มิซากิที่คิดหวังเอาคืน ทว่าความเป็นจริงมันไม่ได้หวานหมูแบบนั้น……
ด้วย Mental Out เธอสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเสือสาวที่ดุดันบนเตียงได้……
แต่…มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า…..แรงกายเธอมันน้อยนิดมาก……
ด้วยเหตุนี้ควีนซามะของเราจึงได้ร่วงลงไปหลังจากเล่นใหญ่ไปสามนาที จะเรียกเธอว่าวีรสตรีสามนาทีก็ได้……..
มิซากินึกดีใจที่ตัวเองไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย ไม่งั้นเธอคงโดนคู่ของเธอล้อที่หมดน้ำยาภายในสามนาที……
หลังจากสงครามรอบที่สองจบไป ทั้งคู่ก็นอนหลับตาลงไปบนเตียงขณะที่ปากก็ยังหอบหายใจแรงอยู่
ตอนนี้ผ้าปูที่นอนได้เปียกจนมันเปียกไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ดังนั้นปกติคนที่นอนบนผ้าแบบนี้ก็ควรที่จะรู้สึกไมสบายตัว แต่ไม่รู้ทำไมวู่หยานกลับรู้สึกสดชื่นแทน ราวกับกำลังนั่งแช่ในบ่อน้ำพุร้อนยังไงยังงั้น
ส่วนทางสาวเจ้า ควีนซามะก็กำลังนอนอยู่บนตัววู่หยานแทนที่นอน
เอามือลูบหลังเนียนสวยของเธอวู่หยานก็อดไม่ได้ที่ต้องยอมรับบว่าหุ่นของควีนซามะมันเร้าร้อนปลุกอารมณ์ดีจริงๆ ต่อให้ไม่มีหน้าอกใหญ่ๆนี่เอาแค่รูปร่างหุ่นเธอก็กินขาดแล้ว
แน่นอนว่ามิซากิย่อมไม่รู้ว่าวู่หยานนั่นคิดอะไรอยู่ แต่ว่าด้วยไอ้แท่งที่คาอยู่ในตัวเธอจู่ๆมันก็คืนชีพลุกสู้ขึ้นใหม่ แค่นี้ก็ทำให้เธอเดาได้แล้วว่าในหัวอีกฝ่ายมันมีอะไร
รู้สึกถึงแท่งที่กลับมาชีวิตชีวา มิซากิก็รีบพูดกลับวู่หยาน “ขอร้องล่ะ ไม่ต่อแล้วนะ ฉันไม่ไหวแล้ว…..”
ได้ยินวู่หยานก็จำต้องหยุดมืออย่างหมดหนทาง ด้วยสภาพร่างกายของควีนซามะมันก็ปาฏิหาริย์แล้วที่เธอสามารถทำกับมาได้นานขนาดนี้
เห็นเขายอม มิซากิก็ถอนหายใจโล่งอก หลังจากนั้นในใจเธอก็รู้สึกโกรธและสิ้นหวัง
ตัวเธอได้ร้องขอความเมตตาจากเขาอีกแล้ว…..
คิดกลับไปถึงเมื่อกี้ที่เธอพูดขอร้องเขาไม่หยุด มิซากิก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เธอตวัดนัยน์ตาดวงดาวที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจมองไปยังวู่หยาน “เอาล่ะ ตอนนี้นายก็ได้เล่นสนุกจนเต็มอิ่มแล้ว คงจะได้เวลาพูดแล้วมั้ง? เป้าหมายที่นายมาหาฉันคืออะไรกันแน่?”
วู่หยานหัวเราะแห้งๆ ครั้งนี้เขามาหาเธอเพราะมธุระจริงๆ ส่วนไอ้การจับกดนี่มันสถานการณ์พาไปล้วนๆ……
ด้วยมันสมองและพลังของมิซากิ เขาคงไม่สามารถพอที่จะปกปิดอะไรจากเธอได้ ถ้าเขาพูดว่า ‘ที่มาก็เพราะอยากเจอเธอไง’ เขาคงถูกจับได้ทันที่แน่ มันดูเฟคเกินไป
ทว่าถึงจะคิดยังงั้น ปากวู่หยานก็พูดไปว่า “แน่นอนว่าที่มาก็เพราะอยากเจอเธอไง!”
ตอแหล! โครตตอแหล! อย่าว่าแต่มิซากิจะเชื่อหรือไม่เลย เอาแค่ตัวเขาเองยังพูดไม่คิดเชื่อเลย…..
มันช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็เขาเล่นมาจับกดคนอื่นถึงห้องนานขนาดนี้พอเสร็จกิจแล้วก็พูดว่า ‘อ่ะ ที่มาก็เพราะมีธุระล่ะ’ มันคงจะทำให้ควีนซามะระเบิดลงแน่ ดังนั้นถึงจะต้องกลายเป็นคนตอแหลเขาก็ต้องยอม
นัยน์ตาดวงดาวของมิซากิราวกับสามารถมองทะลุเข้าไปยังหัวใจวู่หยานได้ยังไงยังงั้น เธอมองสำรวจหน้าเขาเมื่อเดาความคิดอีกฝ่ายได้เธอก็หันหน้าไปอีกทางแล้วทำเสียงเย็นชาดัง ‘เหอะ’ แต่ถึงงั้นดูจากสีหน้าแล้วเธอก็ดูเหมือนจะพอใจกัลคำตอบหน่อยๆเหมือนกัน
แต่ถึงจะพอใจ มิซากิก็ไม่สามารถแสดงมันออกมาให้วู่หยานเห็นได้ ไม่งั้นมันเหมือนกับว่าเธอยอมสยบให้เขาแล้วน่ะสิ
“อย่าพูดมาก รีบๆพูดธุระมา แต่…ถ้าจะให้ฉันเดานายคงต้องการความช่วยเหลือจากฉันสินะ?”
วู่หยานยกมือจับจมูกก่อนจะยอมรับ “อื้ม ฉันมีเรื่องขอให้เธอช่วยจริงๆน่ะแหละ”
“โอเค!”
สิ้นเสียงวู่หยาน มิซากิก็ตอบกลับมาทันที นี่เล่นทำวู่หยานที่เตรียมพูดกล่อมเป็นอันต้องอึ้งไป
อนึ่ง วู่หยานเรายังไม่ได้ลืมถึงความจริงที่ว่าเขาโดนตามล่าตัวอย่างหนักตอนไปเดทกับเธอที่สวนสนุก ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเคยไปขอให้เธอช่วยเรื่องซิสเตอร์เขาจึงต้องมาออกเทดกับเธอ
ทั้งๆที่ครั้งนั้นตูต้องอ้อนขอร้องอยู่นานกว่าจะยอมช่วยแถมไม่ใช่ช่วยฟรีอีก แต่แล้วไหงครั้งนี้ถึงได้ตกลงง่ายจัง?……
อย่าบอกนะว่า……นี่คือประโยชน์ของการโดนจับกด?
คิดถึงตรงนี้ วู่หยานก็ส่ายหน้าทันที ถ้าควีนซามะเป็นผู้หญิงประเภทที่จะตามผู้ชายที่ตัวเองนอนด้วย เธอก็ไม่ใช่ควีนซามะแล้ว…..
นัยน์ตาสีแดงได้มองตรงเข้าไปในดวงตาของมิซากิ วู่หยานหรี่ตาเล็กน้อยราวกับว่าคิดจะมองทะลุถึงแผนการที่เธอวางไว้
“อย่าว่างั้นงี้เลยนะควีนซามะ เธอกลายเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”
“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ” มิซากิยกมือมาที่แก้มตัวเองด้วยท่าเตรียมร้องไห้ จากนั้นพูดด้วยเสียงสะอื้นชวยให้ผู้คนรู้สึกสงสาร “นายทำกับฉันแล้ว ถ้าไม่ใช่ฉันตามนายแล้วจะให้ฉันไปตามใครล่ะ?”
ถ้ามิซากิไม่พูดก็ดีไป แต่พอเธอพูดวู่หยานก็ยิ่งตื่นตัว ถ้าเมื่อกี้คำพูดเขาคือตอแหล งั้นของมิซากิก็ตอแหลยิ่งกว่า!
ราวกับสามารถเห็นความสงสัยในดวงตาวู่หยาน มิซากิหัวเราะออกมาทันที เห็นเธอหัวเราะวู่หยานก็ปากกระตุกในใจอดคิดไม่ได้ว่า
‘ไอ้สีหน้าจวนเจียนจะร้องไห้เมื่อกี้ มันไปลงหลุมไหนแล้วว่ะ?……..’
อย่างที่เค้าว่ากันเลย ผู้หญิงนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนสีเร็วยิ่งกว่าการเปิดหน้าหนังสือ ทั้งที่เมื่อกี้ยังจะร้องไหน วินาทีต่อมาก็หัวเราะ ก่อนจะทำสีหน้าใจร้อน……
“จะพูดไม่พูด? ถ้าไม่พูดฉันก็จะไม่ช่วยแล้วนะ!”
ได้ยินเธอพูด วู่หยานที่ยังไม่อาจมองเห็นแผนการอีกฝ่ายก็ทำได้แค่ยักไหล่อย่างจนปัญญา โอเค ช่างมัน ยังไงซะอีกฝ่ายก็กลายเป็นคนของเราไปแล้วนี่นะ…….
วู่หยานเอาสีหน้าจริงจังออกมาแล้วพูดว่า “ฉันอยากให้เธอช่วยไปดูเด็กคนนึงให้หน่อย!”
“ดูเด็ก?”
มิซากิมีสีหน้าแปลกๆ จากนั้นนัยน์ตาเธอก็เปร่งประกาย เธอมองตรงเข้าไปในตาวู่หยานแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆว่า
“นาย….พวกเราเพิ่งทำเรื่องอย่างว่าไป แต่นายก็มาขอให้ฉันมีลูกให้แล้ว?”
ได้ยินเธอพูด วู่หยานก็สำลักน้ำลาย “นี่หัวเธอคิดอะไรอยู่? ฉันแค่อยากให้เธอไปดูสภาพจิตใจของเด็กคนนึง!”
“สภาพจิต?”
คราวนี้มิซากิไม่พูดเล่นอีก เธอขมวดคิ้วเรียวงามแล้วพูดเสียงนุ่มว่า “เด็กที่นายพูดถึงอย่าบอกนะว่ามีปัญหาด้านจิตน่ะ?”
“ใช่!”
วู่หยานพูดด้วยสีหน้าจนปัญญา “สภาพจิตใจเธอมันไม่มั่นคงมาก ก่อนหน้านี้เธอก็เพิ่งคลั่งไปแต่ฉันได้สะกดมันไปแล้ว แต่นี่มันไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ มันทำได้แค่ช่วยยับยั้งไม่ให้เธอคลั่ง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสภาพจิตใจเด็ก……”
จากนั้นวู่หยานก็มองมิซากิ “ดังนั้น ฉันถึงต้องการให้เธอช่วยไปดูให้หน่อยว่ามีทางไหนบ้างที่สามารถทำให้สภาพจิตเด็กกลับมาเป็นปกติ!”
“คลั่งงั้นสินะ……” มิซากิไม่ได้สนใจวิธีการสะกดของวู่หยาน ที่เธอสนใจคือคำขอของเขา เธออยากรู้ว่ามันจะมีเด็กแบบไหนที่ถึงขนาดทำให้อันดับสามแห่งเมืองการศึกษา ‘ประกายแสง’ พูดคำว่าบ้าคลั่งออกมาได้
ส่วนสำหรับคำขอที่ช่วยให้ดูสภาพจิตใจเด็ก มิซากิไม่ให้ความสนใจนัก ด้วยพลังของเธอมันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะแก้ปัญหาที่ว่า!
นี่เป็นเหตุผลที่วู่หยานมาหา โชคุโฮ มิซากิ!
——————–
@ กลุ่ม6-10ลดราคาเหลือกลุ่มละ100ครับจาก200 อ่านได้ที่แอป Justread