ถ้าวู่หยานไม่ได้ดูอนิเมะมา แล้วรู้ว่าหน้าตาเธอจริงๆเป็นยังไง ต่อให้ทุบตีเขาจนตาย เขาก็ไม่เชื่อว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะเป็นยายทวดของอิสึมิได้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนนี่มันก็โลลิชัดๆ
แถมทั้งตัวและท่าทางยังเป็นเด็กน้อยอีก………
มองดู โลลิ ที่กำลังกระโดดโลดเต้นตรงหน้า วู่หยานถอนหายใจ
“ถ้าคุณมีอะไรให้ผมช่วยก็พูดมาได้เลย ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด….” วู่หยานพูดราวกับว่าเขาเข้าใจทุกอย่าง
มันเป็นเควสสุดท้ายเลยนะ แล้วมันจะเคลียร์ง่ายๆได้ยังไงกัน เขาไม่เชื่อเด็ดขาด
“ฉันจะเป็นคนอธิบายเอง” แม่อิสึมิดึง ‘โลลิน้อย’ ออกไป แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา
“ผมจะฟังอย่าง ‘ตั้งใจ’ และผมหวังว่าคุณจะพูดอย่าง ‘จริงจัง’ เหมือนกัน!” วู่หยานพูดเน้นคำว่า จริงจัง สองพยางค์นี้ เขาไม่อยากมานั่งฟังเรื่องราวความรักของเธออีกรอบ
ไม่รู้ว่าแม่อิสึมิจะเข้าใจคำพูดเขาไหม แต่เธอดึงยันต์ออกมาจากหน้าอก
ถ้าจะพูดว่ามันเป็นยันต์ที่มีเอกลักษณ์ มันดูเหมือนยันต์เก่าๆที่ข้ามผ่านเวลามานานจะถูกกว่า
“นี่คือ?” วู่หยานมองแม่อิสึมิด้วยสีหน้าสงสัย กับยันต์ที่เธอเอาออกมา เขามึนงงมาก เพราะเขารู้สึกได้ถึงออร่าแปลกๆจากมัน
ยันต์ที่อิสึมิใช้ วู่หยานก็เคยเห็นมาแล้ว ถึงแม้จะทรงพลัง แต่ท้ายที่สุดมันก็แค่ตัวกลางที่แปลงพลังมาจากเจ้าของ ตัวมันเองไม่มีพลังอะไร
ถ้าอิสึมิไม่ใส่พลังลงไปในยันต์ มันก็กระดาษธรรมดาดีๆนี่เองแหละ
แต่ยันต์ตรงหน้ามีดันมีออร่าแปลกๆ แสดงว่ามันโดนใครบางคนบรรจุพลังเข้าไปแล้ว ดูจากสภาพเก่าๆของมันคนทำน่าจะไม่ใช้อิสึมิหรือแม่ของเธอ
“ยันต์นี่มีไว้ใช้ผ่านม่านกักกัน!” แม่อิสึมิจริงจังขึ้นเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้
“ใช้ผ่านม่านกักกัน?” หันไปมองฮินะงิคุ ส่งสายตาถามเธอว่ามีอะไรสงสัยไหม เห็นเธอเงียบ เขาก็หันกลับมามองอิสึมิ
“ตระกูลซากิโนะมิยะของเรา เป็นตระกูลนักปราบภูตผีปีศาจ ตั้งแต่โบราณกาลมาตระกูลเราก็ได้ปราบวิญญาณร้าบและปีศาจไปจำนวนนับไม่ถ้วน…..” ขณะเล่าเธอก็ทำสีหน้าภูมิใจ ดูเหมือนเธอจะค่อนข้างรู้สึกภูมิใจตระกูลตัวเอง แต่เธอก็กลับไปทำสีหน้าเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
“ถึงแม้ตระกูลเราจะทรงพลัง ทว่าก็ยังมีภูตผีปีศาจที่พวกเราไม่สามารถปราบได้อยู่ พวกมันแข็งแกร่งกว่าภูติผีปีศาจทั่วไปมากนัก ดังนั่นพวกเราจึงทำได้แค่ผนึกมัน ป้องกันไม่ให้พวกมันออกมาทำร้ายมนุษย์ ”
“ผนึก…งั้นเหรอ..?..” วู่หยานเริ่มเดาได้ว่า เธอจะให้เขาไปทำอะไร
พยักหน้า แม่อิสึมิพูดต่อ “ถึงแม้ตอนแรกพวกมันจะไม่เยอะ แต่พอเวลาผ่านไปสิบปี มันก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมหาศาล จนพวกเราเริ่มไม่มั่นใจว่าผนึกจะกักขังพวกมันได้ ดังนั่นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ผู้นำตระกูลซากิโนมิยะในสมัยก่อนจึงได้รวมพลังคนทั้งตระกูล สร้างมหาม่านกักกันขึ้น!”
“พูดง่ายๆก็คือ พวกปีศาจที่ปราบไม่ได้ก็โดนตระกูลจับขังในม่านกักกันนั่นสินะ?”
“ใช้แล้ว ถ้ามันแข็งแกร่งจนถึงจุดที่ไม่สามารถปราบได้ ตระกูลซากิโนะมิยะเราก็จะกักขังมันไว้ที่นั่น”
วู่หยานขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดีจะกล่าวชมก็ไม่ได้ เพราะทำแบบนั่นมันแก้ปัญหาได้ก็จริง แต่ว่า……
เห็นสีหน้าวู่หยาน แม่อิสึมิถอนหายใจ “ฉันคิดว่าวู่หยานคุงก็คงรู้สึกตัวแล้ว การทำแบบนี้มันช่วยลดปัญหาได้ก็จริง แต่ในเวลาเดียวมันก็จะเกิดปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมเช่นกัน……”
“ปัญหาใหญ่?” ฮินะงิคุพูดด้วยสีหน้าสงสัย
วู่หยานยักษ์ไหล่ด้วยสีหน้าหนักใจ ก่อนจะอธิบายว่า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด ถึงแม้ทำแบบนี้จะหลีกลี้ยงปัญหาได้ก็ตาม แต่การที่ปีศาจที่แข็งแกร่งมารวมกันอยู่ที่เดียว ไม่ช้าก็เร็วพวกมันก็จะเพิ่มจำนวนจนถึงจุดที่ควบคุมไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั่นมันก็หายนะเลยละ”
“อะไรกัน!” ฮินะงิคุประหลาดใจ ก่อนจะหันไปมองแม่อิสึมิซึ่งเธอก็ส่ายหน้าตอบ
แม่อิสึมิยิ้มอย่างขมขื่น แล้วกล่าวต่อว่า “ถูกแล้ว ยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งก็จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น!” (@ม่านกักกันแตกไรงี้)
“ผู้นำตระกูลของพวกเรา ได้เข้าไปในม่านกักกันเพื่อผนึกปีศาจ แต่เขาก็ไม่เคยกลับออกมาอีกเลย ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงได้ส่งคนจำนวนหนึ่งเข้าไปดูลาดราว แต่พวกเขาก็ไม่กลับออกมาเช่นกัน ดังนั่นผู้นำตระกูลคนใหม่จึงได้ตัดสินใจเพิ่มพลังม่านกักกัน และปิดผนึกมันไม่ให้ใครก็ตามเข้าไปอีก….”
วู่หยานได้ยินก็มองแม่อิสึมิ “ถ้าเป็นแบบนั่น แล้วมีปัญหาอะไร? หรือว่าม่านกักกันแตกแล้ว?”
“ไม่จริงน่า……” ฮินะงิคุหัวเราะแห้งๆ มองแม่อิสึมิ
แม่อิสึมิรีบโบกมือ “ไม่ๆ ม่านกักกันยังอยู่ดี ด้วยระดับพลังของม่านตอนนี้ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ม่านกักกันจะไม่มีทางแตกแน่นอน”
เห็นฮินะงิคุผ่อนคลาย วู่หยานส่ายหัวอย่างขบขัน และกล่าวกับแม่อิสึมิว่า “ในเมื่อม่านกักกันไม่เป็นอะไร แสดงว่ายันต์ในมือนั่นคงเป็นสิ่งที่ต้องการให้ผมทำสินะ?”
“ถูกแล้ว!” ยกมือที่ถือยันต์ขึ้น เธอพูดว่า “นี่คือทางเดียวในการเข้าไปในม่านกักกัน เฉพาะผู้ถือยันต์ชิ้นนี้เท่านนั่นถึงจะสามารถเข้าไปในม่านกักกันได้”
“ช้าก่อน!” ฮินะงิคุช็อค พูดว่า “ข้อตกลงที่ว่าคือให้หยานเข้าไปในมานกักกันนี้?”
แม่อิสึมิ มองฮินะงิคุ ก่อนจะก้มหน้าเงียบงัน
“ไม่ได้! ฉันไม่ยอมเด็ดขาด!” ฮินะงิคุเอ่ยเสียงดัง “นี่ไม่ใช้ว่าพวกคุณกำลังจะส่งหยานเข้าไปตายหรือไง? ข้างในมันมีพวกปีศาจที่แข็งแกร่งเต็มไปหมด คุณก็รู้นี่!”
วู่หยานรึบดึงฮินะงิคุ ฝืนยิ้มพูดว่า “ฮินะงิคุอย่าตื่นตู้มไปก่อนสิ ฟังคุณนายซากิโนะมิยะพูดให้จบก่อน”
“หยาน นายห้ามไปนะ!!” เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธทันที เธออดที่จะกลัวไม่ได้
มือตบหลังฮินะงิคุเบาๆสื่อให้เธอใจเย็นลง เขาหันไปมองแม่อิสึมิ
“คุณช่วยเล่ารายละเอียดหน่อยได้ไหมครับ?”
แม่อิสึมิถอนหายใจ และเอ่ยว่า “จริงๆแล้ว เราอยากขอร้องวู่หยานคุงให้ช่วยไปเอาบางอย่างกลับคืนมาให้น่ะ”
“หาของ?” วู่หยานส่งสายตาให้เธอพูดต่อ
“มันก็คือสมบัติประจำตระกูลซากิโนมิยะเรา หยกจักรพรรดิ!”
ทันทีเธอกล่าวจบ คนรับใช้ก็นำหนังสือเก่าๆมาส่งให้เธอก่อนที่จะถอยออกจากห้องไป
พลิกหน้าหนังสือก่อนที่จะชี้ไปที่ภาพๆหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “นึ่คือตราหยก!”
ปรากฏตรงหน้าวู่หยานคือภาพตราหยกธรรมดาอันหนึ่ง เขาหันไปถามด้วยสีหน้าสงสัย “นี่คือสมบัติประจำตระกูลซากิโนมิยะ? มันดูเหมือนหยกธรรมดาเลยนะ แล้วทำไมมันถึงเข้าไปอยู่ในม่านกักกันที่เต็มไปด้วยปีศาจละ?”
ได้ยินดังนี้ แม่อิสึมิก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา กมหน้าลงแล้วพูดว่า “หยกจักรพรรดิเป็นสมบัติประจำตระกูลซากิโนมิยะเรา มีเพียงแค่ผู้นำตระกูลเท่านั่นถึงมีสิทธิ์สวมใส่มัน แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้เมื่อกี้ หัวหน้าตระกูลของพวกเราหลังเข้าม่านกักกันไป ก็ไม่เคยหวนกลับออกมาอีกเลย คิดได้เพียงแค่ว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่ทว่าก่อนเข้าไป เขาก็ได้นำตราหยกติดตัวไปด้วย…..”
วู่หยานพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก้มมองรูปตราหยกแล้วเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดว่า “ตรานี้มันสำคัญมากเหรอ?”
แม่อิสึมิสีหน้ากลายเป็นแน่วแน่ นั่งหลังตรง ตามองวู่หยานโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา พูดออกไปอย่างไม่ลังเลว่า “ใช้! มันสำคัญมาก! สำคัญที่สุด!”
ได้ยินแบบนี้ ฮินะงิคุก็เปิดปากพูด “มันก็เป็นแค่หยกเองไม่ใช้เหรอ? ถึงแม้มันจะสำคัญ แต่ก็ไม่ควรส่งคนเข้าไปตายเพราะมัน…..”
แม่อิสึมิตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าตายแล้วสามารถนำตราหยกคืนมาได้ละก็ฉันจะยอมตายเป็นคนแรก!”
“ท่านแม่!” เห็นท่าทางแม่ตัวเอง อิสึมิช็อคและในใจก็อดตื่นกลัวไม่ได้
วู่หยานและฮินะงิคุเองก็ตะลึงไปเหมือนกัน เพราะพวกเขาสามารถเห็นชัดเจนถึงความตั้งใจของเธอ
“มันสำคัญขาดนั้นเลยงั้นเหรอ? ถึงขนาดยอมทิ้งชีวิตตัวเองได้แบบนี้น่ะ?” วู่หยานขมวดคิ้วมองแม่อิสึมิ ถึงแม้นี่จะเป็นสมบัติประจำตระกูลก็จริง แต่ตามนิสัยแม่อิสึมิแล้ว สมควรไม่สนใจถึงจะถูกสิ เรื่องมันชักทะแม่งๆละ
“ผมหวังว่าจะได้ยินเหตุผล ‘จริงๆ’ ของคุณนะครับ!” วู่หยานเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เธอลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองอิสึมิ ทำให้ห้องโถงเงียบสงัด
“จริงๆแล้วตราหยกก็ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าสัญลักษณ์ของตระกูลเรา ถ้าถามว่ามันทำอะไรได้อีกไหม มันก็มีเพียงความสามารถเดียวคือทำให้พลังวิญญาณผู้ใช้เสถียรมั่นคง แต่ทว่าความสามารถนี่มีความสำคัญกับเรามาก!”
“ทำให้พลังวิญญาณคงที่งั้นเหรอ…..” วู่หยานหรี่ตาครุ่นคิด ก่อนจะมองไปที่อิสึมิ
“วู่หยานคุงนี่เดาได้แม่นจริงๆเลยนะ…..” เธอเอามือวางบนหัวอิสึมิด้วยความรักของแม่ที่มีต่อลูก
“อิสึมิเกิดมาพร้อมกับพลังวิญญาณที่มหาศาล ทำให้เธอแทบจะไร้คู่ต่อสู้ และยังทำให้อิสึมิกลายเป็นนักปราบภูติผีปีศาจที่เก่งกาจได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ และได้ก้าวข้ามทุกๆคนในตระกูลไปรวมทั้งฉันและท่านยายทวดของเธอด้วย แต่ก็เพราะแบบนี้ พลังวิญญาณของอิสึมิถึงไม่เสถียน ถ้าไม่รีบแก้ไขละก็ เธอยังเสียพลังวิญญาณไปกลายเป็นคนธรรมดา……”
“ท่านแม่…..” หางตาอิสึมิเริ่มมีหยาดน้ำตา ขณะที่วู่หยานและฮินะงิคุเงียบลงไป
เธอทำทุกอย่างเพื่อลูกตัวเองนี่เอง เธอถึงกับยื่นเศษคริสตัลที่อันตรายให้ และถ้าทำได้เธอก็จะไม่ลังเลที่สละชีวิตตัวเองเพื่อลูกสาว……
เจอกับความรักที่มากมายขนาดนี้ ทำให้วู่หยานและฮินะงิคุไม่สามารถคิดหาเหตุผลมาปฏิเสธได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ปิดปากเงียบ
“แต่แน่นอนว่าฉันไม่ได้บังคับวู่หยานคุง…..” เธอหัวเราเบาๆขณะที่สายตาเธอยังมองอิสึมิ
วู่หยานหัวเราะอย่างขมขื่น ไม่ต้องพูดไอ้เควสเวรนี่ เอาแค่ความรักและความเสียสละของเธอต่อลูกตัวเอง มันก็มากพอที่จะทำให้เขาปฏิเสธไม่ลงแล้ว
ยิ่งกว่านั่น ถึงแม้ฟังดูจะอันตรายมาก แต่มันก็หมายถึงEXPจำนวนมหาศาลที่เขาจะได้ พลังของมันน่าจะไม่สูงมากดูจากอนิเมะเรื่องนี้ที่ไม่เน้นต่อสู้ เขาก็น่าจะสามารถจัดการพวกมันได้ แต่ถ้าสถานการณ์เข้าตาจนจริงๆเขาก็ยังมีของในระบบที่ฝืนชะตาท้าลิขิตอยู่ ด้วยแต้มที่เขาสะสมมานาน มันน่าจะเพียงพอที่จะช่วยชีวิตน้อยๆของเขา…………
หรือก็คือทัวร์นี้เขาต้องไป!
“เข้าใจแล้ว คุณนายซากิโนะมิยะ เรื่องหยกจักรพรรดิวางใจผมได้เลย!” ยืนขึ้น วู่หยานเอามือนวดไหล่ พูดด้วยรอยยิ้ม
“หยาน….” ฮินะงิคุอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ก้มหน้าเงียบไป
แม่อิสึมิประหลาดใจระคนไปด้วยความสุข เงยหน้าแล้วส่งยันต์ให้วู่หยาน ก่อนจะโค้งต่ำคำนับ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“รบกวนเธอด้วย!”
@โค้งคำนับ 45 องศา จะใช้ใน 2 กรณีคือ ต้องการขอโทษ และขอบคุณด้วยความเคารพอย่างสูง
ติดตามข่าวสารได้ที่นี้ – ห้องสมุดคนรักนิยายแปล มีกลุ่มลับแล้ว