ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 31 รับรอง หักหลัง

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 31 รับรอง หักหลัง

เดิมทีเนี่ย ทางหอการค้าต้องการจะส่งผู้ช่วยมาให้เขาอยู่แล้ว เพื่อที่จะได้รับทราบสถานการณ์ในการทดสอบได้ในทันที เพียงแต่เขารู้สึกหวาดกลัวว่าความลับจะแตกจึงปฏิเสธไป อีกทั้งฉินอี๋ต้องการจะช่วยหลินยวน จึงไม่ได้ส่งคนอื่นมา

ส่วนตัวเขาก็มิใช่ว่าจะไม่รู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ เพียงแต่ถ้านักโทษประหารผู้นั้นมีกระบวนท่าสังหารใดซ่อนอยู่ล่ะก็ เขาก็ยังมีร่างกายของเทพมหาวิญญาณเป็นเกราะคุ้มกันอยู่ อีกทั้งที่นี่ยังเป็นลานฝึกของค่ายผู้พิทักษ์เทพ น่าจะมีมาตรฐานป้องกันอยู่ คิดว่าเป็นไปได้น้อยมากที่นักโทษประหารผู้นั้นจะสังหารเขาได้ในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ระบบป้องกันจะทำงาน แต่ถ้าหากทำให้เทพมหาวิญญาณรุ่นที่หกของหอการค้าตระกูลฉินตนนี้พังเสียหายล่ะก็ อย่างนั้นเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะอธิบายกับทางหอการค้าอย่างไร เกรงว่าหอการค้าคงคิดอยากจะฆ่าเขาเสียด้วยซ้ำ

แต่ในเวลานี้ เรียกได้ว่าเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

หลินยวนพยักหน้า “ผมเองก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าผมรู้สึกกลัว”

หลัวคังอันครุ่นคิดเล็กน้อยก็พบว่าจริงดั่งว่า จึงรู้สึกวางใจ จากนั้นหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ครั้งนี้ตกลงกันแล้วนะ หลังเลิกงานคืนนี้ฉันเป็นเจ้ามือเอง จะจัดให้นายเต็มที่เลย เห้…” เมื่อเห็นท่าทางจะปฏิเสธของหลินยวน หลัวคังอันก็ขัดเขาเอาไว้ทันที “ห้ามปฏิเสธอีก ไม่อย่างนั้นจะถือว่าไม่ไว้หน้ากัน อยากจะทำให้ฉันคิดมากเหรอ!”

……

กวนเสี่ยวชิงค่อนข้างประหม่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอขึ้นมาถึงชั้นนี้ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เข้ามายังห้องทำงานของไป๋หลิงหลง

เธอกวาดตามองไปยังประตูอีกบานหนึ่งด้วยความรู้สึกหวาดกลัว เธอเคยได้ยินมา ห้องทำงานของประธานฉินน่าจะอยู่ในนี้ ไม่แน่เวลานี้ประธานอาจจะอยู่ในนี้ก็เป็นได้

ก่อนหน้านี้เธออยู่ที่บ้าน จู่ๆ ก็ได้รับแจ้งว่าให้เธอมาที่หอการค้า หลังมาแล้วก็ให้เธอขึ้นมาที่นี่ ภายในใจรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้ามั่นใจอะไรเลย

ครั้งนี้ไป๋หลิงหลงตั้งใจสำรวจดูเธออยู่ครู่หนึ่ง ทำเอากวนเสี่ยวชิงยิ่งรู้สึกประหม่า

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่สวยเท่าฉินอี๋อย่างแน่นอน ไป๋หลิงหลงถึงจะยื่นมือออกไป บอกให้เธอนั่งลงตรงหน้า

กวนเสี่ยวชิงนั่งลงตรงหน้าเธออย่างเชื่อฟัง ลำตัวตั้งตรง นิ้วมือทั้งสิบที่วางอยู่บนตักเริ่มอยู่ไม่สุข

ไป๋หลิงหลงพูดเปิดประเด็นตรงๆ “เธอรู้จักหลินยวนใช่ไหม?”

กวนเสี่ยวชิงพยักหน้า “รู้จักค่ะ”

ไป๋หลิงหลงกล่าว “หลินยวนได้ยินว่าทางแผนกสถิติจะย้ายเธอไปที่เขตเหมือง เขาก็เลยมาหาฉัน บอกว่าที่เขตเหมืองค่อนข้างลำบาก ไม่อยากให้เธอไปเขตเหมือง อยากให้เธอทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ต่อ ฉันอยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้ ไหนลองว่ามาซิ” ภายในมือคล้ายกำลังพลิกเปิดอะไรบางอย่างดูแบบไม่ใส่ใจ ความจริงแล้วนั่นคือแฟ้มประวัติพนักงานของกวนเสี่ยวชิง

เวลานี้เธอมั่นใจแล้ว หลินยวนไม่ได้พูดโกหก ผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวของกวนเสี่ยวไป๋จริงๆ จะว่าไปแล้วก็เป็นเธอที่เลินเล่อจริงๆ

เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะหาเวลาตรวจดูแฟ้มพนักงานทั้งหมดสักรอบหนึ่งดีหรือไม่ แต่พอคิดๆ ไปแล้วก็รู้สึกปวดหัว พนักงานทั่วทั้งหอการค้าตระกูลฉินมีตั้งมากมายขนาดนั้น หากคิดจะตรวจดูแฟ้มประวัติพนักงานทั้งหมดด้วยตัวเองก็คล้ายจะเป็นไปไม่ได้สักเท่าไร

ตอนนี้เธอยังกังวลถึงอีกปัญหาหนึ่ง ท่านประธานคนเก่าบอกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้ฉินอี๋กับหลินยวนอยู่ใกล้ชิดกัน แล้วนี่เอาน้องสาวของกวนเสี่ยวไป๋ที่เป็นเพื่อนซี้ของหลินยวนมาทำงานอยู่ที่นี่ มันเหมาะสมแล้วจริงๆ เหรอ? แต่ฉินอี๋ไม่ฟังใครเลย คล้ายจะไม่สนใจที่ท่านประธานคนเก่าพูด ดึงดันจะทำแบบนี้ให้ได้ เธอเองก็จนปัญญาเหมือนกัน

“ฉัน…ฉัน…” กวนเสี่ยวชิงไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร จะพูดว่าอยากไปคงไม่ได้แน่นอน จะให้พูดว่าไม่อยากยอมรับการโยกย้ายของทางหอการค้าก็เหมือนจะไม่เหมาะเช่นกัน จึงอึกๆ อักๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร

ไป๋หลิงหลงเพียงแค่ต้องการขู่เธอเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะบีบคั้นอะไรมากนัก เธอปิดแฟ้มที่อยู่ในมือแล้วโยนลงบนโต๊ะ “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันคิดว่าฉันพอจะรู้แล้วว่าเธอคิดอย่างไร คือแบบนี้ ฉันได้ลองไปสอบถามเรื่องการทำงานของเธอที่ผ่านมาดูแล้ว เธอเป็นคนขยันขันแข็ง ถือได้ว่ายอดเยี่ยม ดังนั้นฉันอยากจะย้ายให้เธอมาทำงานกับฉันที่นี่ เป็นผู้ช่วยฉัน เธอยินดีไหม?”

“หา?” กวนเสี่ยวชิงตกตะลึง รู้สึกคล้ายมีเรื่องโชคดีหล่นลงมาทับเธอจนมึนงง ก่อนหน้านี้ยังเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งในแผนกสถิติ แล้วก็ยังจะถูกย้ายไปที่เขตเหมือง แต่ไม่ทันไรก็กลายมาเป็นผู้ช่วยของผู้ช่วยท่านประธาน ภายในใจเธอกำลังกรีดร้องด้วยความลิงโลด พระเจ้า นี่มันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?

เธอไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องจริง นึกสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า แต่เธอรู้ว่าเธอไม่ได้ฟังผิด ผู้ช่วยไป๋พูดชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีความคลุมเครือใดๆ

แม้นการเป็นผู้ช่วยของผู้ช่วยไป๋จะเป็นพนักงานเล็กๆ ในระดับล่างคนหนึ่งเช่นกัน ระดับขั้นเองก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทว่าสถานะกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

คนบนโลกนี้ ทำงานหลังขดหลังแข็งมาทั้งชีวิตก็ไม่อาจเทียบกับคนที่มีสถานะและเบื้องหลังได้

นี่มิใช่เรื่องที่จะใช้ตัวเงินมาอธิบายได้อีก เมื่อได้ทำงานอยู่ที่นี่ คนส่วนใหญ่ที่จะได้พบเจอล้วนแต่เป็นพนักงานระดับสูงของหอการค้า คนที่ไปๆ มาๆ ที่นี่ก็มักจะเป็นคนสำคัญของเมืองปู๋เชวี่ยเช่นเดียวกัน เพียงแค่ข้อดีของการที่ได้พบปะกับคนระดับสูงเหล่านั้น ต่อไปหากภายหน้าไม่ได้อยู่ในตระกูลฉินแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่ให้ไป

หรืออย่างน้อยที่สุด เมื่อตัวเองได้เป็นผู้ช่วยของผู้ช่วยไป๋แล้ว ต่อไปไม่ว่าจะเป็นใครภายในหอการค้าก็ต้องให้เกียรติเธอบ้างไม่มากก็น้อย เกรงว่าต่อไปกระทั่งผู้จัดการหวังที่แผนกสถิติก็ต้องเกรงใจเธอบ้างเวลาที่ได้พบเธอ

เมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ไป๋หลิงหลงจึงขมวดคิ้วขึ้นมา “ทำไม เธอไม่ยินดีเหรอ? แน่นอน หากเธอไม่ยินดี ฉันก็ไม่มีเหตุผลต้องบังคับเธอ เพียงแต่ถ้าอันนี้เธอก็ไม่ยินดี อันนั้นก็ไม่ยินดี เกรงว่าหอการค้าตระกูลฉินก็คงเลี้ยงพนักงานแบบเธอไม่ไหวเหมือนกัน”

ฉินอี๋สั่งการเอาไว้ชัดเจนแล้ว ดังนั้นเธอต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะบีบให้ผู้หญิงคนนี้มาอยู่ในการควบคุมของเธอให้ได้

“ไม่ค่ะๆๆ” กวนเสี่ยวชิงรีบโบกมือ ก่อนจะพนักหน้าหงึกๆ “ ยินดีค่ะ ฉันยินดีรับข้อเสนอของคุณค่ะ”

ไป๋หลิงหลงส่งเสียงอืม “อย่างนั้นก็เอาตามนี้ ระดับขั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ฉันเองก็จะไม่เอาเปรียบเธอ เงินเดือนจะปรับให้เธออีกขั้นหนึ่ง เริ่มรับเงินเดือนเดือนนี้ได้เลย เธอมีปัญหาไหม?”

“ไม่มีค่ะ” กวนเสี่ยวชิงตอบรับอย่างไม่ลังเล ได้ย้ายมาที่นี่ แล้วยังได้ขึ้นเงินเดือนอีก เกือบพันมุกเลยนะ จะมีปัญหาอะไรได้ ดีใจจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เธอรีบลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับ “ขอบคุณผู้ช่วยไป๋ค่ะ”

ขณะเดียวกันภายในใจก็นึกขอบคุณอีกคนหนึ่ง คนคนนั้นย่อมต้องเป็นหลินยวน เธอเตรียมจะกลับไปบอกแม่และพี่ ทั้งครอบครัวต้องขอบคุณหลินยวนเสียหน่อย

ลำบากลำบนมาหลายปีไม่สู้คำพูดประโยคเดียว

เธอคิดไม่ถึงว่าคำพูดของหลินยวนจะมีอานุภาพขนาดนี้ ไม่เพียงจะได้อยู่ที่สำนักงานใหญ่ที่อยู่ในเมืองต่อ แต่ยังทำให้เธอได้บินขึ้นมาบนยอดไม้ด้วย

เธอพบว่าพนักงานระดับสูงของหอการค้านั้นไม่ธรรมดา เพียงพูดประโยคเดียวก็มีพลังเหนือกว่าความพยายามมาเป็นเวลาหลายปีของพนักงานระดับล่าง ดูเหมือนตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงที่อยู่เบื้องหลังหลินยวนจะไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย

ภายในใจของเธอเวลานี้กำลังดีใจจนแทบจะบ้าคลั่งเลยก็ว่าได้

ไป๋หลิงหลงยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือออกมาส่งสัญญาณบอกให้เธอนั่งลง ก่อนจะถามอีกว่า “เธอกับหลินยวนเป็นอะไรกัน?”

“เอ่อ…” กวนเสี่ยวชิงงุนงงไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ที่เหมือนการใช้เส้นสายนี้หรือเปล่า แต่เมื่อคิดๆ ดูแล้ว อย่างน้อยที่สุดมันก็ถือว่าเป็นการใช้เส้นสายจริงๆ เกรงว่าคงไม่อาจปิดบังการตรวจสอบของตระกูลฉินไปได้ จึงตอบไปตามตรงว่า “เขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายฉันค่ะ” ขณะเดียวกันก็ลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายอย่างหวั่นใจ

ไป๋หลิงหลงกล่าวว่า “นอกจากความสัมพันธ์นี้แล้ว เธอยังมีความสัมพันธ์อะไรกับหลินยวนเป็นการส่วนตัวอีกหรือเปล่า?”

อันที่จริงภายในใจกวนเสี่ยวชิงนั้นก็ลอบหวังว่าตนเองกับหลินยวนจะมีความสัมพันธ์พิเศษอย่างอื่น แต่หลินยวนได้พูดออกมาชัดเจนแล้ว ระหว่างพวกเขาไม่มีทางเป็นไปได้ อีกทั้งในเวลานี้ก็ได้เจอกับไป๋หลิงหลงเป็นครั้งแรก เธอเองก็อยากจะแสดงความจริงใจ ไม่กล้าปิดบังอะไร

เธอส่ายศีรษะเล็กน้อย กล่าวออกมาตามจริงว่า “ได้ยินพี่ชายของฉันบอกว่าเขาออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยนานหลายปีแล้ว เพิ่งจะกลับมาไม่นาน เมื่อก่อนเราไม่เคยเจอหน้ากัน เป็นตอนที่ทานข้าวกลางวันเมื่อวานนี้ เขาบังเอิญได้ยินคนข้างๆ เอ่ยชื่อของฉัน ก็เลยอดไม่ได้ที่จะพูดชื่อพี่ชายของฉันขึ้นมา พวกเราเพิ่งจะรู้จักกันค่ะ เคยเจอหน้ากันแค่ตอนกลางวันเมื่อวานนี้กับเมื่อวานเย็นที่เขามากินข้าวเย็นที่บ้านฉันรวมสองครั้งค่ะ ความจริงไม่ถือว่าสนิทสนมอะไร”

ไป๋หลิงหลงร้องอ้อ เข้าใจแล้ว เธอรู้สาเหตุที่เมื่อวานนี้ชายหญิงคู่นี้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมแล้ว มิได้เป็นเพราะเกี้ยวพาราสี หากแต่เป็นเพราะบังเอิญเจอน้องสาวของเพื่อนสนิท

นี่ก็ถือว่าเธอมีคำอธิบายให้ฉินอี๋แล้ว มิเช่นนั้นหากไปพูดคุยสนิทสนมกับผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกันขนาดนั้น กระทั่งเธอก็คงจะรู้สึกเสียดายที่ฉินอี๋ไปหลงรักผู้ชายแบบนั้น

ก็ว่าแล้วเชียว มันเป็นไปได้ยากที่จะไปจีบผู้หญิงแล้วบังเอิญเจอเข้ากับน้องสาวของเพื่อนสนิท

ภายในใจรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เธอยิ้มพลางกล่าวว่า “ความจริงที่ฉันถามเรื่องพวกนี้เพราะมีเหตุผล เธอน่าจะรู้ว่าหน้าที่หลักๆ ของพวกเราคือต้องทำงานใกล้ชิดท่านประธาน”

กวนเสี่ยวชิงพยักหน้า “ค่ะ ทราบค่ะ” ท่าทางคล้ายกำลังรับการสั่งสอนอย่างตั้งใจ

“ดังนั้นเธอต้องรู้เอาไว้ว่าทุกการกระทำของพวกเราจะกลายเป็นตัวอย่างให้แก่พนักงานภายในหอการค้า มีโอกาสที่จะถูกคนอื่นๆ เอาเป็นตัวอย่างได้ ถึงแม้ภายในหอการค้าจะไม่มีข้อห้ามไม่ให้พนักงานภายในคบหากัน แต่เธอต้องรู้เอาไว้ว่าถ้าหากทุกคนต่างแสดงความสัมพันธ์เชิงชู้สาวออกมาอย่างเปิดเผย แบบนั้นมันจะค่อนข้างวุ่นวายใช่หรือเปล่า มันจะค่อยๆ กลายเป็นว่าแบ่งแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้ใช่หรือเปล่า หากเป็นแบบนั้นกันมากเข้ามันก็ไม่ค่อยเหมาะใช่หรือเปล่า?”

“ค่ะ ผู้ช่วยไป๋กล่าวถูกต้องค่ะ”

“ดังนั้นพวกเราจึงต้องทำตัวเป็นตัวอย่างแก่พนักงานภายในหอการค้า เมื่ออยู่ภายในขอบเขตการดูแลของฉัน เธอต้องควบคุมตัวเองอย่างเคร่งครัด ห้ามไม่ให้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพนักงานข้างล่างหรือว่าคนในแผนกเด็ดขาด หากความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงมันจะไม่เหมาะสม อย่างน้อยนี้ก็เป็นกฎของฉัน”

“ค่ะๆ เข้าใจค่ะ”

“ฉันคิดว่าฉันพูดชัดเจนพอแล้ว เมื่อทำงานอยู่ที่นี่ห้ามไม่ให้มีความรักระหว่างชายหญิงกับพนักงานภายในแผนก ต่อให้เป็นผู้ชายจากแผนกอื่นเธอก็ต้องมารายงานฉันก่อน เธอเองก็รู้ว่างานของพวกเราต้องอยู่ใกล้ชิดกับเรื่องสำคัญของหอการค้า ห้ามไม่ให้ความลับของหอการค้ารั่วไหลออกไปภายนอก ดังนั้นตัวเธอจำเป็นต้องแน่ใจก่อนนะว่าทำได้หรือไม่ หากทำไม่ได้ แผนกของฉันก็ไม่สามารถรับตัวเธอเอาไว้ได้”

กวนเสี่ยวชิงรีบรับปากทันที “ผู้ช่วยไป๋วางใจได้ค่ะ ฉันจะรักษากฎค่ะ ฉันทำได้แน่นอนค่ะ”

ไป๋หลิงหลงยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวเตือน หรือเรียกได้ว่าเป็นการพูดตรงๆ “กับหลินยวนคนนั้นก็ไม่ได้ ถึงแม้เขาจะเป็นเพื่อนของพี่ชายเธอก็ตาม ทำได้ไหม?”

กวนเสี่ยวชิงกล่าวอย่างมั่นใจ “ผู้ช่วยไป๋ ฉันทำได้ค่ะ”

ไป๋หลิงหลงกล่าว “ดี หวังว่าเธอพูดแล้วจะทำได้อย่างที่พูด รักษาสัญญาที่ตัวเองรับปากเอาไว้ หากผิดสัญญา เวลาที่ตระกูลฉินจัดการขึ้นมาไม่มีทางเกรงใจนะ”

เมื่อเห็นเธอยังไม่วางใจ กวนเสี่ยวชิงจึงกล่าวออกมาอีกประโยคเพื่อทำให้เธอวางใจว่า “ผู้ช่วยไป๋ ฉันกับหลินยวนไม่สนิทกันจริงๆ ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นฉันกับเขาไม่มีทางเป็นไปได้ เขามีผู้หญิงที่คบอยู่แล้วค่ะ”

ไป๋หลิงหลงที่คิดว่าเรื่องราวอยู่ในการควบคุมของตัวเองแล้วพลันงุนงงไปทันที “เธอว่าอะไรนะ?”

“ฉันเองก็เพิ่งรู้ตอนกินข้าวเย็นเมื่อวานนี้ค่ะ เขาเป็นคนบอกเองค่ะ เหมือนจะเป็นผู้หญิงจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง คบกันมาหลายปีแล้วค่ะ….” กวนเสี่ยวชิงเล่าเรื่องของหลินยวนออกมาคร่าวๆ แน่นอนว่าไม่ได้เล่าเรื่องที่แม่ของตัวเองจับคู่เขากับตัวเองออกมา

ที่สำคัญที่สุดคือเธอปิดบังเรื่องที่หลินยวนบอกว่าครอบครัวของฝ่ายหญิงช่วยให้เขาเข้ามาทำงานในตระกูลฉิน มิเช่นนั้นไป๋หลิงหลงพอได้ยินก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นเรื่องโกหก

แต่ปัญหาคือเธอคิดว่าการพูดถึงเรื่องที่พนักงานระดับสูงใช้เส้นสายนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

ในใจเธอยังกล่าวพึมพำด้วยว่าพวกคุณจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร

เธอถึงขนาดนึกสงสัย ที่พยายามเน้นย้ำห้ามตนเองรักกับหลินยวน หรือจะเป็นเพราะลูกสาวตระกูลใหญ่ที่เมืองหลวงคนนั้น จึงกลัวว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ

เกรงว่าหลินยวนคงจะนึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่ากวนเสี่ยวชิงจะเอาเขามาขายอย่างรวดเร็วขนาดนี้เพียงเพื่อต้องการแสดงความจริงใจ

………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน