จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 701-705

ตอนที่ 701-705

บทที่ 701 : ไป๋หยานมาถึงแล้ว (2)
  บนท้องฟ้าการต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด
  ชิงอี้โจมตีมู่เจินหลายครั้งติดต่อกันสีหน้าของนางแลดูเย็นชา และไร้ชีวิตชีวา ลำคอของนางมีรสหวาน นางเกือบจะกระอักเลือดออกมา ทว่านางก็รีบกลืนมันกลับลงไป
  ส่วนมู่เจินเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก
  นางเห็นความรวดเร็วในการโจมตีของชิงอี้ที่ทั้งดุร้ายทั้งทรงพลัง นางจึงไม่กล้าที่จะออมมือในการต่อสู้ครั้งนี้ นางใช้พลังทั้งหมดที่นางมีในการรับมือ
  ด้วยเหตุนี้นางจึงตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเอาชนะชิงอี้ให้ได้ !
  ”พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่?” มู่เจินขมวดคิ้ว ขณะก้มลงมองผู้คนด้านล่าง พลางตะโกนขึ้นว่า “ยังไม่รีบขึ้นมาช่วยข้าจับมังกรตัวนี้อีก !”
  เอ่อ…
  ทุกคนตกตะลึงหันมองหน้ากัน
  ความแข็งแกร่งของมังกรเขียวนั้นไม่ธรรมดาเลยหากขึ้นไปช่วย พวกเขาจะต้องบาดเจ็บเป็นแน่ ทุกคนต่างก็ไม่กล้าเสี่ยงกับการบาดเจ็บล้มตายเช่นนี้
  ยิ่งไปกว่านั้นหวนหยิน คุณหนูของบ้านสกุลหวนก็ให้อภัยมังกรตัวนี้แล้วด้วย หากพวกเขาเข้าไปช่วย ก็จะกลายเป็นว่าพวกเขาวุ่ยวายไปใช่หรือไม่ ?
  อย่างไรก็ตามขณะที่ผู้คนกำลังลังเลว่าจะเข้าไปให้การช่วยเหลือในการจับมังกรดีหรือไม่ ? เพราะต่อให้จับมังกรได้พวกเขาก็ไม่มีส่วนแบ่งใด ๆ ไยพวกเขาถึงต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยง เพื่อเอาใจมู่เจินด้วยเล่า ?
  ส่วนบรรดาผู้อาวุโสต่างก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อย ๆ จึงไม่มีผู้ใดออกไปช่วยมู่เจิน
  มู่เจินโมโหแทบกระอักเลือดความแข็งแกร่งของคนในบ้านสกุลมู่นั้นเรียกได้ว่าไม่ได้สูงส่งสักเท่าใด เช่นนั้นต่อให้พวกเขาอยากช่วยก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก และหากล่าช้าไปกว่านี้ ก็เป็นการยากที่จะมั่นใจว่ามังกรเหล่านี้จะไม่มีพรรคพวกอื่น ๆ อีก
  นางกัดฟันพลางขยิบตาให้เหอซุ่ยซุ่ยที่อยู่ด้านล่าง
  จิตใต้สำนึกสั่งให้เหอซุ่ยซุ่ยก้าวถอยหลังหนีเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของมู่เจิน
  เมื่อเห็นเช่นนี้มู่เจินก็ยิ่งโกรธมากขึ้น นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านเจ้าตำหนักถึงต้องการพบแม่นางเหอ ? นั่นเป็นเพราะเขาได้ยินมาว่านางมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังสามารถให้การรักษาอาการเจ็บป่วยของแม่นางหวนหยินได้ พวกเขาตั้งใจจะตามหานางเพื่อเจ้าตำหนักน้อย หากแต่พวกเจ้ากลับวางเฉยทั้งที่เห็นชัดว่ามังกรทำร้ายแม่นางเหอ นี่ยังดีที่แม่นางเหอสามารถรอดมาได้ ถ้าหากแม่นางเหอไปบอกเจ้าตำหนัก ท่านจะต้องลงโทษพวกเจ้าอย่างรุนแรง ! ”
  ที่อาวุโสมู่เจินกล่าวมาหมายถึงการปรุงยามิใช่หรือ? หากแต่ในวันนั้นมู่เหลงบอกนางว่า หญิงผู้นั้นใช้วิธีการอื่นในการรักษาโรคไม่ใช่การปรุงยานี่นา
  เช่นนั้นเหอซุ่ยซุ่ยจึงมีโอกาส!
  เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึงหากนางไม่อาจรักษาเจ้าตำหนักน้อยได้ นางก็เพียงแต่มั่วไปว่านางจะรักษาเจ้าตำหนักน้อยด้วยวิธีใดสักวิธีหนึ่งเท่าที่นางจะคิดได้ แต่หากรักษาไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร เพราะหมอปรุงยาจำนวนมากในโลกนี้ก็ไม่มีผู้ใดรักษาเจ้าตำหนักน้อยได้เช่นกัน
  ทว่าหลังจากได้ยินถ้อยคำดังกล่าวเหอซุ่ยซุ่ยก็ได้แต่ยืนเซ่อ
  ตกลงที่เจ้าตำหนักตามหานางมิใช่เพียงเพื่อขอบคุณที่ช่วยหลานสาวของภรรยาเขา หากแต่เขาต้องการให้นางรักษาบุตรชายของเขาด้วยงั้นรึ ?
  ครั้นเห็นสายตาของมู่เจินที่มองลงมาแล้วร่างของเหอซุ่ยซุ่ยพลันแข็งค้างไปในทันที สายตาของมู่เจินแสดงออกชัดว่า เหอซุ่ยซุ่ยกับบ้านสกุลมู่เป็นตั๊กแตนบนเชือกเดียวกัน (ลงเรือลำเดียวกัน) ทำให้เหอซุ่ยซุ่ยไม่มีทางเลือก
  ”พวกเจ้าช่วยกันจับมังกรตัวนั้นให้ข้าที!” เหอซุ่ยซุ่ยกำหมัดแน่น ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ “หากพวกเจ้าสังหารมันได้ ข้าจะรายงานให้ท่านเจ้าตำหนักทราบ ท่านจะต้องเห็นแก่หน้าข้า อีกทั้งจะปฏิบัติต่อพวกเจ้าเป็นอย่างดี”
  ผู้อาวุโสต่างหันมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย พวกเขากระโดดขึ้นไปยืนด้านหลังชิงอี้
  เดิมทีเผชิญหน้ากับมู่เจินคนเดียวชิงอี้ก็พอต้านรับได้ ทว่ายามนี้กลับมีคนเพิ่มขึ้นอีกหลายคน ชิงอี้ย่อมตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง
  ปัง…!
  ไม่รู้ว่ากำปั้นของผู้ใดส่งตรงเข้าที่หน้าอกชิงอี้ทำร้ายนางอย่างรุนแรง ทันใดนั้นร่างของนางก็ร่วงหล่นตกจากท้องฟ้าร่วงลงท่ามกลางฝูงชน
  ฝูงชนถอยกลับไปบนริมฝั่งน้ำเหลือเพียงเจ้าเงินที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ ขณะที่ชิงอี้ก็เพิ่งตกจากท้องฟ้า
  ***จบบทไป๋หยานมาถึงแล้ว (2)***

บทที่ 702 : ไป๋หยานมาถึงแล้ว (3)
  ในขณะนี้ชิงอี้กำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับคราบเลือดบนปากของนาง นัยน์ตาของนางยังคงมั่นคง อีกทั้งเยือกเย็น นางเหลียวมองผู้คนโดยรอบอย่างว่างเปล่า
  ”ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งเจ้าจะยอมหรือไม่ ?” มู่เจินมองชิงอี้ พลางเอ่ยถามโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
  ชิงอี้ยิ้มพลางหัวเราะอย่างเย็นชา และเย่อหยิ่งเช่นเคย
  ”ความตายมีสิ่งใดน่ากลัว? ต่อให้ข้าต้องลงนรก ข้าก็จะลากเจ้าลงไปพร้อมกับข้าด้วย
  *****
  ไป๋หยานที่เพิ่งมาถึงทันได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี ราวกับมีค้อนหนัก ๆ ทุบหัวใจของนางอย่างแรง
  ”หากข้าไม่ลงนรกแล้วผู้ใดเล่าจะลงนรก ? อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ข้าจะลงนรก ข้าจะลากพวกเจ้าไปลงนรกพร้อมกับข้าด้วย !”
  สนามรบนองเลือด…เด็กหนุ่มในชุดเขียวกับศัตรูนับพัน
  ภาพฉากนี้ปรากฏออกมาแวบหนึ่งในใจของไป๋หยานทำให้นัยน์ตาของนางแต่งแต้มด้วยแสงสีแดงวาวด้วยความโกรธจากหัวใจ เส้นผมดำขลับพริ้วไสวภายใต้สายลมแรง ยามนี้นางไม่ต่างจากกระบี่ที่ถูกชักออกจากฝัก พร้อมจะเข่นฆ่าได้ทันทีโดยไม่มีความรู้สึกใด ๆ
  จงหนานกับจงเป่ยผู้ซึ่งติดตามนางมาครั้นพวกเขาเห็นแรงกดดันอย่างฉับพลันของหญิงสาว พวกเขาก็ถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด
  แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้คิดอะไรร่างของไป๋หยานก็เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาหญิงสาวในชุดสีเขียวที่ล้มลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว
  *****
  ริมฝั่งน้ำผู้คนได้หลีกหนีเปิดทางกว้างก่อนหน้าแล้ว เช่นนั้นจึงไม่มีผู้คนวุ่นวายอยู่ข้างชิงอี้
  มู่เจินผู้ซึ่งกำลังเป็นต่อกล่าวเยาะเย้ยขึ้น”นี่คือทางที่เจ้าเลือกเอง เมื่อเจ้าปฏิเสธที่จะเป็นคนของข้า ข้าก็จะเอาพลังปราณภายในของเจ้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งของข้า !”
  พลังปราณของมังกรสามารถช่วยเพิ่มพลังของนางได้อย่างมากบางทีหากนางสามารถเอาพลังปราณภายในของมังกรตัวนี้มาได้ นางอาจข้ามขึ้นสู่อีกระดับได้เลย
  เมื่อคิดได้เช่นนั้นมุมปากของมู่เจินพลันเหยียดยิ้มเยาะเย้ยซ้ำ นางยกกระบี่ยาวในมือของนางขึ้นสูง จากนั้นก็แทงอย่างแรงไปที่ร่างของชิงอี้ผู้ซึ่งกำลังอยู่ในอาการสาหัส
  ฟิ้ว!
  ทันใดนั้นเองก็มีลำแสงพุ่งออกมาจากข้างหลังปะทะมู่เจินอย่างแรงมู่เจินซึ่งไม่ได้เตรียมตัวถึงกับเซไปข้างหน้า กระบี่ของนางหล่นจากมือร่วงลงสู่พื้น
  “ผู้ใดกัน?” มู่เจินโกรธเกรี้ยว “ผู้ใดกล้าโจมตีผู้อาวุโสอย่างข้า ?”
  เมื่อเริ่มรู้ตัวนางก็รีบหันหน้าไปมอง หากแต่เมื่อนางเห็นใบหน้านั้น สีหน้าของนางกลับแข็งทื่อ นัยน์ตาของนางพลันหรี่แคบลง หัวใจของนางเต้นถี่ระรัว
  ไม่!
  เป็นไปไม่ได้!
  หญิงสารเลวผู้นั้นตายไปแล้วมิใช่หรือ? นางถูกคนของข้าสังหารไปแล้ว เหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ล่ะ!
  ”ท่านอาจารย์!” ครั้นมู่เหลงเห็นความตื่นตระหนกในแววตาของมู่เจิน นางก็รีบออกมาทันที
  เสียงของมู่เหลงทำให้ความหวาดหวั่นของมู่เจินค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้า ๆ แววตาของนางพลันเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
  หญิงผู้นี้จะต้องเป็นคนในรูปของเหลงเอ๋อนางมิคิดเลยว่าตัวจริงของหญิงผู้นี้ จะเหมือนหญิงสารเลวคนนั้นยิ่งกว่าภาพวาดเสียอีก
  นางจะต้องไม่ยอมให้เจ้าตำหนักน้อยได้เห็นหญิงผู้นี้อย่างเด็ดขาด!หาไม่แล้ว
  เจ้าตำหนักน้อยจะต้องตกหลุมรักนางอีกคนเป็นแน่ด้วยใบหน้าที่คล้ายคลึงกับนางแพศยานั่นมากถึงเพียงนี้
  ”กล้านักนะ!” มู่เจินหันกลับไปหาไป๋หยานพลางตะโกนว่า “เจ้ากล้าโจมตีผู้อาวุโสอย่างข้ากระนั้นรึ ?”
  ไป๋หยานดูเหมือนจะไม่เห็นมู่เจินอยู่ในสายตานางเดินไปหาชิงอี้ผู้ซึ่งตกลงมาบนพื้นพลางยื่นมือส่งให้ “ขอโทษที่ข้ามาช้า”
  ชิงอี้ตกใจมากเมื่อครู่นี้ชิงอี้ไม่กล้าบอกว่ารู้จักกับไป๋หยาน เพราะเกรงว่าจะเป็นการส่งผลกระทบต่อนาง แต่เหตุใดนางถึงได้กล้าแสดงตัวออกมาเองเช่นนี้ ไม่สนใจความปลอดภัยของตนเองเลยหรือไร ?
  นางยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายศีรษะจากนั้นนางก็มองไปที่เจ้าทองผู้ซึ่งอยู่ด้านหลังไป๋หยาน น้ำเสียงของนางแหบแห้งเล็กน้อย “เจ้าทอง เหตุใดเจ้าถึงพานางมาที่นี่ ?”
  ”ท่านชิงอี้ก็ข้ากลัวว่า ท่านจะตกอยู่ในอันตราย” เจ้าทองก้มหัวลงพลางกล่าวขอโทษ
  ”เจ้าไม่ควรสนใจข้า… ” ถึงแม้ว่าจะกล่าวเช่นนี้ หากแต่ชิงอี้ก็คว้ามือของไป๋หยาน และพยายามใช้พลังที่เหลือหยัดกายลุกขึ้นยืน
  ***จบบทไป๋หยานมาถึงแล้ว (3)***

บทที่ 703 : ไป๋หยานมาถึงแล้ว (4)
  ”เจ้าอยู่ข้างๆ ข้า ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง” ไป๋หยานปล่อยมือของชิงอี้ พลางเบนสายตากลับไปมองมู่เจินอย่างช้าๆ
  รังสีอำมหิตแผ่ออกจากร่างกายของนางกระจายไปทั่วฝั่งแม่น้ำ
  ในชาติภพอดีตชิงหลงทำทุกอย่างเพื่อปกป้องนาง ตอนนี้ก็สมควรแล้วที่นางจะปกป้องเขาบ้าง
  นัยน์ตาของมู่เจินจับจ้องมองไป๋หยานอย่างเย็นเยือก”เจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับมังกรตัวนี้ ?”
  ”นางเป็นของข้า”
  น้ำเสียงของไป๋หยานไม่สงบไม่เบาบาง ไม่มีความผันผวนทางอารมณ์ใด หากแต่ก็เพียงพอที่จะยั่วยุความโกรธของอาวุโสมู่เจิน
  แววตาของมู่เหลงเต็มไปด้วยความอิจฉาคราก่อน หญิงผู้นี้ถูกมังกรสองตัวนี่ลากลงแม่น้ำ เหตุใดพวกเขาถึงกลายเป็นลูกน้องของนางไปได้ล่ะ ?
  ในวันนั้นนางควรยื่นมือช่วยชีวิตหวนหยินเองไม่ควรลังเล หาไม่แล้ว อาจเป็นนางที่มีโอกาสให้มังกรพวกนี้ยอมรับ
  ”ฮ่าฮ่าฮ่า!” ปฏิกิริยาของมู่เจินไม่รุนแรงเท่ามู่เหลง ‘พวกมังกรนี่ตาบอดชัด ๆ เห็นแก่สายตาที่พร่ามัวของพวกมัน ข้าจะสั่งสอนพวกมันให้รู้สำนึกในภายหลัง”
  ”สำหรับเจ้า… ” นัยน์ตาของนางหรี่ลงเล็กน้อยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ว่าจะเพื่อมังกร หรือเพื่อมนุษย์ เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ กระนั้นรึ ?”
  มู่เจินมองไป๋หยานด้วยสายตาเย็นชาแม้ว่านางจะไม่ตอบโต้ใด ๆ แต่แรงผลักดันอันแข็งแกร่งระดับซุ่นเจี่ยที่แผ่ซ่านออกมานั้น ก็มากเพียงพอที่จะบดขยี้ผู้คนที่นั่นได้เลยทีเดียว
  ไป๋หยานในอาภรณ์สีแดงเรือนผมดำขลับพลิ้วไสว ทว่าภายใต้แรงกดดันของมู่เจิน สีหน้าของนางกลับไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย นางยังคงนิ่งสงบ
  มู่เจินไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะสามารถต้านทานแรงกดดันของนางได้ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที พร้อมกันนั้นหมัดของนางก็พุ่งออกไปอย่างฉับพลัน นางต้องการที่จะให้บทเรียนกับหญิงผู้นี้
  อย่างไรก็ตามกำปั้นของนางยังไม่ทันที่จะถึงไป๋หยาน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังอย่างโกรธเกรี้ยว
  ”มู่เจินเจ้ากล้าทำร้ายศิษย์ของเรางั้นรึ !”
  ทันทีที่เสียงนั้นขาดหายไปการจู่โจมก็มาจากด้านหน้า มู่เจินเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ นางเห็นจงหนานผู้ซึ่งอยู่ข้างหลังมาปรากฏตัวต่อหน้านาง พร้อมกับจู่โจมนางทันที หมัดทั้งสองปะทะกันดังปัง ! พลังแผ่กระจายไปทั่ว ฝุ่นตลบทั่วพื้นดิน ภูเขาและแม่น้ำสั่นสะเทือน
  มู่เจินเซถอยหลังกลับไปสองสามก้าวทิ้งร่องรอยลากยาวไว้บนพื้น นางเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ พลันเสียงของนางก็สั่นระริก “ไม่ เป็นไปไม่ได้ เจ้าจะผ่านเข้าสู่ระดับซุนเจี่ยได้อย่างไร ?”
  ระดับซุนเจี่ยสำหรับคนอื่นแล้วเรียกได้ว่าเป็นเรื่องยาก หากแต่สำหรับสองพี่น้องคู่นี้ถือ เรียกว่าเป็นไปไม่ได้
  อย่างจงหนานตลอดชีวิตของเขาไม่ควรจะเข้าถึงระดับแรกของซุนเจี่ยด้วยซ้ำ
  ทว่ายามนี้พลังของจงหนานกลับสามารถต่อต้านการโจมตีของนางที่เหนือกว่าได้อย่างชัดเจน!
  ”ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ มู่เจินถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องชำระบัญชีระหว่างเรา” จงหนานเดินไปข้างหน้าสองก้าวพร้อมด้วยสายตาเย็นชา
  ”เฮอะ”มู่เจินเย้ยหยัน “ต่อให้เจ้าบุกทะลวงเข้าสู่ระดับสูงสุดได้แล้วไง ? อย่างไรเสีย เจ้าก็ก้าวตามหลังข้าหนึ่งก้าวอยู่ดี และแม้ว่าความแข็งแกร่งของเราจะเท่ากัน ก็ยังมีผู้อาวุโสคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ด้วย ส่วนเจ้าก็ต้องต่อสู้เพียงลำพัง
  จงหนานหัวเราะฮึๆ “เจ้าคิดว่าพวกเขาจะช่วยเจ้า เพียงเพราะพวกเขาทั้งหมดอยู่ในสภาอาวุโสกระนั้นรึ ?”
  “ไม่ใช่เช่นนั้น”มู่เจินเชิดริมฝีปากของนางขึ้นพลางหันไปมองเหอซุ่ยซุ่ย “นี่คือแม่นางเหอ ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตแม่นางหวนหยิน หลานสาวของฮูหยินเจ้าตำหนัก แม้แต่เจ้าตำหนักน้อยรองยังมองนางด้วยแววตาชื่นชมเป็นอย่างมาก หากนางกล่าว ผู้อาวุโสเหล่านี้จะไม่ทำตามนางได้อย่างไร ? ”
  จงหนานรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเหอซุ่ยซุ่ยเขาถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเป็นคนที่กล่าวขานกันว่าช่วยรักษาหวนหยินได้กระนั้นหรือ ?
  ***จบบทไป๋หยานมาถึงแล้ว (4)***

บทที่ 704 : ไป๋หยานมาถึงแล้ว (5)
  เมื่อเทียบกับความประหลาดใจของจงหนานแล้วสายตาที่ไป๋หยานมองเหอซุ่ยซุ่ยนั้นค่อนข้างแปลกมาก มุมปากของนางขยับโค้ง ทว่าเพียงไม่ช้าก็หุบลง
  ”ฮ่า!”
  หลังจากมู่เจินกล่าวจบก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น จงเป่ยเข้ามาหาไป๋หยานท่ามกลางสายตาของทุกคน พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ข้าเกรงว่า เจ้าจะไม่สามารถทำในสิ่งที่เจ้าต้องการได้หรอก อาวุโสมู่เจิน แม้ว่าพวกเจ้าจะร่วมมือกัน ข้าก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายลูกศิษย์ของข้า ! ”
  มู่เจินอยากจะกล่าวประชดต่ออีกสักเล็กน้อยทว่าทันใดนั้นนางก็รับรู้ได้ถึงแรงผลักดันของจงเป่ย พลันสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
  ไอ้สองคนนี้ต่างก็ทะลวงเข้าสู่ระดับซุนเจี่ยกันหมดแล้วกระนั้นรึ?
  ได้รู้เช่นนี้ยิ่งทำให้มู่เจินแทบเป็นบ้านางกัดฟันอย่างแรง พลันนัยน์ตาที่ดุร้ายของนางก็เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
  ”นายหญิง”เจ้าเงินไอออกมาสองครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นจากพื้นดิน ร่างของเขาสั่นคลอนเล็กน้อย เขาเอ่ยว่า “ข้า … ”
  ”กินยานี่เสียก่อน”
  ไป๋หยานเดินเข้าไปหาเจ้าเงินด้วยทีท่าเฉยเมยจากนั้นนางก็มอบยาเม็ดให้แก่เขา
  ทันทีที่เม็ดยาผ่านเข้าสู่ปากอาการบาดเจ็บของเขาพลันทุเลาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
  อีกด้านหนึ่งหวนหยินมองไป๋หยานอย่างประหลาดใจ พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือไม่ หากแต่นางรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงของหญิงผู้นี้เป็นอย่างมาก
  ราวกับว่าข้าเคยได้ยินจากที่ใดสักแห่ง
  ”นายหญิงข้าโง่เขลาเกินไป ข้าเลยไม่เข้าใจบางเรื่อง ?” เจ้าเงินกล่าวพร้อมส่ายหัวด้วยความสงสัย “ก่อนหน้าที่ท่านจะมาถึง มนุษย์คนนี้พูดว่าเราลากคนที่สามลงไปในน้ำ แต่คนที่สามที่เราลากก็คือท่าน ทว่ากลับกลายเป็นสตรีแซ่เหอนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?
  เจ้าทองจ้องเจ้าเงินพลางกล่าว”นี่เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องใด ? นายหญิงถูกเราลากลงไปในน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? นางกระโดดลงมาช่วยชีวิตมนุษย์พวกนี้ต่างหากเล่า”
  ฝูงชนเงียบเสียงลงอย่างกระทันหันแม้เสียงสายลมพัดแรงก็ยังเงียบหาย
  หวนหยินผู้ซึ่งกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่จากถ้อยคำเหล่านี้ นางก็จับใจความได้ทันที นัยน์ตาของนางเปล่งประกาย ขณะจ้องมองหญิงสาวในอาภรณ์สีแดงตาไม่กระพริบ
  ใบหน้าของมู่เจินเปลี่ยนไปอย่างมากนางตวาดลั่นอย่างโกรธเคือง “จงหนาน ศิษย์ของเจ้าช่างกล้าจริง ๆ กล้าปลอมเป็นผู้มีคุณที่ช่วยเหลือหวนหยินเลยกระนั้นหรือ ? หากนางเป็นคนที่ช่วยชีวิตหวนหยินจริง ข้าก็สามารถคิดได้ว่า นางบอกให้มังกรทั้งสองตัวนี้จงใจดึงร่างหวนหยินลงไปในแม่น้ำ จากนั้นก็ทำทีลงไปช่วยชีวิตหวนหยิน ”
  ครั้นเจ้าทองได้ยินถ้อยคำของมู่เจินเขาก็โกรธมาก “นายของข้าตกลงไปในแม่น้ำก็เพื่อช่วยชีวิตคน พี่ชายของข้าก็เกือบกลืนนางลงท้องไปแล้ว ! หากมิใช่เพราะท่านชิงอี้ห้ามพวกเราไว้ นายหญิงก็อาจจะตายไปแล้ว เพราะการช่วยผู้หญิงสองคนนั้น !”
  เจ้าทองไม่ได้โง่เหมือนเจ้าเงินมันเข้าใจสถานการณ์ยามนี้ทันที ด้วยมันสมองของมัน จึงพยายามผลักดันไป๋หยานให้ทะยานไปสู่จุดสูงสุด !
  เพราะในความเป็นจริง?
  ทันทีที่ไป๋หยานตกน้ำพวกมันก็กลัวจนหัวหดแล้ว อย่าว่าแต่จะกลืนนางลงท้องเลย พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเสียด้วยซ้ำ
  ”นายหญิงของข้าเป็นหมอปรุงยาที่แข็งแกร่งมาก นางสัญญาว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของท่านชิงอี้ จากนั้นท่านชิงอี้ จึงจำนายหญิงได้ในฐานะเจ้านาย เช่นนั้นพวกเราจึงเรียกท่านว่านายหญิงตามท่านชิงอี้”
  ถ้อยคำดังกล่าวทำให้นัยน์ตาของหวนหยินพร่าพรายด้วยหยาดน้ำตา
  ช่างเป็นคนดีจริงๆ หลังจากนางช่วยข้าไว้ ข้าก็ไม่เคยได้ตอบแทนนางเลย ทั้งยังปล่อยให้คนชั่วปลอมเป็นนางอีก !
  เมื่อเทียบกับเหอซุ่ยซุ่ยที่พูดจาเลื่อนเปื้อนแล้วหวนหยินเชื่อมั่นในตัวไป๋หยานมากกว่า
  ”หยานเอ๋อ!” หัวใจของจงหนานพลันหดหู่ เขาหันไปมองไป๋หยาน
  ไป๋หยานอ้าปากกำลังจะเอ่ยตอบทว่าทันใดนั้นเองคำตำหนิของจงเป่ยก็ดังขึ้น
  ”แม่หนูเจ้ากำลังรนหาที่ตายงั้นหรือ ? เจ้าจะสนใจอะไรกับชีวิตของคนอื่นนักหนา ? เหตุใดเจ้าจึงอยากจะช่วยชีวิตผู้อื่นถึงเพียงนี้ ? เจ้าเกือบจะถูกมังกรกินแล้วเห็นหรือไม่ หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้ากับพี่จงหนานจะทำอย่างไรเล่า ?”
  ***จบบทไป๋หยานมาถึงแล้ว (5)***

บทที่ 705 : ไป๋หยานมาถึงแล้ว (6)
  เพียงคิดว่าช่วงขณะที่ไป๋หยานกำลังตกอยู่ในอันตรายในวันนั้นพวกเขากลับไม่รู้อะไรเลย ชายชราทั้งสองก็หวาดหวั่นอยู่ครู่หนึ่ง
  หากมิใช่เป็นเพราะนางโชคดีข้าเกรงว่านางจะกลายเป็นอาหารในท้องมังกรยักษ์ไปแล้ว
  แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากสำหรับไป๋หยานที่จะอธิบายเรื่องต่าง ๆ ทั้งหมด
  ที่นางเข้าสู่แม่น้ำหลงเฮอนั้นเพียงเพราะมีคนบอกว่ามีมังกรอยู่ในแม่น้ำหลงเฮอ ในเมื่อนางยังไม่พบตัวหลงเอ๋อ นางจึงจำต้องลองเสี่ยงลงไปในแม่น้ำหลงเฮอดู
  ส่วนเรื่องการช่วยชีวิตคนนั่นก็เป็นแค่เหตุบังเอิญเท่านั้น
  ”ท่านอาจารย์ข้าไม่เคยเสียใจที่ได้ช่วยชีวิตผู้คน !” ไป๋หยานมองชิงอี้ที่อยู่ข้างหลัง นางเม้มปากน้อย ๆ “หาไม่แล้วข้าคงไม่มีโอกาสได้พบนาง … ”
  จงหนานตกตะลึงดูทีว่า ไป๋หยานจะสนิทสนมกับมังกรเขียวตัวนี้ใช่หรือไม่ ?
  ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำของเจ้าเงินสีหน้าของเหอซุ่ยซุ่ยพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาว หัวใจของนางอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน นางก้าวถอยหลังทีละก้าว ๆ นัยน์ตาของนางพลันว่างเปล่า
  ของเทียมที่มาอยู่ต่อหน้าของแท้นางเองก็ไม่ต่างจากของเลียนแบบต่อให้เหมือนถึงสามในสี่ส่วนก็ไม่อาจเทียบของดั้งเดิม
  หากแต่นางไม่คาดคิดว่าสตรีที่ช่วยรักษาหวนหยินจะเป็นหญิงที่น่าสาปแช่งผู้นี้ !
  ”ฮ่าฮ่าฮ่า!” มู่เจินยังคงหัวเราะเยาะ “เจ้า และมังกรสองตัวนี้อยู่ด้วยกัน ผู้ใดจะรู้ บางทีพวกเขาอาจถูกเจ้าเลี้ยงดูมา เพื่อผลประโยชน์บางอย่างก็เป็นได้ใช่หรือไม่ ? ข้าในฐานะมนุษย์จะเชื่อคำพูดของสัตว์อสูรได้อย่างไร ?”
  ผู้อาวุโสที่เหลือต่างหันมองหน้ากันแท้จริงแล้ว พวกเขาก็เชื่อมู่เจินมากกว่า เหตุเพราะเป็นมนุษย์เหมือนกัน
  ยิ่งไปกว่านั้นหากการที่พวกเขาหาเหอซุ่ยซุ่ยพบ พวกเขาทั้งหมดก็จะได้รับความนิยมชมชอบ แต่หากเหอซุ่ยซุ่ยมิได้เป็นผู้มีคุณต่อหวนหยินอีกต่อไป ความนิยมชมชอบของพวกเขาจะกลายเป็นสูญเปล่าใช่หรือไม่ ?
  “อาวุโสมู่เจิน”หวนหยินกัดริมฝีปากตนเอง พลางกล่าวออกมาท่ามกลางฝูงชน “ผู้ที่ช่วยชีวิตข้าไว้น่าจะเป็นสตรีผู้นี้ ข้าไม่อาจให้ผู้ใดกล่าวหานางผิด ๆ ได้”
  แววตาของมู่เจินเย็นชาขณะกล่าวออกมาว่า “เจ้าจะไปรู้อะไร แม่หนูน้อย นางจะเป็นผู้มีคุณของเจ้าได้อย่างไร ? แม่นางเหอต่างหากที่ควรจะเป็นคนที่เจ้าต้องขอบคุณ อย่ายอมรับคนผิดสิ”
  ”ข้าบอกว่านางเป็นผู้ช่วยชีวิตข้า !” หวนหยินโกรธ นางแสดงท่าทีไม่พอใจ
  “แม่หนูน้อยเจ้ายังเด็กนัก ยังไม่เข้าใจอะไรดี แม้แต่ผู้มีคุณของเจ้า เจ้าก็ยังเข้าใจผิด เจ้าควรออกไปเล่นสนุก และอย่าได้รบกวนข้า”
  ”เจ้า… ” ร่างกายบอบบางของหวนหยินสั่นสะท้าน
  นางไม่เคยเห็นคนที่ไร้เหตุผลเช่นนี้มาก่อนเลย
  ไป๋หยานรู้ว่ามู่เจินไร้ยางอายหากแต่นางไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า แม้หวนหยินจะออกหน้าให้การยืนยัน นางก็ยังสามารถยืนกรานว่าเป็นเหอซุ่ยซุ่ยได้
  ไป๋หยานไม่กล่าวคำใดทว่าจงหนานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ข้าเองก็เพิ่งรู้ว่า คนที่ได้รับการช่วยเหลือสามารถยอมรับผู้มีคุณผิดคนได้ แต่เจ้าที่ไม่เคยเห็นผู้มีคุณของนางมาก่อนกลับสามารถตัดสินได้ว่าผู้ใดคือผู้มีคุณของนาง นี่เจ้าเคยเห็นผู้มีคุณของนางมาก่อนแล้วกระนั้นหรือ ?”
  ”นั่นเป็นเรื่องธรรมดา”มู่เจินเชิดริมฝีปากขึ้น “แม่นางหวนหยินยังเป็นเด็ก เป็นเรื่องปกติที่นางจะถูกหลอกลวงได้ หากแต่ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโส ข้าย่อมเห็นว่าผู้ใดกันแน่ที่หลอกลวงนาง ข้าเชื่อว่าเจ้าบ้านสกุลหวนเองก็จะต้องขอบใจข้า”
  พี่ใหญ่!” จงเป่ยเอ่ย “อย่าเสียเวลาพูดกับนางเลย ! ความแค้นทั้งเก่า และใหม่ของเราถึงเวลานำมาคิดบัญชี เพื่อสะสางแค้น แม้ศิษย์รักของเราก็ยังตายโดยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ เลย ! ”
  ”ดี”
  จงหนานเงียบพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
  วันนี้พวกเขาจะต้องสังหารมู่เจินให้ได้แม้ว่าพวกเขาจะต้องละเมิดกฎของตำหนักเซียนพยับหมอกก็ตามที ทว่าพวกเขาก็จะต้องชำระแค้นให้แก่ศิษย์ทั้งสองของตน !
  ”ท่านอาจารย์ทั้งสอง”
  พวกเขายังไม่ทันได้เริ่มพลันน้ำเสียงราบเรียบก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “ละครดี ๆ ยังไม่ทันได้เริ่มเลย พวกท่านไม่ต้องรีบร้อน หลังจากละครดี ๆ นี้จบลง พวกท่านค่อยจัดการกับนางก็ยังทัน”
  คำนวณจากเวลาแล้วชายผู้นั้นน่าที่จะมาถึงได้แล้ว
  ไป๋หยานหรี่ตาลงเล็กน้อยริมฝีปากโค้งยกยิ้มน้อย ๆ นัยน์ตาดำขลับก้มลงมองใบหน้าของมู่เจิน
  ดวงตาของนางสดใสแจ่มกระจ่างราวกับว่านางสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง
  ***จบบทไป๋หยานมาถึงแล้ว (6)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท