นั่งอยู่ฝั่งเดียวกับอิคารอสและแอสเทรีย มองดูสี่สาวที่นั่งอยู่อีกฝั่ง มิโคโตะ คุโรโกะ อุยฮารุ และ ซาเต็น วู่หยานรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทั้งโต๊ะ มี7คน 6คนเป็นสาวงาม มีเขาคนเดียวที่เป็นผู้ชาย……
มิโคโตะเองก็อึดอัดเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็เลิกสนใจมัน ยังไงซะเธอก็ถือว่าแอสเทรียเป็นน้องสาวคนหนึ่งที่ต้องดูแล นัยน์ตาสีชาเธอเปร่งประกายเมื่อหันไปเห็นอิคารอส
“อิคารอส ในที่สุดก็หาเธอเจอจนได้ ก่อนหน้านี้เธอหายไปอยู่ไหนมาน่ะ?”
ได้ยิน อิคารอสก็หันไปมองวู่หยาน แล้วพูดแก้ตัวว่า “เอ่อ…คือ…ฉันไปตามหามาสเตอร์ค่ะ ก็เลย…..”
ดูเหมือนมันจะยากเกินไปที่จะให้อิคารอสโกหกแฮะ……
มันช่วยไม่ได้ เพราะตัวเธอไม่สามารถพูดถึงชาโดว์สุ่มสี่สุ่มห้าได้ ก่อนหน้านี้วู่หยานก็พูดอบรมเธอไปให้ปิดมันเป็นความลับ แต่ดูเหมือนต้องการให้อิคารอสโกหกมันจะยากไป……
มิโคโตะมองอิคารอสด้วยความประหลาดใจ พูดตามตรงเธอไม่เคยเห็นอิคารอสแสดงสีหน้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนเลย อิคารอสรู้ตัวว่าตัวเองพูดได้ไม่ดีเลยหันไปมองวู่หยานเพื่อขอความช่วยเหลือ
วู่หยานฝืนยิ้มแล้ววางแก้วน้ำในมือ ก่อนจะหันไปหาซาเต็น “ไม่เห็นหน้าเลยนะ เธอเป็นใครเหรอ?”
ซาเต็นมองวู่หยาน แล้วพูดแนะนำตัวอย่างร่าเริง “สวัสดีค่า! ฉันชื่อ ซาเต็น รุยโกะ ชั้นม.1 มาจากโรงเรียน ซากุงาวะ ส่วนพลังก็…..”
“เธอไม่จำเป็นต้องบอกหรอก!” วู่หยานที่ดูอนิเมะมาแล้วจะไม่รู้ได้ไงว่า เธอมีบาดแผลในใจที่ตัวเองเป็นแค่เลเวล0น่ะ เพราะงั้นเขาจึงพูดขัดเถอะ
“ใครจะไปสนพลังบ้าบออะไรนั้นล่ะ” วู่หยานพูดไปหัวเราะไปด้วยความจริงใจให้ซาเต็น นี่ทำให้สี่สาวประหลาดใจ
แววตา ซาเต็น เป็นประกายลึกลับ นัยน์ตาคู่โตอันทรงเสน่ห์จ้องมองวู่หยานที่กำลังขำอย่างเหม่อลอย
กลับกัน คุโรโกะ ‘ทำลาย’ ฉากเท่ๆของเขาทันที “กล้าพูดออกมาได้นะ! เพราะตัวเองเป็นแค่เลเวล0 ดังนั้นก็เลยไม่อยากพูดถึงมันล่ะสิ!”
ได้ยินระดับเลเวลของวู่หยาน ซาเต็นก็อึ้งไป แต่ใกล้กันมิโคโตะฝืนยิ้ม เธอจะไม่รู้ได้ไงว่าจริงๆแล้ววู่หยานไม่ใช่เลเวล0…..
แน่นอนว่า เรื่องที่วู่หยานเลเวลอัพแล้ว เธอยังไม่รู้…..
กับคำยั่วยุของคุโรโกะ วู่หยานไม่สนใจที่จะอธิบาย อีกฝ่ายคงกำลังคิดว่า ‘คุณพี่เชิญไอ้ขยะมา เขาอาจจะเป็นคู่แข่งความรักตัวฉกาจของดิฉันก็ได้!’ อะไรทำนองนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงได้ฉุนเฉียวนัก ถ้าเขาอ้าปากพูดกับเธอ บางทียัยยูรินี่อาจจะเอาเรื่องลับๆของมิโคโตะมาพูดอวดอีกก็ได้
เห็นเขาไม่ตอบ คุโรโกะก็เม้มปากด้วยความไม่พอใจ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดต่อ เพราะเธอเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบซ้ำเติม ‘แผล’ ของคนอื่น
“สวัสดี! ฉันแอสเทรียนะ!” แอสเทรียแนะนำตัว ทำให้ความสนใจของทุกคนย้ายมาที่ตัวเธอ
“ฉัน อิคารอส……..”
สาวสวยอย่างแอสเทรียกับอิคาอรสย่อมทำให้พวกเธอสนใจ หลังจากถามตอบไปได้สักพักพวกเธอก็เริ่มรู้จักกันไม่มากก็น้อย
ขณะที่ คุโรโกะ อุยฮารุ และ ซาเต็น กำลังคุยกับ อิคารอส และ แอสเทรีย วู่หยานก็แอบคุยกับมิโคโตะ
“มิโคโตะ ตกลงเธอเรียกฉันออกทำไม? คงไม่ใช่แค่เรียกให้มาทำความรู้จักกับสาวๆพวกนี้หรอกนะ?”
ได้ยินแบบนี้ มิโคโตะก็ยกเท้าที่อยู่ใต้โต๊ะเหยียบใส่เท้าวู่หยานทันที ทำให้เขาเกือบร้องออกมา “นายนี่มัน…ทำไมถึงชอบคิดแต่เรื่องพะ….พรรณนั้นอยู่ตลอดเวลาเลยนะ? ฉันชักสงสัยแล้วว่าสมองนายนี่มันทำมาจากอะไร!”
“โอเคๆ ตกลงมีเรื่องอะไร?” วู่หยานลูบเท้าตัวเองเบาๆจากที่โดนเหยียบ ขณะที่ทำหน้าจริงจังมองมิโคโตะ “ดูหน้ากังวลของเธอสิ แถมยังจะมาทำยังกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกนะ….”
มิโคโตะก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วฝืนยิ้มพูดว่า “ปิดบังนายไม่ได้จริงๆสินะ…..”
วู่หยานกระพริบตา แล้วหัวเราะด้วยความสุข “ของมันแน่อยู่แล้ว เธอจะไปปิดบังอะไรฉันได้ ดูซะก่อนว่านี่ใคร ฉันเป็นถึง สามี เธอเชียวนะ!”
“คะ…ใคร..ใครเป็น…” มิโคโตะหน้าแดง แล้วกรอกตามองวู่หยาน “พูดให้มันดีๆนะ!!”
“ฝันไปเถอะ! ถ้าเธอไม่บอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนน่ะนะ!”
“นี่นาย…..” มิโคโตะมองวู่หยานอย่างไม่พอใจ หน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ หมอนี่…….
ลังเลครู่หนึ่ง มิโคโตะก็พูดเบาๆว่า “พวกนักวิทยาศาสตร์ มาหาฉันเมื่อสองวันก่อน…..”
แววตาวู่หยานเป็นประกายทันที จกานั้นหรี่ตาลง “พวกมันมาหาเธอ คงเพราะ ‘แผนเลเวล6’ อย่างงั้นสินะ?”
มิโคโตะหันไปมองคนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าพวกเธอไม่สังเกตที่เธอคุยวู่หยาน มิโคโตะก็พยักหน้า แล้วพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ใช่ พวกมันอยากให้ฉันมองดีเอ็นเอให้……”
“เธอคงไม่ได้ให้ไปใช่ไหม?” ถึงแม้จะมั่นใจว่ามิโคโตะไม่มีทางมอบให้เด็ดขาด แต่วู่หยานก็ยังคงกังวลเล็กน้อย
“แน่นอน ฉันไม่ให้!” มิโคโตะพูดเสียงดัง แน่นอนเธอต้องทำ เพราะเธอถึงเกิดซิสเตอร์(เหล่าน้องสาว)ขึ้น ดังนั้นเธอจะไม่ให้ดีเอ็นเออีกต่อไปแล้ว…..
“งั้นก็ดีแล้ว…..” วู่หยานลูบกำไลข้อมือ ‘อุปกรณ์มิติแห่งชีวิต’ มิโคโตะก็มองเช่นกัน และเธอก็รู้ว่าซิสเตอร์ของเธออยู่ในนั้น!
เห็นมิโคโตะมองกำไล วู่หยานก็ยิ้ม แล้วพูดปลอบเธอ “ไม่นานหรอก เดียวก็จบแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ…..”
มิโคโตะมองวู่หยาน ด้วยเหตุผลบางอย่างหัวใจเธอก็สงบลงอย่างประหลาด เธอพยักหน้าและตอบเขาด้วยความหนักแน่น
“ถ้าจำเป็น ฉันก็สามารถช่วยได้เหมือนกัน!!” ในแววตาเธอไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย มีแต่ความแน่วแน่!
วู่หยานรู้ว่าด้วยนิสัยของมิโคโตะแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะยอมนั่งอยู่เฉยๆอย่างว่าง่ายรอเขาช่วยซิสเตอร์จนหมด ความรู้สึกผิดต่อน้องสาวมันกดทับเธออยุ่!
บางที เธอคงไม่ลังเลเลยที่จะเสี่ยงชีวิต เพื่อช่วยเขาแม้มันจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ
เป็นผู้หญิงที่โง่จังนะ…..
วู่หยานยิ้มเล็กน้อย แล้วขบคิดชัวครู่ก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของซิสเตอร์ ยังมีพวกเธออีกมาก ดังนั้นพวกนั้นคงไม่ป้องกันอะไรมากนัก แต่ว่าหลังจากนี้พอซิสเตอร์เหลือน้อยลง พวกมันต้องเพิ่มระดับการป้องกันพวกเธอขึ้นแน่นอน!!”
“แต่ว่าตอนนั้น จะเป็นเวลาที่เธอลงมือ! เพราะงั้นตอนนี้รอก่อนนะ…..”
ได้ยินคำพูดเขา มิโคโตะก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ ในเวลาเดียวกัน เธอก็สาบานในใจอย่างแน่วแน่ว่า พอถึงตอนนั้น เธอจะลงมือช่วยอย่างสุดกำลัง!!
เทียบกับตัวเธอในเนื้อเรื่องหลัก ที่พุ่งปะทะอย่างคนตาบอดและรู้จักแต่แบกปัญหาไว้คนเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวเธอตอนนี้มีความสุขกว่ามาก…..
อย่างน้อยๆ มิโคโตะก็ไม่ต้องออกไปสู้อย่างสิ้นหวังอีกเหมือนในเนื้อเรื่องอีกแล้ว ยังมีเขาช่วย มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป!
ขณะที่ทั้งสองคนคุยกัน เมื่อหันหน้ากลับไปมองอีกด้าน พวกเค้าก็สตันไป
ห้าสาวที่คุยกันเมื่อกี้ ตอนนี้กลับนั่งนิ่งจ้องมาที่ตัววู่หยานกับมิโคโตะโดยไม่พูดอะไร วู่หยานกับมิโคโตะแม้กระทั้งเห็น ใบหน้าที่มืดมนสุดๆของคุโรโกะ
วู่หยานยิ้มแห้งๆแล้วถามว่า “ทะ…ทำไมพวกเธอมองถึงมองกันแบบนั้นล่ะ?”
ซาเต็น มองวู่หยานแล้วก็มองมิโคโตะ ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักถึงบางอย่าง “อะไรกันเนี่ย รุ่นพี่วู่หยาน กับ รุ่นพี่มิโคโตะเป็นคนรักกันนี่เอง!”
มิโคโตะหน้าแดงก่ำทันที เธอผงะหัวไปด้านหลังแล้วรีบกบกมือโบกเป็นพัลวัน “…..ไม่ใช่!….ใครปะ..เป็นคนรักของเจ้าหมอนี่กัน!!”
วู่หยานเบ้ปากมองมิโคโตะ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใส่ใจด้านซึนเดเระของเธอก็เถอะ แต่ว่าเล่นทำหน้าแบบนี้มันไม่ยิ่งน่าสงสัยกว่าเดิมเหรอ?
อย่างที่คิด คุโรโกะที่เข้าใจมิโคโตะ เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางแบบนี้ เธอก็คลั่งขึ้นมาทันท!
“ดิฉันต้องฝังไอ้ขยะนี่ลงดินให้ได้!!!” คุโรโกะร้องออกมา ออร่าสีดำปกคลุมเธอ ก่อนที่จะกระโจนตัวเข้าหาวู่หยาน!
วู่หยานกับมิโคโตะสะดุ้งตกใจ ก่อนที่มิโคโตะจะได้ทันปล่อยไฟฟ้าช็อตคุโรโกะ เสียงพูดก็ดังออกมาจากโต๊ะด้านหน้า
“พวกแกหุบปาก!!”