น ๆ

 

หรือว่าการมอบปลาซิวให้กับหญิงสาวจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว?

 

ให้ที่พักหนึ่งสัปดาห์ ซุปอร่อย ๆ หนึ่งช้อนเต็มที่ฉันเพิ่งจะเคยได้ชิมในชีวิตนี้ มีเสื้อผ้าที่หรูหราให้ใส่แถมยังให้ฉันนั่งรถที่ฉันยังไม่เคยได้นั่งมันมาก่อนในชีวิตนี้อีก

 

หลังจากคิดเรื่องทั้งหมดภายในหัว ฉันจึงสรุปได้ว่าฉันควรมอบปลาซิวพวกนี้ให้กับหญิงสาว

 

“นี่…”

 

ฉันเดินเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับกับดักที่อยู่ในมือ

 

ฝูงปลาซิวที่ดูมีชีวิตชีวากำลังกระโจนไปมาภายในกับดัก

 

“ว้าว ปลาพวกนี้ใหญ่จริง ๆ เลย”

 

“ใช่ พวกมันคือปลาซิวที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

 

“จริงเหรอ?”

 

หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

 

อาการตกใจของเธอดูไม่เหมือนกับการแกล้งทำเลยสักนิด

 

บางทีปลาซิวพวกนี้ อาจจะพอชำระหนี้ค่าน้ำซุปหนึ่งช้อนเต็มได้ก็ได้

 

“ฉันเอาปลาซิวพวกนี้ไปทำอาหารให้คุณกินดีไหม?”

 

“ปลาพวกนี้น่ะเหรอ? เธอจะทำเองเหรอคยออุล?”

 

“ปลาพวกนี้น่ะเหรอ? คยออุลจะเป็นคนทำงั้นเหรอ?”

 

“ใช่ เพราะนี่คือปลาซิวที่ใหญ่ที่สุดในโลก…”

 

ฉันพูดเน้นย้ำขนาดของปลาซิว

 

เนื่องจากมันเป็นหนทางเดียวในการยืนยันของฉันถึงความอร่อยของปลาซิวและมันคุ้มค่าที่จะเคี้ยว

 

“อืม…ถ้างั้น พี่จะลองชิมอาหารที่คยออุลทำดู”

 

“ได้เลย!”

 

ฉันหมดหนี้แล้ว!

 

ฉันวิ่งเข้าไปในเต็นท์พร้อมกับกับดักที่อยู่ในมืออย่างมีความสุข

 

ในขณะที่ฉันกำลังเติมน้ำลงหม้อที่มีรอยยุบของฉัน หญิงสาวก็เดินมาและมานั่งยอง ๆ อยู่ข้างฉัน

 

“คยออุล พี่มีเรื่องที่สงสัย”

 

“สงสัยเรื่องอะไร?”

 

“คือว่า เวลาที่มีพายุไต้ฝุ่นพัดมาหรือมีหมูป่าออกมา เธอแก้ปัญหาตรงจุดนั้นยังไงเหรอ?”

 

เธออยากรู้ว่าฉันรับมือกับเหตุฉุกเฉินยังไง

 

ยิ่งฉันดูมีความสามารถมากเท่าไหร่ หญิงสาวที่ลักพาตัวฉันไปก็จะยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น

 

ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากบอกเธอ แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ต้องการให้หญิงสาวคนนั้นกระจ่างว่าไม่ควรมาดูถูกฉัน

 

“มีที่หลบภัยอยู่ตรงนั้น”

 

“ที่หลบภัย? เธอมีมันด้วยเหรอ?”

 

“ใช่ อยากเห็นไหม?”

 

ฉันพาหญิงสาวไปที่ถังพลาสติกใบใหญ่ที่ถูกซ่อนไว้อยู่ตรงมุมของเต็นท์

 

ถังใหญ่มากพอที่จะใส่ผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ลงไปได้

 

“นี่คือที่หลบภัยเหรอ…?”

 

“ใช่ มันแข็งแรงมาก ครั้งที่แล้วในตอนที่โดนหมูป่าขวิดมันก็ยังไม่เป็นอะไรเลย”

 

“หมูป่าขวิด…?”

 

“ใช่ มันทนทานมาก”

 

และเพื่อป้องกันไม่ให้มันล้มลง ฉันเลยฝังก้นถังลงไปในดิน

 

และเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ถัง ฉันก็เลยใส่ดินและหินที่มีขนาดเท่ากำปั้นลงไปข้างในถังด้วย

 

มันเป็นที่หลบภัยที่สุขใจและปลอดภัยที่ไม่เคยล้มลงเลยเวลาที่มีพายุไต้ฝุ่นพัดมา

 

‘น่าประทับใจใช่ไหมล่ะ?’

 

ฉันแสดงออกถึงความภาคภูมิใจให้เธอเห็น

 

เนื่องจากถังหลบภัยใบนี้เป็นสิ่งที่ฉันภูมิใจมากเพราะฉันใช้เวลาสร้างมันทั้งวันเลย

 

“…มันทนพายุไต้ฝุ่นได้จริง ๆ เหรอ?”

 

“ใช่ ฉันรอดจากพายุไต้ฝุ่นมาสี่ครั้งแล้วเพราะมัน”

 

“ช่างน่า…ประทับใจ”

 

การแสดงออกของหญิงค่อนข้างแข็งกระด้าง

 

ต้องเป็นเพราะเธอกำลังตกใจในความสามารถของฉันอยู่แน่ ๆ เลย

 

ฉันเลยตัดสินใจที่จะพูดออกมาอีกนิดหน่อย

 

“ครั้งหนึ่ง ในตอนที่มีน้ำป่าไหลออกมา ฉันเกือบถูกพัดปลิวไปพร้อมกับถัง ดังนั้นฉันเลยย้ายบ้านออกไปให้ไกลจากลำธารมากยิ่งขึ้นและเพิ่มน้ำหนักให้กับถัง”

 

ความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์และการตัดสินใจที่รวดเร็ว มันมาจากประสบการณ์

 

ฉันแสดงทักษะที่ฉันมีออกมาทั้งหมดเพื่อให้หญิงสาวได้เห็นอย่างไม่มีการลังเล

 

เมื่อเธอตระหนักได้ว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายดาย เธอก็หลับตาแน่น

 

เธอหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับเอามือกุมหน้าไปด้วย

 

“น่าทึ่งมากเลย…”

 

“ใช่ ฉันน่าทึ่งมาก”

 

ทีนี้เธอก็คงจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่าฉันไม่ใช่คนที่อ่อนแอ

 

หลังจากที่ฉันพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้แล้ว ฉันก็เริ่มเตรียมปลาซิวต่อ

 

ปลาซิวที่อยู่ในกับดักมีอยู่ประมาณยี่สิบตัว

 

“เราไม่สามารถกินปลาซิวตัวเล็กได้ เพราะพวกมันทำความสะอาดยากเกินไป”

 

“งั้นเหรอ? ถ้างั้นเธอก็จะปล่อยพวกมันลงลำธารใช่ไหม?”

 

“ไม่ปล่อย ฉันจะเอามันไปตากให้แห้ง แล้วหลังจากนั้นฉันก็จะบดพวกมันเพื่อเอาไปโรยให้ทั่วสวน วิธีนี้จะทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดีมาก”

 

ความคิดที่จะทิ้งปลาซิวอันล้ำค่าไป

 

มันเป็นความคิดที่แย่มาก

 

“อ๋อ ใช่พวกมันเป็นปุ๋ยนี่เอง…”

 

“ใช่ ใช้เป็นปุ๋ย”

 

ฉันวางปลาซิวลงบนแผ่นหินขนาดใหญ่และหยิบมีดทื่อ ๆ ขึ้นมา

 

หลังจากที่ทำความสะอาดเกล็ดปลาซิวด้วยท่วงท่าที่ฉันฝึกมา ฉันก็ผ่าลำตัวและนำเครื่องในของพวกมันออกมา

 

พวกเครื่องในที่ถูกควักออกมาจะถูกนำไปตากให้แห้งเพื่อใช้เป็นปุ๋ยในภายหลัง

 

“ทำความสะอาดเก่งมากเลย”

 

“…ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในการควักอวัยวะภายในออกมา”

 

เดี๋ยวนะ

 

เมื่อกี้ฉันเพิ่งพูดคำที่ดูน่ากลัวออกมาใช่ไหม?

 

ฉันมองไปที่หญิงสาว แต่สิ่งที่เธอทำก็มีแค่การมองไปที่ปลาซิวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

มันชัดเจนมากเลยว่าคำว่า ‘อวัยวะภายใน’ ไม่ได้ทำให้แม่มดผู้บ้าคลั่งคนนี้รู้สึกกลัวได้เลย

 

“จะกินมันแบบดิบ ๆ ไปทั้งอย่างนี้เลยเหรอ?”

 

“ไม่ใช่ ต้องเอามันไปต้มในน้ำร้อนก่อน…”

 

การกินปลาน้ำจืดแบบดิบ ๆ

 

ก็คงมีแต่แม่มดสติไม่ดีเท่านั้นแหละที่คิดได้

 

เนื่องจากฉันอึดอัดใจที่จะอยู่กับเธอต่อ ฉันจึงหยิบปลาซิวที่ทำความสะอาดแล้วออกจากเต็นท์ไป

 

“จะไปไหนเหรอ?”

 

“ไปจุดไฟ”

 

ที่ด้านนอกของเต็นท์ มีเตาบาร์บีคิวที่ฉันเคยไปเจอมาตั้งอยู่

 

แทนที่จะใช้ถ่านที่แสนแพง ฉันกลับใช้กิ่งไม้และใบไม้ลงไปและจุดไฟ

 

แทนที่จะใช้ถ่านที่แสนแพง ฉันกลับเลือกใส่กิ่งไม้และใบไม้ลงไปแทน และทำการจุดไฟด้วยไฟแช็ก

 

‘น้ำมันของไฟแช็กใกล้จะหมดแล้ว’

 

ทำไมชีวิตของฉันมันถึงได้ไม่ดีขึ้นบ้างเลย?

 

ในขณะที่ฉันถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า หญิงสาวก็เดินเข้ามาหาฉัน

 

“ขอบคุณที่ให้พี่มาที่บ้านนะ”

 

“ไม่เป็นไร…”

 

ฉันคงจะหนีไปไหนไม่ได้แล้ว เนื่องจากในตอนนี้เธอรู้ที่อยู่ของฉันแล้ว

 

เจตนาอันชั่วร้ายของเธอมันชัดเจนมาก

 

“นี่ คยออุล พี่มีเรื่องที่อยากจะขอร้องหน่อยน่ะ เธอช่วยรับฟังมันหน่อยได้ไหม?”

 

“เรื่องขอร้อง?”

 

“ใช่แล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรมากนักหรอก คือว่าพี่ขอค้างคืนอยู่ที่นี่ในวันนี้กับคยออุลได้ไหม?”

 

อึ๋ย

 

เธอพูดคำขอที่น่ากลัวออกมาโดยที่ไม่มีการลังเลใจเลย

 

เธอกำลังวางแผนที่จะทรมานฉันอยู่แน่ ๆ

 

“มันยากนะรู้ไหม? แมงมุมอาจจะคลานเข้าไปในปากของคุณในขณะที่คุณหลับอยู่”

 

“ไม่เป็นไร พี่เป็นนักผจญภัย เธอลืมไปแล้วเหรอ?”

 

“จริงด้วย…”

 

การไปพูดเรื่องสกปรกและความอันตรายต่อหน้านักผจญภัย

 

มันก็เหมือนกับการอวดพัดต่อหน้านกยูง

 

เมื่อฉันรู้ตัวว่าฉันไม่สามารถปฏิเสธเธอได้ ฉันก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

 

“ขอบคุณ เดี๋ยวพี่คนนี้จะตอบแทนเธอคืนอย่างแน่นอน”

 

“โอเค…”

 

การชดใช้หนี้ของเธอมันจะต้องน่ากลัวมากแน่ ๆ เธอมีแผนอะไรอยู่ในใจกัน?

 

ฉันเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นอยู่นานด้วยความผวา

 

บางทีฉันอาจจะถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าฉันจะไม่สามารถหนีออกไปจากเงื้อมมือของเธอได้

 

——————————————————————————————————————————

 

เช้าวันนั้น

 

ในเต็นท์ที่มืดสนิท ยอรึมลืมตาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

 

ข้าง ๆ ของเธอ มีคยออุลที่กำลังนอนขดตัวอยู่

 

“เอ่อ…”

 

หมอนที่เด็กใช้หนุนนอนคือเสื้อผ้าที่ขาดแล้ว และร่างกายของเธอก็ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าห่มเก่า ๆ

 

ร่างกายของคยออุลสั่นทั้งตัว บางทีมันอาจจะเป็นเพราะอากาศที่หนาวจัดในตอนเช้าบนภูเขา

 

‘ไม่มีผ้าห่มอยู่อีกผืนเลยเหรอ?’

 

เมื่อยอรึมมองไปรอบ ๆ เธอก็ไม่พบสิ่งอื่นใดเลย

 

ยอรึมถอดเสื้อโค้ตของตัวเองออกอย่างไม่เต็มใจ และนำมันไปวางไว้บนร่างกายของคยออุล

 

‘กี่โมงแล้ว…’

 

แปดโมงเช้า

 

ถึงเวลานัดหมายในการพบปะของเธอและเพื่อนร่วมงานของเธอแล้ว

 

ยอรึมค่อย ๆ ย่องออกมาจากเต็นท์อย่างเงียบ ๆ เพื่อระวังไม่ให้คยออุลตื่น

 

“ยอรึม ทางนี้”

 

“โอเค”

 

ในขณะที่ยอรึมมุ่งไปทางเสียงเรียกนั้น ร่างทั้งสองร่างก็โผล่ออกมาจากความมืด

 

คนแรกคือ ชายรูปร่างใหญ่ที่สูงประมาณ 2 เมตร ส่วนคนที่สองคือ หญิงสาวที่ดูดุร้ายที่ถือไม้เท้าไว้ในมือ

 

“เป็นไงบ้าง?”

 

“มันเลวร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก”

 

“มันเลวร้ายแค่ไหนกัน?”

 

ผู้ชายและผู้หญิงต่างมองหน้ากัน

 

“วันนี้ คยออุลจับปลาซิวได้และนำมันไปต้มในน้ำร้อน เธอไม่แม้แต่จะใส่เกลือลงไปด้วยซ้ำ”

 

“กินแบบเพรียว ๆ เลยงั้นเหรอ”

 

“ใช่”

 

ยอรึมบอกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ทั้งสองคนฟัง

 

จากการเก็บดอกแดนดิไลออนไปจนถึงที่หลบภัยที่เธอทำขึ้นมาด้วยตัวเอง

 

เพียงแค่ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนึ่งวัน หน้าของผู้ชายและผู้หญิงก็ซีดลง

 

“ฉ-ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไปหัวเราะใส่เธอในตอนที่ฉันเห็นเธอกำลังถูกแรบบิทฮอร์นไล่ล่า”

 

ความคิดที่จะมีคนถูกเขาของแรบบิทฮอร์นแทงจนตายไม่เคยมีอยู่ในความคิดของพวกเขาเลย

 

สถานการณ์ในความคิดของพวกเขาเป็นเพียงแค่คนที่กำลังวิ่งหนีหนูแฮมสเตอร์ด้วยความกลัว

 

หากพวกเขารู้ว่าเด็กไม่มีมานาและกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย พวกเขาก็คงไม่ตัดสินใจอย่างโง่เขลาแบบนี้เด็ดขาด

 

‘เธอต้องหวาดกลัวมากแน่ ๆ’

 

ตุ้บ

 

ผู้หญิงทิ้งไม้เท้าของเธอและยกมือขึ้นมาปิดหน้าของตัวเอง

 

ไม่มีใครคิดที่จะปลอบใจเธอเลยสักคน

 

ทุกคนมีความผิดพอ ๆ กันในเรื่องการทรมานเด็กโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

“…ฉันเคยบอกให้เธอหยุดสร้างปัญหาให้กิลด์ด้วย”

 

แต่อย่างน้อยสมาชิกในกิลด์ทุกคนก็ไม่เคยมีใครตีเธอเลย ซึ่งมันก็พอที่ช่วยปลอบโยนพวกเธอได้บ้าง

 

ผู้ชายที่มีร่างกายใหญ่โตถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ในทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

เด็กคนนี้มักจะถูกคุกคามโดยนักผจญภัยหน้าใหม่อยู่ตลอด

 

เธอถูกตีเข้าที่หลังหัวและถูกผลักไปรอบ ๆ โดยที่ไม่มีเหตุผล

 

ถึงแม้ว่าเขาจะบอกให้นักผจญภัยที่คุกคามเด็กให้’หยุด’แล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเข้าไปห้ามอย่างจริง ๆ จัง ๆ เลยสักครั้ง

 

เขาหวังว่าเด็กคนนั้นที่มักจะขอความช่วยเหลือจากกิลด์อยู่เสมอจะเลิกมาที่พื้นที่ล่ามอนสเตอร์ได้แล้ว

 

เขาหวังแค่ว่าเด็กคนนั้นที่มักจะขอความช่วยเหลือจากกิลด์อยู่เสมอจะเลิกมาที่พื้นที่ล่ามอนสเตอร์ตอนไหน

 

‘ฮึ๋ย’

 

ผู้ชายคนนั้นขยี้เส้นผมของตัวเอง

 

ส่วนผู้หญิงก็ล้มลงเพราะไม่มีแรงที่ขาแล้ว เธอล้มลงไปกับพื้นราวกับเธอกำลังคำนับ

 

การทารุณกรรมเด็ก

 

ถึงแม้ว่ากิลด์จะถูกแยกออกจากกันด้วยเรื่องนี้ เธอก็จะไม่แก้ตัวเลย

 

“ใจเย็นก่อน พวกเธอทั้งสอง รู้ตอนนี้ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย”

 

“ใช่…มันดีแล้วที่เรารู้แล้วในตอนนี้”

 

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากยอรึมไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลของเด็กในวันนั้น?

 

พวกเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ด้วยความเสียใจไปตลอดชีวิตหลังจากที่รู้ความจริง หรืออาจจะลงเอยด้วยการจัดการกับร่างกายที่ไร้ชีวิตโดยที่ไม่รู้ความจริงเลย

 

สิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะได้แล้ว

 

“จากนี้ไป ให้พวกเธอทั้งสองคนไปที่กิลด์และให้ไปอธิบายสถานการณ์ให้พวกคนในกิลด์ฟัง”

 

“จริงด้วย ต่อไปนี้พวกเราจะเป็นคนที่ดูแลเธอใช่ไหม?”

 

“แน่นอน”

 

ยังไงพวกเขาก็เป็นคนทำเอง

 

พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

 

ในขณะที่ยอรึมพยักหน้าอยู่ ผู้ชายที่เอาแต่ฟังอยู่ก็พูดขึ้น

 

“นี่จะไม่ใช่แค่เรื่องระยะสั้น”

 

“…ฉันเห็นด้วย เธอทรมานมานานมากพอแล้ว”

 

ต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่งเลยถึงจะได้รับความไว้วางใจจากเด็ก

 

ถึงแม้จะต้องอดทนรอนานแค่ไหน แต่ก็คงจะไม่มีใครบ่นแน่

 

อย่างน้อยก็คนในกิลด์รุ่งอรุณ

I Was Kidnapped By The Strongest Guild

I Was Kidnapped By The Strongest Guild

Status: Ongoing
ตื่นขึ้นมาก็อยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท