จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 591-595

ตอนที่ 591-595

บทที่ 591 : พิธีราชาภิเษกราชินี (3)
  ”พระสนมคืออะไร? แล้วข้ากินได้มั้ย ?” เด็กหญิงตัวน้อยเบิกตาที่ไร้เดียงสา พลางทิ้งร่องรอยยิ้มไว้ที่มุมปาก “พี่รอง หลงเอ๋อหิว อยากกินแล้ว”
  ผู้คนรอบข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคุณหนูเล็กของเผ่ามังกรเป็นคนปัญญาอ่อนจริง ๆ !
  ”กิน…กิน…กินเอาแต่กินทั้งวัน ไม่ช้า เจ้าต้องตายเพราะกิน !” สายตาของเด็กสาวเต็มไปด้วยอาการดูถูกเหยียดหยาม “เห็นว่าอย่างไร เจ้าก็ไม่สามารถเป็นพระสนมขององค์ราชาได้ หากเจ้าคิดจะแย่งตำแหน่งพระสนมกับข้าล่ะก็ ข้าก็คงจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ !”
  ตำแหน่งราชินีถูกยึดไปแล้วทว่าตำแหน่งพระสนมยังว่างอยู่ ก่อนหน้านี้ องค์ราชาไม่เคยสัมผัสอิสตรี เช่นนั้นจึงไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องของบุรุษและสตรี
  ทว่าบัดนี้พระองค์ทรงรู้เกี่ยวกับสัมพันธ์ชายหญิงแล้วเช่นนั้นก็ควรที่จะรับชายาสาม พระสนมสี่ด้วยใช่หรือไม่ ?
  เด็กหญิงตัวน้อยตกใจกับสายตาของหญิงสาวนางหุบปากอย่างรู้สึกผิดหวัง ทั้งยังไม่กล้ากล่าวคำใดอีก
  ทว่าหญิงผู้นั้นก็ยังอารมณ์ไม่ดียิ่งนางได้เห็นความเจ็บปวดของเด็กหญิงตัวน้อย นางก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพลางบีบแขนขาว ๆ ของเด็กน้อย
  ”หากยังกล้าใช้สายตาเช่นนั้นมองข้าอีกข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ ! การมีตัวตนของเจ้าทำให้เผ่าพันธุ์มังกรของเราเสื่อมเสีย หากมิใช่เพราะท่านพ่อบังคับให้ข้าพาเจ้ามาด้วย ข้าคงจะขับไล่เจ้าออกไปให้พ้น ๆ หน้าเสียนานแล้ว !”
  เด็กหญิงตัวน้อยย่นคิ้วที่น่ารักของนางอย่างเจ็บปวดนางมองหญิงสาวหยาดน้ำตาเอ่อคลอ ทว่านางก็ไม่กล้าขอความเมตตา
  ไม่ว่านางจะโง่เพียงใดนางก็รู้ดีว่า นางมีแต่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้นหากนางขอความเมตตา
  ”หยุดนะ!”
  ทันใดนั้นเองน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นจากด้านหลัง หญิงสาวหุบปากทันทีด้วยความหวาดกลัว นางหันไปมองผู้ที่อยู่ด้านหลัง
  ในบรรดาผู้คนมากมายที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะไม่พ้น สตรีในอาภรณ์สีแดง ผู้มีโฉมหน้างดงาม กระทั่งยากที่จะหาผู้ใดเทียบได้
  ครั้นผู้คนได้เห็นภาพลักษณ์ของหญิงสาวในอาภรณ์สีแดงต่างก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจอย่างเย็นยะเยือก นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
  อึดใจถัดมาพวกเขาก็หันไปมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่หญิงสาวจูงมา ครั้นพวกเขาแลเห็นใบหน้าของเด็กน้อยตัวกลมนุ่มนิ่มแก้มยุ้มอมชมพู นัยน์ตาของพวกเขาก็เปล่งประกายแสงที่ไม่อาจคาดเดาได้
  ยิ่งได้เห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นที่กำลังโกรธพวกเขาก็รู้ฐานะของไป๋หยานในทันที
  นี่คือองค์ราชินีในตำนานสินะ? ช่างงามสง่าจริง ๆ งามจนยากจะหาผู้ใดเทียบได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์ราชาจะลุ่มหลงนางถึงเพียงนี้ กระทั่งองค์ชายน้อยก็ยังแลดูอ่อนโยน อีกทั้งน่ารักมาก
  ”วันนี้เป็นพิธีราชาภิเษกของพี่สะใภ้ข้าผู้ใดอนุญาตให้พวกเจ้าก่อปัญหาในวัง ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพลางดึงร่างของเด็กหญิงตัวน้อยออกมายืนข้างกายนาง จากนั้นก็หันไปมองพี่สาวของเด็กน้อยด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
  ”หม่ามี้น้องสาวคนนี้ช่างน่าสงสารจัง แขนของนางเขียวเป็นจ้ำ ๆ เลย”
  ไป๋เสี่ยวเฉินดึงแขนของไป๋หยานพลางมองเด็กหญิงด้วยสายตาที่แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจ
  ไป๋หยานลูบศีรษะเจ้าซาลาเปาน้อยก่อนจะปล่อยมือเขา จากนั้นก็เดินช้า ๆ ไปหยุดข้างกายเด็กหญิง
  ไป๋หยานมองดวงตาที่ใสบริสุทธิ์ของเด็กหญิงพลันหัวใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะนึกเอ็นดู
  ”บอกข้าทีสิว่าเกิดอะไรขึ้น?”
  เด็กหญิงคนนี้เป็นคุณหนูเล็กของเผ่ามังกรส่วนหญิงสาวก็เป็นพี่สาวของนาง โดยปกติแล้ว นางต้องรักษาชื่อเสียงของเผ่ามังกร และต้องแก้ตัวแทนพี่สาว
  ทว่าทุกคนในที่นี้กลับลืมไปว่าเด็กหญิงตัวน้อยมิใช่เด็กปกติ
  นางกระพริบนัยน์ตากลมโตที่งดงามเอ่ยกล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “เมื่อครู่นี้ พี่รองข้า พี่รองข้า นางห้ามข้าไม่ให้ข้าเรียกนางว่าพี่รอง แต่นางเป็นพี่รองของข้าจริง ๆ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมข้าถึงไม่สามารถเรียกนางว่าพี่รองได้ ข้าถูกนางหยิก ข้าทำอะไรผิดไปงั้นหรือ ?”
  ***จบบทพิธีราชาภิเษกราชินี (3)***

บทที่ 592 : พิธีราชาภิเษกราชินี (4)
  ประโยคสุดท้ายเด็กหญิงตัวน้อยพูดราวกับว่านางได้กระทำผิดหากแต่นางไม่เข้าใจว่านางได้ทำอะไรผิด อะไรที่ทำให้พี่รองของนางโกรธมากถึงเพียงนั้น ?
  ”เจ้า… ” เด็กสาวกระทืบเท้าเร่า ๆ ก่อนจะหันไปทางไป๋หยาน นางสะกดความแค้น และความหึงหวงในดวงตา จากนั้นก็โค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพ “องค์ราชินี เด็กคนนี้เป็นเพียงเด็กโง่ ๆ คนหนึ่ง หม่อมฉันเกรงว่าการที่นางมาที่นี่จะทำให้พระราชวังแปดเปื้อน เช่นนั้นหม่อมฉันจึงต้องการที่จะขับไล่นางไป หม่อมฉันจะปล่อยให้เด็กสกปรกมาทำให้ฝ่าบาทแปดเปื้อนได้อย่างไร ?”
  ก่อนที่นางจะมาที่นี่ท่านพ่อของนางกำชับนางว่า หากนางปรารถนาตำแหน่งพระสนมขององค์ราชา นางก็ต้องทำให้องค์ราชินีพอพระทัย
  หากต้องการทำให้ราชินีพอพระทัยก็มีแต่ต้องประจบประแจงเท่านั้น !
  สายตาเย็นยะเยือกของไป๋หยานกวาดไปมองเด็กสาวนางเชิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย เอ่ยกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ตามความคิดของข้า เจ้าต่างหากที่ทำให้วังนี้แปดเปื้อน ! โยนนางออกไป นับจากนี้ห้ามมิให้นางก้าวเข้ามาในวังนี้อีก !”
  เด็กสาวเบิกตากว้างจ้องใบหน้าที่งดงามนั้น
  เหตุใดจึงกลายเป็นตัวนางที่ถูกขับไล่?
  หรือองค์ราชินีทรงทราบจุดประสงค์ของการที่นางมายังวังหลวงนี้? ราชินีจึงเกิดอาการหึงหวง หญิงผู้นี้ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้นะ ?
  ”ราชินีทรงทำเช่นนี้ไม่ได้นะ”
  ครั้นเห็นองครักษ์สองคนก้าวเข้ามาดึงร่างของนางลากไปยังประตู นางก็พยายามยื่นมือไขว่คว้า น้ำตารินไหลออกมาจากปลายหางตา
  “ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้หากองค์ราชาทรงทราบล่ะ ? ข้าเป็นมังกรนะ หากพระองค์ขับไล่ข้าออกไป องค์ราชาย่อมไม่ทรงเห็นด้วยเป็นแน่ !”
  ไป๋หยานมองหญิงสาวที่ถูกลากออกจากวังด้วยสายตาเยาะหยันพลางกล่าวว่า “หากแค่ข้าขับไล่คน แล้วเขาไม่เห็นด้วย เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีพิธีราชาภิเษกอีกต่อไป”
  มีคำกล่าวที่ว่าคนรักกันก็ต้องเชื่อใจกันเช่นนั้นนางจึงมั่นใจว่า ไม่ว่านางจะสร้างปัญหามากมายเพียงใดในแดนอสูรนี้ ตี้คังก็จะไม่กล่าวโทษนาง
  ทุกคนรอบข้างต่างสูดอากาศเย็นๆ เข้าเต็มปอด พวกเขาที่เคยเหยียดหยามไป๋หยาน ยามนี้กลับมองนางด้วยสายตาชื่นชม
  สตรีที่ไม่ใส่ใจองค์ราชาเกรงว่าในแดนอสูรนี่จะมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น !
  ”ไม่เป็นไร”ไป๋หยานหันไปมองใบหน้าสีชมพูของเด็กหญิงตัวน้อย “หากเจ้ากังวลว่ากลับบ้านแล้วจะถูกรังแกอีก เจ้าก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้ เฉินเอ๋อเองก็ไม่มีเพื่อนเล่น”
  เด็กหญิงตัวน้อยกระพริบนัยน์ตากลมโตที่ไร้เดียงสาของนางนัยน์ตาของนางค่อย ๆ เคลื่อนไปที่เจ้าซาลาเปาน้อยผู้ยืนข้างกายไป๋หยาน “น้องชายน้อย เจ้าสวยจังเลย”
  ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเปลี่ยนเป็นสีดำ”ข้าเป็นผู้ชาย ไม่ควรใช้คำว่า ‘สวย’ เข้าใจมั้ย ?
  ”แล้วข้าควรจะพูดว่ายังไงล่ะ?” เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
  ”เจ้าควรชมข้าว่าข้าน่ารักจังเลย” ไป๋เสี่ยวเฉินทำท่าจริงจัง
  มุมปากของไป๋หยานกระตุกหลายครั้งอย่างไม่อาจบังคับได้ผู้ชายไม่ควรชมว่าสวย แต่ควรชมว่าน่ารักงั้นหรือ ?
  นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินอะไรทำนองนี้
  ”เจ้ามีชื่อว่าอะไร?” ไป๋หยานลูบศีรษะของเด็กหญิง พลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
  ”ท่านพ่อเรียกข้าว่าหลงเอ๋อท่านผู้อาวุโสเรียกข้าว่าเสี่ยวหลง คนอื่น ๆ ในเผ่ามังกรเรียกข้าว่า คุณหนูเล็ก
  ”แล้วมารดาของเจ้าล่ะ?”
  ”ท่านแม่ของข้า…เรียกข้าว่า…นางโง่น้อย”
  ไป๋หยานตกใจมากนางมองใบหน้าของเด็กหญิงที่ยืนเซ่อ พลันก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที
  ”จากนี้ไปเจ้าจงอยู่ข้างกายข้าจะไม่มีผู้ใดกล้ากลั่นแกล้งรังแกเจ้าอีก” ไป๋หยานหันไปมองตี้เสี่ยวอวิ๋น “เจ้าไปบอกพี่ชายของเจ้าให้เขาไปแจ้งเผ่ามังกรด้วยว่า นับจากนี้ไปหลงเอ๋อจะอยู่กับข้า”
  ฝูงชนต่างตกตะลึง
  ราชินีองค์นี้กล้าเรียกใช้องค์หญิงน้อยแห่งแดนอสูรราวกับเป็นสาวใช้เลยงั้นหรือ ?
  ทว่าพวกเขากลับยิ่งตกใจมากกว่าเพราะหลังจากได้ยินคำสั่งของไป๋หยาน ตี้เสี่ยวอวิ๋นก็เผยยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดี
  ***จบบทพิธีราชาภิเษกราชินี (4)***

บทที่ 593 : พิธีราชภิเษกราชินี (5)
  ”พี่สะใภ้ข้าจะเข้าวังไปพบเสด็จพี่ เพื่อกราบทูลให้ทรงทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ทว่าในแดนอสูรนี้มีแต่เสือ สิงห์ กระทิง แรด พี่แน่ใจนะว่าจะอยู่คนเดียวได้” ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นกวาดตามองไปอีกทาง นางก็แลเห็น ร่างที่นางคุ้นเคยเดินอย่างแช่มช้าผ่านหน้านาง ตี้เสี่ยวอวิ๋นรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก “หวงเสี่ยวหยิง !”
  หวงเสี่ยวหยิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นนั้นทันทีที่นางได้ยินเสียงเรียก นางก็ชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหันมามอง นางเห็นตี้เสี่ยวอวิ๋นวิ่งมาหานางอย่างร่าเริง
  ทว่าความสนใจของนางที่ไม่ได้อยู่ที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นนัยน์ตากลมโตไร้เดียงสาจ้องมองเสี่ยวมี่ผู้ซึ่งกำลังหลับอยู่ในอ้อมแขนของไป๋เสี่ยวเฉิน
  ”เสี่ยวมี่!”
  หวงเสี่ยวหยิงเริงร่าราวผีเสื้อนางรีบวิ่งเข้าไปหาเสี่ยวมี่ทันที
  เสี่ยวมี่ตัวสั่นจนเกือบจะพลัดตกจากอ้อมแขนไป๋เสี่ยวเฉินครั้นเห็นเด็กสาววิ่งตรงเข้ามาหา ขนของมันก็ตั้งชูชัน
  ”ช้าก่อน!”
  หวงเสี่ยวหยิงสมเป็นภรรยาที่เชื่อฟังสามีทันทีที่เสี่ยวมี่กล่าวออกมาด้วยความโกรธ นางก็หยุดห่างออกไปเกือบสิบก้าว นางมองเขาอย่างเอียงอาย
  ”หวงเสี่ยวหยิง!” ตี้เสี่ยวอวิ๋นกัดฟัน “ข้าเรียกเจ้ามา มิใช่เพื่อให้เจ้าวิ่งเข้าไปยั่วเสือขาวน้อยนั่นนะ !”
  ”อ้อ!” หวงเสี่ยวหยิงเงยหน้าขึ้น พลางหันไปมองตี้เสี่ยวอวิ๋น “เจ้าอยากให้ข้าทำสิ่งใดหรือ ?
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นขมวดคิ้วอย่างเย่อหยิ่ง”ข้าต้องเข้าวังสักพัก เจ้าช่วยข้าดูแลพี่สะใภ้หน่อย หากผู้ใดตาถั่วกล้าล่วงเกินนาง เจ้าก็สังหารมันซะ ! ที่เหลือข้าจะรับผิดชอบเอง !”
  ”ล่วงเกินเจ้านายของข้างั้นหรือ?” หวงเสี่ยวหยิงร้องออกมาทันที พลางตะโกนด้วยความโกรธ “ผู้ใดกล้ายั่วยุเจ้านายของข้า ? ข้าจะให้ท่านพ่อกัดมัน !”
  ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นเปลี่ยนเป็นดำคล้ำพี่สะใภ้ของนางไปเป็นเจ้านายของหญิงผู้นี้ตั้งแต่เมื่อใด ?
  อย่างไรก็ตามพิธีราชาภิเษกราชินีย่อมสำคัญกว่า ตอนนี้นางไม่ควรโต้เถียงกับหวงเสี่ยวหยิง !
  ”เช่นนั้นข้าไปล่ะ”ตี้เสี่ยวอวิ๋นกล่าวบางอย่างที่ยังคาใจ “หากแต่อย่าลืมว่า พี่สะใภ้เป็นของข้า หากเจ้าคิดช่วงชิงนางไปจากข้า … ข้าจะให้เสด็จพี่ของข้าจับเจ้าออกเรือนไปกับผู้ชายสักคน”
  หวงเสี่ยวหยิงอ้าปากค้างพลางมองใบหน้าที่งดงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นด้วยความประหลาดใจ นางอยากจะร้องไห้ ทว่าไร้น้ำตา
  นี่…ตี้เสี่ยวอวิ๋นใช้อำนาจข่มเหงผู้คนเกินไปหรือไม่? กล้ารังแกนางเพราะมีพี่ชายเป็นคนใหญ่คนโตงั้นรึ ?
  เมื่อเปรียบเทียบกับสีหน้าเศร้าหมองของหวงเสี่ยวหยิงแล้วแววตาของเสี่ยวมี่กลับสว่างราวกับดวงดาวขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันจ้องมองตี้เสี่ยวอวิ๋นตาไม่กะพริบ
  สมรสพระราชทานไปได้ก็ดีในวันหน้าหวงเสี่ยวหยิงจะได้ไม่มายุ่งกับมันอีก
  แต่ขณะที่เสี่ยวมี่กำลังจะพูดนั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นก็หันกลับไปหาไป๋หยาน และเอ่ยลา จากนั้นอาภรณ์สีชมพูก็เหาะข้ามท้องฟ้า หายลับไปต่อหน้าต่อตามันแล้ว
  *****
  ณลานด้านหลังพระราชวังอันเงียบสงบ
  ทุกคนต่างก็มองไป๋หยานด้วยความรู้สึกที่ปะปนระหว่างความอิจฉาริษยาและความหวาดกลัวที่ต่างก็อธิบายไม่ได้
  พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงมนุษย์ผู้นี้มีความสามารถใดถึงทำให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นเชื่อฟังนางทั้งยังพยายามปกป้องนางในทุกสถานการณ์เช่นนี้
  ”เสี่ยวมี่”
  หวงเสี่ยวหยิงไม่สนใจสายตาของคนเหล่านั้นนางกล่าวด้วยสีหน้าเอียงอาย “วันนี้ท่านพ่อ และท่านย่าของข้าก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน”
  “เอ่อ…แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ ?” เสี่ยวมี่เอ่ยถามพร้อมปากเบ้ ๆ
  “แน่นอน…ว่าท่านย่าของข้าต้องการจะเห็นว่าที่หลานเขยของนางเช่นนั้นข้าจึงจะพานางมาพบเจ้า”
  หลานเขย?
  พลั่ก!
  เสี่ยวมี่พลัดหล่นจากแขนของไป๋เสี่ยวเฉินแต่แล้วก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าสู่อ้อมแขนของไป๋หยาน พลางร้องห่มร้องไห้
  “นายหญิงท่านต้องช่วยข้า ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับหญิงผู้นี้ !
  ***จบบทพิธีราชภิเษกราชินี (5)***

บทที่ 594 : พิธีราชาภิเษกราชินี (6)
  ไป๋หยานลูบหัวของเสี่ยวมี่”เจ้าไม่อยากแต่ง ก็ไม่มีผู้ใดบังคับเจ้าให้แต่งงานได้ แต่หากวันหน้าเจ้าต้องการที่จะแต่งงานก็ไม่มีผู้ใดห้ามเจ้าได้เช่นกัน”
  ”ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นข้าจะไม่มีวันแต่งกับนาง !” ท่าทีของเสี่ยวมี่นั้นแลดูน่าสมเพชอย่างยิ่ง
  มันเพียงอยากจะติดตามนายหญิงไปชั่วชีวิตเช่นนั้นมันจึงไม่ต้องการมีครอบครัว !
  หวงเสี่ยวหยิงไม่ท้อใจเพราะคำพูดของเสี่ยวมี่เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางเป็นสีแดงสดใส นางส่งยิ้มอย่างไร้เดียงสา “เสี่ยวมี่ นายหญิงกล่าวแล้วว่าที่สุดเจ้าก็จะอยากแต่งงาน ข้าเองก็ไม่ได้เร่งรัด เพราะอย่างไรเสียไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะต้องเป็นสามีของข้า”
  ครั้นเสี่ยวมี่จินตนาการถึงภาพที่มันจะต้องแต่งงานกับแม่เสือสาวร่างของมันก็สั่นเทา
  นี่คือบททดสอบของหัวใจ
  ไป๋หยานจิกปากนางจูงมือไป๋เสี่ยวเฉินข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็จูงมือหลงเอ๋อ พลางยิ้ม “พวกเราเข้าตำหนักไป๋เยว่กันก่อนเถอะ ก่อนที่คนของตี้คังจะมาที่นี่”
  ”นางคือคุณหนูเล็กของเผ่ามังกรใช่หรือไม่”หวงเสี่ยวหยิงเพิ่งรับรู้ว่าหลงเอ๋อเองก็อยู่ที่นี่ด้วย นางเบิกตากว้าง “นายหญิง ท่านพาคุณหนูของเผ่ามังกรมาด้วยหรือ?”
  ”อืม…นางมีชื่อว่าหลงเอ๋อ”
  ไป๋หยานยกยิ้มพลางลดสายตาลงมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ตนจับจูง “หลงเอ๋อ จากนี้ไปเจ้าไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว อยู่ข้างกายข้า จะไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายเจ้าได้อีก”
  เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้านางหันไปมองหวงเสี่ยวหยิงพลางยิ้มให้อย่างไร้เดียงสาและน่ารัก
  ”พี่สาวคนสวยเรียกข้าว่า หลงเอ๋อ ก็ได้”
  ”หลงเอ๋อตัวน้อยมาให้พี่หอมหน่อย”
  คำเรียกขานของเด็กหญิงตัวน้อยทำให้หวงเสี่ยวหยิงยิ้มกว้างนางกอดร่างที่อ่อนนุ่มของหลงเอ๋อ ก่อนจะจูบแก้มของหลงเอ๋อฟอดใหญ่
  ไป๋เสี่ยวเฉินมองหวงเสี่ยวหยิงซึ่งกำลังกอดเด็กน้อยแน่นจากนั้นบนใบหน้าของหลงเอ๋อก็ปรากฏรอยจูบ นั่นทำให้เขาเข้าไปยืนแอบข้างไป๋หยานโดยไม่รู้ตัว เขาพยายามรักษาระยะห่างจากหวงเสี่ยวหยิง
  “นี่ก็สายมากแล้วเราไม่ควรอยู่ที่นี่ ไปกันเถอะ”
  ”ข้า…”ครั้นหวงเสี่ยวหยิงเห็นไป๋หยานและคนอื่น ๆ กำลังจะจากไป นางก็ปล่อยเด็กหญิงตัวน้อย นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง และความตึงเครียด “ข้าไปด้วยได้ใช่หรือไม่ ?”
  ไป๋หยานที่กำลังจะเดินจากไปกล่าวตอบว่า”หากเจ้าต้องการตามมา เจ้าก็ตามมาได้ ทว่าอย่าทำให้เสี่ยวมี่กลัวนะ”
  ”รับทราบขอบคุณนายหญิง”
  ในใจของหวงเสี่ยวหยิงเต็มไปด้วยความสุขภายใต้แสงจันทร์แดงฉานใบหน้าของนางแดงก่ำ นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข
  ”อย่าเรียกข้าว่านายหญิง!”
  ”เพคะราชินี”
  ครานี้หวงเสี่ยวหยิงไม่ยืนกรานที่จะเรียกนางว่านายหญิงทว่ากลับพยายามหุบปาก อย่างไรเสีย ในวันหน้านางจะต้องหาโอกาสเป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของราชินีให้จงได้
  *****
  ไม่ไกลจากพระราชวังคือสถานที่ตั้งอาคารขนาดใหญ่อันเป็นที่พำนักของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ
  เพราะทุกๆ สองหรือสามเดือน หัวหน้าเผ่าทุกคนจะต้องเข้าเฝ้าองค์ราชา เช่นนั้นพวกเขาจึงจัดสถานที่พักแรมไว้นอกพระราชวัง เพื่ออำนวยความสะดวกในการนี้
  ยามนี้หลงฉางเทียนผู้ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีแกะสลัก ยื่นมือไปหยิบถ้วยน้ำชาด้านหน้าขึ้นมาพลางค่อย ๆ จิบ เขาเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ใกล้เวลาแล้ว อีกไม่นานข้าก็ต้องเข้าวังเพื่อเข้าร่วมราชพิธี”
  ”ท่านพี่!”
  จู่ๆ ประตูก็ถูกมือเรียวงามนวลเนียนราวหยกผลักออก หญิงสาวผิวขาวแสนสวยคนหนึ่งพลันเดินผ่านประตูเข้ามา นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ ทว่านางก็อดกลั้นไว้
  ”ข้าเพิ่งได้ยินมาว่าท่านให้เด็กโง่คนนั้นไปที่วังพร้อมกับเซียวหย่าใช่หรือไม่ ?”
  หลงฉางเทียนย่นคิ้วพลางถอนหายใจ”หลงเอ๋อก็เป็นบุตรสาวของเจ้าเช่นกัน เจ้าเรียกนางว่าเด็กโง่ ไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยหรือ ?”
  ***จบบทพิธีราชาภิเษกราชินี (6)***

บทที่ 595 : พิธีราชาภิเษกราชินี (7)
  “เหอะ”จางรั่วหยุนกล่าวเยาะ ริมฝีปากแดงของนางยกยิ้มเหยียดหยัน “ต่อให้ข้าเรียกนางว่านางโง่น้อย นางก็ไม่เข้าใจหรอก ! เราตกลงกันแล้วว่าจะให้เซียวหย่า เข้าวังเพื่อถวายตัวเป็นพระสนม ท่านกลับส่งนางโง่น้อยไปพร้อมเซียวหย่า จะเป็นเช่นไรหากนางโง่น้อยทำให้เซียวหย่าต้องเสียหน้าไปด้วย”
  นางโง่น้อยนั้นเอาแต่สร้างปัญหาตลอดเวลาทว่าตัวนางเองกลับไม่รู้เรื่อง ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านพี่ต้องให้นางเข้าวังพร้อมกับเซียวหย่า”
  ”ครั้งที่หลงเอ๋อถือกำเนิดผู้อาวุโสของเผ่าให้คำพยากรณ์แก่นางว่า ชีวิตของนางจะสูงส่งเทียมฟ้า ทั้งยังพิเศษเหนือคนทั่วไป”
  หลงฉางเทียนจิบชาพลางเอ่ยกล่าวอย่างสบาย ๆ
  ทันทีที่กล่าวถึงเรื่องนี้ร่างที่บอบบางของจางหรู่หยุนพลันสั่นสะท้านด้วยความโมโหอย่างรุนแรง นางกัดฟันแน่น เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “หากมิใช่เพราะพวกผู้อาวุโสนั่น ข้าก็คงจะไม่คาดหวังกับนางโง่น้อยที่เพิ่งเกิดมากถึงเพียงนี้ ยิ่งหวังมากก็ยิ่งผิดหวังมาก ! แล้วดูที่เด็กโง่นั่นเป็นสิ จะเป็นเช่นคำทำนายได้เยี่ยงไร ?”
  “ไม่เจ้าคิดผิดแล้ว บางทีชะตากรรมของหลงเอ๋ออาจจะมิใช่ของนางเอง” นัยน์ตาของหลงฉางเทียนเป็นประกาย เขากล่าวพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ “องค์ราชาอาจจะเป็นผู้ค้นพบตัวตนของนางก็เป็นได้”
  จางหรู่หยุนตกตะลึงนางขึ้นเสียงเย้ยหยัน “หากว่าเซียวหย่า สาวน้อยที่ดีเลิศเช่นนั้น ยังไม่เข้าตาองค์ราชาแล้วล่ะก็ จะเป็นไปได้หรือที่นางโง่น้อยจะทำได้ ? แล้วท่านจะส่งนางโง่น้อยไปเพื่ออการใด ? ยิ่งไปขวางทางเซียวหย่ามากกว่ากระมัง ? ข้าไม่สนใจแล้ว ท่านต้องไปพานางโง่น้อยกลับมาทันที ข้าไม่ยอมให้นางทำลายอนาคตของเซียวหย่าเป็นแน่ !”
  เดิมทีจางหรู่หยุนก็แค่ผิดหวังในตัวนางโง่น้อยทว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ความผิดหวังที่นางมีกลับแปรเปลี่ยนเป็นความรังเกียจ หากเด็กนั่นมิใช่บุตรสาวในไส้ของนางแล้วล่ะก็ นางก็อยากจะบีบคอเด็กนั่นให้ตายคามือ ดีกว่าที่จะปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ เพื่อทำลายชื่อเสียงของชนเผ่ามังกร
  ”พอที!” หลงฉางเทียนตบโต๊ะด้วยความโกรธ “มีหัวไว้ให้ผมงอกอย่างเดียวจริง ๆ ! ไม่ว่าเซียวหย่าหรือหลงเอ๋อหากสามารถดึงดูดใจองค์ราชา ย่อมจะช่วยเกื้อหนุนพวกเราได้ ! เจ้าไม่ต้องการให้เผ่ามังกรของเราขึ้นมายิ่งใหญ่รองจากราชวงศ์หรอกหรือ ?”
  จางหรู่หยุนตกตะลึงนางลดศีรษะลง จากนั้นก็หยุดพูด
  ”ไปเตรียมตัวได้แล้วข้าจะเดินทางเข้าวัง เพื่อเข้าเฝ้าองค์ราชา”
  น้ำเสียงของหลงฉางเทียนค่อนข้างกระตือรือร้นเขาโบกมือพร้อมกับขมวดคิ้ว
  จางหรู่หยุนกัดริมฝีปากพลางหันหลังก้าวไปทางประตู ทว่าทันทีที่นางเปิดประตู ร่างในชุดสีชมพูก็วิ่งปรี่เข้ามา ร่างนั้นถลาเข้าสู่อ้อมแขนของจางหรู่หยุนพร้อมร้องเสียงดังลั่น
  “เซียวหย่าเกิดเรื่องใดขึ้นนางโง่น้อยนั่นสร้างปัญหาให้เจ้าอีกแล้วใช่หรือไม่ ? นางทำให้เจ้าขายหน้าอีกแล้วใช่หรือไม่ ?
  จางหรู่หยุนตกตะลึงนางมองบุตรสาวสุดที่รักผู้ซึ่งกำลังร้องไห้อย่างน่าเวทนา ความคิดแรกของนางก็คือ นางโง่น้อยต้องก่อเรื่องอีกเป็นแน่
  ”ท่านแม่!” หลงเซียวหย่าร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา “นางโง่น้อยไม่ไว้หน้าข้าเลย ข้าเพียงดุนางไม่กี่คำ นางก็ฟ้องราชินี”
  ”ว่าไงนะ…เจ้าได้พบกับราชินีแล้วงั้นรึ?” จางหรู่หยุนร้องเสียงหลง แววตาของนางสั่นไหว
  ตอนที่นางส่งบุตรสาวเข้าวังนางได้กำชับนักกำชับหนาว่า กล่าวกันว่าองค์ราชานั้นทรงรักราชินีที่ไม่มีผู้ใดรู้จักนางนี้เป็นอย่างมาก หากเจ้าต้องการถวายตัวเป็นพระสนม เช่นนั้นเจ้าต้องทำให้ราชินีพึงพอใจ
  ไม่คาดคิดว่าทันทีที่หลงเซียวหย่าเข้าวังนางก็ได้พบกับราชินี ทว่ากลับถูกนางโง่น้อยทำเสียแผนหมด
  ยามนี้จางหรู่หยุนดูเหมือนจะลืมสิ้นว่านางโง่น้อยปัญญาอ่อนจะสามารถใส่ร้ายคนได้งั้นหรือ? เกรงว่านางโง่น้อยจะไร้สามารถแม้กระทั่งจะโกหกด้วยซ้ำ
  ”ท่านแม่ราชินีดูเหมือนจะรู้ว่า ข้าจงใจเข้าใกล้นางด้วยมีจุดประสงค์แอบแฝง นางคงกลัวว่า ข้าจะแย่งความโปรดปรานจากองค์ราชา เช่นนั้นนางจึงให้คนโยนข้าออกจากวัง ทั้งไม่อนุญาตให้ข้าเข้าวังอีก” หลงเซียวหย่าเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ขณะเดียวกันใบหน้าซีด ๆ ของนางก็ห่อเหี่ยวลง
  ***จบบทพิธีราชาภิเษกราชินี (7)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท