ตอนที่ 22 งานเลี้ยง
ชื่อของสถานีออกอากาศของเมืองปู๋เชวี่ยคือปู๋เชวี่ยวีดีโอ!
นับตั้งแต่ที่ได้รับหนังสือโครงการของจูลี่จนกระทั่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ ทั้งการรับสมัครพนักงานที่เกี่ยวข้อง สถานที่ทำงาน ใบอนุญาตออกอากาศ อีกทั้งอุปกรณ์และงบประมาณก็ล้วนแต่จัดการเสร็จเรียบร้อยได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียงสั้นๆ
จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าเจ้าเมืองลั่วเทียนเหอให้การสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แล้วก็จะเห็นได้ว่าข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อนนั้นไม่อาจทำให้ลั่วเทียนเหออยู่เฉยได้
สถานีออกอากาศอยู่ภายใต้การดูแลของเหิงเทาที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป แต่หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปของเมืองปู๋เชวี่ยยังมีงานอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบอีกมากมาย การดำเนินงานในเวลาปกติของสถานีออกอากาศจึงตกอยู่ในความรับผิดชอบของจูลี่ทั้งหมด จูลี่จึงกลายเป็นผู้ดูแลหลักของปู๋เชวี่ยวีดีโออย่างเป็นทางการ
งานที่สำคัญที่สุดในเมืองปู๋เชวี่ยในวันนี้เห็นทีคงจะเป็นงานเปิดตัวปู๋เชวี่ยวีดีโองานนี้ แล้วก็เป็นวันที่จูลี่ได้เปิดตัวอย่างเฉิดฉายโดดเด่น
งานเลี้ยงขอบคุณของพนักงานจากปู๋เชวี่ยวีดีโอยังคงดำเนินต่อไป คนมีชื่อเสียงจากสายอาชีพต่างๆ ทยอยเข้ามาร่วมงาน
เหิงเทาผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปปรากฏตัวอยู่ในงานเพียงครู่ก็ออกไปจากงาน จูลี่กลายเป็นจุดสนใจของทั้งงาน แล้วก็แต่งตัวได้สวยงามอย่างมาก ชุดกระโปรงยาวที่ดูสง่าแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกแปลกใหม่บนตัวเธอ
ฉินอี๋เองก็เข้ามาในงานแล้ว เธอสวมชุดกระโปรงยาวเปิดไหล่ ไม่ปิดบังความงดงามของเรือนร่างของตัวเองแม้แต่น้อย ดูเข้ากับบรรยากาศของงานเลี้ยงในคืนนี้ กำลังพูดคุยกับจูลี่อย่างมีความสุข
ตระกูลฉินเป็นนักธุรกิจ พวกเขาย่อมต้องการให้ตนเองเป็นที่รู้จักในวงกว้าง จนปัญญาที่ก่อนหน้านี้ลั่วเทียนเหอหัวโบราณเกินไป การเปิดตัวสถานีออกอากาศในตอนนี้เรียกได้ว่าสอดคล้องกับความต้องการของตระกูลฉิน ฉินอี๋จึงย่อมต้องทำความรู้จักกับจูลี่ที่เป็นผู้รับผิดชอบสถานีเอาไว้
ทั้งสองฝ่ายกำลังพูดคุยตกลงเรื่องความร่วมมือกัน ฉินอี๋อยากให้ตระกูลฉินเป็นรายการเปิดตัวของทางสถานี
แต่ขอโทษที รายการเปิดตัวของทางสถานีจะต้องเป็นการแนะนำสถานการณ์ของทั้งเมืองปู๋เชวี่ยแก่ทั่วทั้งดินแดนเซียนทราบ
นี่เป็นความตั้งใจของลั่วเทียนเหอที่ต้องการจะตอบโต้พวกคำวิจารณ์เสียๆ หายๆ บางอย่างกลับไป
ปู๋เชวี่ยวีดีโอที่เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาจะต้องเป็นที่จับตามองจากทุกๆ ฝ่าย ด้วยกระแสสังคมที่กำลังพุ่งความสนใจมาที่นี่จะทำให้สามารถเผยแพร่ข้อมูลออกไปได้กว้างขึ้น ทำให้คนจำนวนมากได้เห็น
หากเวลาล่วงเลยไปแล้ว ความสนใจหดหายไปแล้ว ลำพังเพียงปู๋เชวี่ยวีดีโอ เกรงว่าคงไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอกได้อีก ลั่วเทียนเหอจึงอยากจะฉวยโอกาสนี้เอาไว้
ยิ่งไปกว่านั้นในระหว่างที่ทำการก่อสร้างปู๋เชวี่ยวีดีโอขึ้นมา เนื้อหาต่างๆ ที่จะนำไปออกอากาศก็ได้ทำการอัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว จากตรงนี้จะเห็นได้ถึงความรีบร้อนของทางลั่วเทียนเหอ
ที่ปู๋เชวี่ยวีดีโอสามารถก่อตั้งได้อย่างราบรื่นเรียบร้อยเช่นนี้ก็เนื่องเพราะเหตุนี้
ที่ฉินอี๋พยายามแย่งเอารายการเปิดตัวของทางปู๋เชวี่ยวีดีโอมาให้ได้ก็เพราะอยากจะฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนยังให้ความสนใจปู๋เชวี่ยวีดีโออยู่เช่นกัน แต่เธอก็พอจะเข้าใจถึงความคิดของลั่วเทียนเหอ จึงไม่สะดวกที่จะแย่งชิงอะไร แล้วก็ไม่กล้าไปแย่งกับลั่วเทียนเหอด้วย จึงได้แต่ต้องยอมถอยและขอออกอากาศเป็นรายการที่สองต่อจากนั้น
สำหรับเรื่องนี้จูลี่เองก็ตอบรับด้วยความยินดี เพราะทางปู๋เชวี่ยวีดีโอเองก็ต้องการทำกำไรเช่นกัน มิเช่นนั้นการอาศัยเงินสนับสนุนจากทางสำนักงานเจ้าเมืองเพียงอย่างเดียว นั่นแสดงให้เห็นถึงความไร้ความสามารถและความล้มเหลวของเธอ หากไม่มีรางวัลตอบแทนการทำงาน แล้วจะกระตุ้นให้พนักงานมีความกระตือรือร้นที่จะทำงานได้อย่างไร? แล้วพนักงานจะทำงานได้ดีได้อย่างไร?
หอการค้าอันดับหนึ่งแห่งเมืองปู๋เชวี่ยมีทรัพยากรทางการเงินมหาศาล เธอย่อมไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้ แล้วก็ย่อมต้องให้เกียรติอีกฝ่ายด้วย
ในด้านราคาแล้ว ฉินอี๋ไม่มีการต่อรองใดๆ แล้วก็เพราะต้องการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตระกูลฉิน เธอจึงเสนอจำนวนเงินที่ทำให้จูลี่พึงพอใจไปทันที
ทั้งสองฝ่ายทำการตกลงอย่างรวดเร็ว คืนนี้จะรีบให้คนไปเตรียมตัว พรุ่งนี้จูลี่จะพาคนไปเซ็นสัญญา หลังเซ็นสัญญาเรียบร้อยก็จะรีบทำการอัดรายการทันที เพื่อพยายามออกอากาศต่อเนื่องจากรายการเปิดตัว….
………
“โอ้! เปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วขนาดนี้เลยเหรอ จะแต่งเป็นคู่เหรอ? นี่มันวางแผนร้ายเอาไว้ชัดๆ!”
ท่ามกลางหมู่ดอกไม้ที่อยู่ตรงมุม บริเวณที่แขกเหรื่อเบาบาง พานหลิงอวิ๋นที่ไว้ผมสั้นสวมชุดของผู้ชายถือแก้วเหล้าอยู่ในมือ มีทั้งเสน่ห์ของผู้หญิง แล้วก็มีความสง่าของผู้ชาย ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไม่เหมือนใคร
เธอมองดูเจ้าหยวนเฉินที่ปรากฏตัวขึ้นข้างกาย มองดูเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางฉินอี๋ที่สวมชุดสีขาว เห็นได้ชัดว่ากำลังเสียดสีล้อเลียนเจ้าหยวนเฉินอยู่
ทั้งสองคนเดินทางมาเมืองปู๋เชวี่ยอย่างเงียบๆ เข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ในนามหอการค้าอื่นของเมืองปู๋เชวี่ย คอยสังเกตการณ์อยู่รอบนอก
เดิมทีเจ้าหยวนเฉินสวมชุดยาวสีเขียว แต่เมื่อเห็นฉินอี๋ที่ปรากฏตัวในชุดกระโปรงยาวสีขาว ดูอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของโลกมนุษย์ เขาก็หายตัวไปครู่หนึ่ง ในเวลานี้ปรากฏตัวอีกครั้งด้วยชุดสูทสีขาวเข้ารูป นี่ถ้าไปยืนคู่กับฉินอี๋จะต้องส่งเสริมกันและกันให้ดูโดดเด่นอย่างแน่นอน
เจ้าหยวนเฉินกล่าวล้อเลียน “ทำไม หึงเหรอ? ลองนึกดูสิว่าเมื่อก่อนฉันพยายามแค่ไหนเพื่อเอาใจเธอ ตอนนี้เธอนึกเสียใจก็ยังทันนะ”
พานหลิงอวิ๋นส่งเสียงเหอะออกมาอย่างดูแคลน คร้านที่จะตอบรับคำพูดนี้
เจ้าหยวนเฉินเองก็พยักเพยิดหน้าไปทางฉินอี๋ “แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้ดูสวยกว่าในรูปอีก รูปร่างทั้งดีทั้งเซ็กซี่ สมัยนี้เนี่ยนะ ผู้หญิงที่มีเสน่ห์แบบนี้ แล้วก็ยังเฉลียวฉลาดแบบนี้มีให้เห็นไม่บ่อยแล้ว แล้วลองดูบุคลิกท่าทางของเธอสิ ไม่เลวเลย พอปรากฏตัวก็ทำให้ฉันตกตะลึงได้ ฉันชอบ”
พานหลิงอวิ๋นจิบเหล้า “ได้ยินว่าฉินอี๋คนนี้เป็นผู้หญิงแกร่ง เกรงว่าเธอคงจะไม่มองหลานนอกของตระกูลโจวอย่างนายอยู่ในสายตาหรอก” ในคำพูดแฝงเอาไว้ด้วยความรู้สึกเย้ยหยัน
เจ้าหยวนเฉินหาได้ใส่ใจไม่ “ผู้หญิงที่มีความสามารถ อีกทั้งยังสวย แล้วก็แกร่ง แบบนี้สิถึงจะมีความสุขที่ได้พิชิต”
พานอวิ๋นหลิงกล่าว “อาศัยลูกไม้แบบนี้จะทำให้บรรลุเป้าหมายของตระกูลโจวได้เหรอ? นายคิดว่าเธอโง่หรือไง? ขอเพียงนายเผยตัวออกไป เธอก็จะต้องระแวงนายทันทีแน่นอน”
เจ้าหยวนเฉินชูแก้วเหล้ามาทางเธอ “ธุรกิจกับความรักมันคนละเรื่องกัน ธุรกิจไปไม่รอด ความรักยังคงอยู่ ถ้าไม่ลองจะรู้ได้ยังไงว่าได้หรือไม่ได้?”
พานหลิงอวิ๋นตอบกลับ “ก็จริง แทนที่จะอยู่ในตระกูลโจวแบบกังวลว่าจะถูกเขี่ยออกทิ้ง สู้ไปเป็นลูกเขยอยู่ในตระกูลฉินดีกว่า”
เจ้าหยวนเฉินกล่าว “ก็ยังดีกว่าพวกโรคจิตครึ่งหญิงครึ่งชาย”
พานหลิงอวิ๋นเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ระวังปากหน่อย”
เจ้าหยวนเฉินเองก็ส่งเสียงเหอะออกมา ไม่พูดอะไรกับเธออีก เมื่อเห็นว่าฉินอี๋กับจูลี่แยกกันแล้ว เขาก็กวักมือไปทางด้านหลังเล็กน้อย จากนั้นมีคนรีบเอาดอกไม้มาส่งให้เขาช่อหนึ่ง
ดอกไม้อยู่ในมือ เดินตรงเข้าไปหาฉินอี๋
พานหลิงอวิ๋นคอยมองดูอยู่
ไป๋หลิงหลงที่อยู่ไม่ไกลคอยจับตามองสองคนนี้อยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีความเคลื่อนไหว จึงรีบเดินเข้าไปหาฉินอี๋ทันที
ขณะที่ฉินอี๋กำลังพูดคุยอยู่กับจูลี่ คนอื่นไม่สะดวกที่จะเข้าไปขัดจังหวะ ก็ใครใช้ให้เธอเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองปู๋เชวี่ยล่ะ ทันทีที่ฉินอี๋แยกออกมาก็มีคนเข้าไปพูดคุยกับจูลี่ต่อทันที จุดประสงค์เองก็คล้ายคลึงกับฉินอี๋
“ประธานฉิน” เจ้าหยวนเฉินเดินมาขวางอยู่ตรงเบื้องหน้าของฉินอี๋ โค้งตัวเล็กน้อย “กระผมเจ้าหยวนเฉินจากหอการค้าตระกูลโจวแห่งเมืองฝูปอครับ”
ทันทีที่เปิดเผยสถานะออกมาก็มีสายตาจากคนรอบข้างมองมาทันที บางคนเพียงฟังก็รู้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร ทรัพย์สินและอำนาจของตระกูลโจวแข็งแกร่งกว่าตระกูลฉินอยู่ไม่น้อย บางคนเริ่มอยากจะเข้าไปตีสนิทกับเขา
สายตาของฉินอี๋สาดประกายเล็กน้อย พยักหน้าทักทายพลางกล่าว “เป็นเกียรติที่ได้พบค่ะ”
เจ้าหยวนเฉินรีบประคองช่อดอกไม้ด้วยสองมือส่งให้เธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ฉินอี๋เงียบไปเล็กน้อย รับเอาดอกไม้มา
ในสายตาของคนอื่นๆ ภาพนี้ไม่ว่าดูอย่างไรก็คล้ายเป็นการบอกรัก หลานนอกของตระกูลโจวกำลังไล่ตามจีบประธานของหอการค้าตระกูลฉิน? ทุกคนสบตากันไปมา บางคนเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่าการกระทำอย่างเปิดเผยเช่นนี้คือสัญญาณว่าตระกูลฉินกับตระกูลโจวจะร่วมมือกันหรือเปล่า
แล้วเมื่อดูการแต่งกายที่ดูเข้าคู่กันของทั้งสองคนอีกครั้ง คนอื่นๆ ก็พากันรู้สึกว่านี่ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ
ทว่าฉินอี๋กลับเหลียวหน้าไปกระซิบกระซาบข้างหูไป๋หลิงหลงที่ขยับเข้ามาใกล้สองสามประโยค จากนั้นยื่นช่อดอกไม้ให้ไป๋หลิงหลงไป
ไป๋หลิงหลงรีบถือช่อดอกไม้เดินออกไป ตรงเข้าไปหาจูลี่ที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของแขกเหรื่อ หลังมาถึงข้างกายจูลี่ก็ยิ้มพลางกล่าวกับจูลี่ว่า “คุณจูคะ ท่านนั้นคือคุณเจ้าหยวนเฉินที่เป็นหลานชายของประธานโจวแห่งหอการค้าตระกูลโจวค่ะ เขาทราบข่าวงานเปิดตัวของปู๋เชวี่ยวีดีโอ วันนี้เลยตั้งใจมาร่วมแสดงความยินดี นี่เป็นน้ำใจจากเขาค่ะ” ช่อดอกไม้ถูกประคองส่งให้
“ตระกูลโจว…” ด้านข้างมีเสียงซุบซิบพูดคุยดังขึ้นมา ทุกคนต่างรู้ว่าตระกูลโจวร่ำรวยและมีอำนาจแค่ไหน
เจ้าหยวนเฉินงุนงงไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นจูลี่มองมาพลางยิ้มทักทายเขา เขาจึงพยักหน้าทักทายกลับไปทันที
จูลี่รับช่อดอกไม้มา บอกให้แขกคนอื่นๆ รอสักครู่ จากนั้นรีบเดินเข้ามาหาเจ้าหยวนเฉิน
เธอเองก็พอจะทราบถึงความร่ำรวยของตระกูลโจวมาบ้าง เมื่อมีแขกสำคัญมาเยือน เธอก็ย่อมต้องเข้ามาแสดงความขอบคุณ เธอเดินเข้ามาใกล้พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีต้อนรับค่ะคุณเจ้า ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ”
“เอ่อ…” เจ้าหยวนเฉินกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ก็ไม่สะดวกที่จะพูดว่าดอกไม้นั้นไม่ได้ให้คุณ หากพูดแบบนั้นออกไปล่ะก็ จูลี่จะรู้สึกอย่างไร นั่นมิเท่ากับเป็นการตบหน้าจูลี่ต่อหน้าทุกคนหรือ? เบื้องหลังเธอมีลั่วเทียนเหอคอยหนุนอยู่ แล้วมาทำให้ลั่วเทียนเหอขายหน้าในงานฉลองการเปิดตัวปู๋เชวี่ยวีดีโอแบบนี้ ยังคิดที่จะออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยแบบมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?
เขาทำได้เพียงยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า “สวัสดีครับคุณจูลี่” นี่เท่ากับเป็นการยอมรับกลายๆ แล้วว่าดอกไม้ช่อนั้นเขามอบให้เธอ
จูลี่เองก็มีความคิดที่จะทำความรู้จักกับแขกคนสำคัญผู้นี้ เธอเป็นฝ่ายชวนคุย เจ้าหยวนเฉินไม่อาจเมินเธอได้ จึงแต่ต้องพูดคุยกับเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากที่จุดสนใจเปลี่ยนไปแล้ว ฉินอี๋ที่อยู่ข้างๆ ก็เดินออกไป
เจ้าหยวนเฉินที่เหลือบมองดูรู้สึกหมดคำพูดและจนปัญญา เขาถูกจูลี่พัวพันอยู่ ไม่สะดวกที่จะสลัดจูลี่ทิ้งแล้วตามฉินอี๋ไป
ห่างออกไปไม่ไกล พานหลิงอวิ๋นที่มองเห็นเหตุการณ์น่าขายหน้าของเจ้าหยวนเฉินทั้งหมดเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา เกรงว่ากระทั่งตัวเจ้าหยวนเฉินเองก็คงคิดไม่ถึงเช่นเดียวกันว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ได้
คนแซ่เจ้าคิดจะสร้างสถานการณ์ อยากจะทำให้เกิดข่าวลือนิดหน่อย เพื่อที่จะได้สะดวกต่อแผนการของเขาหลังจากนี้ แต่กลับถูกฉินอี๋ทำลายแผนการไปอย่างเงียบๆ
คนแซ่เจ้าพอลงมือก็ถูกฉินอี๋หยุดเอาไว้
สายตาของเธอจ้องมองฉินอี๋ที่เดินออกไปจากงาน ผู้หญิงคนนี้ทำให้เธอรู้สึกสนใจได้อย่างแท้จริง
เธอเองก็ขยับเช่นกัน ก้าวเดินอาดๆ ออกไป ขวางหน้าฉินอี๋เอาไว้พร้อมทั้งบอกกล่าวว่าตนเองเป็นใคร
ทั้งสองต่างทักทายกัน แต่ว่าฉินอี๋ไม่อยากจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อ พานหลิงอวิ๋นเองก็แสดงท่าทีว่าเข้าใจ ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกเจ้าหยวนเฉินมาพัวพันอีกแน่
ทั้งสองคนนัดหมายพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้
หลังมองดูฉินอี๋จากไป พานหลิงอวิ๋นก็เหลียวหน้ากลับไปมองดูเจ้าหยวนเฉินที่แอบร้อนใจ พยายามฝืนกลั้นหัวเราะเอาไว้
เธอเข้าใจถึงอารมณ์ความรู้สึกของเจ้าหยวนเฉิน เป็นไปไม่ได้ที่ฉินอี๋จะไม่รู้ว่าเขามาทำไม เมื่อผ่านคืนนี้ไป คนอย่างฉินอี๋ก็ไม่ใช่คนที่เจ้าหยวนเฉินนึกอยากจะเจอก็ได้เจอเช่นเดียวกัน คนเขาไม่อยากเจอหน้านาย มีร้อยเหตุผลให้ใช้เป็นข้ออ้างบอกปัด อยู่ในถิ่นของเขานายจะไปทำอะไรเขาก็ไม่ได้ แล้วจะเที่ยวไปยืนขวางรถของเขาก็คงไม่ได้ด้วยเช่นกัน
พานหลิงอวิ๋นเอียงศีรษะเล็กน้อย กล่าวกับชายที่ติดตามอยู่ข้างกายว่า “พอเจอหน้ากันก็กลายเป็นแบบนี้ ถ้าข่าวเผยแพร่กลับไปถึงตระกูลโจวคงจะถูกสงสัยในความสามารถ เกรงว่าคนแซ่เจ้าคงต้องขายหน้าอย่างมากแน่ จัดการได้ไม่ดีแถมยังโดนด่าเละเทะ”
ชายคนนั้นกล่าว “อยู่เฉยๆ ไม่ชอบ ดันไปหาเรื่องใส่ตัวซะได้ แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่นิดเดียวกัน คนแซ่เจ้าผู้นี้อยากจะเล่นงานเธอ แต่กลับถูกเธอเล่นงานกลับอย่างไม่เกรงใจ ไม่ได้สนใจตระกูลโจวที่อยู่เบื้องหลังเขาเลยแม้แต่น้อย คนแบบนี้ คุณหนูระวังเอาไว้หน่อยจะดีกว่าครับ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้เอง ไปกันเถอะ” พานหลิงอวิ๋นหมุนตัวเดินจากไป
……
หลังฟ้าสว่าง หลัวคังอันที่มีสีหน้าสดชื่นก็สวมชุดใหม่ ก้าวออกจากประตูพลางบิดขี้เกียจ
จูเก่อม่านที่แต่งตัวเรียบร้อยก็เดินออกมาจากบ้านเช่นกัน ท่าทางชื่นมื่น เธอเป็นฝ่ายคล้องแขนหลัวคังอัน ก่อนจะขึ้นรถไปทำงานด้วยกัน
เมื่อคืนทั้งสองเที่ยวด้วยกันจนดึกดื่น สุดท้ายจูเก่อม่านก็ไม่สามารถกลับบ้านได้ ถูกหลัวคังอันมอมเหล้าแล้วพากลับมายังที่พัก
ส่วนจะเมาจริงหรือไม่นั้น ก็มีแต่ตัวจูเก่อม่านเท่านั้นที่รู้ได้ เพราะอย่างไรเสียเธอก็มีค่ำคืนที่เร่าร้อนกับหลัวคังอันอย่างเต็มใจ
หลังมาถึงหอการค้าตระกูลฉิน หลัวคังอันที่ลงจากรถพบว่าหลินยวนมาถึงก่อนแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังรอเขาอยู่
“น้องหลิน มาเช้าจังเลยนะ!” หลัวคังอันกล่าวอย่างชื่นมื่น
หลินยวนสังเกตเห็นจูเก่อม่านที่ลงมาจากรถด้วยกัน อีกฝ่ายโบกมือทักทายเขาด้วยสีหน้าเบิกบาน “คุณหลิน”
หลินยวนพยักหน้า กล่าวกับหลัวคังอันเสียงเบาๆ ว่า “มีเรื่องอยากให้พี่ช่วยหน่อย”
……………………………………………….