จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 501-505

ตอนที่ 501-505

บทที่ 501 : กลัวจนก้าวขาไม่ออก (4)
  ครั้นได้ยินเช่นนี้บรรดาผู้อาวุโสต่างก็หันไปมองผู้อาวุโสชุดแดงอย่างชื่นชม
  หัวหน้านับจากนี้ไปท่านสมควรเป็นหัวหน้าของพวกเรา ! ผู้ที่ได้ยินว่าแม่มดน้อยมาถึงที่นี่ ทว่ายังคงรักษาความสงบนิ่งไว้ได้ ย่อมสมควรเป็นผู้นำ
  กล่าวได้ว่าผู้อาวุโสในชุดแดงยังไม่เคยได้รับตำแหน่งสำคัญใดๆ ในวิหารผู้อาวุโสแห่งนี้มาก่อน เขาจึงตัดสินใจรับตำแหน่งนี้โดยไว
  นี่เป็นเกียรติที่แสดงให้เห็นว่าที่เขาเพียรทุ่มเทมานานหลายปียังไม่สูญเปล่า
  ”ไปหาตัวแม่มดน้อยกันเร็วเข้าเราจะปล่อยให้นางทำลายสำนักเวชโอสถของเราไม่ได้”
  ผู้อาวุโสยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
  ”ใช่หากนางโกรธ ก็ให้นางสังหารเย่หยิงซะ ขอเพียงอย่าทำลายสำนักเวชโอสถของเราก็พอ”
  ทันทีที่ผู้อาวุโสกระจายตัวกันไปพวกเขาก็พุ่งตัวออกจากวิหารด้วยความรวดเร็ว พวกเขาเกรงว่าหากช้าเพียงเล็กน้อย แม่มดน้อยอาจทำให้สำนักเวชโอสถพังพินาศ
  ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นถึงองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้ว่าสำนักเวชโอสถจะถูกทำลาย พวกเขาก็ไม่อาจก่อสงครามระหว่างสองขั้วอำนาจได้
  ”อาวุโสลั่วจงท่านไม่ไปด้วยหรือ ?” ผู้คุ้มกันหันไปมองชายชราในชุดแดงที่นั่งเงียบ ๆ พร้อมกับเอ่ยถาม
  ลั่วจงค่อยๆ ยื่นมือของเขาออกไปหาผู้คุ้มกัน “มาใกล้ ๆ ข้าหน่อย ช่วยพยุงข้าที ขาข้าสั่นเล็กน้อย ทว่าข้าไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้… ”
  ”…”
  ใบหน้าของผู้คุ้มกันเปลี่ยนเป็นตกตะลึงเขาเฝ้าดูแข้งขาสั่น ๆ จากนั้นก็พูดไม่ออก
  ท่านกล้าเสแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง? กระทั่งผู้อาวุโสคนอื่น ๆ คิดว่าท่านไม่กลัวแม่มดน้อย
  *****
  ชั่วขณะเดียวกันนี้ฉู่อีอี้เหวี่ยงเย่หมิงที่นางจับตัวมาได้ลงไปวัดกับพื้น นางยกยิ้มชั่วร้าย
  ”เสี่ยวอวิ๋นเสี่ยวหยุน วันนี้เรามาทำลายสำนักเวชโอสถกัน หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง !”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นหันไปมองฉู่อีอี้พลางก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ขณะเอ่ยกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องปกป้องข้า ในโลกนี้ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับข้า !”
  ปัง!
  คนแรกที่ลงมือโดยไม่พูดไม่จาก็คือหลานเสี่ยวหยุน
  นางหยิบก้อนอิฐขึ้นมาก่อนจะโยนเข้าไปในเรือนจากนั้นนางก็ได้ยินเสียงดังตุ้บ แล้วตามด้วยเสียงกรีดร้อง !
  ”ผู้ใดเมื่อกี้เป็นฝีมือผู้ใด ”
  ทันทีที่น้ำเสียงโกรธจัดดังแว่วมา หญิงชราร่างใหญ่ก็เดินออกมาจากเรือนนางยืนเท้าสะเอว นัยน์ตาของนางลุกโชนด้วยความโกรธ
  ”ผู้ใดเป็นคนโยนอิฐนั่นใส่ข้า ?”
  หลานเสี่ยวหยุนก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวใบหน้าที่งดงามของนางเปื้อนยิ้ม “เป็นข้าเอง เจ้าจะทำอะไรข้า ?”
  ”นังเด็กบ้าเจ้า… ”
  หญิงชราโกรธจัดนางกำลังจะก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อหาเรื่อง ทันใดนั้นเอง นางก็เห็นหลานชายของนางถูกโยนลงบนพื้น ไม่ต่างกับสุนัขตายซาก นางตกตะลึงไปชั่วอึดใจ จากนั้นนางก็กรีดร้อง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาเขา
  ”ผู้ใดกันที่กล้าทุบตีหลานชายของข้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้วรึไง !
  ยามนี้นัยน์ตาของหญิงชราเต็มไปด้วยประกายแสงสีแดงฉานนางจ้องฉู่อีอี้และอีกสองสาว ไม่ต่างกับหมาป่าดุร้ายที่ต้องการขย้ำหญิงสาวทั้งสามให้ตายคาที่
  ”เขากล้าตู่ว่าเป็นคู่หมั้นของข้าเหตุใดข้าจะไม่กล้าเล่า ?” ฉู่อีอี้เชิดคางขึ้นพลางกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ
  ”โอหังนัก!” หญิงชรากล่าวด้วยความโกรธ “หญิงป่าเถื่อนเช่นเจ้า ผู้ใดจะกล้าเป็นคู่หมั้นของเจ้ากัน ? หลานชายของข้าจะเป็นผู้สืบทอดสำนักเวชโอสถ หญิงป่าเถื่อนเยี่ยงเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนางบำเรอของเขาด้วยซ้ำ ! ”
  ฮะ!
  ฝูงชนฮือฮา
  เนื่องจากทั้งสามสาวก่อเรื่องเอะอะโวยวายขึ้นที่นี่จึงทำให้ศิษย์ของสำนักเวชโอสถเข้ามามุงดูเป็นจำนวนมาก ยามนี้พวกเขาต่างก็ตกใจเมื่อได้ยินคำกล่าวของหญิงชรา ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
  ***จบบทกลัวจนก้าวขาไม่ออก (4)***

บทที่ 502 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (1)
  ไป๋จั่นเผิงยังมีชีวิตอยู่
  เย่ฮูหยินกลับต้องการให้หลานชายของนางขึ้นเป็นทายาทของสำนักเวชโอสถแล้วกระนั้นหรือ?
  นี่ไม่เท่ากับเป็นการสาปแช่งไป๋จั่นเผิงให้ไม่มีบุตรไปตลอดชีวิตกระนั้นหรือ?
  บรรดาผู้อาวุโสของสำนักเวชโอสถต่างก็รีบมาที่นี่ทันทีที่พวกเขาได้ยินถ้อยคำของฮูหยิน พวกเขาก็โกรธจนแทบจะเป็นบ้า
  ”นี่…มันจะมากเกินไปแล้วกล้าดียังไง” ผู้อาวุโสหวงผาวชี้นิ้วไปที่เย่ฮูหยิน “สำนักเวชโอสถของข้าตกเป็นของพวกเจ้าตั้งเมื่อไหร่ ? พวกเจ้าต้องการให้นายน้อยรับเย่หยิงเป็นธิดาบุญธรรมก็เพื่อให้คนของเจ้ารับช่วงสืบทอดสำนักเวชโอสถงั้นรึ ? นายน้อยของข้ายังอายุน้อยไม่ตายง่าย ๆ หรอก ! ทั้งเจ้าสำนักเองก็ยังมีชีวิตอยู่ !
  ยิ่งไปกว่านั้นแม่มดน้อยยังบอกด้วยว่าเย่หมิง ไปอ้างตนว่าเป็นคู่หมั้นของนาง ?
  โอ้สวรรค์! ข้าไม่รู้ว่าตระกูลเย่จะหน้าด้านหน้าทนไปถึงไหนกัน ? ตอนแรกก็บอกว่าเย่หยิงจะแต่งงานกับองค์ชายน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มาตอนนี้ก็บอกว่าเย่หมิงเป็นคู่หมั้นขององค์หญิงน้อยอีก ช่างกล้าคิด ? ด้วยฐานะอย่างพวกเขามีหรือจะได้รับโอกาสที่ดีเช่นนั้น ? บรรดาผู้อาวุโสต่างก็ออกอาการฟึดฟัดด้วยความโมโห นี่หากมิเห็นแก่หน้าท่านเจ้าสำนัก พวกเขาคงอดไม่ได้ที่จะลงไม้ลงมือกับฮูหยินชราผู้นี้ !
  *****
  ”ท่านย่า”
  บริเวณหน้าประตูลานบ้านเย่หมิงร้องเรียกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจและสิ้นหวัง
  เหตุที่เมื่อครู่เขากล้ากล่าวเช่นนั้นก็เพราะตอนนั้นไม่มีคนสำนักเวชโอสถอยู่ในลานบ้านไป๋หยาน ก็แล้วผู้ใดจะเชื่อคำพูดของนางที่เป็นเพียงลมปากเป่าเล่า ?
  ทว่าตอนนี้
  มีแต่ศิษย์ของสำนักเวชโอสถอยู่โดยรอบ
  เหตุใดท่านย่าถึงได้นำสิ่งที่พวกเขาปรึกษากันอย่างลับๆ มาพูดเล่า ?
  ”ข้า… ข้าพูดผิดอีกแล้วสิ” เย่ฮูหยินกราดตามองโดยรอบ ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
  แท้จริงแล้วหลังจากพูดจบนางก็รู้สึกเสียใจ แต่นางไม่สามารถดึงคำพูดเหล่านั้นกลับคืนได้
  ”ท่านย่า”
  เย่หยิงดูเหมือนจะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่บริเวณประตูนางเดินออกมาจากลานบ้านช้า ๆ นางเห็นฉู่อีอี้ยืนอยู่เบื้องหน้า นางก็ขมวดคิ้วมุ่น
  นางเคยเห็นฉู่อีอี้ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนครั้นตอนนี้ได้เห็นฉู่อีอี้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง นางก็รู้สึกเพียงว่านางคุ้นเคยกับนัยน์ตาคู่นี้ของหญิงสาว หากแต่นางก็จำไม่ได้
  ”เหตุใดถึงได้มีเสียงเอะอะวุ่นวายข้างนอก? ไยศิษย์ของสำนักเวชโอสถจึงมารวมตัวกันอยู่ตรงนี้ ? เย่หยิงทำปากยื่น แววตาของนางแสดงออกถึงความไม่พอใจ “ยามนี้ข้าต้องใช้สมาธิในการปรุงยา หากคิดจะมาขอวิธีการปรุงยาจากข้านั้นไม่มีทางหรอก ข้าไม่เปิดเผยวิธีการของข้าให้ผู้ใดแน่”
  ฉู่อีอี้หันหน้าไปมองตี้เสี่ยวอวิ๋นและหลานเสี่ยวหยุน
  ”ที่นางพูดมาหมายความว่าไง?”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นส่ายหน้า”ไม่รู้สิ บางทีสมองของนางอาจจะมีปัญหา”
  ”แม่นาง!” ใบหน้าของเย่หยิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางพยายามบังคับน้ำเสียงให้อ่อนโยนลง “หากเจ้าเป็นผู้เข้าร่วมงานชุมนุมหมอปรุงยา เจ้าก็ควรพึ่งพาความสามารถของตนเองมิใช่มาคอยร้องขอความช่วยเหลือจากข้า ในฐานะหมอปรุงยา ข้าจะไม่โกง ทั้งจะไม่เล่นพรรคเล่นพวก ”
  ”งานชุมนุมหมอปรุงยาคืออะไร? ข้า…มาที่นี่เพื่อตามหาเย่หยิง ข้ามาคิดบัญชีกับเย่หยิง ผู้ใดไม่ใช่เย่หยิงก็ถอยไป !”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นกวาดตามองอย่างเย็นชาพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน
  ”อาหญิง”
  ทันใดนั้นเองเจ้าซาลาเปาน้อยก็เดินมาจากด้านหลังพร้อมด้วยลูกแมวสีขาวราวหิมะในอ้อมแขน น้ำเสียงของเขานุ่มนวลอ่อนหวานบริสุทธิ์และไร้เดียงสา
  ”ผู้หญิงเลวคนนี้คือเย่หยิงนางไม่เพียงแต่จะแอบชอบป๊ะป๋าวายร้ายเท่านั้น แต่นางยังต้องการลักพาตัวเฉินเอ๋ออีกด้วย”
  เย่หยิงไม่ได้บอกว่าจะลักพาตัวไป๋เสี่ยวเฉินทว่าอย่างไรเสียก็ไม่ได้ทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินเลิกสาดสีใส่นาง
  ขณะที่เย่หยิงกำลังตกตะลึงอยู่นั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นก็วิ่งเข้าไปตบหน้าเย่หยิงอย่างไม่ทันตั้งตัว
  ”ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าแอบชอบพี่ชายของข้า! เจ้าเทียบไม่ได้แม้ขนสักเส้นของพี่สะใภ้ข้าด้วยซ้ำ ?”

บทที่ 503 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (2)
  ตบนี้ทำให้เย่หยิงยืนนิ่งอย่างโง่งมนางไม่ทันเห็นการเคลื่อนไหวของตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยซ้ำ ฝ่ามือของตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ตบลงบนใบหน้าของนางเสียแล้ว
  ”อา…นังบ้า !!! ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ !”
  เย่ฮูหยินกรีดร้องนางรีบวิ่งเข้าไปหาตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยความโกรธ
  ผู้ใดจะไปรู้ว่าก่อนที่นางจะทันถึงตัวตี้เสี่ยวอวิ๋น ตี้เสี่ยวอวิ๋นก็ยกขาขึ้นเตะร่างอ้วนของนางเสียแล้ว หญิงชราล้มกลิ้งไปกับพื้นหลายตลบกว่าจะหยุดลงได้
  ”หยุดนะ!”
  ยามนี้ใบหน้าของเย่หยิงแลดูน่าเกลียดน่ากลัวนัยน์ตาของนางแวววาว “กล้าดียังไง ถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ในสำนักเวชโอสถของข้า พวกเจ้าไยจึงมัวยืนเฉยอยู่ได้ ยังไม่รีบเข้ามาจัดการคนพวกนี้อีก !”
  ไม่มีคนของสำนักเวชโอสถคนใดขยับตัวเลยทุกคนต่างหันมองไปที่บรรดาผู้อาวุโส
  ผู้อาวุโสลั่วจงที่พยามยามทำใจไม่ให้ตื่นตระหนกกำลังพยายามหาวิธีที่จะเอาใจแม่มดน้อยอยู่ ทว่าเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เย่หยิงก็กลับทำเสียเรื่องอีก
  จบกัน!
  ครานี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสยบความโกรธของแม่มดน้อย
  ”เจ้าต้องการที่จะตีข้างั้นรึ?”
  ภายใต้แววตาโกรธแค้นของเย่หยิงและคนของนางฉู่อีอี้กลับยิ้มเยาะเย้ย “ขนาดบิดาของข้ายังไม่กล้าตีข้าเลย ส่วนเจ้ายังไม่อาจนับเป็นศิษย์ของสำนักเวชโอสถด้วยซ้ำ คิดจะต่อต้านข้างั้นรึ ? เจ้าคิดว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นอะไร ? เพียงบิดาของข้าไม่อยู่ เจ้าก็คิดว่าจะสามารถข่มขู่ผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เราได้งั้นรึ ?
  ดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
  เย่หยิงสับสนหญิงผู้นี้เป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ ?
  ”เจ้าก็เป็นแค่ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทำตัวจองหองมาทุบตีผู้คนในสำนักเวชโอสถ แม้ว่าประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเอง สำนักเวชโอสถของเราก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าทำตามอำเภอใจง่าย ๆ … ”
  ตูม!
  ทันทีที่เย่หยิงกล่าวจบมือข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากไหนไม่รู้ผลักนางให้ออกห่างจากฉู่อีอี้
  ยามนี้ในใจของเย่หยิงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เมื่อครู่เป็นผู้ใดกันที่กล้าผลักนาง นางยิ่งโกรธ โกรธจนเดือดดาล แต่ครั้นนางเห็นผู้ที่ปรากฏกายเบื้องหน้านาง นางก็ตกใจ
  ”ผู้อาวุโสเทียนซวนเหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?”
  ผู้อาวุโสในชุดสีเหลืองมีนามว่าเทียนซวน
  หลังจากผลักเย่หยิงออกไปแล้วเขาก็เดินตัวลีบไปยืนหน้าฉู่อีอี้ ใบหน้าชราภาพเผยรอยยิ้มประจบประแจง
  “แม่มดเอ๊ย ! องค์หญิงน้อย ลมอะไรหอบท่านมาถึงที่นี่ได้ ?”
  เขาเกือบเผลอเรียกฉู่อีอี้ว่าแม่มดน้อยโชคดีที่เขายั้งปากได้ทันเวลา หาไม่หากเรียกชื่อนั้นออกไปจนจบ เกรงว่าแม่มดน้อยจะทำลายสำนักเวชโอสถด้วยความโกรธ
  ”ข้าเพียงอยากรู้ว่าเวลาที่ข้าไม่อยู่คนของสำนักเวชโอสถของเจ้ายโสโอหังเพียงใด? นี่ยังต้องการที่จะตีข้าอีกหรือไม่ ?” ฉู่อีอี้หัวเราะ “อ้อ…ผู้สืบทอดสำนักเวชโอสถของเจ้า บอกว่าเขาเป็นคู่หมั้นของข้า ทั้งย่าของเขายังบอกด้วยว่าเขาไม่คู่ควรกับคู่หมั้นเช่นข้า แต่ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดสำนักเวชโอสถจึงได้ตกต่ำถึงเพียงนี้ ถึงกับมีผู้สืบทอดเช่นนี้เลยหรือ ?”
  “ไม่เลยไม่อย่างแน่นอน นายน้อยของเราไม่ทำเรื่องเช่นนั้นแน่ ในวันหน้านายน้อยย่อมต้องมีลูกหลาน เย่หมิงเป็นเพียงญาติจะมาเป็นผู้สืบทอดได้อย่างไร ?” เทียนซวนจ้องมองคนตระกูลเย่พลางหันมามองฉู่อีอี้ “ส่วนเรื่องคู่หมั้นนั้นข้าเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน !”
  “จริงด้วย! องค์หญิงน้อยเป็นคนมากความสามารถ มีเพียงบุรุษที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้นที่คู่ควรจะเป็นสามีของท่าน เย่หมิงคืออะไร ก็แค่ผู้ชายเจ้าเล่ห์ธรรมดา ๆ ไม่คู่ควรกับท่านแม้แต่น้อย”
  ”องค์หญิงน้อยทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นความผิดของคนตระกูลเย่ หากท่านประส่งค์ที่จะคิดบัญชีพวกเขา ท่านก็ลงมือได้เลย แต่ได้โปรดละเว้นคลังยาของเราจะได้หรือไม่ ?”
  ผู้อาวุโสทุกคนรายล้อมรอบตัวฉู่อีอี้เพราะเกรงว่าหากนางก้าวออกไปแม้ครึ่งก้าว สมบัติของสำนักเวชโอสถก็จะถูกทำลาย
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (2)***

บทที่ 504 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (3)
  ”ผู้อาวุโส… ” เย่หยิงตกตะลึง นางรีบถามต่อว่า “ท่านหมายถึงอะไร ใครคือองค์หญิงน้อย ?”
  องค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีอยู่ผู้เดียวเท่านั้น
  ว่ากันว่าองค์หญิงน้อยเป็นยอดดวงใจของประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตระกูลที่ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นก็คือตระกูลฉู่และมีเพียงองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ คนในตระกูลพยายามปกป้องคุ้มครองราวกับไข่ในหินเสมอมา เช่นนั้นองค์หญิงน้อยมาปรากฏตัวที่สำนักเวชโอสถเพียงลำพังได้อย่างไร ?
  ”เย่หยิง!” ใบหน้าของลั่วจงแลดูเย็นชา “เจ้ากล้าคิดทำร้ายองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์์ ! ต่อให้ข้าขวัญกล้ามากกว่านี้สักร้อยเท่า ข้าก็ไม่กล้าแตะต้ององค์หญิงน้อย ! เจ้าเก่งกว่าข้ายิ่งนัก !”
  วิงเวียน!
  ในหัวของเย่หยิงสับสนวุ่นวายไปหมดใบหน้าขาว ๆ ของนางเปลี่ยนเป็นซีดไร้สีเลือดทันที นางกัดริมฝีปากแน่น ขณะก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
  ไม่…
  เป็นไปไม่ได้!
  หญิงผู้นี้เป็นองค์หญิงน้อยของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ งั้นหรือ นางเป็นคนที่หญิงสาวทุกคนบนโลกนี้จะต้องอิจฉางั้นรึ ?
  ”เป็นไปไม่ได้!”
  เสียงกรีดร้องดังขึ้น
  เย่ฮูหยินลุกขึ้นจากพื้นดินใบหน้าเหี่ยว ๆ ของนางบิดเบี้ยว นัยน์ตาของนางวาววับด้วยความโกรธเคือง ขณะจ้องใบหน้าของฉู่อีอี้ไม่วางตา
  “เป็นไปไม่ได้ที่หญิงผู้นี้จะเป็นองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าจะต้องเข้าใจผิดเป็นแน่ !”
  ใช่พวกเขาต้องเข้าใจผิด หญิงป่าเถื่อนเช่นนี้จะเป็นองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร ? สวรรค์คงตาบอดเป็นแน่ เป็นไปไม่ได้ที่สวรรค์จะเมตตาหญิงสาวที่หยาบคายเช่นนี้
  หากนางมีหลานสาวเยี่ยงนี้นางคงจะโกรธจนเส้นเลือดแตกตาย จะเอ็นดูหญิงผู้นี้ลงได้ยังไง ?
  โชคดีที่เย่หยิงของนางทั้งฉลาดทั้งน่ารักไม่อาจเทียบกับเด็กป่าเถื่อนเช่นนี้ได้
  ”เอาล่ะ”ฉู่อีอี้หันหน้าไปมองพลางยิ้มอย่างร้ายกาจ “ตี้เสี่ยวอวิ๋น มาแข่งกันดีกว่าว่าผู้ใดจะทำให้นางมีบาดแผลมากที่สุด”
  ”ตกลง”ตี้เสี่ยวอวิ๋นพยักหน้า “ข้ารับผิดชอบร่างกายส่วนล่าง เจ้าจัดการร่างกายส่วนบน ส่วนใบหน้ายกให้หลานเสี่ยวหยุน ! กล้าคิดช่วงชิงพี่ชายจากพี่สะใภ้ข้า หากปล่อยไปง่าย ๆ ! ข้าก็ไม่ใช่ตี้เสี่ยวอวิ๋นแล้ว ! ”
  ฉู่อีอี้ม้วนแขนเสื้อของนางขึ้นขณะก้าวเข้าไปหาเย่หยิงพร้อมด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
  ครั้นเห็นเด็กสาวทั้งสามรายล้อมรอบตัวนางนัยน์ตาของเย่หยิงก็แลดูหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ นางก้าวถอยหนีทีละก้าว ๆ
  ”อ้า! ! !”
  ท้องฟ้ายามบ่ายช่างสวยงามมากเป็นพิเศษ
  ทว่าลานบ้านด้านนอกกลับมีเสียงร่ำไห้ดังระงมไปทั่วฟ้ากระทั่งทำให้ทุกผู้คนในสำนักเวชโอสถต้องแตกตื่นตกใจ
  อย่างไรก็ตามเนื่องจากพรุ่งนี้จะเป็นวันสิ้นสุดงานชุมนุมหมอปรุงยา เช่นนั้นหมอปรุงยาที่กำลังสาละวนอยู่กับการกลั่นยาในห้องจึงไม่ออกมาสนใจอะไรทั้งสิ้น
  เย่หยิงไม่รู้ว่าความทรมานเหล่านี้จะคงอยู่อีกนานเพียงใดทั่วทั้งร่างของนางเจ็บปวดอย่างรุนแรง ความเจ็บลึกชอนไชถึงไขกระดูก นางแทบจะหมดสติได้ทุกเวลา
  ทว่าสุดท้ายนางก็ยังรอดมาได้
  จวบจนกระทั่งตี้เสี่ยวอวิ๋นจากไป นางก็ยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้นพร้อมกับนัยน์ตาที่แดงก่ำราวเลือด ขณะจ้องมองท้องฟ้าอันงดงาม
  ”เย่หยิงเย่หยิงของย่า !”
  ครั้นทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้วเย่ฮูหยินก็ร้องเรียก นางรีบวิ่งเข้าไปหาเย่หยิง นางตัวสั่น ขณะยื่นมือออกช่วยพยุงเย่หยิงให้ลุกขึ้นมาจากพื้นดิน
  ”เย่หยิงของย่าเจ้าเจ็บมากหรือไม่ ? … ”
  เย่หยิงปากเจ่อใบหน้าที่งดงามของนางแดงก่ำ อีกทั้งบวมเป่ง นางเจ็บปวดทุกครั้งที่ริมฝีปากบนและล่างสัมผัสกัน
  ”ท่านย่าข้าจะต้องล้างแค้น !”
  นัยน์ตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง”ความแค้นในวันนี้ ข้าต้องทวงคืน”
  ”แต่… แต่ … ”
  หากอีกฝ่ายหนึ่งเป็นถึงองค์หญิงน้อยแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นางจะแก้แค้นได้เช่นไร ?
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (3)***

บทที่ 505 : งานชุมนุมเริ่มแล้ว (4)
  ”ข้าต้องเป็นบุตรสาวของไป๋จั่นเผิงให้ได้และข้าก็จะได้เป็นคุณหนูใหญ่ของสำนักเวชโอสถนี้ด้วย ! ข้าอยากทำทุกอย่างโดยไม่ต้องกลัวอะไรเหมือนฉู่อีอี้ ข้าจะได้แก้แค้นให้สะใจ”
  ในอดีตนางไม่ค่อยกระตือรือร้นกับตำแหน่งคุณหนูใหญ่ของสำนักเวชโอสถนัก
  ทว่าตอนนี้ตำแหน่งนี้สำคัญสำหรับนางที่สุด !
  ”ไอ้ชั่วไป๋จั่นเผิงนั่นไม่เห็นด้วยทั้งข้าก็ไม่มีทางทำอะไรได้เลย” เย่ฮูหยินนัยน์ตาแดง ๆ ขณะลูบฝ่ามือของหลานสาว น้ำเสียงของนางฟังดูสิ้นหวัง
  เย่หยิงหลุบตาลงพลางกำมือแน่น เล็บของนางจิกฝังเข้าไปในฝ่ามือทั้งที่นางไม่รู้สึกตัว
  ”เหตุใดท่านย่าถึงไม่แต่งงานกับไป๋ฉางเฟิ่งล่ะหากท่านย่าไม่สามารถแต่งเป็นภรรยาเอก ก็แล้วไยไม่เป็นอนุเล่า ? หากข้าได้เป็นบุตรสาวของไป๋ฉางเฟิ่ง ข้าย่อมต้องเป็นคุณหนูของสำนักเวชโอสถที่ถูกต้องตามครรลอง ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของท่าน ! ”
  เย่ฮูหยินก้มหัวลง
  ก่อนหน้านี้เหตุใดนางจะไม่สนใจไป๋ฉางเฟิ่ง
  สตรีทุกคนใฝ่ฝันที่จะมีผู้ชายที่หล่อเหลาสง่างามกันทั้งนั้นมิใช่หรือ? เมื่อเห็นสถานะอันสูงส่งของเขานางจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร ?
  ทว่าทั้งหมดนี้ต้องตำหนิหลี่จิ้งนังสารเลวนั่น!
  หากมิใช่เพราะนางแพศยานั่นไป๋ฉางเฟิ่งอาจจะเป็นของนางไปแล้ว ! ตำแหน่งภรรยาท่านเจ้าสำนักก็ควรจะเป็นของนาง !
  หลี่จิ้งขโมยทุกอย่างไปจากนาง!
  แม้ว่านางแพศยานั่นจะตายไปแล้วนางก็ไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด !
  ”หยิงเอ๋อไม่ต้องกังวล ข้าจะต้องทำให้เจ้าเป็นธิดาบุญธรรมของไป๋จั่นเผิงให้ได้ ในวันหน้าเจ้าจะได้ไม่ถูกนางแพศยาน้อยจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์รังแกเอาได้อีก !” เย่ฮูหยินลุกขึ้นจากพื้นดิน พลางกล่าวอย่างหนักแน่น
  หลังจากนั้นนางก็ไปที่ลานใหญ่ของสำนัก
  เย่หยิงนอนนิ่งอยู่บนพื้นนางมองตามทิศทางที่เย่ฮูหยินเดินจากไป พลันมุมปากของนางก็ยกโค้ง
  ”อำนาจเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ ข้ากำลังจะได้สิ่งนี้มาครอบครอง และในวันหน้าจะไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับข้าได้อีก !”
  *****
  ใบไม้กำลังร่วงหล่น
  ไป๋ฉางเฟิ่งนั่งอยู่บนโต๊ะหินพร้อมกับชาหนึ่งถ้วยในมือเขาจิบชา พลางเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ “ออกไปดูให้ข้าหน่อยสิว่า ไอ้เด็กชั่วจั่นเผิงออกมาหรือยัง ?”
  เขาเป็นเจ้าสำนักเวชโอสถจึงไม่สามารถออกหน้าได้มากนักทว่าไป๋จั่นเผิงไอ้ลูกนอกคอกนั่น กลับไม่คิดจะช่วยเขาตามหาหลานสาวเขาสักที นี่ทำให้เขาหงุดหงิดแทบตายแล้ว
  ”ขอรับ”
  ผู้คุ้มกันถูกสั่งให้ออกไป
  ไป๋ฉางเฟิ่งหยิบชาขึ้นจิบอีกครั้งพลันเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากทางประตู เขาขมวดคิ้ว “นางยังไม่ไปจากที่นี่อีกเหรอ ?”
  ตั้งแต่วันวานเย่ฮูหยินก็เอาแต่ร้องไห้ที่หน้าประตู เขาให้คนโยนนางออกไปก็ตั้งหลายครั้ง แต่ผลสุดท้ายเย่ฮูหยินก็คลานกลับมาร้องห่มร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
  ช่างรบกวนจิตใจเขาจริงๆ
  ”เรียนท่านเจ้าสำนัก”ผู้คุ้มกันอีกคนป้องหมัดขึ้นพลางกล่าวว่า “เย่ฮูหยินกล่าวว่า หากท่านเจ้าสำนักไม่ออกไปพบนาง นางจะไม่ล้มเลิกความพยายาม”
  ไป๋ฉางเฟิ่งเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเย็นชา”ปล่อยให้นางเข้ามาได้ ข้าอยากดูสิว่า ครั้งนี้นางจะมาโอดครวญเพื่อการใดอีก”
  ”ขอรับ”
  ผู้คุ้มกันออกไปอย่างรวดเร็วเพียงชั่วอึดใจ เย่ฮูหยินก็เดินกระมิดกระเมี้ยนตามเขาเข้ามา
  ทันทีที่นางก้าวเข้ามาในลานจู่ ๆ เย่ฮูหยินก็วิ่งถลาเข้าไปหาไป๋ฉางเฟิ่ง นางเริ่มพิราบรำพัน “พี่เขย ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับข้า”
  ผวัะ!
  ทันทีที่เห็นเย่ฮูหยินพุ่งตัวเข้ามาหาไป๋ฉางเฟิ่งก็ยื่นเท้าออกไปขวางทางนางไว้
  เย่ฮูหยินที่พรวดพราดเข้ามามิอาจยั้งตัวเองไว้ได้ทันนางจึงสะดุดขาของไป๋ฉางเฟิ่ง ล้มลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา
  ”เอาล่ะเจ้ามีอะไรอีกก็ว่ามา ?”
  สีหน้าของไป๋ฉางเฟิ่งเปลี่ยนเป็นเขียวเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยกล่าวว่า “เจ้าต้องการที่จะมาล่อลวงเจ้าสำนักอย่างข้า เหมือนเมื่อครั้งเจ้ายังสาวอีกกระนั้นหรือ ?”
  เย่ฮูหยินมีทีท่าเคอะเขินแท้จริงนางให้ท่าไป๋ฉางเฟิ่งก็ตั้งหลายครั้งแล้ว ทว่าไป๋ฉางเฟิ่งกลับไม่เคยให้โอกาสนางเลย
  ***จบบทงานชุมนุมเริ่มแล้ว (4)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท