จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 231-235

ตอนที่ 231-235

บทที่ 231 : รวมใจกันแค้นศัตรูคนเดียวกัน
  ”อาหญิงท่านพูดแบบนี้ ป๊ะป๋าวายร้ายจะไม่เสียใจแย่เหรอ ?”
  ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาโตๆ ใบหน้าที่น่ารักของเขาเปี่ยมไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
  “เขาจะไม่เสียใจหรอก”ตี้เสี่ยวอวิ๋นเอ่ยตอบทันทีที่ไป๋เสียวเฉินกล่าวจบ “พี่ชายของข้า มักจะพูดเสมอว่า ข้าน่าเบื่อและงี่เง่า เขายังบอกด้วยนะว่าเขาจะหาคนมาแต่งงานกับข้าโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเจอข้าบ่อย ๆ ไง เขาไม่ต้องการเห็นข้า ข้าก็ไม่ต้องการเห็นเขา ท่านราชครูของเรายังอ่อนโยนกว่าเขามากเลย ”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นไม่รู้จริงๆ ว่านางทำอะไรให้พี่ชายนักหนา เขาถึงอยากขับไสไล่ส่งน้องสาวคนนี้นัก นางถูกเขาบีบบังคับมาหลายปีแล้ว
  “เสี่ยวเฉินมารดาของเจ้า คงกำลังรอเราอยู่ กลับบ้านกันเถอะ”
  ฉู่อีอี้จับมือของไป๋เสี่ยวเฉินแล้วหันกลับไปทางถนน
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นเดินตามทั้งคู่ไปอย่างเงียบๆ
  ”เจ้าจะทำอะไรน่ะ?” ฉู่อีอี้หันกลับมาจ้องมองตี้เสี่ยวอวิ๋น พร้อมกับกล่าวด้วยความโกรธ
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นพลางกล่าวว่า “ก็กลับบ้านน่ะสิ”
  ฉู่อีอี้ส่งยิ้มอย่างโกรธเคืองให้นาง”นั่นมันบ้านของไป๋หยานกับเฉินเอ๋อ บ้านของเจ้าอยู่ที่ตำหนักคัง ข้าสามารถให้คนไปส่งเจ้าได้นะ”
  ”ไป๋หยานเป็นพี่สะใภ้ของข้าเฉินเอ๋อก็เป็นหลานชายของข้า ครอบครัวของพวกเขาก็เหมือนกับครอบครัวของข้า และเจ้าก็ขวางทางกลับบ้านของข้าอยู่รู้หรือไม่ ?”
  ไม่มีทางผู้ใดใช้ให้เฉินเอ๋อเป็นลูกของพี่ชายนางเล่า ด้วยเหตุนี้ฉู่อีอี้จึงไม่มีคุณสมบัติพอจะห้ามตี้เสี่ยวอวิ๋นได้
  ”นี่… ” หลานเสี่ยวหยุนสับสนเล็กน้อย นางกล่าวอย่างอ่อนใจ “เมื่อกี้ยังดีกันอยู่เลย จู่ ๆ มาทะเลาะกันได้อย่างไร ?”
  เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวทั้งสองร่วมมือกันเป็นอย่างดีตอนที่รุมทำร้ายไป๋จื่อหรือไม่จริง ?
  ”ผู้ใดใช้ให้นางพาหลานชายของข้าไปล่ะ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นยกมือขึ้นเท้าสะเอว “เสี่ยวเฉินเป็นหลานของข้า และข้าก็เป็นอาหญิงของเขา ! ข้าไม่มีวันมอบให้เจ้า”
  ”ต้องการที่จะสู้อีกงั้นสิ! ได้ ! ข้าจะสู้กับเจ้า !”
  ฉู่อีอี้โกรธนางปล่อยมือไป๋เสี่ยวเฉิน พร้อมกับเชิดคางขึ้นจ้องมองตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยความโกรธ
  แน่นอนว่าหลานเสี่ยวหยุนเป็นคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่สุด นางรีบใช้ความคิด พลันก็เห็นแสงสว่างวาบ “อีอี้ แม่นางตี้ อีกไม่กี่วันนี้ลูกพี่ลูกน้องของข้าคงต้องออกนอกอาณาจักร ด้วยเหตุที่มีแต่คนติฉินนินทานาง … ”
  เพียงครู่เด็กสาวทั้งสองก็จ้องมองกันและกลับมามีสติ นัยน์ตาของพวกนางเต็มไปด้วยความโกรธ ขณะหันไปมองหลานเสี่ยวหยุน
  “เสี่ยวหยุนบอกข้ามา ผู้ใดตำหนิติฉินไป๋หยาน ข้าจะตามล่าคนพวกนั้น !”
  ”คนพวกนั้นกล้าหาญมากกล้านินทาว่าร้ายพี่สะใภ้ข้า !”
  เด็กสาวทั้งสองกล่าวขึ้นพร้อมๆ กัน น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของพวกนางดังไปทั่วท้องถนน
  หลานเสี่ยวหยุนขมวดคิ้ว”ไม่เพียงแค่นั้นนะ ยิ่งหลังจากที่รู้ว่าเฉินเอ๋อเป็นโอรสของอ๋องคัง สตรีทั่วทั้งอาณาจักรหลิวฮั่วที่ชื่นชอบอ๋องคังต่างก็เสียหน้ากับเรื่องนี้ พวกนางก็เลยพากันนินทาลับหลัง ข้าได้รวบรวมรายชื่อคนเหล่านั้นไว้แล้ว เพื่อคิดบัญชีพร้อม ๆ กัน ”
  ”เริ่มจากคนแรกองค์หญิงหก นางไม่เพียงแต่นินทาพี่ไป๋หยานเท่านั้น แต่นางยังกลั่นแกล้งเฉินเอ๋อ ทั้งยังวางเพลิงเผาตำหนักอ๋องคัง แม้ว่าอ๋องคังจะมอบบทเรียนให้นางแล้ว แต่ข้าคิดว่าเราควรเริ่มจากนางดีที่สุด”
  หลานเสี่ยวหยุนนำรายชื่อที่นางรวบรวมไว้ออกมา และชี้ไปที่ชื่ออันดับต้น ๆ ก่อน
  ”ไปหานางหญิงชั่วนั่นด้วยกัน”ตี้เสี่ยวอวิ๋นถกแขนเสื้อขึ้น ดูเหมือนว่านางกำลังจะออกไปหาเรื่อง
  ฉู่อีอี้เห็นด้วย”เสี่ยวหยุนนำทางไป พวกเราจะพบนางตัวปัญหานั่นด้วยกัน”
  เมื่อเห็นหญิงทั้งสองรวมใจกันเกลียดชังศัตรูคนเดียวกันหลานเสี่ยวหยุนก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยสิ่งใดก็ไม่สำคัญเท่าการหยุดการต่อสู้ระหว่างหญิงทั้งสองนี้ก่อน
  สำหรับองค์หญิงหกนั้นก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของนางก็แล้วกัน
  ”พี่สาวฉู่อาหญิง เรา … ”
  ไป๋เสี่ยวเฉินอยากจะบอกว่าเราควรกลับไปพบหม่ามี้ของเขาก่อน แต่พวกนางทั้งคู่ต้องการหาตัวองค์หญิงหกเพื่อชำระหนี้แค้น เพียงพริบตาหญิงสาวทั้งสองก็หายไปต่อหน้าต่อตาเขาราวกับพายุพัด
  เหลือเพียงแต่เขาเท่านั้นที่ยังยืนงงท่ามกลางสายลมเย็น

บทที่ 232 : พี่ชายของข้าก็คืออ๋องคัง
  ณตำหนักองค์หญิงหก
  ดอกไม้นับร้อยนับพันกำลังเบ่งบานออกดอกสะพรั่ง
  ในสวนด้านหลังตำหนักเด็กสาวเด็ดกลีบดอกไม้ ใบหน้าที่สวยงามของนางแลดูไม่ได้เอาเสียเลย
  นับแต่วันที่นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้วางเพลิงเผาตำหนักอ๋องคังโดยไม่มีเหตุผลเสด็จพ่อของนางก็มีพระบัญชาให้นางมานั่งสำนึกผิดที่ตำหนักอ๋องคังเพื่อให้เขาให้อภัย
  ทว่านางก็ไม่เคยเห็นหน้าของอ๋องคังอีกเลยนางต้องคุกเข่าอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังนั่นทั้งวันทั้งคืน กระทั่งที่สุด นางก็ถูกวิหคเพลิงที่บินพุ่งออกมาจากพระตำหนักชนเข้าให้
  ในเวลานั้นนางถูกชนจนกระดูกแขนเกือบหัก ทำให้นางเป็นลมล้มลงตรงนั้น ครั้นนางตื่นขึ้นมา นางก็กลับมาอยู่ที่ตำหนักของตนเองแล้ว
  ”อ๋องคังก็เป็นบุรุษผู้หนึ่งเหตุใดเขาถึงไม่เคยสนใจข้าเลย ข้าเองก็เป็นคนสวย เหตุใดเขายังเพิกเฉยใส่ข้าตลอดเวลา” นัยน์ตาขององค์หญิงหกแลดูไม่พอใจนัก นางไม่เข้าใจว่าหญิงเช่นไป๋หยานมีดีอะไร ? เหตุใดอ๋องคังถึงเอาแต่ปกป้องนาง
  ทันใดนั้นเองเสียงหัวเราะเบา ๆ ก็ดังมาจากด้านหลัง ทำให้องค์หญิงหกตื่นกลัว
  นางหันกลับไปอย่างรวดเร็วจึงเห็นหลานเสี่ยวหยุนในอาภรณ์สีฟ้ายืนอยู่เบื้องหน้านาง นอกจากนี้ยังมีเด็กสาวอีกสองคนยืนขนาบข้าง ทุกคนต่างจ้องมองนางด้วยความโกรธ
  ”หลานเสี่ยวหยุนเจ้ามาที่นี่ทำไม ?” องค์หญิงหกกัดฟันกล่าว
  นางขลาดกลัวอ๋องคังทั้งยังไม่กล้าไปยั่วยุไป๋หยานกับบุตรชาย นี่นางยังต้องเจอหลานเสี่ยวหยุนอีกกระนั้นหรือ ?
  ”ข้าได้ยินมาว่าเจ้าต้องการที่จะอ่อยพี่ชายของข้า ? เจ้าด่าว่าพี่สะใภ้ของข้า ทั้งยังกลั่นแกล้งหลานชายของข้าด้วยใช่หรือไม่ ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเท้าสะเอว พร้อมกับเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง เข้าใส่องค์หญิงที่กำลังตื่นตกใจ
  ”เจ้า… ก็แล้วพี่ชายของเจ้าคือผู้ใด ?”
  ”พี่ชายของข้าก็คือตี้คัง”
  หลังจากกล่าวจบตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ไม่ปล่อยให้องค์หญิงหกเปิดปากถามอีกต่อไป ร่างของนางเปล่งประกายราวกับสายฟ้า นางพุ่งเข้าหาองค์หญิงหก พร้อมกับส่งหมัด ๆ หนึ่งกระแทกองค์หญิงหก กระทั่งองค์หญิงหกตัวปลิวลอยขึ้นสู่ฟ้า
  น่าสงสารเหลือเกินด้วยว่าทันทีที่องค์หญิงหกกำลังจะตกลงถึงพื้น ฉู่อีอี้ก็ส่งลูกเตะออกไปส่งตัวนางขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
  นัยน์ตาของหลานเสี่ยวหยุนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจขณะมองตี้เสี่ยวอวิ๋น และฉู่อีอี้ที่เหมือนจะเข้าใจตรงกันโดยปริยาย จากนั้นนางก็มององค์หญิงหกที่ไม่เคยตกลงจากฟ้า พลันแววตาของนางก็ค่อย ๆ เปล่งแสงแสดงความเห็นอกเห็นใจ
  ทว่าก็แฝงด้วยความสะใจ
  นับจากนี้เมืองหลวงแห่งอาณาจักรหลิวฮั่วจะไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไป
  แค่ฉู่อีอี้ก็เพียงพอที่จะทำให้อาณาจักรหลิวฮั่วพลิกคว่ำแล้วนี่ยังมีตี้เสี่ยวอวิ๋นเพิ่มมาอีก เมืองหลวงแห่งนี้จะต้องถึงกับความหายนะด้วยมือของพวกนางเป็นแน่
  ยามนี้ไป๋หยานกำลังกลั่นยาให้ไป๋จั่นเผิงโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ ที่เกิดขึ้นเลย
  ”นี่คือยาอายุวัฒนะระดับห้า”ไป๋หยานไปที่ห้องโถง จากนั้นก็วางขวดในมือของนางลงตรงหน้าของไป๋จั่นเผิงซึ่งรอนางอยู่นานแล้ว นางยังกล่าวต่อว่า “ในนี้มียาทั้งหมด 100 เม็ด น่าจะเพียงพอสำหรับท่าน ส่วนยาที่เหลือคงไม่เป็นประโยชน์สำหรับท่านแล้ว เช่นนั้นท่านก็ทิ้งไว้ให้ข้าก็แล้วกัน”
  นัยน์ตาที่สงบของไป๋จั่นเผิงเปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นเขาหยิบขวดหลายใบที่วางไว้ตรงหน้า เสียงของเขาค่อนข้างแหบห้าว “ขอบใจแม่นางไป๋ เจ้าช่วยเหลือข้าครานี้ หากต่อไปเจ้าต้องการความช่วยเหลือใด ไป๋จั่นเผิงพร้อมจะตอบแทนเต็มที่”
  ไป๋หยานยิ้ม”การปรุงยาเม็ดอายุวัฒนะให้ท่าน ทำให้ข้ายังเหลือยาเก็บไว้อีกมาก ถือว่าไม่ติดค้างกัน”
  ”บุญคุณที่ช่วยชีวิตไม่อาจทดแทน”ไป๋จั่นเผิงยืนขึ้น “แม่นางไป๋ ข้าชอบเจ้าเป็นอย่างมาก ขอข้าเรียกเจ้าว่าหยานเอ๋อ และเจ้าช่วยเรียกข้าว่า ลุงไป๋จะได้หรือไม่”
  ไป๋หยานตกตะลึงนางเงยหน้าขึ้นมองแววตาที่จริงจัง และจริงใจของไป๋จั่นเผิงเพียงชั่วอึดใจ ก่อนจะกล่าวตอบว่า “ได้สิ ท่านลุงไป๋”

บทที่ 233 : ขอเพียงได้มองนาง
  ไป๋จั่นเผิงยิ้มในขณะที่เขามองหญิงสาวเบื้องหน้า เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังเห็นน้องสาวยังอยู่ตรงหน้า
  อย่างไรเสียก่อนที่น้องสาวของเขาจะหายตัวไป นางก็มีอายุใกล้เคียงกับหญิงสาวผู้นี้ ตอนนี้ผ่านไป 20 ปีแล้ว อายุของนางก็พอ ๆ จะเป็นมารดาของไป๋หยานได้ หากว่านางจะยังมีชีวิตอยู่
  ”หยานเอ๋อลุงไป๋จะอยู่ในเมืองหลวงนี่อีกสักพัก หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือไม่ว่าเรื่องใด ก็ไปหาพวกเราที่โรงตี๊ยมหลงเฝิงนะ ผู้เฒ่ากู่ เราไปกันเถอะ”
  เขามองไป๋หยานอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินออกจากประตูไป
  เมื่อเดินออกจากคฤหาสน์โบราณเสียงของชายชราก็ดูผ่อนคลายลง “นายน้อย ท่านเองก็เกือบจะหายแล้ว ยาอายุวัฒนะก็ได้มาแล้ว เช่นนั้นเราน่าที่จะกลับสำนักเวชโอสถกันก่อนจะดีหรือไม่ ?”
  ไป๋จั่นเผิงส่ายศีรษะเขาหันไปมองคฤหาสน์โบราณด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเผยรอยยิ้มอ่อนโยน
  ”ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้พบสตรีเช่นนางข้าจะจากไปง่าย ๆ ได้อย่างไร ? ผู้เฒ่ากู่ เราอยู่ที่นี่ต่ออีกสักครึ่งเดือนเถอะ ข้าเอ่อ … ”
  ข้ายังไม่อยากจากนางไป
  ชายชราถอนหายใจ”ทว่านางมิใช่คุณหนูแน่ ๆ ”
  ”ข้ารู้”รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋จั่นเผิงเปลี่ยนเป็นขมขื่น “ผู้เฒ่ากู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าเพียงอยากเห็นนางเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ”
  เขาไม่ได้ต้องการสิ่งใดขอเพียงได้เห็นหน้านางเท่านั้น
  เพียงเขาได้จินตนาการว่ามีนางอยู่ใกล้ๆ ก็พอ
  ครั้นเห็นความตั้งใจมั่นของไป๋จั่นเผิงแล้วชายชราก็ไม่อาจกล่าวคำใดได้อีก เขาถอนหายใจ “ข้าจะเขียนจดหมายเพื่อแจ้งเจ้าสำนักเกี่ยวกับท่านก่อน”
  ”ได้”ไป๋จั่นเผิงขมวดคิ้ว “แต่ผู้เฒ่ากู่ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าบอกเกี่ยวกับเรื่องของหยานเอ๋อ”
  ”เพราะเหตุใดเล่า? ” ชายชราเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
  “นางเป็นหมอปรุงยาที่มีความสามารถในการปรุงยาที่แข็งแกร่งมากทั้งยังสามารถแก้ปัญหาที่บรรดาหมอปรุงยาของสำนักเราใช้เวลาช้านานก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดมารบกวนนาง”
  ใบหน้าของไป๋จั่นเผิงแลดูสุขุมลุ่มลึกเขาต้องปกป้องมิให้ไป๋หยานถูกรบกวนไม่ว่าจากผู้ใด
  หากความสามารถของไป๋หยานแพร่กระจายออกไปบรรดาหมอปรุงยาแก่ ๆ ในสำนักจะต้องแห่กันมาที่นี่ และเมื่อถึงเวลานั้นไป๋หยานจะต้องถูกรังควานอย่างหนัก
  “ข้าเข้าใจแล้วนายน้อยไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้ไม่ว่ากับผู้ใด”
  ใบหน้าของผู้เฒ่ากู่แลดูหนักแน่นนี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการปกป้องไม่ให้ไป๋หยานถูกรบกวน
  ”ไปกันเถอะอีกครึ่งเดือนข้าจึงจะจากที่นี่ เพื่อกลับไปสำนักเวชโอสถ”
  ไป๋จั่นเผิงถอนหายใจเล็กน้อยครึ่งเดือนก็คงเพียงพอ หากเขาอยู่นานกว่านั้น เกรงว่าบิดาของเขาจะส่งคนมาตาม เมื่อถึงวันนั้นแน่นอนว่าเรื่องของหยานเอ๋อย่อมถูกเปิดเผย
  ภายในคฤหาสน์โบราณ
  ครั้นไป๋จั่นเผิงจากไปไป๋หยานก็วางแผนที่จะกลับเข้าห้องเพื่อกลั่นยาต่อ ในขณะที่นางหันหลังเตรียมจะกลับห้องนั้น นางก็เห็นไป๋เสี่ยวเฉินยื่นศีรษะเล็ก ๆ ออกมา ทั้งยังมองไปรอบ ๆ อย่างลับ ๆ ล่อ ๆ
  ”เฉินเอ๋อนั่นเจ้ากำลังทำอะไรน่ะ ?” นางเอ่ยถาม
  เสียงของนางทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินตกใจเขาเดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้อย่างระมัดระวัง พร้อมกับมองไป๋หยานอย่างไม่สบายใจ
  ”หม่ามี้…”
  ”มีอะไรเหรอ?” ไป๋หยานย่นหัวคิ้ว นางรู้สึกว่าวันนี้เฉินเอ๋อดูแปลก ๆ
  ไป๋เสี่ยวเฉินใช้ริมฝีปากเล็กๆ น่ารักราวกระจับกัดนิ้วตนเองเบา ๆ “หม่ามี้ ต้องเตรียมใจตั้งรับให้ดี ๆ นะ … ”
  ”เกิดเรื่องใดขึ้น?” ไป๋หยานตกตะลึง ขณะเอ่ยถามต่อไป
  “ตอนนี้พี่สาวฉู่และ น้าเสี่ยวหยุนกำลังออกไปสร้างปัญหา หม่ามี้ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อน คาดว่าหลังจากนี้ต้องมีคนหลายคนมาหาหม่ามี้แน่”
  รายชื่อที่หลานเสี่ยวหยุนนำออกมาแน่นอนว่ารวบรวมมาจากรายชื่อของสตรีแทบจะหมดทั้งเมืองหลวง หากสาว ๆ เหล่านี้ถูกทุบตี เมืองหลวงทั้งเมืองต้องปั่นป่วนอย่างแน่นอน
  แม้ไป๋เสี่ยวเฉินจะเชื่อว่าการกระทำของฉู่อีอี้กับหลานเสี่ยวหยุนไม่ได้ผิดอะไรก็เถอะ

บทที่ 234 : พี่สะใภ้ให้ข้าอยู่ด้วยเถิดนะ
  สีหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ”ฉู่อีอี้พาหลานเสี่ยวหยุนออกไปสร้างปัญหางั้นรึ ?”
  ”หม่ามี้ท่านเข้าใจพี่สาวฉู่ผิด ครานี้มิใช่พี่สาวฉู่พาน้าเสี่ยวหยุนไปสร้างปัญหา แต่เป็นน้าเสี่ยวหยุนต่างหากที่พาพี่สาวฉู่ไปสร้างปัญหา”
  ไป๋เสี่ยวเฉินทำหน้ามุ่ยน้ำเสียงของเขาไม่มีความสุข เด็กน้อยดึงแขนเสื้อของไป๋หยานอย่างน่าเวทนา “ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางไม่ได้พาเฉินเอ๋อไปสร้างปัญหาด้วยนี่สิ”
  แม้จะผ่านมาครู่ใหญ่แล้วหากแต่ไป๋เสี่ยวเฉินก็ยังไม่พอใจกับพฤติกรรมของฉู่อีอี้อย่างมากอยู่ดี นี่นางลืมพาตัวสร้างปัญหาอย่างเขาไปด้วยได้อย่างไร ?
  สีหน้าของไป๋หยานนั้นดำคล้ำลงกว่าเดิมนางเขกมะเหงกลงบนหัวของไป๋เสี่ยวเฉินเบา ๆ “เจ้าช่วยทำตัวดี ๆ ให้แม่ได้อยู่อย่างสงบบ้างจะได้หรือไม่ ?”
  ฉู่อีอี้ไม่เคยรู้ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดหากนางไม่ชอบผู้ใด นางก็จะทุบตีพวกเขา เช่นนั้นจึงมีเด็กหนุ่มสาวที่มีความสามารถนับไม่ถ้วนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกนางทำร้าย
  หากแต่นิสัยของหลานเสี่ยวหยุนมิใช่เช่นนั้นการที่นางเป็นผู้นำเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผลที่ไป๋หยานไม่รู้เป็นแน่
  “เอ่อยังมีอีกเรื่อง” ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าว ขณะเอียงคอมองด้วยแววตาที่สดใส “หม่ามี้ ท่านจำสิ่งที่ป๊ะป๋าพูดก่อนที่เขาจะจากไปได้หรือไม่ ?”
  “จำได้”ไป๋หยานพยักหน้าเล็กน้อย “เขาบอกว่าจะไปตามหาน้องสาว”
  ”นั่นล่ะที่เฉินเอ๋ออยากจะบอก”ไป๋เสี่ยวเฉินทำหน้ายุ่งอยู่ครู่ใหญ่ “ท่านอาหญิง … ”
  ”พี่ไป๋หยาน…”
  ทันใดนั้นเองเสียงที่เปี่ยมความสุขของหลานเสี่ยวหยุนก็ดังมาจากด้านนอกประตูขัดจังหวะถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉิน
  ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นมองนางเห็นหลานเสี่ยวหยุนยืนอยู่ที่ประตูเข้าลานบ้าน แล้วร่าง ๆ เล็กที่รวดเร็วยิ่งกว่าพายุก็พุ่งเข้าหาไป๋หยาน
  นัยน์ตาของไป๋หยานตื่นตัวขึ้นทันทีด้วยสัญชาตญาณ นางยกขาของนางขึ้น พร้อมกับเตะคนผู้นั้นดังปัง
  หลานเสี่ยวหยุนและฉู่อีอี้อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ทั้งคู่มองเห็นร่างของหญิงสาวพุ่งเป็นลำแสงโค้ง จากนั้นก็ตกลงจากท้องฟ้าอย่างสะเปะสะปะ ก่อนจะลงมานอนกองอยู่กับพื้น
  นางอาจกำลังตกตะลึงจากการร่วงหล่นลงมาทำให้นัยน์ตากลมโตอันงดงามของนางเบิกกว้าง นางยังคงนอนราบอยู่กับพื้นเป็นเวลานานโดยไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ
  ”เจ้าเป็นใครกัน?” ไป๋หยานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหนัก ๆ อีกทั้งเย็นชา
  ”หม่ามี้…” ไป๋เสี่ยวเฉินดึงชายเสื้อด้านหลังของไป๋หยาน ขณะเดียวกันก็มองดูเด็กสาวที่หล่นลงบนพื้น นัยน์ตาที่ไร้เดียงสาของเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ “นั่นน่ะแหละ ท่านอาหญิง… ”
  “ท่านอาหญิงรึ?” ไป๋หยานขมวดคิ้ว
  ”นางเป็นน้องสาวของป๊ะป๋าวายร้ายไง”
  ไป๋หยานตกใจขณะมองดูเด็กสาวที่ยังคงตกอยู่ในภวังค์ “เจ้าคืออาหญิงของเฉินเอ๋อเหรอ ?”
  อาหญิงของเฉินเอ๋อมาอยู่กับฉู่อีอี้ได้อย่างไร?
  ในที่สุดตี้เสี่ยวอวิ๋นก็หลุดจากภวังค์นางส่ายศีรษะอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้น พร้อมกับปัดฝุ่นบนแขนเสื้อของตน
  ”พี่สะใภ้… ” ทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปากของนาง นางก็เกือบจะร้องไห้ “ท่านโหดร้ายจัง ข้าเพียงอยากจะกอดท่าน ท่านกลับเตะข้า … ”
  ”ก็ข้าคิดว่าเจ้าลอบทำร้ายข้า” ไป๋หยานกล่าว
  หากใครเห็นคนแปลกหน้าพุ่งตัวเข้ามาโดยไม่พูดไม่จาก็ย่อมคิดเช่นนี้แหละ นี่ตี้เสี่ยวอวิ๋นไม่ทักทายนางด้วยซ้ำ
  ”พี่สะใภ้”ตี้เสี่ยวอวิ๋นมีทีท่าน่าสมเพชมาก “ตอนนี้ข้าไม่มีที่พักอาศัย พี่ให้ข้าพักอยู่ด้วยจะได้หรือไม่ ?”
  ”พี่ชายของเจ้าออกตามหาเจ้าไปทั่วทุกที่เจ้าควรไปพบเขาก่อน”
  ทันทีที่นางได้ยินว่าพี่ชายของนางกำลังออกตามหานางไปทั่วทุกหนทุกแห่งตี้เสี่ยวอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น นางหดคอพลางยิ้ม “พี่สะใภ้ ข้าหนีออกจากบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต หากพี่ชายของข้าจับตัวข้าได้ เขาต้องสังหารข้าอย่างแน่นอน ข้าคิดว่าอยู่กับพี่น่าที่จะปลอดภัยกว่า ให้ข้าอยู่ที่นี่เถิดนะ”

บทที่ 235 : เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าต้องการจะอยู่ที่นี่ ?
  “เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าต้องการจะอยู่ที่นี่?” ไป๋หยานกระพริบตาสองสามที มุมปากของนางยกยิ้มขณะเอ่ยถาม
  นัยน์ตาของตี้เสี่ยวอวิ๋นพลันสว่างไสวขึ้นทันที”ข้าอยู่ที่นี่ได้จริงเหรอ ?”
  ”หากเจ้าประสงค์จะอยู่ที่นี่ข้ายินดีต้อนรับเสมอ หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจในภายหลัง”
  ช่วงเวลานั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นไม่รู้ว่าตี้คังอยู่ในคฤหาสน์นี้กับไป๋หยานด้วย นางจึงไม่เปลี่ยนใจ และเมื่อนางได้รู้ ทุกอย่างก็สายเกินไป
  ”พี่ไป๋หยาน!” ฉู่อีอี้บุ้ยปาก นางไม่อยากมองหน้าตี้เสี่ยวอวิ๋น สายตาของนางเสไปมองไป๋หยานอย่างน่าสงสาร “นี่พี่คิดจะรับหญิงผู้นี้เข้ามาจริง ๆ งั้นเหรอ ?”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาพร้อมกับเชิดหน้าที่งดงามของนางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “เหตุใดข้าถึงอยู่ไม่ได้ ในเมื่อนี่คือบ้านของพี่สะใภ้ข้า มิใช่ของเจ้าสักหน่อย เจ้าไม่ต้องพูดให้มากความ”
  “ตี้เสี่ยวอวิ๋นนี่เจ้าอยากจะสู้กันอีกแล้วใช่หรือไม่ ?” ใบหน้าของฉู่อีอี้เปลี่ยนเป็นสีแดง นางกล่าวด้วยความโมโห
  ”หากเจ้าคิดจะต่อสู้ข้าก็ไม่เคยกลัวเจ้า”
  แม้ว่าตี้เสี่ยวอวิ๋นจะถูกอ๋องคังกดดันตั้งแต่ยังเด็กหากแต่คนอื่น ๆ ในดินแดนอสูรต่างก็ปฏิบัติต่อนางในฐานะผู้ที่อยู่เหนือทุกกฎ รวมถึงท่านราชครูก็ยังยอมเชื่อฟังนางทุกอย่าง
  เช่นนั้น…
  นิสัยของนางจึงคล้ายกับฉู่อีอี้อย่างน่าประหลาดใจเพราะพวกนางต่างก็เป็นองค์หญิงน้อยทั้งคู่
  ปัง!
  ครั้นเห็นว่าหญิงสาวทั้งสองกำลังจะต่อสู้กัน เสียงหนัก ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง จากนั้นเพียงครู่ฉู่อีอี้และตี้เสี่ยวอวิ๋นก็กลัวหัวหด ทั้งคู่รีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว
  กำปั้นของไป๋หยานตบลงที่ขอบประตูใบหน้าของนางสงบนิ่ง ขณะจ้องมองเด็กสาวทั้งสอง
  ”หากพวกเจ้ายังอยากจะสู้กันออกไปสู้กันข้างนอก ! จากนั้นภายหลังต่อสู้กันเสร็จแล้วก็กลับไปยังที่ที่พวกเจ้าจากมา ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก !”
  ฉู่อีอี้และตี้เสี่ยวอวิ๋นกลัวกระทั่งล่าถอยออกไปพวกนางไม่กล้าแม้จะหายใจ ทำได้เพียงมองไปที่ไป๋หยานอย่างสำนึกผิด
  ”ในบ้านของข้าต้องทำตามกฎของข้า” ไป๋หยานกล่าวเมื่อเห็นว่าหญิงสาวทั้งสองค่อยสงบนิ่งลงแล้ว “หากพวกเจ้าไม่เชื่อฟังข้า ข้าจะเชิญพวกเจ้าออกไปจากที่นี่ทันที เฉินเอ๋อ ไปกันเถอะ…”
  ไป๋หยานหันกลับไปจับมือไป๋เสี่ยวเฉินจากนั้นนางก็อุ้มเสี่ยวมี่ที่กำลังดูละครฉากนี้เพลิน ก่อนจะก้าวอย่างแช่มช้าไปทางสวนหลังบ้าน
  ครั้นอาภรณ์สีแดงที่งดงามนั้นหายลับตาไปตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ปล่อยลมหายใจออกมา นางยกมือขึ้นลูบหน้าอกของตนเอง
  ”กลัวแทบตาย… ”
  ไม่น่าแปลกใจที่พี่ชายข้าไม่กล้าหือกับพี่สะใภ้สตรีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ผู้ใดจะเอาชนะได้
  “นี่ยังน้อยไป”ฉู่อีอี้กล่าวด้วยทีท่าผ่อนคลาย “ข้าเคยวางเพลิงเผาคลังสมบัติของอาจารย์ไป๋หยาน นางเกือบจะสังหารข้าเลยทีเดียว… ”
  ”ช่างน่ากลัวเหลือเกิน”ตี้เสี่ยวอวิ๋นรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นแรงมาก นางหันมองฉู่อีอี้ที่ยืนข้าง ๆ นาง ทั้งคู่ต่างสบตากันด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ข้าเห็นใจเจ้า … ”
  นัยน์ตาฉู่อีอี้เปล่งประกายสว่างไสว”หากเจ้าเห็นใจข้า เช่นนั้นเจ้าก็ยกนางให้เป็นพี่สะใภ้ข้าจะได้หรือไม่ล่ะ ?”
  สีหน้าแสดงความเห็นอกเห็นใจของตี้เสี่ยวอวิ๋นยังไม่ทันจางหายครั้นได้ยินประโยคดังกล่าว ใบหน้าที่งดงามของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
  ”เจ้าฝันไปเถอะ! พี่สะใภ้ของข้างดงามมากถึงเพียงนี้ ข้าไม่มีวันยกให้เจ้าหรอก !”
  ครั้นเห็นเด็กสาวทั้งสองเริ่มที่จะทะเลาะกันอีกครั้งหลานเสี่ยวหยุนก็เริ่มรู้ตัว นางแสร้งทำเป็นตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “อ่า พี่ไป๋หยาน เหตุใดพี่จึงออกมาอีก ?”
  ประโยคนี้ทำให้หัวใจของหญิงสาวทั้งสองแทบจะหยุดเต้นตี้เสี่ยวอวิ๋นรีบยื่นแขนออกไปกอดฉู่อีอี้
  ”ฉู่อีอี้ข้าเพียงล้อเล่นเจ้าเล่นน่ะ ข้าจะไม่ต่อสู้กับเจ้าอีกแล้ว”

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท