ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 4 ติดหนี้ ใช้คืน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 4 ติดหนี้ ใช้คืน

ถูกต้อง นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ จางเลี่ยเฉินคิดใคร่ครวญไม่พูดไม่จา

หลินยวนพลันเอ่ยถามขึ้นมา “ลุงเฉิน ลุงรู้จักพิษนี้ได้อย่างไร?”

จางเลี่ยเฉินกล่าว “ตอนที่ฉันออกท่องโลกเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มเคยเจอคนที่ถูกพิษนี้เข้า”

“เคยเจอ?” หลินยวนรีบเอ่ยถามต่อ “ลุงมีวิธีรักษาใช่ไหม?”

จางเลี่ยนเฉินกล่าว “ฉันแค่เคยเห็นคนคนนั้นแก้พิษอย่างไรเท่านั้น…”

หลินยวนเผยสีหน้าปีติยินดี “ลุงเฉิน ลุงคงไม่เห็นคนกำลังจะตายแล้วไม่ช่วยหรอกใช่ไหม?”

จางเลี่ยเฉินส่ายศีรษะ “จริงอยู่ที่ฉันเรียนวิธีแก้พิษมาจากคนคนนั้นแล้ว แต่ฉันจะช่วยแกอย่างไรล่ะ? ถ้าฉันแก้พิษผนึกมารให้แก แล้วสภาเซียนสืบสาวมาถึงตัวฉัน ฉันจะไปอธิบายกับทางสภาเซียนอย่างไร? ฉันว่านะหลินยวน ฉันอยู่ของฉันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ฉันไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัว”

สำหรับหลินยวนแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึง เดิมทีเขากลับมาคราวนี้ก็เตรียมตัวเตรียมใจเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว จึงรีบเอ่ยโน้มน้าวว่า “ลุงเฉิน คนอื่นเขาไม่รู้สักหน่อยว่าฉันถูกพิษนี่ เรื่องนี้มีแค่ฉันกับลุงเท่านั้นที่รู้ หรือว่าฉันจะเที่ยวออกไปพูดเรื่องนี้เพื่อหาเรื่องให้ตัวเอง?”

จางเลี่ยเฉินมีท่าทีลังเลใจ

“ลุงเฉิน!” หลินยวนตะโกนลั่น

“เฮ้อ!” จางเลี่ยเฉินถอนใจเบาๆ “วิธีของฉันไม่ใช่การใช้ยาถอนพิษ ดูจากสภาพในร่างกายของแกแล้ว สภาวะเกือบครึ่งของแกได้ถูกพิษผนึกมารผนึกเอาไว้ หากขืนดึงดันแก้พิษผนึกมารล่ะก็ สภาวะครึ่งหนึ่งของแกจะสูญสิ้นไปในพริบตา”

หลินยวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวขึ้นมาว่า “เสียสภาวะไปครึ่งหนึ่งก็ยังดีกว่าปล่อยให้พิษแล่นไปทั่วร่าง”

จางเลี่ยเฉินกล่าวว่า “แกแน่ใจนะว่าจะละทิ้งสภาวะที่สั่งสมมานานหลายปี แต่ไม่ยอมไปลองขอยาถอนพิษจากสภาเซียน?”

หลินยวนพยักหน้าช้าๆ ทำการตัดสินใจออกมา

“จอด!”

ฉินอี๋ที่กำลังมองด้านนอกหน้าต่างรถเหมือนจะทำการตัดสินใจอะไรบางอย่างออกมา จู่ๆ พลันกล่าวออกมา

รถทั้งสามคันทยอยจอดอยู่บนถนน ไป๋หลิงหลงหันไปมองเธอ ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด “ท่านประธาน?”

ฉินอี๋เปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วปิดประตูลง ก่อนจะเดินไปยังหน้าต่างข้างคนขับรถ กวักมือเรียกให้คนขับรถออกมา ส่วนตัวเองก็สอดตัวเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับแทน จากนั้นถึงจะพูดกับไป๋หลิงหลงว่า “เธอเองก็ลงไปด้วย ไปจัดการเรื่องคุณหลัวให้เรียบร้อย”

ไป๋หลิงหลงสงสัย “ท่านประธานจะไปไหนเหรอคะ?”

ฉินอี๋กล่าวว่า “วางใจได้ อยู่ในเมืองไม่มีเรื่องอะไรหรอก”

ไป๋หลิงหลงกล่าว “แล้วเรื่องงานเลี้ยงต้อนรับที่เตรียมเอาไว้ให้คุณหลัว…”

ฉินอี๋เอ่ยขัดคำพูดของเธอ “ฉันไม่ไปก็แล้วกัน เธอคอยต้อนรับไปเลย บอกว่าฉันมีธุระด่วนก็แล้วกัน”

ไป๋หลิงหลงจนปัญญา ลงจากรถอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก

รถแล่นจากไปอย่างรวดเร็ว ฉินอี๋ขับรถจากไปคนเดียว ไป๋หลิงหลงทอดสายตามองส่งพลางถอนใจเบาๆ พอคาดเดาได้ว่าเธอจะไปที่ใด…

รถจอดอยู่ด้านนอกโรงอีหลิว ประตูหน้าปิดสนิท

ฉินอี๋ดึงผ้าคลุมที่อยู่บนไหล่ออก จากนั้นก้าวลงจากรถ สาวเท้าไปยังหน้าประตู ยกมือขึ้นตบบานประตูดังปังๆ ไม่หยุด

ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องตรวจโรคได้ยินเสียงจึงหันหน้าไปมอง จางเลี่ยเฉินพึมพำกับตนเองว่า “ใครกันนะ? อุตส่าห์แขวนป้ายพักตรวจโรคเอาไว้แล้วยังจะมาเคาะประตูไม่หยุดอีก” จากนั้นก็พูดกับหลินยวนว่า “แกรอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปดูหน่อย”

ลุงเฉินออกจากห้องตรวจโรค เดินมาถึงประตูหน้า พอเปิดประตูก็เห็นฉินอี๋ผู้มีใบหน้าเย็นชาและงดงาม จึงอดนิ่งอึ้งไปทันที

ไม่จำเป็นต้องให้เขากล่าวทักทาย และไม่ได้สนใจอาการตะลึงของเขาด้วย ฉินอี๋ยื่นมือออกไปผลักบานประตู ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปด้านใน

จางเลี่ยเฉินเองก็ไม่กล้าขวางเอาไว้ ได้แต่ชะโงกหน้ามองดูข้างนอก เมื่อไม่เห็นใครอื่นก็หมุนตัวเดินตามไปทันที พยายามยิ้มแย้มพลางกล่าวว่า “ประธานฉิน มาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

ฉินอี๋มองซ้ายแลขวา ก่อนกล่าวว่า “รู้สึกฟันไม่ค่อยดี ลุงช่วยดูให้ฉันที” จากนั้นเธอได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเล็กน้อยจากด้านในห้องตรวจโรค จึงรีบสาวเท้าเข้าไป

จางเลี่ยเฉินงุนงงไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินเข้าไปขวางเอาไว้ “ประธานฉิน ไม่ต้องเข้าไปข้างในหรอกครับ เดี๋ยวผมช่วยดูให้ท่านประธานข้างนอกนี้ก็ได้”

ฉินอี๋ดันมือเขาออก ผลักบานประตูแล้วพุ่งเข้าไปในห้องตรวจโรค

หลินยวนที่นั่งอยู่ภายในห้องหันขวับ ก่อนจะมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา ตัวเขาที่ไม่ได้ใส่กางเกงมือไม้ปั่นป่วนขึ้นมาทันที ตะลีตะลานดึงเสื้อโค้ทหนังข้างกายมาคลุมขาเอาไว้

ฉินอี๋มองเห็นบาดแผลบนขาของเขา สุดท้ายสายตาที่จ้องเขม็งเล็กน้อยก็ไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเขา สีหน้าแลดูสับสน

หลินยวนลองสังเกตอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนจะจำได้ว่าเธอเป็นใคร สีหน้าเองก็ดูงงงัน สายตาค่อยๆ สำรวจการแต่งกายของอีกฝ่าย เรียกได้ว่าแตกต่างกับสตรีที่อยู่ในความทรงจำเมื่อสามร้อยปีก่อนของเขาเป็นคนละคน ทั้งกิริยาท่าทาง บุคลิกลักษณะและการแต่งองค์ทรงเครื่องล้วนเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มีเพียงใบหน้านั้นที่ยังคงคุ้นเคยอยู่

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนได้เจอกันแล้ว จางเลี่ยเฉินคล้ายจะดูกระอักกระอ่วนยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก ยกมือขึ้นกุมขมับ ปิดปากเงียบ ไม่กล่าวอะไรออกมา

“นายเองเหรอ?” ฉินอี๋เป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน

หลินยวนพยายามฉีกยิ้มขึ้นมา “สวัสดี”

รองเท้าส้นสูงที่อยู่ใต้เท้าของฉินอี๋ส่งเสียงดังตึกๆ ก่อนจะเดินมาถึงข้างกายเขาแล้วนั่งลงไป ขาที่เรียวยาวข้างหนึ่งแยกออกมาจากในกระโปรง ยกขึ้นมานั่งไขว่ห้าง ล้วงหยิบบุหรี่ออกมาจากในกระเป๋าถือพร้อมจุดไฟ สูบพ่นควันออกมา ควันบุหรี่ลอยล่องไปถูกหลินยวนที่นั่งอยู่ข้างๆ อากัปกิริยาแฝงไว้ด้วยเจตนาที่ไม่ดี

หลินยวนไม่ได้หลบหลีก เพียงแค่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเท่านั้น เขาคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะติดนิสัยเสียจากโลกมนุษย์มาได้ แล้วก็รู้สึกประหลาดใจกับการแต่งกายของเธอ

“หนี้เมื่อก่อนนี้จะเอาอย่างไร?” ฉินอี๋พลันกล่าวถามขึ้นมา

หลินยวนยิ้มเจื่อน กล่าวว่า “เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วน่ะ”

มือที่กำลังคีบบุหรี่ของฉินอี๋พลันหยุดชะงักไปเล็กน้อย ศีรษะเหลียวกลับไป กวาดตามองด้วยสายตาเย็นชาพลางกล่าวว่า “นายคิดว่าฉันกำลังพูดเรื่องอะไร? ฉันหมายถึงเงินที่นายยืมไปจากฉันต่างหาก นายยืมฉันไปหนึ่งล้านมุก ไม่คิดจะคืนหรือไม่คิดจะยอมรับกันแน่”

มุกเป็นคำเรียกเงินตราของดินแดนเซียน เงินตราที่ใช้ในแดนเซียนคือมุกปรารถนาที่กลั่นมาจากแรงอธิษฐานของเหล่าสรรพสิ่ง

มุกแรงอธิษฐาน เป็นทั้งเงินตราในดินแดนเซียน แล้วก็เป็นของใช้ที่ช่วยผู้บำเพ็ญเพียรในการฝึกฝนบำเพ็ญเพียร

“หนึ่งล้านมุก?” จางเลี่ยเฉินร้องเสียงหลง ท่าทางตกใจไม่น้อย

สำหรับคนธรรมดาในดินแดนเซียนแล้ว หนึ่งล้านมุกนั้นไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย เงินเดือนของคนส่วนใหญ่แค่ประมาณห้าพันมุกเอง แล้วก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ได้ไม่ถึงห้าพันมุกด้วยซ้ำ

“…” หลินยวนพูดอะไรไม่ออก

ฉินอี๋จี้ถามต่อ “จะคืน…หรือว่าไม่คืน?”

หลินยวนท่าทางจนปัญญาเป็นอย่างยิ่ง “ไม่ได้บอกว่าไม่คืน แต่ว่า… ตอนนี้ฉันไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น ให้เวลาฉันรวบรวมเงินหน่อย”

ฉินอี๋กล่าวว่า “ตอนนี้นายทำงานอะไร?”

หลินยวนกล่าว “ไม่ได้ทำ”

ฉินอี๋กล่าว “อย่างนั้นนายจะเอาอะไรมาคืน? คิดจะไปชิงหรือว่าไปปล้นเอามาล่ะ?” ขณะที่พูดก็เอื้อมมือไปเปิดเสื้อโค้ทหนังที่ปิดอยู่บนขาของเขาออก มองไปยังบาดแผลที่อยู่บนขาของเขาอีกครั้ง

หลินยวนรีบยื่นมือมากดเสื้อโค้ทหนังไว้

ฉินอี๋ส่งเสียง ‘ชิ’ ออกมาพลางปล่อยมือ “ตอนนายแก้ผ้าจนหมดฉันก็เคยเห็นมาแล้ว แค่นี้จะอายทำไม?”

หลินยวนหมดคำจะพูด คิดในใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ หญิงสาวที่ขี้อายและบริสุทธิ์ผุดผ่องคนนั้นหายไปไหนแล้ว? จึงอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ว่า “พูดจาให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอ”

ทว่าจางเลี่ยเฉินกลับตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ไอที่บอกว่า ‘ตอนนายแก้ผ้าจนหมดฉันก็เคยเห็นมาแล้ว’ มันหมายความว่าอย่างไร ข้อมูลที่หลุดออกมาจากคำพูดนี้มันควรค่าแก่การเอาไปขบคิดต่อจริงๆ สายตามองสลับไปมาบนใบหน้าของชายหญิงคู่นี้โดยไม่รู้ตัว

ก้นบุหรี่ตกลงพื้น ฉินอี๋ลุกขึ้นยืน ใช้เท้าดับก้นบุหรี่ เอ่ยถามจางเลี่ยเฉินว่า “แผลบนขาของเขา ใช้เวลาอีกนานเท่าไรถึงจะหาย?”

จางเลี่ยเฉินไม่รู้ว่าที่เธอถามเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร ท่าทางดูอึกอักไม่ค่อยมั่นใจ สายตาชำเลืองมองไปทางหลินยวน ก่อนจะลองพูดออกไปว่า “ประมาณเจ็ดแปดวันเห็นจะได้”

ฉินอี๋ก้มหน้าหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าถือ ก่อนจะส่งให้หลินยวน “เก็บไว้”

หลินยวนยื่นมือไปรับด้วยความรู้สึกสงสัย พบว่าเป็นนามบัตรของอีกฝ่าย จึงเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงงพลางกล่าวว่า “นี่มันอะไร?”

ฉินอี๋กล่าว “ไม่มีอะไร ติดหนี้ก็ต้องใช้คืน หลักเหตุผลง่ายๆ ในเมื่อนายไม่มีเงินคืน อย่างนั้นก็มาทำงานใช้หนี้ที่ตระกูลฉิน หลังจากนี้สิบวัน ถือนามบัตรนี้มาหาฉันที่ตระกูลฉิน”

หลินยวนอุทานขึ้น “ไม่ดีมั้ง?”

ท่าทีของฉินอี๋ดูแข็งกร้าว “ฉันบอกว่าดีก็คือดี ฉันขอเตือนนายไว้อย่าง ถ้ายังคืนเงินไม่หมด ก็อย่าได้คิดจะหนีเชียว ฉันรับรองเลยว่านายไม่มีทางหนีออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยได้!” พูดจบก็สาวเท้ายาวๆ จากไป

“เฮ้ ฉินอี๋ ฉินอี๋…” หลินยวนตะโกนเรียกติดๆ กันอยู่สองสามครั้ง กระทั่งลุกขึ้นมาตะโกนเรียกก็แล้ว ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง

จางเลี่ยเฉินตามไปทันที สาวเท้าเร็วๆ ไปด้านนอกจนตามฉินอี๋ทันในที่สุด “ประธานฉิน ฟันของคุณ…”

ฉินอี๋กล่าว “เจอเศษสวะแบบตานั่นแล้ว ลุงคิดว่าฉันยังจะมีอารมณ์มาดูฟันอะไรนี่อีกเหรอ?”

จางเลี่ยเฉินเดินออกมาส่งเธอข้างนอก ฉินอี๋ที่เปิดประตูรถหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพูดเตือนว่า “ลุงเฉิน หนี้ของใครก็ให้คนนั้นเป็นคนใช้ เรื่องที่ไม่ควรยุ่งก็อย่าเข้ามายุ่ง ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการหาเรื่องให้ตัวเอง ถ้าอยู่ในเมืองปู๋เชวี่ย เรื่องแค่นี้ฉันยังพอทำได้อยู่”

จางเลี่ยเฉินพยักหน้า โค้งเคารพพร้อมรอยยิ้ม “เข้าใจแล้วครับๆ”

ฉินอี๋ก้มตัวเข้าไปในรถ รถพุ่งตัวจากไปอย่างรวดเร็ว

เพื่อความสะดวกในการปกครองแล้ว ภายในเมืองต่างๆ ของดินแดนเซียนจึงไม่อนุญาตให้บินไปบินมาหากไม่มีเหตุจำเป็น แต่เพราะอาณาเขตของเมืองนั้นกว้างใหญ่ จึงมียานพาหนะที่ใช้แทนการเดินบางอย่างที่คล้ายคลึงกับพาหนะในโลกมนุษย์ปรากฏขึ้นมาให้เห็น แต่ปกติก็มักจะใช้กันแค่ในเมืองเท่านั้น พอออกไปนอกเมือง ด้วยถนนหนทางที่ขรุขระไม่ราบเรียบ ก็เลยไม่มีใครใช้ยานพาหนะแบบนี้

แน่นอนว่าดินแดนเซียนไม่มีทางอนุญาตให้ของที่ปล่อยมลพิษเหมือนอย่างในโลกมนุษย์พวกนั้นปรากฏขึ้นในดินแดนเซียน แกนขับเคลื่อนภายในสิ่งของบางอย่างที่สร้างเลียนแบบขึ้นมาเหล่านั้นไม่เหมือนกับในโลกมนุษย์

กระทั่งเงารถหายลับไปแล้ว จางเลี่ยเฉินที่โบกมือลาถึงได้เดินกลับเข้าไปในโรงอีหลิวแล้วปิดประตูลง

เขารีบกลับเข้าไปด้านในห้องตรวจโรคอย่างรีบร้อน ลากหลินยวนมาถามว่า “เธอบอกว่าเธอเคยเห็นแกตอนแก้ผ้ามาแล้ว มันหมายความว่าอะไร? เมื่อก่อนพวกแกเคยมีความสัมพันธ์แบบนั้นกันเหรอ?”

หลินยวนสะบัดแขนเขาออก “ลุงเฉิน ไม่มีอะไรจะถามแล้วหรือยังไง?”

จางเลี่ยเฉิมยิ้มหน้าบาน “ไม่ปฏิเสธ อย่างนั้นก็แสดงว่ายอมรับใช่ไหม? ฉันก็ว่าแล้วไง อย่างฉินเต้าเปียนน่ะเหรอ คนที่คิดจะจีบลูกสาวเขามีเยอะแยะจะตายไป แล้วเขาจะมาตีขาแกหัก แถมยังไล่แกออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ย แล้วยังห้ามไม่ให้กลับมาภายในหนึ่งร้อยปีแค่เพราะแกไปจีบลูกสาวเขาได้ยังไง เหมือนจะทำรุนแรงเกินไปหน่อย ที่แท้ก็… เหอะๆ!”

หลินยวนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ลุงยังจะมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะลุงไม่ยอมให้ค่าแรงผม ถ้าไม่เป็นเพราะลุงยุยงผม ผมจะไปตกอยู่ในสภาพแบบนั้นได้อย่างไร?”

เมื่อหลายปีก่อน เขาร่อนเร่พเนจรตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ต่างจากขอทานเลยสักนิด ต่อมาได้ลุงเฉินเก็บมาเลี้ยง ให้ทำงานจิปาถะอยู่ในโรงอีหลิวแห่งนี้

จะว่าไปแล้วก็เป็นเพราะลุงเฉินหวังดี เพียงแต่ให้เงินค่าแรงน้อยเกินไปหน่อย เดือนหนึ่งให้แค่หนึ่งพันมุก ทว่าความจริงแล้วเงินที่เหลือมาถึงมือมีเพียงหนึ่งร้อยมุกเท่านั้น เท่ากับว่าทุกเดือนได้แค่เงินค่าขนมเท่านั้น จะไปพอใช้ได้อย่างไร

ลุงเฉินอ้างว่าเพื่อเก็บเงินให้เขา

แน่นอนว่า ในตอนนั้นเขากินอยู่ในโรงอีหลิวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ทำงานจิปาถะก็มีวันเติบโต แล้วก็มีความฝันได้เช่นกัน

ในที่สุดวันหนึ่งหลินยวนก็ไม่อยากจะทำงานจิปาถะอยู่ในโรงอีหลิวอีกต่อไป เขาเตรียมตัวไปจากโรงอีหลิว เตรียมพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ จึงไปหาลุงเฉินเพื่อคิดเงินค่าแรง

ผลสุดท้ายไม่ได้ทั้งเงินค่าแรง แล้วยังถูกลุงเฉินหัวเราะเยาะใส่ด้วย จากนั้นลุงเฉินก็กล่าวคำพูดเหลวไหลบางอย่าง ทำนองว่าให้เขาลองไปจีบลูกสาวเพียงคนเดียวของฉินเต้าเปียนที่เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองปู๋เชวี่ย ทั้งยังช่วยวางแผนให้เขา แล้วก็ถามว่าเขากล้าหรือเปล่า?

เมื่อต้องเจอกับการดูถูกเหยียดหยามและการยุยงจากลุงเฉิน ในที่สุดหลินยวนผู้ซึ่งยังเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยและต้องการจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองจึงวู่วามหลงเดินทางผิด เขาปลุกความกล้าเข้าไปเกี้ยวพาราสีบุตรสาวของเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองปู๋เชวี่ย หรือก็คือฉินอี๋ จนสุดท้ายเธอก็ถูกเขาหลอกล่อได้สำเร็จ

ตอนนั้นฉินอี๋ผู้โง่เขลาหลงเชื่อคำหวาน มอบกายและใจให้แก่เขา เฝ้าฝันว่าจะได้อยู่กับเขาไปจนแก่เฒ่า

ทว่ากลับไม่สามารถผ่านด่านฉินเต้าเปียนไปได้ ผู้ชายที่คิดจะเป็นแมงดาเช่นนี้ มีหรือที่ฉินเต้าเปียนจะยอมให้เขามาเป็นลูกเขยของตนเอง ฉินเต้าเปียนจึงลงมืออย่างแข็งกร้าว ทำลายความรักของทั้งสองคน ตอนนั้นหลินยวนเกือบจะต้องเสียชีวิตไปแล้ว เขาถูกตีจนขาหัก ถูกฉินเต้าเปียนขับออกจากเมืองปู๋เชวี่ย ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้โผล่หน้ามาอยู่ในเมืองปู๋เชวี่ยภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นจะฆ่าเขาให้ตาย!

………………………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท