ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 27 ความโกรธเกรี้ยวของลั่วเทียนเหอ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 27 ความโกรธเกรี้ยวของลั่วเทียนเหอ

ตระกูลพานจากเมืองเทียนกู่ทำไมถึงได้อวดดีเช่นนี้? บุกมาก่อเรื่องถึงในสำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉินเลยหรือ? ทั้งจูลี่และคนจากสถานีออกอากาศต่างมองหน้ากัน

ฉินอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ปิดสัญญาที่อยู่ในมือพร้อมทั้งส่งคืนให้จูลี่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวขอโทษ “คุณจูลี่ ตอนนี้มีคนมาก่อเรื่องวุ่นวาย เรื่องเซ็นสัญญา เกรงว่าเราคงต้องพักเอาไว้ก่อนแล้วล่ะค่ะ”

“….” จูลี่ลุกขึ้นยืนตาม กล่าวถามว่า “ทำไมหรือคะ?”

ฉินอี๋กล่าว “เรื่องมันยาวน่ะค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้ทางเราถูกตระกูลพานเข้ามาพัวพันด้วย คุณอาจจะยังไม่รู้ ตระกูลพานมีอิทธิพลอย่างมาก ตระกูลฉินของฉันไม่อาจเทียบตระกูลพานได้ เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เกรงว่าช่วงนี้ฉันคงยังไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ถ้าไงคุณกลับไปก่อนดีไหมคะ แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบจัดการเรื่องนี้ ภายในสองอาทิตย์ฉันจะต้องให้คำตอบคุณอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราค่อยมาดูสัญญากันใหม่แล้วรีบเซ็นสัญญาให้เร็วที่สุด คุณว่าดีไหมคะ?”

“….” จูลี่หมดคำพูด เห็นๆ อยู่ว่ากำลังจะได้เซ็นสัญญาแล้ว เห็นๆ อยู่ว่ากำลังจะสำเร็จเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ดันมีคนมาก่อเรื่องเสียได้ ทำให้เรื่องราวต้องยืดเยื้อออกไปอีกครึ่งเดือน หากหลังจากนี้อีกครึ่งเดือนยังจัดการได้ไม่เรียบร้อยจะทำอย่างไร? เกรงว่าทั่วทั้งเมืองปู๋เชวี่ยคงไม่มีลูกค้ารายใหญ่ที่ยอมจ่ายเงินมากกว่าตระกูลฉินอีกแล้ว

แต่เธอจะว่าอะไรได้ล่ะ? เธอเป็นฝ่ายมาขอเงินเขา จะไปบอกให้ฉินอี๋สนใจแต่เรื่องของเธอแต่ไม่ต้องสนใจเรื่องคนอื่นก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ

จูลี่ลองกล่าวว่า “ถ้าไงให้ฉันออกไปลองคุยกับคุณพานดูไหมคะว่าขอเวลาให้พวกเราจัดการเรื่องของพวกเราให้เสร็จก่อน”

ในด้านธุรกิจแล้ว เธอไม่อาจเทียบฉินอี๋ได้เลย ฉินอี๋สามารถหาข้ออ้างมาบอกปัดเธอได้ไม่ยาก ฉินอี๋ถอนใจกล่าวว่า “คุณจูลี่ ช่างเถอะค่ะ ขอเวลาเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ หากฉันจัดการเรื่องตระกูลพานไม่ได้ เกรงว่ากระทั่งเงินสนับสนุนทางหอการค้าตระกูลฉินก็คงจะให้คุณไม่ได้ สัญญานี้เซ็นไปก็ไม่มีความหมาย ถ้าไงให้ฉันจัดการให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าค่ะ เรื่องของตระกูลฉินกับตระกูลพาน พวกคุณอย่าเข้ามาข้องเกี่ยวเลย จะได้ไม่พลอยยุ่งยากไปด้วย พวกคุณรออยู่นี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันออกไปครู่เดียวก็กลับมาค่ะ”

หลังจากนั้นจูลี่ก็ได้แต่มองดูเธอเดินออกไป คนอื่นสบตากัน ลำบากทำงานตลอดทั้งคืนมาจนถึงตอนนี้ หรือว่าจะเหนื่อยเปล่า?

เหมยเหยี่ยนที่เดินทางมาเซ็นสัญญาด้วยกันเดินไปอีกด้านหนึ่งด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง เขาหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมา ยืนหลบอยู่ตรงมุม กำลังพูดคุยกับคนในโทรศัพท์เสียงเบาๆ

คนที่เขาติดต่อคือเหิงเทาที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไปของเมืองปู๋เชวี่ย เดิมทีนี่คือหน้าที่ของเขา หากมีปัญหาอะไรก็ให้รายงานเหิงเทาทันที เพื่อที่จะได้จัดการแก้ไขได้ทันเวลา

ครั้งนี้ไป๋หลิงหลงไม่ได้ปิดประตู ตัวเธอที่ยืนอยู่หน้าประตูสังเกตดูความเคลื่อนไหวของเหมยเหยี่ยนที่อยู่ภายในห้อง

ด้านนอกห้อง ฉินอี๋กำลังเผชิญหน้ากับพานหลิงอวิ๋น “ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะที่ปล่อยให้คุณพานรอนาน เชิญค่ะ! พวกเราไปเปลี่ยนที่คุยกันเถอะค่ะ” พลางยื่นมือเชิญอีกฝ่ายให้เดินตามตัวเองไป

แต่พานหลิงอวิ๋นกลับยื่นมือมาขวางเธอเอาไว้ “ไม่รีบ ไม่ทราบว่าภายในห้องคือใครเหรอ?”

ฉินอี๋กล่าว “ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ พวกเราไปคุยเรื่องของพวกเรากันดีกว่าค่ะ”

พานหลิงอวิ๋นกล่าว “ทำไม ในเมื่อมีแขกสำคัญ จะไม่คิดแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ?”

ฉินอี๋กล่าว “ไม่ต้องแนะนำหรอกค่ะ คุณน่าจะรู้จัก พวกเราเปลี่ยนที่คุยกันดีกว่าค่ะ”

พานหลิงอวิ๋นกล่าว “ในเมื่อรู้จัก อย่างนั้นฉันก็จะแวะไปสวัสดีหน่อย แค่ทักทายคงจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

ยิ่งอีกฝ่ายไม่ยอมให้เธอเจอ เธอก็ยิ่งต้องเจอให้ได้ เหตุผลนั้นง่ายมาก ในเมื่อไม่อยากให้เธอเจอ แสดงว่าคนที่มาจะต้องหลบเธออยู่อย่างแน่นอน ถ้าตอนนี้เธอไม่เจออีกฝ่าย เกรงว่าอีกประเดี๋ยวก็คงไม่มีโอกาสได้เจอแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้

ฉินอี๋เองก็ยื่นมือไปขวางเธอเอาไว้ “คุณพานคะ อย่าให้เรื่องของพวกเราไปเกี่ยวพันถึงคนอื่นเลยค่ะ”

พานหลิงอวิ๋นกล่าว “ถ้าฉันจะเจอให้ได้ล่ะ?”

สีหน้าของฉินอี๋ดูคร่ำเคร่งขึ้นมาทันที “พานหลิงอวิ๋น ที่นี่คือหอการค้าตระกูลฉิน อย่าหักหน้ากันเลยค่ะ หรือว่าคุณคิดจะลงมือกับฉันที่นี่?”

ให้คนที่อยู่ภายในห้องได้ยินเพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไป๋หลิงหลงปิดประตู พร้อมทั้งส่งสายตาบอกให้คนข้างๆ ดูประตูเอาไว้ อย่าให้คนข้างในออกมา

ไป๋หลิงหลงเดินไปยังด้านหลังฉินอี๋ ยื่นมือไปแตะแผ่นหลังของฉินอี๋เล็กน้อยเพื่อให้สัญญาณว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว

พานหลิงอวิ๋นกล่าว “คงไม่ถึงกับต้องลงมือหรอกมั้ง? หรือเธอคิดจะเปิดศึกกับตระกูลพาน? ผลที่ตามมาเธอรับไหวเหรอ? ฉันว่านะ ทำตัวดีๆ หน่อยจะดีกว่า!”

ทั้งสองคนถกเถียงกันไปมา ไม่มีใครยอมใคร!

ส่วนเหิงเทาที่ในเวลานี้อยู่ในสำนักงานเจ้าเมืองก็แยกตัวออกมาจากลั่วเทียนเหอครู่หนึ่ง หลังยืนฟังคนรายงานผ่านทางโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าประตูเสร็จเรียบร้อย เขาก็รีบเดินกลับมาข้างกายลั่วเทียนเหอ “ท่านเจ้าเมืองครับ การเซ็นสัญญาของจูลี่กับฉินอี๋มีปัญหาครับ”

ลั่วเทียนเหองุนงงไปเล็กน้อย “หรือว่าฉินอี๋จะเปลี่ยนใจ? หรือว่านังเด็กนี่ไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังจูลี่คือฉัน? ไม่น่าใช่นี่นา”

เหอเทาโบกมือเล็กน้อย “ไม่ใช่ครับ เป็นพานหลิงอวิ๋นจากหอการค้าตระกูลพานแห่งเมืองเทียนกู่พาคนไปก่อเรื่องในหอการค้าตระกูลฉินครับ เธอจะบุกเข้าไปในห้องที่ฉินอี๋กับจูลี่จะเซ็นสัญญาให้ได้ ท่าทีแข็งกร้าวมาก แล้วก็รุนแรงมาก ฉินอี๋หวาดกลัวตระกูลพาน ก็เลยต้องหยุดเรื่องเซ็นสัญญาเอาไว้ก่อน ไม่บอกก็รู้ได้ว่าตระกูลพานมาเพราะเรื่องเทพมหาวิญญาณ ตอนนี้พวกจูลี่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีครับ”

“พาคนบุกเข้าไปก่อเรื่อง? พวกเขาคิดจะทำอะไร?” ลั่วเทียนเหอรู้สึกขบขัน เขายิ้มจนตาหยี กระทั่งฟันก็แสยะยิ้มออกมา “ใจกล้าไม่เบานี่ กล้าบุกมาก่อเรื่องถึงเมืองปู๋เชวี่ยของฉัน แค่ทำธุรกิจหาเงินได้นิดหน่อยแล้วคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักเหรอ ดูเหมือนฉันจะใจดีเกินไปแล้ว คนอื่นนินทาลับหลังฉันก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กระทั่งนักธุรกิจที่ทำการค้าก็ยังกล้ามาสามหาวอวดดีที่เมืองของฉัน ดี ดีจริงๆ!”

เหิงเทารู้ว่าท่านผู้นี้โกรธแล้ว แล้วยังมายุ่งกับเรื่องข้อตกลงทางธุรกิจรายการแรกของทางสถานีออกอากาศที่ท่านผู้นี้ให้ความสำคัญอีก นี่มิเท่ากับเป็นการตบหน้าท่านผู้นี้หรอกหรือ? ถ้าไม่โกรธสิถึงจะแปลก

เขารีบกล่าวทันทีว่า “เดี๋ยวผมจะพาคนไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ”

ลั่วเทียนเหอเหลียวหน้ามองมา “นายพาคนไปจัดการเอง ไม่ต้องเกรงใจ!”

เหิงเทาลังเลเล็กน้อย “เบื้องหลังตระกูลพานมีคนในแคว้นเซียนคุนกว่างคอยหนุนหลังอยู่ อาจจะเป็น…”

ลั่วเทียนเหอกวาดตามองด้วยสายตาเย็นชา “ก็เลยกล้ามาอวดดีที่เมืองปู๋เชวี่ยของฉันเหรอ?”

เหิงเทาตกใจ รีบประสานมือรับคำสั่ง “ครับ!” จากนั้นรีบเดินออกไป โบกมืออยู่ด้านนอกประตู เรียกคนมาหลายสิบคน บินฟิ้วๆๆ ออกไป

หลังคนของสภาเซียนที่สวมชุดเกราะสีเงินกลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึงหอการค้าตระกูลฉิน เหิงเทาก็พาคนบุกเข้าไปด้านใน

เมื่อเห็นหัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไปพาคนมา คนที่เดินไปเดินมาอยู่ภายในหอการค้าตระกูลฉินก็พากันหลีกทางให้ ไม่กล้ามีใครขวางทาง แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ผู้หญิงสองคนที่ถูกฉีกหน้ายิ่งคุยกันดุเดือดขึ้น หลังไป๋หลิงหลงได้รับแจ้งผ่านทางโทรศัพท์มือถือแล้ว เธอก็กะเวลารอคอยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงจะเดินเข้าไปรายงานฉินอี๋ว่า “ท่านประธาน หัวหน้าเหิงเทาพาคนมาที่นี่ค่ะ จะไปต้อนรับหน่อยไหมคะ?”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกไป ภายในบริเวณนั้นก็เงียบไปทันที

ฉินอี๋ประหลาดใจ ไม่เพียงแต่จะมาถึงเร็วขนาดนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าเหิงเทาจะพาคนมาด้วยตัวเองแบบนี้ สายตาที่มองไปยังพานหลิงอวิ๋นแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้งบางอย่าง

อารมณ์โกรธของพานหลิงอวิ๋นหายไปทันที สายตาลุกลี้ลุกลนไปมา ก่อนจะหมุนตัวพลางกล่าวว่า “พวกเรากลับ”

ฉินอี๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คุณพาน คนที่อยู่ในห้อง คุณจะเจอให้ได้ไม่ใช่หรือคะ?”

พานหลิงอวิ๋นหันมาถลึงตาใส่เธอ “ฉินอี๋ ในเมื่อเธอไม่รู้จักประมาณตัว อย่างนั้นก็อย่ามาโทษตระกูลพานก็แล้วกัน”

มุมปากของฉินอี๋ยกขึ้นเล็กน้อย

แต่จู่ๆ พานหลิงอวิ๋นที่เพิ่งจะเดินไปถึงหัวมุมของทางเดินก็หยุดลง คนของทางสภาเซียนที่สวมชุดเกราะกลุ่มหนึ่งเดินอาดๆ เข้ามา คนที่เดินนำหน้าก็คือเหิงเทา

ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน

เหิงเทาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพานหลิงอวิ๋น จ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

พานหลิงอวิ๋นรีบคารวะพลางกล่าว “สวัสดีค่ะหัวหน้าเหิง”

เหิงเทากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกเธอมาทำอะไรที่นี่?”

พานหลิงอวิ๋นกล่าวอย่างเคารพนอบน้อม “เรื่องธุรกิจนิดหน่อยน่ะค่ะ มาหารือกับทางตระกูลฉิน”

เหิงเทาไม่มีทางเชื่อคำพูดของเธอ คนของเขาที่อยู่ที่นี่เห็นและได้ยินทุกอย่าง แต่ผู้หญิงแพศยาคนนี้ก็ยังกล้ามาปั่นหัวเขา เขาจึงไม่เกรงใจอีก

“เพียะ!” เหิงเทาเหวี่ยงมือตบหน้าเธอไปทีหนึ่ง

พานหลิงอวิ๋นที่ถูกตบจนหน้าหันยังไม่ลืมที่จะยื่นมือไปขวางโกวซิงที่จะพุ่งตัวออกมาจากทางด้านหลัง

ทั้งสองคนนับว่ารู้ใจกันเป็นอย่างมาก

เหิงเทากวาดตามองโกวซิงด้วยสายตาเย็นชาทันที ในแววตาเผยให้เห็นถึงความเย็นยะเยือก

โกวซิงตกใจ เขาเพียงแค่เห็นพานหลิงอวิ๋นถูกตบ ก็เลยจะพุ่งตัวออกไปคุ้มครองพานหลิงอวิ๋นตามสัญชาตญาณเท่านั้น ทันใดนั้นถึงได้รู้ว่าตัวเองบุ่มบ่ามแล้ว

แต่กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปเสียแล้ว พฤติกรรมที่อุกอาจของเขาทำให้คนของผู้พิทักษ์เมืองจำนวนหนึ่งปรากฏตัวทันที ดาบทวนจ่ออยู่ที่หน้าอกและพาดอยู่ที่ลำคอของโกวซิง

คนของผู้พิทักษ์เมืองลงมือทันที ทุบตีโกวซิงอย่างรุนแรงจนลงไปนอนกองกับพื้น

โกวซิงที่ถูกทุบตีจนกระอักเลือดไม่กล้าขัดขืน สุดท้ายก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่กดตัวเองลงไปกับพื้นแล้วลากตัวออกไป

พานหลิงอวิ๋นร้อนใจขึ้นมา รีบกล่าวว่า “ท่านหัวหน้า…”

เพียะ! เหิงเทาสะบัดหลังมือตบหน้าเธอไปอีกทีหนึ่ง

พานหลิงอวิ๋นกล่าว “เป็นเรื่องเข้าใจผิด….”

เพียะ! เหิงเทาไม่ฟังคำอธิบาย เหวี่ยงมือฟาดไปอีกทีหนึ่ง

พูดแล้วโดนตบ พานหลิงอวิ๋นไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก แต่เหิงเทากลับไม่หยุดมือง่ายๆ ฝ่ามือแล้วฝ่ามือเล่าฟาดไปที่ใบหน้าของพานหลิงอวิ๋น เสียงดังฟัดชัด

พานหลิงอวิ๋นที่ถูกตบจนเลือดกบปากและจมูกยืนส่ายโงนเงน ก่อนจะถูกผู้พิทักษ์เมืองสองคนเดินเข้ามาหามออกไป

ท่ามกลางเสียงตบดังเพียะๆๆ พานหลิงอวิ๋นถูกตบจนมึนงงไปแล้ว

คนที่เธอพามาด้วยกลุ่มนั้นตัวสั่นงันงก ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดๆ แม้แต่น้อย ทำได้เพียงมองดูเธอถูกตบ แล้วก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ

พวกฉินอี๋ที่อยู่ตรงมุมทางเดินมองดูภาพเหตุการณ์นี้ด้วยสายตาเย็นชา

เรื่องราวส่วนใหญ่เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้ เธอรู้ว่าตอนนี้ลั่วเทียนเหอให้ความสนใจเรื่องงานของสถานีออกอากาศอย่างมาก เธอเองก็คิดเอาไว้แล้วว่าพานหลิงอวิ๋นและเจ้าหยวนเฉินจะต้องมาหาเธอในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นเธอถึงได้เสนอเงินก้อนใหญ่เพื่อให้ทางผู้เกี่ยวข้องของสถานีออกอากาศให้ความสำคัญกับการเซ็นสัญญาครั้งนี้

สถานีออกอากาศปู๋เชวี่ยวีดีโอที่ลั่วเทียนเหอให้ความสำคัญเพิ่งจะทำข้อตกลงทางการค้ารายการแรกก็มีคนมาก่อความวุ่นวาย ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็คงรู้กันดี

เดิมทีนี่เป็นแผนที่เธอวางเอาไว้ เพียงแต่ผลลัพธ์มันรุนแรงกว่าที่เธอคาดการณ์เอาไว้หน่อย เธอคิดไม่ถึงว่าเหิงเทาจะพาคนมาที่นี่ด้วยตัวเอง ทั้งยังทำให้เหิงเทาลงมือด้วยตัวเองได้ ส่วนเหิงเทาก็ไม่ฟังคำอธิบายของพานหลิงอวิ๋นแม้แต่ประโยคเดียว

จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าลั่วเทียนเหอโกรธเกรี้ยวแค่ไหน!

กระทั่งเลือดสดๆ ไหลหยดลงพื้น ใบหน้าของพานหลิงอวิ๋นบวมปูดจนไม่สามารถทนดูต่อไปได้ ส่วนตัวพานหลิงอวิ๋นก็สลบไปแล้ว เหิงเทาถึงได้หยุดมือ ก่อนจะโบกมือบอกให้คนลากตัวพานหลิงอวิ๋นออกไป จากนั้นยืนสองมือไพล่หลัง ตะโกนสั่งการว่า “จับไปให้หมด”

คนของผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปจับกุมคนของตระกูลพานเอาไว้ ติดขัดเพียงเล็กน้อยก็ลงไม้ลงมือทุบตี ไม่มีใครกล้าขัดขืน

ทุกคนต่างรู้ว่าผลของการขัดขืนนั้นรุนแรงเพียงใด นั่นคือการรนหาที่ตาย หากปฏิเสธการจับกุมแล้วถูกฆ่าก็เท่ากับว่าตายเปล่า ถ้ายอมโดนจับไปก็ยังพอจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้

เหิงเทาเดินสองมือไพล่หลังออกมาจากกลุ่มคนที่กำลังวุ่นวาย เดินมาถึงตรงหน้าฉินอี๋ กล่าวถามว่า “พวกจูลี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

ฉินอี๋โค้งกาย “ปลอดภัยค่ะ” ก่อนจะเหลือบมองดูภาพกลุ่มคนที่กำลังถูกจับ กล่าวว่า “แค่มีปากเสียงกันนิดหน่อย ท่านหัวหน้าทำแบบนี้มันจะไม่รุนแรงเกินไปหน่อยหรือคะ?”

เหิงเทากล่าว “เรื่องนี้เธอไม่ต้องสนใจ มันไม่เกี่ยวกับเธอ ฉันจัดการเองได้ พวกจูลี่ล่ะ?” เขาไม่ได้บอกว่านี่เป็นคำสั่งของลั่วเทียนเหอ

ฉินอี๋หมุนตัวชี้ไปยังประตูห้องที่ปิดอยู่บานนั้น

………………………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน