ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 36 จับตาดู

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 36 จับตาดู

สุดท้ายหลินยวนก็เก็บชุดชั้นในสองชิ้นนั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ม้วนๆ ยัดๆ เข้าไปในเสื้อผ้าอื่นๆ ที่อยู่ในมือ คล้ายจัดการปัญหาที่ยุ่งยากอย่างมากปัญหาหนึ่งได้ ถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

เขามองว่าฉินอี๋จงใจทำเช่นนี้เพื่อทำให้เขาอับอาย

แต่เขาเองก็ไม่อยากไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับฉินอี๋ในเรื่องนี้ เพราะเรื่องในอดีตเขาก็มีส่วนผิดอยู่จริงๆ เรื่องราวในตอนนั้น ถ้าพูดให้ฟังดูแย่คือเขาหลอกทั้งเงินและหัวใจ ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าฉินอี๋จะโกรธแค้นเขาอย่างไร เขาก็ล้วนแต่เข้าใจได้

ฉินอี๋ที่พยายามกลั้นขำค่อยๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ฟันขบริมฝีปาก มองดูคนที่อยู่ในฉากแสงที่กำลังทำความสะอาดต่อ สีหน้าดูค่อนข้างสับสน

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉินอี๋ที่ได้สติกลับมาปิดฉากแสงลงอย่างรวดเร็ว เก็บของกลับเข้าไปในลิ้นชัก จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “เข้ามา”

ไป๋หลิงหลงเดินเข้ามา หลังได้รับการยืนยันก็ให้คนส่งอาหารเข้ามา

เมื่อจัดวางอาหารเอาไว้ด้านในเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนส่งอาหารก็เดินออกไป

เมื่อไม่มีคนแล้ว ไป๋หลิงหลงจึงฟุบหมอบลงไปบนโต๊ะ กล่าวถามเสียงเบาๆ ว่า “เขาล่ะ?”

ฉินอี๋ชี้ไปด้านบน

ไป๋หลิงหลงทำหน้าเหมือนกำลังเงี่ยหูฟัง

ฉินอี๋พลันคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงลุกขึ้นเดินไปริมหน้าต่าง

เธอคิดถึงภาพที่หลินยวนดูลุกลี้ลุกลนเล็กน้อยในตอนที่เพิ่งเดินเข้ามา ไม่รู้ว่าเขายืนมองอะไรอยู่ตรงนี้

กระทั่งในตอนที่เธอเหลือบมองไปยังด้านล่าง สายตาเธอพลันไปหยุดอยู่ที่ถ้วยชาที่วางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะทันที ตามปกติแล้วใครจะเอาถ้วยชามาวางแบบนี้กัน

เมื่อคิดถึงท่าทางลุกลี้ลุกลนของหลินยวน เธอก็เข้าใจในทันทีว่าหลินยวนรู้แล้วว่าเธอแอบมองดูอยู่ จึงอดกล่าวพึมพำขึ้นมาไม่ได้ว่า “ระวังตัวแจทีเดียวนะ”

และเธอก็รู้แล้วว่าเมื่ออีกฝ่ายรู้ตัว เกรงว่าเธอคงจะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก

“หลิงหลง” ฉินอี๋กล่าวเรียก

ไป๋หลิงหลงเดินเข้ามา กล่าวถามว่า “ทำไมเหรอ?”

ฉินอี๋ชี้ไปยังผลที่อยู่เยื้องลงไปด้านล่างผลนั้น จากนั้นกล่าวกระซิบข้างหูอีกฝ่ายเบาๆ ว่า “ให้คนไปติดกล้องในห้องเขา ฉันอยากดูว่าปกติเขาทำอะไร”

“หา?” ไป๋หลิงหลงตกใจอย่างมาก เหลียวหน้ากลับไปมองทางชั้นหนังสือ กล่าวเสียงเบาๆ ว่า “เสี่ยวอี๋ นี่เธอจะทำอะไร ทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”

ฉินอี๋กล่าว “ก็ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ เลยอยากจะรู้เรื่องเขาให้มากหน่อย ถือเสียว่าเอาไว้ดูเล่นๆ ระหว่างพักเหนื่อยก็แล้วกัน ไม่เป็นไรหรอก คืนนี้ให้คนไปจัดการซะ”

“….” ไป๋หลิงหลงหมดคำพูด ทั้งไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นมาเกาะแกะ แล้วยังจะติดกล้องแอบดูอีก เธอไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะพูดว่าความต้องการควบคุมของฉินอี๋นั้นรุนแรงเกินไปหน่อยหรือเปล่า

ในเวลานี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังลงมาจากด้านบน

หลินยวนถืออุปกรณ์เก็บกวาดเดินออกมา กล่าวว่า “เก็บกวาดเสร็จแล้ว” กล่าวจบก็เดินออกไป

“เดี๋ยวก่อน” ฉินอี๋ตะโกนเรียกเขา หลินยวนเหลียวหน้ากลับมา ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ยังจะทำอะไรอีก

สายตาที่ไป๋หลิงหลงมองดูเขาแฝงเอาไว้ด้วยความเห็นใจ ภายในใจเธอเกิดความรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ

เมื่อก่อนนี้บางทีเธออาจจะมีความคิดว่าหลินยวนไม่เจียมตัว แต่ตอนนี้เธอพบว่าการที่หลินยวนมาหาเรื่องเสี่ยวอี๋ที่อาจเรียกได้ว่าไม่ปกติคนนี้ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่มีวันได้เป็นสุข

ที่สำคัญคือฉินอี๋ยังเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย มีความสามารถที่แข็งแกร่ง ในมือมีทั้งเงินและอำนาจ เรียกได้ว่ามีความสามารถควบคุมอีกฝ่ายได้!

เธออยากจะถามหลินยวนว่าตอนนั้นนายไปหาเรื่องเธอทำไม?

ฉินอี๋เดินเข้าไปในห้องอาหารเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังชั้นหนังสือ จากนั้นนั่งลงไป ชี้ไปบนอาหารเลิศรสที่อยู่บนโต๊ะ “ฉันคนเดียวกินไม่หมด กินด้วยกันสิ”

เธอเองก็มีเรื่องอยากจะถามเขาเช่นกัน อย่างเช่นเรื่องคุณหนูตระกูลใหญ่ที่เมืองหลวง

หลินยวนกล่าว “ไม่ล่ะ ถ้าไม่มีธุระแล้วผมขอตัวก่อน”

เมื่อเห็นเขาไม่ยอมกินข้าวเป็นเพื่อนตัวเอง ชวนสองครั้งก็เป็นแบบนี้ทั้งสองครั้ง สีหน้าของฉินอี๋จึงเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “ถ้าตอนนี้นายไปแล้ว ของพวกนี้ใครจะเป็นคนเก็บ? ถ้าคนที่ทำหน้าที่เก็บกวาดอย่างนายไม่เก็บ หรือว่าจะให้ฉันเป็นคนเก็บ?”

หลินยวนกล่าว “กินเสร็จแล้วก็เรียกผมแล้วกัน” กล่าวจบก็หายตัวไปจากตรงหน้าเธอ เดินไปเก็บอุปกรณ์เก็บกวาดตรงมุมหนึ่งของห้อง จากนั้นไปยืนหันหลังรออยู่ตรงริมหน้าตาง

ฉินอี๋โมโหขึ้นมาทันที ตะโกนบอกว่า “หลิงหลง กินด้วยกัน”

ไป๋หลิงหลงจนปัญญาอย่างมาก เธอเดินเข้าไป นั่งลงตรงข้ามเป็นเพื่อนเธอ

……

ช่วงเวลากลางดึก เฉาลู่ผิงที่อยู่ในหน้าต่างของห้องมืดที่อยู่ชั้นบนของไนท์คลับจ้องมองอู่เวยที่กำลังเต้นยั่วยวนอย่างเร่าร้อนอยู่บนเวที กล่าวถามเสียงขรึมว่า “ยังไม่มาเหรอ?”

ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างกล่าว “ปกติต่อให้ดึกแค่ไหน แต่เวลานี้ก็น่าจะมาแล้ว วันนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น อาจจะมีเรื่องมั้งครับ”

หลัวคังอันมีเรื่องทำให้มาไม่ได้จริงๆ เขายังต้องจัดการเรื่องของจูเก่อม่านอีก

ทันทีที่เลิกงาน เขาก็พบว่าจูเก่อม่านกำลังรอเขาอยู่ จึงออกไปด้วยกันกับจูเก่อม่าน หลังทั้งสองคนกินอาหารเย็นที่สุดแสนโรแมนติกด้วยกันแล้ว หลัวคังอันก็พาเธอไปหาเช่าห้องที่เหมาะสม

เขาได้พูดกับจูเก่อม่านอย่างชัดเจนแล้ว บอกว่าหอการค้ากังวลว่าความลับจะรั่วไหล ไม่ให้เขาอยู่ด้วยกันกับคนนอก

จูเก่อม่านจะทำอะไรได้? เธอไม่สามารถไปคุยเรื่องนี้กับเบื้องบนของหอการค้าได้ ไม่สะดวกที่จะสืบความจริงของเรื่องนี้ ถึงไม่อยากรับปากก็ทำอะไรไม่ได้

หลังอาหารเย็น หลัวคังอันพาเธอไปซื้อนาฬิกาข้อมือที่ราคาค่อนข้างแพงเรือนหนึ่งก่อน จากนั้นก็พาเธอไปหาห้องที่ไม่เลว ค่าเช่าหลัวคังอันก็เป็นคนจ่าย ประกอบกับคำพูดหวานซึ้งของหลัวคังอัน ทำให้ความรู้สึกไม่พอใจภายในใจจูเก่อม่านสลายหายไปจนหมด ถูกเอาใจจนมีความสุข

รับปากอย่างรวดเร็วว่าพรุ่งนี้จะย้ายออกไป

แต่แน่นอน คืนนี้เธอยังคงค้างคืนอยู่กับหลัวคังอัน

คืนนี้หลัวคังอันไม่ว่างจะไปหาความสุขที่ไนต์คลับจริงๆ ทำให้เฉาลู่ผิงต้องรอเก้อ

คืนวันที่สอง เฉาลู่ผิงยังคงรอเก้อ

กว่าจะกลับมาจากค่ายผู้พิทักษ์เทพก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะหลินยวนไม่มาเที่ยวเป็นเพื่อน อีกทั้งเขายังรับปากจูเก่อม่านเอาไว้แล้วว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอที่ห้องใหม่ จูเก่อม่านยอมอดนอนรอเขากลับมา อีกทั้งยังลงมือทำของว่างมื้อดึกด้วยตัวเองด้วย

วันถัดมา ทั้งสองคนออกไปทำงานด้วยกันอีกครั้ง

หลังมาถึงหอการค้าตระกูลฉิน หลัวคังอันเดินโซซัดโซเซมายังห้องพักผ่อนของหลินยวน เปิดผ้าม่านออก นั่งรอหลินยวนอยู่ในห้อง

หลินยวนมาถึงช้าเล็กน้อย หลัวคังอันเริ่มบ่นเรื่องเขากับจูเก่อม่านออกมาอีกครั้ง

กระทั่งเขาบ่นเสร็จ หลินยวนก็ใช้ข้ออ้างว่าต้องการพักผ่อนในการไล่เขาออกไปอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็ทำการตรวจสอบดูภายในห้องอีกครั้ง เพราะเขาจะบำเพ็ญเพียร ไม่อยากให้ใครมาเห็นการบำเพ็ญเพียรของตน ในจุดนี้เขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก

แต่สุดท้ายเขาก็เจอปัญหา

ตัวเขาบินขึ้นไปตรงมุมห้อง นิ้วมือคีบเอาสิ่งของเล็กๆ ชิ้นหนึ่งออกมา สุดท้ายเขาใช้วิชาทำลายชิ้นส่วนที่อยู่ภายในสิ่งของเล็กๆ แล้วติดมันกลับไปที่เดิม

ในตอนที่ตรวจสอบดูอีกครั้ง เขาก็พบกล้องเล็กๆ อยู่ทั้งในห้องด้านในและด้านบน

หลินยวนมองดูกล้องเล็กๆ ภายในมือ ภายในใจรู้สึกคล้ายมีเมฆครึ้มก่อตัว ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่มาทำอะไรแบบนี้ในห้องของเขา

แล้วก็ไม่รู้ว่าทำเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่าเมื่อสองวันก่อนยังไม่มี เพราะเมื่อสองวันก่อนเขาตรวจสอบดูแล้ว ภายในห้องไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่

เมื่อวานตอนเช้าที่เขาเข้ามา เนื่องเพราะต้องไปค่ายผู้พิทักษ์เทพ ไม่ต้องบำเพ็ญเพียรที่นี่ อีกทั้งหลัวคังอันยังอยู่ข้างๆ เขาจึงไม่ได้ตรวจดู

หรือพูดอีกอย่างก็คือช่วงเวลาที่มีการเข้ามาติดตั้งของเหล่านี้นั้นอยู่ในช่วงเมื่อวานซืนตอนกลางคืนถึงเช้าวันนี้

ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือจุดประสงค์ของการติดกล้องเหล่านี้ หรือว่าจะพบถึงปัญหาอะไรของเขาแล้ว?

เขาติดของกล้องอันเล็กกลับเข้าไป

เขาทำลายเพียงกล้องที่อยู่ในโถงหลักเท่านั้น หลังตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าภาพภายในห้องโถงหลักไม่ได้อยู่ในขอบเขตของการจับตาดู เขาก็ติดกล้องตัวอื่นๆ กลับเข้าไปที่เดิม ไม่ได้ทำลายทิ้งแต่อย่างใด

……

พานหลิงอวิ๋นออกจากคุกแล้ว พวกโกวซิงล้วนแต่ถูกปล่อยออกมาเช่นกัน

หญิงสาวที่สวมกระโปรงยาวสีม่วง ท่าทางดูสง่างามคนหนึ่งพาคนสองสามคนมายืนรออยู่ด้านนอก เธอคือพานหลิงเยวี่ย พี่สาวคนที่สองของพานหลิงอวิ๋น

พานชิ่งผู้เป็นประธานของหอการค้าตระกูลพานมีลูกสาวสามคน อันที่จริงเขาเองก็อยากจะได้ลูกชายสักคนเหมือนกัน จนปัญญาที่ไม่มีวาสนา ลูกสามคนที่ออกมาล้วนแต่เป็นผู้หญิง ภายหลังอยากจะมีลูกชายสักคนก็ไม่มีโอกาสแล้ว สถานการณ์คล้ายคลึงกับทางฉินเต้าเปียน เหมือนดั่งคำโบราณที่ว่าลูกหลานเต็มบ้านไม่ร่ำรวย ถ้าร่ำรวยก็ไม่มีลูกหลาน โชคดีที่ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวของฉินเต้าเปียน หรือว่าลูกสาวทั้งสามคนของพานชิ่ง แต่ละคนก็มิได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย ฉินอี๋สามารถดูแลหอการค้าตระกูลฉินได้ ส่วนลูกสาวทั้งสามคนของตระกูลพานก็เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถของพานชิ่ง

นั่นใช่น้องสาวของตัวเองหรือ? พานหลิงเยวี่ยที่มารับน้องสาวด้วยตัวเองแทบจะจำอีกฝ่ายไม่ได้ ใบหน้าบวมปูดเหมือนหัวหมูอย่างไรอย่างนั้น

ระหว่างที่ถูกคุมขัง คนของผู้พิทักษ์เมืองไม่ได้ให้การรักษาแก่เธอ ลูกน้องของเหิงเทาเองก็ไม่ได้มีความเกรงใจอะไรเลย

“พี่รอง” พานหลิงอวิ๋นกล่าวเสียงอู้อี้ น้ำตาไหลนองหน้า ร่ำไห้ออกมา ครั้งนี้เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างมากจริงๆ

“คุณหนูรอง” พวกโกวซิงพากันคารวะ

พานหลิงเยวี่ยกล่าวเสียงเรียบเฉย “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น กลับไปรักษาอาการบาดเจ็บก่อน” ก่อนจะพยุงแขนน้องสาวของตัวเองเดินออกไป

ไกลออกไป เจ้าหยวนเฉินที่นั่งอยู่ในรถมองดูภาพเหตุการณ์นี้อย่างเงียบๆ หลุดหัวเราะออกมาดัง “พรืด….” เมื่อเห็นสภาพของพานหลิงอวิ๋น เขาก็อดส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ เขายังไม่เคยเห็นพานหลิงอวิ๋นตกอยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิงเช่นนี้มาก่อน

หลังคนของตระกูลพานกลับมาถึงที่พัก พวกเขาก็รีบให้ผู้บำเพ็ญเพียรทำการรักษาพานหลิงอวิ๋นทันที

พลังหลั่งไหลไปตามเส้นเลือด สลายอาการเลือดคั่งและปูดบวม อีกทั้งยังมียาวิเศษ ไม่นานใบหน้าของพานหลิงอวิ๋นก็ฟื้นตัวจนเกือบเป็นปกติ มีความผิดปกติหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากต้องการให้อาการบาดเจ็บภายในผิวหนังฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ก็จำเป็นต้องใช้เวลาเล็กน้อย

หลังมั่นใจว่าฟื้นตัวได้พอสมควรแล้ว พานหลิงเยวี่ยก็โบกมือให้คนอื่นๆ ถอยออกไป จากนั้นเดินมายืนอยู่ตรงหน้าน้องสาวที่นั่งอย่างเรียบร้อย กล่าวเสียงขรึมว่า “เพียงแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ แค่มาเจอคนคนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ยังก่อเรื่องจนวุ่นวายขนาดนี้ได้ พ่อไม่พอใจอย่างมาก”

พานหลิงอวิ๋นกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “พี่รอง ลั่วเทียนเหอใช้อำนาจช่วยพวกเดียวกันเอง เห็นๆ อยู่ว่าเขาเข้าข้างตระกูลฉิน…”

“หุบปาก!” พานหลิงเยวี่ยตะคอก “เรื่องราวเป็นอย่างไร โกวซิงบอกฉันหมดแล้ว อีกอย่างตอนนี้ต่อว่าใครไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวเธอเองที่ไม่ระวัง เธอรู้หรือเปล่าว่าครั้งนี้พ่อไม่เพียงแต่จะต้องบากหน้าไปขอร้องคนอื่น แต่ยังต้องเอามุกขจัดภัยที่เป็นมุกประจำตระกูล แล้วก็ยังมีตานของเจียวพิษหมื่นปีไปขอขมาเขาด้วย เขาถึงจะยอมปราณีไว้ชีวิตเธอ!”

พานหลิงอวิ๋นแค่นหัวเราะ “ลงโทษไม่ใช่ฉันกินยาเซียนเป็นเวลาหนึ่งปี นี่เรียกว่าปราณีอย่างนั้นเหรอ?”

สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรที่สภาวะต่ำต้อยแล้ว ยาเซียนนั้นคือของดีที่ช่วยยืดอายุขัยให้ยืนยาวได้ ยิ่งสำหรับคนธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรแล้ว ยาเซียนนั้นเรียกได้ว่าเป็นยาวิเศษที่ทำให้ใบหน้าไม่แก่ชราและมีอายุยืนยาว

นอกจากคนที่ถูกลงโทษแล้ว สภาเซียนจะทำการจำหน่ายให้ทุกคนในดินแดนเซียนในราคาถูก แต่ละปีทุกคนจะซื้อได้คนละหนึ่งเม็ด นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนทั่วไปในดินแดนเซียนสามารถมีอายุขัยยืนยาวได้ถึงหนึ่งพันปี แล้วก็ถือเป็นความแตกต่างที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ดินแดนเซียนเหนือกว่าโลกมนุษย์

หากเดิมทีมีอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปี พานหลิงอวิ๋นที่ไม่ได้กินยาเซียนไปหนึ่งปีก็คงไม่เป็นอะไร แต่ตอนนี้เธอมีอายุสามร้อยกว่าปีแล้ว ทันทีที่ไม่ได้กินยาไปหนึ่งปี หลังจากหมดฤทธิ์ยาของเมื่อปีก่อนไป ร่างกายเธอก็จะแก่ชราลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ได้กินยาไปสามปีล่ะก็ นั่นก็เพียงพอจะทำให้เธอเสียชีวิตได้

หากเป็นเพราะเหตุผลอื่นล่ะก็ เธอก็ยังพอจะหาวิธีอื่นในการทำให้ตัวเองได้ยาเซียนมาได้ อาศัยความร่ำรวยของตระกูลพาน การจะหายาเซียนมาสักเม็ดไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เธอคือคนที่ถูกตัดสินลงโทษแล้ว หากไม่เห็นว่าตัวเองแก่ชรา หากถูกสืบสวนขึ้นมาจะพากันยุ่งยากเอาได้

สำหรับผู้หญิงแล้ว ความอ่อนเยาว์และใบหน้าอันงดงามนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก นี่เรียกได้ว่าเป็นการลงโทษที่โหดร้ายอย่างมาก!

พานหลิงเยวี่ยถอนใจพลางกล่าว “แกคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายมาตลอดไม่ใช่เหรอ หน้าตาดูสมวัยหน่อยก็ไม่เป็นอะไรหรอก หลิงอวิ๋น ได้ยินเจ้าเมืองมู่บอกว่าช่วงนี้ลั่วเทียนเหอถูกโจมตีไม่น้อย อารมณ์เลยไม่ค่อยดีสักเท่าไร แล้วแกไปทำให้เขาโกรธแบบนี้ ครั้งนี้รอดมาได้ก็นับว่าดีมากแล้ว! กลับไปเถอะ พ่อบอกให้แกกลับไป เดี๋ยวเรื่องทางนี้ฉันเป็นคนจัดการเอง”

……………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน