ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 18 มาถึงก็โดนด่า

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 18 มาถึงก็โดนด่า

ไป๋หลิงหลงรีบเดินเข้าไปในห้องทำงานของฉินอี๋ กล่าวรายงานฉินอี๋ด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่งว่า “ที่บ้านส่งข่าวมาค่ะ เจ้าหยวนเฉินที่เป็นหลานของผู้นำตระกูลโจว แล้วก็พานหลิงอวิ๋นที่เป็นลูกสาวคนเล็กของผู้นำตระกูลพานมาถึงเมืองปู๋เชวี่ยอย่างเงียบๆ ค่ะ”

หอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพาน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลไหนก็ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าตระกูลฉิน แล้วก็เป็นหอการค้าสองแห่งที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเซียนคุนกว่าง ทั้งสองคือหอการค้าของสองตระกูลที่กุมอำนาจในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทพมหาวิญญาณที่เจ้าเมืองลั่วเทียนเหอเคยเอ่ยถึง

ฉินอี๋ลุกขึ้นมาจากด้านหลังโต๊ะทำงาน เดินไปตรงด้านหน้าหน้าต่าง สองมือกอดอก สายตาจ้องมองไปยังสุดขอบเมืองที่อยู่ห่างไกลออกไป “มาเพราะตระกูลฉิน ดูเหมือนพวกเขาน่าจะรู้เรื่องเอกสารยื่นประมูลที่พวกเราส่งไปทางแคว้นเซียนแล้ว เห็นทีงานเลี้ยงขอบคุณของทางสถานีออกอากาศของเมืองปู๋เชวี่ยในคืนนี้ ฉันคงต้องเจอแขกคนสำคัญสองคนนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว”

ไป๋หลิงหลงสีหน้าคร่ำเคร่ง กล่าวว่า “เจตนาไม่ดีแน่!”

ฉินอี๋แค่นเสียงในลำคอ “ที่นี่คือเมืองปู๋เชวี่ย พวกเขามาทำตัวเหิมเกริมไม่ได้หรอก”

ไป๋หลิงหลงกล่าวอย่างกังวล “พวกเราไม่กลัว เพียงแต่หลัวคังอันผู้นั้นชอบทำตัวเด่นเกินไป ถ้าไงเราส่งคนไปแอบคุ้มครองเขาเพิ่มไหมคะ?”

ฉินอี๋ส่ายศีรษะเล็กน้อย “ไม่ต้องแล้ว ถ้าเขายังเอาตัวไม่รอดทั้งๆ ที่มีคนคอยแอบคุ้มครองเขาแบบนี้ อย่างนั้นเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วเช่นกัน”

ไป๋หลิงหลงกล่าว “แล้วหลินยวนล่ะคะ คอยตามอยู่ข้างกายเขาแบบนั้นจะพลอยมีปัญหาไปด้วยหรือเปล่า?”

ฉินอี๋กล่าว “ถ้าไม่หมดหนทางจริงๆ คนพวกนั้นก็คงไม่ทำอะไรโจ่งแจ้งในเมืองปู๋เชวี่ยหรอก ลงมือกับเขาไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เขาไม่มีอันตรายอะไรร้ายแรงหรอก”

ไป๋หลิงหลงลังเลเล็กน้อย “จริงอยู่ที่ไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้ง กลัวแต่พวกเขาจะแอบทำอะไรลับหลัง ความหมายของฉันคือเรื่องที่จะให้หลินยวนไปเป็นผู้ช่วยหลัวคังอัน เราชะลอไว้ก่อนดีไหมคะ?”

ฉินอี๋กล่าว “ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ฉันไม่ได้เลี้ยงดอกไม้ ฉันอยากให้เขากลายเป็นต้นไม้สูงใหญ่เสียดฟ้า ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าฉัน ถ้าเขายังทำตัวเหลาะแหละไร้ความสามารถ เธอคิดว่าเขาจะยอมมาเดินนำหน้าฉันเหรอ? การมีหลิงซานที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังทำให้เขาใช้ชีวิตสบายเกินไป นับแต่ตอนนี้ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลง หากอยากจะกลายเป็นต้นไม้สูงใหญ่ การเผชิญพายุบ้างคือเรื่องจำเป็น ไม่ต้องห่วงเขาเกินไป ให้เขาได้เรียนรู้บ้าง พอได้เรียนรู้แล้วเขาก็จะเปลี่ยนเอง ฉันยินดีรอเขา!”

สายตามองดูภายในห้องทำงานที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างที่กำลังมีคนเก็บกวาดห้องนั้น ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบเอาบัตรพนักงานของหลินยวนออกมา ยื่นส่งให้ไป๋หลิงหลง “เอาไปให้เขา”

เรื่องสำคัญคืบคลานเข้ามา ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์มานั่งเล่นกับหลินยวน จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างพลางกล่าวพึมพำกับตัวเองว่า “เรื่องที่ตระกูลโจวกับตระกูลพานใช้อำนาจกดดันนั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ตระกูลฉินของเราเองก็ไม่มีทางให้ถอยแล้ว ในเมื่อจะเปิดศึก อย่างนั้นก็ต้องสู้!”

สายตาที่จ้องมองออกไปด้านนอกหน้าต่างแปรเปลี่ยนเป็นสว่างเจิดจ้าและแน่วแน่

…….

หลัวคังอันกวาดตามองดูห้องทำงานห้องใหม่ด้วยใบหน้าสงสัย

หลินยวนได้บัตรพนักงานของตัวเองแล้ว แล้วก็มีห้องทำงานเป็นของตัวเองด้วย

ไป๋หลิงหลงที่พาเขามาห้องทำงานด้วยตัวเองยิ้มพลางกล่าวถามว่า “เป็นยังไงบ้าง พอใจไหม?”

หลินยวนกล่าว “ฉันไม่เรื่องมาก”

เขาไม่เรื่องมาก แต่หลัวคังอันกลุ้มใจแล้ว นี่มันอะไรกัน นี่มันห้องทำงานที่ทำจากผลที่แยกตัวออกไปต่างหากชัดๆ สภาพดูดีกว่าห้องทำงานของเขาอีก นี่ใครเป็นผู้ช่วยใครกันแน่?

เขาเองก็ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมาก หลังกลับมาถึงห้องทำงานของตัวเองก็ปิดประตู รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อคนคนหนึ่ง “สวีซยง ฉันเอง มีเรื่องรบกวนให้นายช่วยหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ช่วยฉันสืบเรื่องคนคนนึงหน่อย ใช่ ชื่อหลินยวน ยังเรียนอยู่ที่หลิงซานของพวกนาย เขาบอกว่ายังเรียนไม่จบ ช่วยฉันสืบเรื่องเขาหน่อย โดยเฉพาะเรื่องภูมิหลังของเขา ช่วยดูหน่อยว่ามีอะไรพิเศษเปล่า เฮ้อ เรื่องมันยาวน่ะ ใช่ๆๆ รบกวนด้วย วางใจได้น่า เรามันคนกันเองอยู่แล้ว กลับไปเมืองหลวงเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”

เขาเก็บโทรศัพท์มือถือ เดินไปนอนลงบนโซฟา รู้สึกกลุ้มใจ….

…..

ไม่ง่ายเลยกว่าจะทนจนถึงเวลาเลิกงาน เขามาหาหลินยวนเพื่อจะออกไปเที่ยวด้วยกัน แต่ว่าหลินยวนปฏิเสธ

หลัวคังอันถลึงตาใส่ “ไม่ไป? พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ วันนี้ฉันเลี้ยงไง เมินฉันเหรอ?”

หลินยวนไม่อยากออกไปเที่ยวสำมะเลเทเมากับเขา “ผมนัดกวนเสี่ยวชิงที่เจอตอนกลางวันไว้แล้ว”

“เอ่อ…” หลัวคังอันงุนงง ก่อนจะหัวเราะฮี่ๆ ขึ้นมาทันที กล่าวว่า “เข้าใจ เข้าใจ ฉันเองก็นัดจูเก่อม่านคนนั้นเอาไว้เหมือนกัน ตอนแรกอยากจะให้ไปด้วยกันนะเนี่ย ในเมื่อไม่สะดวกให้รบกวน อย่างนั้นวันนี้พวกเราก็ต่างคนต่างเที่ยวแล้วกัน?”

หลินยวนพยักหน้า ทั้งสองคนออกมาจากหอการค้าด้วยกัน ต่างก็มารอคนอยู่ด้านนอกหอการค้า

รออยู่ไม่นาน จูเก่อม่านที่เห็นได้ชัดว่าแต่งหน้ามาใหม่ก็เดินออกมา รูปร่างสะโอดสะอง เยื้องย่างโปรยเสน่ห์ขึ้นไปบนรถของหลัวคังอัน

“น้องชาย พวกเราไปก่อนล่ะ ไว้เจอกัน” หลัวคังอันโบกมือขับรถออกไป หญิงงามที่อยู่ด้านข้างเองก็ยิ้มพลางโบกมือมาทางหลินยวน

หลินยวนพลันเอียงศีรษะ หรี่ตาเล็กน้อย สังเกตเห็นว่าไม่ไกลออกไปมีรถอยู่สองคัน คล้ายแล่นตามรถของหลัวคังอันไป

เขาไม่สนใจว่านี่มันเรื่องอะไร สิ่งที่เขาแปลกใจคือทำไมกวนเสี่ยวชิงยังไม่ออกมา?

รอคอยต่อไป รอจนกระทั่งฟ้าใกล้มืด รถสีเงินสามคันแล่นผ่านไปจากด้านข้าง มองเห็นฉินอี๋อยู่ในรถคันหนึ่ง

ฉินอี๋ที่นั่งอยู่ด้านหลังหน้าต่างที่เปิดออกครึ่งบานเองก็เพียงแค่สบตากับเขา จากนั้นหน้าต่างรถก็เลื่อนปิดขึ้น รถแล่นออกไปไกล

รอจนกระทั่งไม่มีใครออกมาจากในหอการค้าตระกูลฉินแล้ว เขาก็ยังไม่เจอกวนเสี่ยวชิง จึงรู้สึกประหลาดใจ ตามหลักแล้วนี่มันเป็นไปไม่ได้!

เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้กวนเสี่ยวชิงยังตั้งใจมาหาเขาเพื่อนัดแนะเรื่องที่จะกลับบ้านด้วยกันอยู่เลย เธอไม่น่าจะลืมง่ายๆ

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในหอการค้า สอบถามจนทราบถึงสถานที่ทำงานของกวนเสี่ยวชิง แล้วก็เจอพนักงานที่มาเข้าเวร

แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้หลินยวนต้องประหลาดใจ “หลังพักเที่ยงไม่นานก็เก็บของกลับไปแล้ว?”

“ค่ะ” หญิงสาวที่มาเข้าเวรพยักหน้า เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ผู้จัดการหวังไม่ได้ป่าวประกาศเรื่องนั้น กวนเสี่ยวชิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรเยอะเพราะกลัวเสียหน้า ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครทราบสาเหตุ รู้เพียงแต่ว่าตอนที่กวนเสี่ยวชิงเดินออกไป สีหน้าไม่ค่อยดีสักเท่าไร

เมื่อออกมาจากหอการค้า หลินยวนก็ขี่เจ้าลาน้อยตะบึงไปในเมืองป่าไม้แห่งนี้ อาบแสงไฟจากบ้านเรือนที่ส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลง อาศัยความทรงจำมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกของเมือง

เมืองใหญ่โตอย่างมาก ใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าจึงจะมาถึงเขตเนินตะวันตก

แม้จะบอกว่าเป็นเขตเนิน แต่ความจริงแล้วถือว่าเป็นเนินภูเขาหินที่มีพื้นที่กว้างใหญ่อย่างมาก มีครอบครัวจำนวนไม่น้อยขุดถ้ำเพื่ออยู่อาศัย

ความจริงนอกจากประตูและหน้าต่างที่อยู่ด้านหน้าแล้ว ภายในห้องที่อยู่ด้านในของบ้านส่วนใหญ่นั้นไม่มีหน้าต่างที่ให้แสงเล็ดลอดเข้ามาได้ ที่แห่งนี้มีกลิ่นอายของความเป็นสลัมแห่งเมืองปู๋เชวี่ย

จากบนลงล่างมีบ้านเรือนตั้งเรียงราย จากล่างขึ้นบนมีถนนคดเคี้ยวขึ้นไป ด้านบนหลังคาของบางครอบครัวคือถนน

หลินยวนเลือกถนนคดเคี้ยวที่อยู่ด้านซ้ายสุดขี่เจ้าลาน้อยขึ้นไป ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้านหลังหนึ่งที่อยู่กึ่งกลางของเนินเขา

ชายที่สวมเสื้อกล้ามคนหนึ่งนั่งอยู่บนบันไดตรงหน้าประตูบ้าน ผมเผ้าม้วนฟูประหนึ่งสิงโต ด้านล่างคางยังจงใจไว้เคราแพะ กำลังยกขวดเหล้ากระดกเข้าปาก

เขาวางขวดเหล้าลง มองดูเจ้าลาน้อยที่หยุดอยู่ตรงหน้า

หลินยวนจ้องมองอีกฝ่ายเล็กน้อย จู่ๆ พลันหัวเราะขึ้นมา กล่าวถามว่า “แต่งตัวอะไรวะเนี่ย?”

ชายหัวสิงโตก็คือเพื่อนเก่าของเขากวนเสี่ยวไป๋ อีกฝ่ายมองดูเขา พลันกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน “หลินจึ? แกจริงๆ เหรอ?”

หลินยวนจอดรถก้าวลงมา ยิ้มพลางกล่าวว่า “เสี่ยวชิงไม่ได้พูดกับแกเหรอ? ฉันนึกว่าแกน่าจะเดาได้ว่าฉันจะมา”

เคร้ง!กวนเสี่ยวไป๋โยนขวดเหล้าทิ้งไป หัวเราะฮ่าๆ เสียงดังขึ้นมา เดินเข้าไปทุบหน้าอกหลินยวนทีหนึ่ง “ตอนแรกก็นึกว่าแกจะมา แต่เสี่ยวชิงกลับมาแล้วบอกว่าถูกแกรังแก ฉันก็เลยนึกสงสัยว่าแกจะมาหรือเปล่า”

หลินยวนงุนงง “รังแก? ฉันไปรังแกเธอตอนไหน?”

กวนเสี่ยวไป๋คว้าแขนของเขาเอาไว้ “เด็กน้อยมันก็คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยน่ะ จะต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ ไม่ต้องสนใจเธอ ปะ เข้าไปนั่งในบ้าน”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง อารมณ์กลุ้มใจตอนกินเหล้าก่อนหน้านี้ก็มลายหายไปทันที การที่มาที่นี่ด้วยตัวเองได้ อย่างนั้นก็จะต้องไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่

เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวทางด้านนอก ภายในบ้านก็มีหญิงมีอายุผู้หนึ่งวิ่งออกมาดู หญิงคนนี้ก็คือเถาฮวา แม่แท้ๆ ของกวนเสี่ยวไป๋

กวนเสี่ยวไป๋ตะโกน “แม่ แม่ดูสิใครมา หลินยวนมา”

หลินยวนพบว่าเถาฮวาดูแก่กว่าในความทรงจำไปไม่น้อย แต่อันที่จริงก็ผ่านมาสามร้อยปีแล้ว จึงยิ้มพลางโบกมือ กล่าวว่า “คุณป้าครับ”

“เหอะ!” เถาฮวาแค่นเสียงอย่างเย็นชา หมุนตัวเดินเข้าไปด้านใน ทั้งยังปิดประตูดังปัง แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่รับแขก

“….” หลินยวนหมดคำพูด คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะกลายเป็นคนที่ไม่ถูกต้อนรับ

ประตูเองก็ไม่ได้ล็อก กวนเสี่ยวไป๋เดินเข้าไปแล้วผลักประตูออก ก่อนจะเหลียวหน้ากลับมาพูดกับหลินยวนว่า “แกก็รู้ว่าแม่ฉันเป็นยังไง เป็นยายป้าปากร้ายที่มีชื่อเสียงของแถบนี้ไง อย่าไปสนใจ”

กระทั่งลูกชายก็ยังพูดแบบนี้ นิสัยเถาฮวาเป็นอย่างไรก็คงพอจะนึกออก

หลินยวนย่อมต้องรู้ว่าเถาฮวาเป็นคนอย่างไร เธอคือยายป้าปากร้ายที่มีชื่อเสียงของแถบนี้จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า กระทั่งพ่อของกวนเสี่ยวไป๋ก็ยังถูกเธอข่มจนได้แต่นิ่งเงียบ

หลินยวนจำได้ว่าเมื่อในอดีตมักจะได้ยินเถาฮวาด่าพ่อของกวนเสี่ยวไป๋อยู่บ่อยๆ ว่าไร้ประโยชน์ไม่มีอนาคต แต่มองดูเขาแล้วลองมองดูเธอสิ สงสัยเขาคงตาบอดตอนที่แต่งเธอ

ส่วนพ่อของกวนเสี่ยวไป๋นอกจากนิ่งเงียบก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบ

“การทะเลาะกันมันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการใช้ชีวิต ต่อให้เถียงชนะนิดหน่อยก็ยังจะเถียงอยู่ดี” หลินยวนตอบกลับไป กวาดมองดูภายในบ้าน พบว่าสะอาดเป็นอย่างมาก

ความจริงเพื่อจะต้อนรับเขา ก่อนหน้านี้จึงได้ทำการเก็บกวาดไปแล้ว

กวนเสี่ยวไป๋ได้ยินเช่นนี้จึงอดกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ได้ จุ๊ปากเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ได้ออกไปดูโลกนี่มันเปลี่ยนไปจริงๆ กระทั่งคำพูดยังเปลี่ยนไปเลย”

“ฉันปากร้ายเหรอ?” เถาฮวาที่อยู่ด้านในห้องกระโดดออกมาอีกครั้ง ชี้หน้าหลินยวนพลางด่าว่า “เสี่ยวหลินจึ เธอไปคิดดูดีๆ นะ ตอนนั้นฉันดูแลเธอยังไง? ไอคนขี้เหนียวแซ่จางที่โรงอีหลิวนั่นไม่เคยให้เธอได้กินของอร่อย ไม่เคยให้เธอได้ใช้ของดีๆ แต่บ้านฉันต่อให้จนยังไง ถ้าครั้งไหนมีของอร่อย ฉันก็ให้เสี่ยวไป๋มันเรียกเธอมาทุกครั้งใช่ไหม มีครั้งไหนที่ไม่รอกินพร้อมเธอบ้าง? ฉันดูแลเธอเหมือนลูกชายคนหนึ่ง แต่ดูเธอตอนนี้สิ มีอนาคตแล้วเลยมองไม่เห็นหัวคนอื่น คิดไม่ถึงว่าจะมารังแกลูกสาวของฉันได้ เธอยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า หรือว่าถูกหมามันกินไปหมดแล้ว?”

มาถึงก็โดนด่า ไปทำอะไรให้ใครเข้าใจผิดล่ะเนี่ย? หลินยวนถูกด่าจนหมดคำพูด รู้สึกเหมือนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จึงกล่าวอย่างจนปัญหาว่า “คุณป้า ผมงงไปหมดแล้ว ผมไปรังแกเสี่ยวชิงตั้งแต่เมื่อไร?”

กวนเสี่ยวไป๋เข้ามาห้ามไว้ “แม่ เรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่”

หลินยวนดึงเขาไว้ “ไม่เป็นไร คุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่องก่อน ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่สบายใจที่จะอยู่ที่นี่เหมือนกัน เสี่ยวชิงบอกว่าฉันรังแกเธอ? แล้วเธอล่ะ?”

“รอเดี๋ยว” กวนเสี่ยวไป๋กล่าวจบก็เดินเข้าไปด้านใน ถีบประตูดังปึง ดึงตัวกวนเสี่ยวชิงที่นอนเก็บตัวอยู่บนเตียงภายในห้อง ในสายตาของคนบางคนอาจจะมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ว่าเด็กสาวรู้สึกเสียใจไปแล้ว ร้องไห้จนตาบวมปูด

เถาฮวามองดูด้วยสีหน้าปวดใจ

เมื่อเห็นหลินยวน กวนเสี่ยวชิงคล้ายกระอักกระอ่วน

หลินยวนยิ้มเจื่อน “เสี่ยวชิง ไหนบอกว่าเลิกงานแล้วจะกลับบ้านด้วยกันไง หลังเลิกงานฉันรอเธออยู่ข้างนอกตั้งนานก็ไม่เห็นเธอ ฉันเลยไปถามที่แผนกเธอถึงได้รู้ว่าเธอกลับมาก่อนแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงบอกว่าฉันรังแกเธอล่ะ?”

กวนเสี่ยวชิงอึกๆ อักๆ เรื่องบางเรื่องพูดกับคนในครอบครัวได้ แต่ไม่สะดวกที่จะพูดกับคนนอก

กวนเสี่ยวไป๋โมโห “นังเด็กบ้านี่ ก่อนหน้านี้ยังโมโหจะเป็นจะตายอยู่เลย ตอนนี้เขามาแล้ว ทำไมไม่พูดล่ะ มีอะไรก็พูดต่อหน้าให้มันชัดๆ ไปเลย อย่ามามัวแอบด่าลับหลังอยู่แบบนั้น”

เถาฮวาดุขึ้นมา “พูด แม่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัวเขา อย่างมากก็แค่ไม่ต้องทำงานที่ตระกูลฉินแล้ว”

เมื่อถูกบีบให้พูด กวนเสี่ยวชิงจึงกล่าวพึมพำออกมาอย่างเศร้าใจว่า “หนูถูกย้ายไปที่เขตเหมืองของตระกูลฉิน”

หลินยวนสงสัย “ถูกย้ายแล้วมีปัญหาอะไรเหรอ?”

………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน