จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 306-310

ตอนที่ 306-310

บทที่ 306 : เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นหลานเสี่ยวหยุน ? (3)
  ฟิ้ว!
  สายลมพัดแรงท้องฟ้ามืดมิด ต้นไม้ในสนามถูกถอนรากถอนโคน ก่อนจะฟาดฟู่เป่าหยุนที่อยู่ข้างหน้าอย่างแรงพร้อมเสียงดัง “ปัง”
  ก่อนที่ฟู่เป่าหยุนจะหายตกใจนางพลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากด้านหลัง จากนั้นสมองของนางก็ว่างเปล่า นางสิ้นสติและล้มลงกับพื้นทันที
  เพียงครู่…
  สายลมแรงที่พัดกระหน่ำลานหลังบ้านพลันสลายไปท้องฟ้ากลับมาสว่างไสวเฉกเช่นเคย
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นถอนแรงกดดันอันน่ากลัวนัยน์ตากลมโตงดงามของนางโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวแลดูสดใสไร้เดียงสา
  ”เหตุใดไม่เชื่อฟังข้าดีๆ ล่ะ ? เป็นเจ้าที่บีบบังคับให้ข้าลงมือเองนะ” นางกล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะกวาดตามองตงรั่วฉินผู้ซึ่งกำลังตกตะลึงอยู่ “เจ้าจะตามข้ามาดี ๆ หรือจะให้ข้าทำให้เจ้าหมดสติก่อน”
  ใบหน้าของตงรั่วฉินนั้นซีดขาวด้วยความหวาดกลัวนัยน์ตาของเขางงงวยขณะกล่าวว่า “ข้าจะไปเอง”
  ”แล้วเจ้ายังจะมัวยืนบื้ออยู่ทำไม? หากพี่สะใภ้ของข้ารอนาน นางอาจจะตัดมือตัดเท้าของเจ้านะ แล้วอย่ามาโทษว่าข้าไม่เตือนเจ้าล่ะ”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นเบะปากพลางกวาดสายตาไปทางฟู่เป่าหยุน ก่อนจะกล่าวว่า “ลากหญิงผู้นั้นมาด้วย !”
  *****
  ทันทีที่ฟู่เป่าหยุนและตงรั่วฉินออกจากวังฟู่เทียนฉีก็รีบไปที่ภูเขาด้านหลังวัง
  ภูเขาด้านหลังวังเป็นพื้นที่ต้องห้ามของวังหลวงเนื่องจากมีเชื้อพระวงศ์เข้าสันโดษอยู่บนภูเขาหลังวังนั่น จึงไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าไปในภูเขาหลังวังยกเว้นฟู่เทียนฉี
  ยามนี้อาทิตย์อัสดงลาลับเหลี่ยมเขาคฤหาสน์หินแลดูสูงส่งและโดดเด่น ตระหง่านอยู่บนยอดเขาหลังวัง
  ไม่นานนักฟู่เทียนฉีก็มาถึงคฤหาสน์แห่งนี้ ขันทีเฒ่ารีบออกมาต้อนรับเขาทันที
  บริเวณลานด้านหน้ามีพลังฉีอันแข็งแกร่งมากสะสมอยู่ภายในคฤหาสน์หินที่ตั้งอยู่ ณ ลานด้านหลัง มีชายชราสวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดลวดลายดอกสนกำลังเล่นหมากรุกอยู่เพียงลำพัง
  ทันทีที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบเดินเข้ามาเขาก็โยนตัวหมากลงบนกระดานอย่างเงียบ ๆ
  “ที่สุดหมากรุกเกมนี้ที่รบกวนใจข้ามานานหลายปี ก็ถูกข้าแก้ได้สำเร็จแล้ว ฮ่าฮ่า”
  ใบหน้าที่เคยนิ่วคิ้วที่เคยขมวดของชายชรา พลันคลายลง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม เขาหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า
  ”เทียนฉีครานี้เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องใด ?”
  ”เสด็จพ่อหม่อมฉันมีเรื่องบางอย่างที่ต้องกราบทูลรายงาน”
  ชายชราหรือที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดในอาณาจักรฉื่อเสียคนนี้ก็คือบิดาของฟู่เทียนฉีอดีตฮ่องเต้แห่งอาณาจักรฉื่อเสีย
  ”ฟู่เป่าหยุนก่อเรื่องอีกแล้วหรือ ?” อดีตฮ่องเต้ฟู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าเคยให้สัญญากับข้าว่า เมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ หากฟู่เป่าหยุนไม่ทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรง เจ้าจะยอมอดทน แต่หากนางหยาบคายมากเกินไป กระทั่งเจ้าทนไม่ไหว ห้ามนางไม่ได้ เจ้าจึงจะมาที่วังนี้ ”
  ฟู่เทียนฉีเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจการที่เสด็จพ่อของเขามีรับสั่งเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่า พระองค์ต้องทรงผิดหวังในตัวฟู่เป่าหยุนเป็นอย่างมาก
  ครั้นเห็นฟู่เทียนฉีนิ่งเงียบเขาก็ยิ้มพร้อมกับเอ่ยต่อ
  ”ฮ่องเต้ข้านี่ใช้ไม่ได้จริง ๆ เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรมาก เป็นข้าต่างหากที่ติดค้างองค์หญิงฉี หลังจากที่เจ้าขึ้นครองราชย์ เจ้าต้องรับมือตระกูลฉี ทั้งยังฟู่เป่าหยุน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้ามาก”
  ครานั้นหากมิใช่เป็นเพราะความผิดของเขา องค์หญิงฉีก็คงจะไม่สิ้นพระชนม์ !
  เพื่อชดเชยความผิดเขาจึงให้เกียรติตระกูลฉีมาก และเพราะสงสารที่ฟู่เป่าหยุนต้องสูญเสียมารดาตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจึงตามใจนางจนเกิดเรื่องเกิดราวเช่นทุกวันนี้
  ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นความผิดของเขาไม่จำเป็นที่โอรสของเขาจะต้องอดทนด้วยเหตุดังกล่าว
  ”เสด็จพ่อ”ฟู่เทียนฉีเอ่ยปาก “หม่อมฉันไม่ได้มาหาพระองค์เพราะเรื่องฟู่เป่าหยุน … ”
  ***จบบทเจ้าแน่ใจนะว่าเป็นหลานเสี่ยวหยุน ? (3)***

บทที่ 307 : เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นหลานเสี่ยวหยุน ? (4)
  จากนั้นเขาก็กราบทูลเรื่องที่หน่วยสืบราชการลับรายงานมาให้อดีตฮ่องเต้รับฟังทีละเรื่องๆ
  ท้ายสุดเขาก็กล่าวว่า “หลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะข้าไม่ต้องการพบฟู่เป่าหยุน เช่นนั้นข้าจึงละเลยตระกูลตง ทว่านับจากนี้ไป ข้าตั้งใจจะส่งเสริมตงรั่วฉิน”
  ตงรั่วฉินเป็นบุตรชายแต่เพียงผู้เดียวของตระกูลตงส่งเสริมเขาก็เท่ากับส่งเสริมคนทั้งตระกูลมิใช่รึ ?
  แม้ว่าก่อนหน้านี้ตงรั่วหลานจะถูกฟู่เป่าหยุนล่อลวงทว่าแท้จริงแล้ว ที่ฟู่เทียนฉีไม่ได้สนใจตระกูลตง นั่นก็เป็นเพราะเขาเกลียดฟู่เป่าหยุน และแน่นอนว่าเขาย่อมไม่รู้ยามนี้ เกิดเรื่องใดขึ้นกับตระกูลตง
  พระพักตร์ของอดีตฮ่องเต้ฟู่นั้นแลดูหนักใจ”ตงรั่วหลานเป็นป้าสะใภ้ของไป๋หยาน เจ้าบ้านตง และตงฮูหยินก็คือบิดามารดาของตงรั่วหลาน เจ้าควรตักเตือนฟู่เป่าหยุนให้นางสงบเสงี่ยมเจียมตัวเสียบ้าง !”
  “เสด็จพ่อคิดว่ามีประโยชน์หรือที่จะให้ข้าพูดเรื่องนี้กับนาง ? ด้วยนิสัยของฟู่เป่าหยุนต่อให้ข้าบอกตัวตนแท้จริงของไป๋หยาน นางก็คงคิดว่าข้าโกหก ! ไร้ประโยชน์ที่จะพูดกับนาง เหตุใดข้าต้องเสียน้ำลายไปเปล่า ๆ ด้วยเล่า ? ”
  คิ้วของฟู่เทียนฉีย่นเข้าหากันเล็กน้อยทันทีที่เขาคิดว่าจะสนับสนุนตระกูลตงอีกครั้ง ภาพของฟู่เป่าหยุนก็ลอยมาวนเวียนต่อหน้าเขาอีกครั้ง ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
  อดีตฮ่องเต้ฟู่พยักพระพักตร์เล็กน้อย”ก่อนอื่นก็ต้องเอาอกเอาใจตงรั่วฉิน ข้าได้ยินมาว่าตงรั่วหลานรักน้องชายคนนี้มาก หากตงรั่วฉินพูดดี ๆ กับพี่สาว ตงรั่วหลานย่อมต้องเอ่ยชมเชยเจ้าต่อหน้าไป๋หยานด้วย”
  ”ใช่แล้วเสด็จพ่อเช่นนั้นข้าคงต้องรีบออกไปจัดการเรื่องนี้ ข้าขอตัวก่อน”
  หลังจากฟู่เทียนฉีกล่าวจบเขาก็เดินออกจากคฤหาสน์ด้วยความช่วยเหลือจากขันทีเฒ่า เขาเดินอย่างช้า ๆ ไปยังทางลงเขา
  ณบริเวณเชิงเขาด้านหลัง ฟู่รู่หลิน องค์ชายสามกำลังเดินไปเดินมา เขาหยุดมองขึ้นไปบนภูเขาเป็นครั้งคราว หากแต่เมื่อเขาต้องการจะก้าวไปข้างหน้า เขาก็ถูกองครักษ์หน้าตาเย็นชาสองคนขวางไว้
  ”ทูลองค์ชายสามหากไม่มีรับสั่ง ก็ไม่อนุญาตให้ผู้ใดขึ้นไปบนภูเขาด้านหลังยกเว้นองค์ฮ่องเต้”
  ฟู่รู่หลินก้าวถอยหลังจากนั้นก็ยืนเงียบ ๆ ที่เชิงเขาเพื่อรอ ทีท่าของเขาแลดูไม่สบายใจนัก เขาเอาแต่จ้องมองทางขึ้นเขาเบื้องหน้านัยน์ตาไม่กระพริบ
  ครึ่งชั่วยามต่อมาร่างในอาภรณ์สีเหลืองสดใสพลันปรากฏขึ้นในสายตาของเขา ซึ่งนั่นทำให้ดวงตาของเขาพลันสว่างไสว
  ”เสด็จพ่อ!”
  เสียงนี้ทำให้ฟู่เทียนฉีก้าวไปทางเชิงเขาด้านหลังอย่างช้าๆ
  ”เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่?” ฟู่เทียนฉีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
  ”เสด็จพ่อหม่อมฉันมาที่นี่ก็เพื่อสอบถามเรื่องพระสนม ทรงสัญญากับหม่อมฉันว่า จะประทานพระสนมให้หม่อมฉัน ทว่าหม่อมฉันรอมาก็ตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่ได้รับพระราชทานเลย ดังนั้นหม่อมฉันจึงมาทูลถาม” ฟู่รู่หลินมองฟู่เทียนฉี ขณะกล่าว
  ใบหน้าของฟู่เทียนฉีดำจนเขียว”ข้าไปให้สัญญาว่าจะมอบสนมให้เจ้าตั้งแต่เมื่อใด ? ในตำหนักของเจ้ามีสนมน้อยนักรึ ?”
  ฟู่รู่หลินสับสนเขาเอ่ยตอบว่า “แต่นี่คือสิ่งที่น้าหยุนบอกกับหม่อมฉัน นางขอให้หม่อมฉันรอฟังข่าวจากนาง หากแต่หม่อมฉันทนรอไม่ไหว เช่นนั้นจึงมาขอเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ”
  ฟู่เป่าหยุนต้องการให้หลานเสี่ยวหยุน ถวายตัวเป็นพระสนมของฟู่รู่หลิน ทว่านางไม่กล้าตัดสินใจ นั่นคือสาเหตุที่นางบังคับให้ตงรั่วหลานมาหา ฟู่เทียนฉี เพื่อเอ่ยปากเรื่องนี้ด้วยตนเอง
  ฟู่เทียนฉีจะปฏิเสธคำขอของตงรั่วหลานในฐานะที่ตงรั่วหลานเป็นมารดาของหลานเสี่ยวหยุนได้อย่างไร ?
  หากแต่นางไม่คาดคิดว่าฟู่รู่หลินจะมาหาฟู่เทียนฉีด้วยตนเองอย่างโง่ๆ เช่นนี้
  ”ฟู่เป่าหยุนนางอีกแล้ว ผู้ใดกันที่นางสัญญาว่าจะให้มาเป็นพระสนมของเจ้า ?” ฟู่เทียนฉีกัดฟันถาม
  ”หลานเสี่ยวหยุนหลานสาวตระกูลตง”
  ***จบบทเจ้าแน่ใจนะว่าเป็นหลานเสี่ยวหยุน ? (4)***

บทที่ 308 : ฟ้าถล่ม
  หลานเสี่ยวหยุน
  เปรี้ยง!
  สามคำนี้ไม่ต่างจากฟ้าผ่าเปรี้ยงโดนใจของฟู่เทียนฉี
  ใบหน้าของฟู่เทียนฉีเปลี่ยนเป็นสีขาว”เจ้าพูดถึงใครนะ ? หลานเสี่ยวหยุน ? หลานเสี่ยวหยุนจากตระกูลหลานแห่งอาณาจักรหลิวฮั่วงั้นรึ ? เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ใช่หงเสี่ยวหยุุน ? หรือเสี่ยวหยุนอื่น ? (หลานแปลว่าสีน้ำเงินหรือฟ้า // หงแปลว่าสีแดง)
  ”ที่ข้าได้ยินมานางคือหลานเสี่ยวหยุน บุตรสาวของตงรั่วหลาน”
  ฟู่รู่หลินกล่าวอย่างมั่นใจ
  ยามนี้ฟู่เทียนฉีรู้สึกราวกับว่าฟ้าถล่มลงต่อหน้าเขาก้าวถอยหลังไปสองก้าว มือใหญ่ปัดป่ายไปคว้าจับลำต้นของต้นไม้ข้าง ๆ น้ำเสียงของเขาสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด
  ”มีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้าง?”
  หากไม่มีใครรู้เรื่องนี้ก็ยังสามารถจัดการได้ง่ายหน่อย เขาเพียงสั่งสอนฟู่เป่าหยุนให้หนัก ๆ หน่อยก็เท่านั้น ! แต่ถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปแล้วล่ะก็
  ราชวงศ์นี้ก็คงจะถึงคราวจบสิ้นแน่แล้ว!
  ฟู่เป่าหยุนนางชั่วคนนี้นี่!
  ฟู่เทียนฉีขบฟันด้วยความเสียใจหากเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ วันนั้นเขาควรจะขับนางออกจากราชวงศ์ซะ !
  ”เอ่อ…” ฟู่รู่หลินนิ่งงันไป
  ในขณะที่เขากำลังพยายามคิดว่าจะตอบคำถามของฟู่เทียนฉีอย่างไรดี? จู่ ๆ ร่างของผู้เฒ่าก็รีบวิ่งพรวดพราดเข้ามา
  ชายชราในเสื้อคลุมสีขาวก้าวออกมาข้างหน้าสองก้าวจากนั้นก็ปัดแขนเสื้อ ป้องหมัด เอ่ยวาจาด้วยความเคารพนบนอบ “ถวายพระพร ฝ่าบาท”
  ครั้นเห็นชายชราผู้มาใหม่อารมณ์ของฟู่เทียนฉีก็ผ่อนคลายลง เขาเอ่ยถามเบา ๆ ว่า
  ”อาจารย์วูหลินมีอะไรให้ข้าช่วยงั้นหรือ ?”
  เมื่อสองวันก่อนองค์หญิงเป่าหยุนมาขอให้กระหม่อมช่วย ทั้งยังขอร้องกระหม่อมมิให้กราบทูลเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ ทว่ากระหม่อมครุ่นคิดเรื่องนี้ตลอดมา ที่สุดจึงตัดสินใจกราบทูลพระองค์”
  ฟู่เป่าหยุน
  ฟู่เป่าหยุนอีกแล้วหรือ?
  หัวใจของฟู่เทียนฉีพลันตึงเครียดใบหน้าของเขาแลดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น ขณะที่เอ่ยถามว่า “นางต้องการอะไร ?”
  ”กราบทูลฝ่าบาทเมื่อสองวันก่อน องค์หญิงเป่าหยุนทุบตีตงรั่วหลานบุตรสาวของตระกูลตงกระทั่งสิ้นสติ องค์หญิงมาขอให้กระหม่อมไปช่วยทำการรักษา ทว่าองค์หญิงข่มขู่กระหม่อมให้กระหม่อมใช้ยาปลอมกับตงรั่วหลาน”
  แม้ว่าอาจารย์วูหลินจะเป็นหมอ แต่ก็เป็นเพียงหมอปรุงยาระดับสอง นับว่าเป็นระดับล่าง ๆ ของดินแดนใหญ่นี้
  นอกจากนี้เขาไม่ได้มีนายที่แข็งแกร่งพอที่จะสนับสนุนเขาได้ เช่นนั้นเขาจึงต้องพึ่งพาราชสำนัก
  เมื่อฟู่เป่าหยุนข่มขู่เขาเขาก็ไม่กล้าขัดใจ แต่อย่างไรเขาก็เป็นหมอปรุงยาหลวง เช่นนั้นหลังจากคิดทบทวนหลายตลบ เขาก็ตัดสินใจที่จะกราบทูลรายงานเรื่องนี้ต่อองค์ฮ่องเต้
  ”ฟู่เป่าหยุนทุบตีตงรั่วหลานจนสิ้นสติงั้นรึ?” น้ำเสียงของฟู่เทียนฉีสั่นระริก ใบหน้าสีขาวของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาโกรธมาก
  ”พ่ะย่ะค่ะ”วูหลินมองฟู่เทียนฉี เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ในเวลานั้น องค์หญิงบังคับให้ตงรั่วหลาน มอบบุตรสาวของนางถวายตัวเป็นพระสนมให้องค์ชายสาม ทว่าตงรั่วหลานไม่ยินยอม เช่นนั้นองค์หญิงจึงโมโหและทุบตีตงรั่วหลาน ”
  ”เหตุที่กระหม่อมมากราบทูลรายงานพระองค์ก็คือ ตงรั่วหลาน ไม่ได้เสแสร้งแกล้งเวียนหัว นางมีเลือดคั่งในสมอง หากนางไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ตลอดชีวิตนี้นางจะไม่มีวันตื่นขึ้นอีกเลย กระหม่อมได้ทูลองค์หญิงแล้วถึงความจริงสำคัญข้อนี้ แต่ทำอย่างไร องค์หญิงก็ไม่เชื่อกระหม่อม
  เปรี้ยง!
  หัวของฟู่เทียนฉีว่างเปล่าในใจของเขานึกถึงแต่คำพูดของวูหลิน
  ตงรั่วหลานจะไม่ตื่นขึ้นอีกตลอดชั่วชีวิต
  ไม่ตื่นอีก! ! !
  ”คนไร้ค่า!” ฟู่เทียนฉีโกรธกระทั่งตบหน้าอกของวูหลิน คิ้วของเขาขมวดเป็นปมด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้าทำอะไรลงไป หากตงรั่วหลานไม่ตื่น ราชวงศ์ของเราจะถูกฝังไปพร้อมกับนางด้วย ! ”
  วูหลินเงยหน้าขึ้นมองฟู่เทียนฉีด้วยความประหลาดใจจิตใจของเขาสับสน เขาไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของฟู่เทียนฉี
  ”พวกเจ้าเตรียมรถม้าไปบ้านสกุลตง ! ข้าจะไปพบเขาที่บ้านเพื่อขอโทษเขาด้วยตนเอง !”
  ***จบบทฟ้าถล่ม***

บทที่ 309 : สิ้นสติเพราะความหวาดกลัว
  ฟู่เทียนฉีไม่สนใจใบหน้าที่กำลังตกใจของวูหลินเขาสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
  แต่…
  ขณะที่เขากำลังรีบเดินออกนอกวังขันทีก็รีบมารายงานว่า “ทูลฝ่าบาท … มีผู้บุกรุกเข้ามาสังหาร…”
  ฟู่เทียนฉีหยุดใบหน้าของเขาฉายแววแห่งความรำคาญเกินทน “เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ยังต้องรบกวนข้าอีกรึ ? ออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้ !”
  เรื่องเล็กๆ น้อย ๆ … เรื่องเล็กงั้นรึ ?
  ขันทีถึงกับนิ่งงันการบุกเข้าวังเข่นฆ่าสังหารผู้คน ในสายพระเนตรฮ่องเต้แล้วเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ งั้นหรือ ?
  ”ฝ่าบาท…”
  ครั้นเห็นว่าฟู่เทียนฉีไม่ยอมหยุดเดินทั้งยังมุ่งตรงไปที่ลานของพระราชวัง ขันทีก็รีบซอยฝีเท้าวิ่งติดตามมาอย่างรวดเร็ว
  ”ฝ่าบาทพระองค์ไม่ควรไปที่นั่น อันตรายมากนะพ่ะย่ะค่ะ”
  น่าเศร้า…
  สายเกินไปเสียแล้ว
  เมื่อขันทีตามทันฟู่เทียนฉีทันเขาก็เห็นมังกรตัวโตปรากฏกายบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า มันก้มหัวลงมองกลุ่มคนบนพื้นดินด้วยสายตาเซ็ง ๆ ทั้งยังทำจมูกฟุดฟิดแสดงอาการดูถูกเหยียดหยามเต็มไปด้วยความเย็นชา
  บนหลังมังกรมีสาวงามในอาภรณ์สีแดงยืนนิ่งนางอุ้มเด็กชายอายุประมาณห้าขวบในอ้อมแขน
  เด็กชายตัวเล็กๆ นั้นน่ารักมาก นัยน์ตากลมโตของเขาสว่างไสวราวกับดวงดาว ริมฝีปากของเขาแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา แลดูไม่มีพิษภัยไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อื่น ๆ ในโลก
  ใต้ร่างมังกรแก้วมีกลุ่มทหารองครักษ์คุ้มกันนอนเกลือกกลิ้งอยู่ พวกเขาส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เสียงนั้นทำให้ฟู่เทียนฉีตกใจกระทั่งเป็นลมหมดสติ
  ”ฝ่าบาท!”
  ขันทีอุทานออกมาก่อนจะรีบเข้าไปช่วยฟู่เทียนฉี น้ำเสียงของเขาสั่นเทา “รีบคุ้มกันฝ่าบาท !”
  ทันทีที่ขันทีกล่าวจบเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นจากด้านหน้า
  ”เสด็จพี่ช่วยหม่อมฉันด้วย !”
  ไม่ไกลกันนักตี้เสี่ยวอวิ๋นก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยชายวัยกลางคนที่เดินตามมาอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
  ชายวัยกลางคนกำลังพยุงผู้หญิงที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระจัดกระจาย
  ครั้นหญิงผู้นั้นเห็นฟู่เทียนฉีนางก็รู้สึกราวกับว่านางได้เห็นเทพเซียนผู้จะสามารถช่วยให้นางรอดพ้นหายนะในครั้งนี้ นางหันกลับไปตบชายวัยกลางคนทันที
  ”ตงรั่วฉินคนไร้ประโยชน์! เจ้ากล้าช่วยคนพวกนี้ได้อย่างไร ? อย่าลืมสิว่า เหตุที่พระเชษฐาของข้าคิดสนับสนุนเจ้าเป็นเพราะข้านะ ส่วนตระกูลตงของเจ้ามีดีอะไร ?”
  ตงรั่วฉินไม่กล่าวคำใด
  ก่อนหน้านี้หลังจากตี้เสี่ยวอวิ๋นทำให้ฟู่เป่าหยุนหมดสติ นางก็ให้ตงรั่วฉินลากตัวฟู่เป่าหยุนมาด้วย ผู้ใดจะรู้ว่าฟู่เป่าหยุนจะฟื้นขึ้นกลางทาง เช่นนั้นตลอดทางที่มานางจึงโดนทุบตีไม่น้อย
  ทว่าตงรั่วฉินเองก็ไม่มีทางเลือกหากเขาไม่ทำตามคำสั่งตี้เสี่ยวอวิ๋น เขาก็จะถูกลงโทษรุนแรงมากกว่านี้
  ฟุ่เป่าหยุนจ้องมองตงรั่วฉินผู้ซึ่งยืนนิ่งเงียบก่อนจะวิ่งเข้าไปหาฟู่เทียนฉี
  ”เสด็จพี่ต้องทรงให้ความยุติธรรมกับหม่อมฉัน !”
  ยามนี้ฟู่เทียนฉีฟื้นขึ้นมาพอดีขณะเดียวกันขันทีก็กำลังนวดเฟ้นไม่หยุด ทันทีที่ฟู่เทียนฉีฟื้น เขาก็เห็นสตรีผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงวิ่งเข้ามาหา ชั่วขณะนั้นเขาไม่ทันได้คิดอะไร ได้แต่เตะนางออกไปตามสัญชาตญาณ
  ”ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
  นางสารเลวนี่! หากมิใช่เพราะนาง เรื่องราวยุ่งยากมากมายเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
  หากราชวงศ์นี้ถูกทำลายลงนางแหละจะเป็นคนที่บาปที่สุด !
  ฟู่เป่าหยุนตกใจนางทำตัวเก้ ๆ กัง ๆ ขณะมองฟู่เทียนฉีด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะกล่าวอย่างงง ๆ ว่า “เสด็จพี่ ข้าเป่าหยุนไง ทรงจำข้าไม่ได้หรือ ?”
  เสด็จพี่จะเตะนางได้อย่างไร?
  ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนางแล้วพระองค์ยังทรงวางแผนที่จะสนับสนุนสกุลตงด้วย
  ”มังกรแก้ว”
  ทันใดนั้น
  ***จบบทสิ้นสติเพราะความหวาดกลัว***

บทที่ 310 : ข้าเข้าใจไม่ผิด
  เสียงแผ่วเบาค่อยๆ ดังมาจากท้องฟ้าเวิ้งว้างว่างเปล่า
  หลังจากที่มังกรแก้วซึ่งกำลังเซ็งได้ยินคำนี้ มันก็ส่งเสียงคำรามเตือนลงไปที่ด้านล่าง ดวงตาอันดุเดือดของมันเปลี่ยนเป็นกระหายเลือด มันจ้องฟู่เทียนฉีผู้ซึ่งยามนี้หวาดกลัวมาก กระทั่งยืนโงนเงนไม่สามารถทรงตัวได้อย่างมั่นคง
  “เจ้า… คือไป๋หยานแห่งอาณาจักรหลิวฮั่ว”
  มังกรน่าเกลียดสตรีในอาภรณ์แดงงดงาม และเด็กน้อยอายุห้าขวบน่ารักน่าเอ็นดู
  รวมความทั้งหมดนี้คำตอบก็ปรากฏชัดเจน
  ไป๋หยานแสร้งทำราวกับว่าไม่ได้ยินถ้อยคำของเขาริมฝีปากสีแดงของนางยกโค้งเล็กน้อยราวกระหายเลือด
  ”มังกรแก้วฆ่าเขาซะ !”
  น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยเจตนาสังหารกลิ่นอายอำมหิตแผ่กระจายไปทั่ว
  “ช้า… ช้าก่อน” ฟู่เทียนฉีปาดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก พร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ “แม่นางไป๋หยาน นี่อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
  ”นี่ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดผู้ใดก็ตามที่ขวางทางไม่ให้ข้าพาวิหคเพลิงกลับไปต้องตาย !”
  ใบหน้าของไป๋หยานสงบเฉยเมยทว่าน้ำเสียงของนางกลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง นัยน์ตาเย็นยะเยือกราวกับคมดาบที่เย็นเฉียบแทรกซึมซอกซอนเข้าไปถึงไขกระดูก
  ”วิหคเพลิงวิหคเพลิงอะไรกัน ? ข้าไม่รู้เรื่่อง”
  ฟู่เทียนฉีหันมองโดยรอบอย่างโกรธเกรี้ยวเขากล่าวตำหนิยอดฝีมือที่ก้าวเข้ามาคำนับ “ผู้ใดกัน ? ผู้ใดจับวิหคเพลิงของแม่นางไป๋มา ? รีบคืนวิหคเพลิงนั่นให้นางเดี๋ยวนี้ !”
  เหล่ายอดฝีมือต่างหันมองหน้ากันที่สุดยอดฝีมือระดับเทียนเจี่ยผู้หนึ่งก็กราบทูลรายงานออกมาด้วยเสียงเล็ก ๆ ไม่ต่างกับยุง “กราบทูลฝ่าบาท เมื่อไม่นานมานี้ องค์หญิงเป่าหยุนสั่งพวกเราให้ไปจับวิหคเพลิงมาฝึกให้เชื่อง”
  เปรี้ยง!
  ฟู่เทียนฉีสะอึกไปอีกสามครั้งเขาคว้าจับข้อมือขันทีข้างกายแน่น เพื่อยึดเป็นหลักไม่ให้ล้มลงกับพื้นต่อหน้าสาธารณชน
  ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาแลดูค่อนข้างสิ้นหวัง
  จบสิ้นแล้ว!
  ฟู่เป่าหยุนนางคนงี่เง่า ไม่เพียงแต่ทำร้ายตงรั่วหลาน แต่ยังต้องการให้หลานเสี่ยวหยุนถวายตัวเป็นพระสนมให้กับโอรสเขา แล้วนี่นางยังจับสัตว์อสูรของไป๋หยานมาอีก !
  จะมีผู้ใดในโลกนี้ที่อาจหาญเทียบเท่านางได้อีกเล่า?
  ”พวกเจ้ายังมัวรีรออะไรอยู่รีบไปปล่อยวิหคเพลิงของแม่นางไป๋สิ !” ฟู่เทียนฉีหันไปหากลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขา พร้อมกับตวาดด้วยความโกรธ
  คนพวกนั้นลังเลตอนนี้วิหคเพลิงได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในเรือนจำ จะมาพบสตรีผู้นี้ได้อย่างไร ?
  ไป๋หยานหมดความอดทนแล้วนางขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางกล่าวว่า “มังกรแก้ว ทลายวังหลวงนี้ให้ราบคาบ ต่อให้ต้องขุดลึกลงไปอีกสามฉื่อ เราก็จะต้องหาตัววิหคเพลิงให้พบ !”
  เฉินเอ๋อรู้ที่อยู่ของวิหคเพลิงคร่าวๆ เท่านั้น หาไม่แล้วนางก็คงไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่นานนักหรอก
  เนื่องจากคนในวังหลวงไม่ให้ความร่วมมือนางจึงต้องขุดทั่วทั้งวัง !
  ”ช้าก่อนแม่นางไป๋ ให้เวลาข้าอีกครู่เถิด ข้าจะคืนวิหคเพลิงให้” ฟู่เทียนฉีกล่าวพร้อมใบหน้าซีดขาว นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นองค์รักษ์ของตน “ดูเหมือนว่าข้าจะไม่สามารถสั่งพวกเจ้าได้ เช่นนั้นข้าก็จะกราบทูลเสด็จพ่อให้เสด็จออกมารับสั่งกับพวกเจ้าด้วยพระองค์เอง”
  ใบหน้าของยอดฝีมือเทียนเจี่ยหลายคนเปลี่ยนไปพวกเขาต่างก็รู้ว่าครานี้ พวกเขาคงไม่อาจหลบเลี่ยงได้อีกแล้ว เช่นนั้นพวกเขาจึงส่งคนไปปล่อยวิหคเพลิง
  สายลมพัดหวีดหวิว
  ไป๋หยานยืนอยู่บนหลังมังกรแก้วด้วยท่วงท่างดงามและหยิ่งผยอง
  ”เจ้าควรอธิษฐานไม่ให้วิหคเพลิงได้รับบาดเจ็บใดๆ หาไม่แล้ว ข้าเองก็ตอบไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น !”
  หัวใจของฟู่เทียนฉีสั่นสะท้านแววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
  ชั่วขณะนั้นเองฟู่เป่าหยุนก็ลุกขึ้นจากพื้น นางกำลังตกใจทั้งยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าทันทีที่นางได้ยินไป๋หยานกล่าวถึงวิหคเพลิง นางก็เปล่งวาจาออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
  ”วิหคเพลิงนั่นข้าเป็นคนจับมันมาเอง เจ้าจะทำไม ? ในเมื่อตงรั่วหลานขายตัวเพื่อแลกมันมา ! ของที่ได้มาด้วยวิธีการเช่นนี้ เมื่อเข้ามาในบ้านสกุลตงของข้า ย่อมต้องเป็นของข้า…ฟู่เป่าหยุน ! แล้วเจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงถึงจะเอามันไป ?”
  ***จบบทข้าเข้าใจไม่ผิด***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท