ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 59 ขอโทษต่อหน้าทุกคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 59 ขอโทษต่อหน้าทุกคน?

ที่แท้เกิดเรื่องนี้ขึ้นนี่เอง หลินยวนเองก็รู้สึกประหลาดใจที่จูเก่อม่านทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ดูเหมือนจะเป็นคนที่ชอบโปรยเสน่ห์ คล้ายจะเป็นผู้หญิงง่ายๆ คิดไม่ถึงว่าจะใจเด็ดขนาดนี้

เขาไม่ได้รู้เลยว่านี่ก็เป็นจุดที่ทำให้หลัวคังอันรู้สึกว่าจูเก่อม่านน่าสนใจ

“พี่ก็เลยคืนดีกับเธอเหรอ?” หลินยวนกล่าวถาม

“อย่างนี้เรียกคืนดีเหรอ? ไม่มั้ง?” หลัวคังอันที่นั่งเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้คล้ายกำลังพูดกับตัวเอง “หลังเธอได้สติขึ้นมา เธอก็บอกฉันว่าช่วยชีวิตเธอเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ บอกว่าเธอจะไปกระโดดลงมาจากต้นไม้หอการค้าตระกูลฉินต้นนี้ สรุปแล้วก็คือจะไม่ให้ฉันได้อยู่เป็นสุข แม่งเอ่ย นี่มันขู่ฉันไม่ใช่เหรอ? เรื่องแบบไหนฉันก็เคยเห็นมาหมดแล้ว ฉันเป็นคนที่กล้าเล่นงานป้าหวัง ฉันจะกลัวเธอหรือไง?”

มุมปากของหลินยวนกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

หลังคังอันกล่าวต่อว่า “แต่ฉันลองมาคิดๆ ดูแล้ว มีคนตายไปมากขนาดนั้นในคืนเดียว กระทั่งผู้พิทักษ์เมืองก็ยังถูกฆ่าตาย เข้าไปพัวพันกับเรื่องประมูลครั้งนี้ ฉันจะมีชีวิตรอดไปได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ถ้าฉันตายไปแล้ว เธอจะทำอะไรก็เรื่องของเธอ”

หลินยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พี่เป็นคนที่ทำให้ป้าหวังบาดเจ็บสาหัสได้ แค่เรื่องประมูลจะทำให้พี่ตายได้ยังไง ถ้าพี่ตายไปแล้ว พี่จะให้ป้าหวังรู้สึกยังไง?”

“….” หลัวคังอันเงียบไป สีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมา เขากระแอมขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “เปลี่ยนวิธีพูดใหม่แล้วกัน ก็ถ้าการประมูลล้มเหลว หอการค้าตระกูลฉินแพ้ เธอจะขู่ฉันยังไงก็แล้วแต่เธอ แต่ถ้าการประมูลสำเร็จ ฉันเป็นคนที่ทำความดีความชอบให้กับหอการค้าตระกูลฉิน ต่อให้เธอจะหาเรื่องยังไงก็ทำอะไรฉันไม่ได้ ดังนั้น ตอนนี้ฉันไม่มีความจำเป็นต้องไปขัดใจเธอ ตอนนี้ตามน้ำเธอไปก่อน เอาไว้ปัญหานี้ผ่านไปแล้วค่อยว่ากัน”

หลินยวน “บางทีเธออาจจะจริงใจกับพี่จริงๆ ก็ได้นะ จะไม่ลองคิดเรื่องอยู่กับเธอหน่อยเหรอ?”

หลัวคังอันหัวเราะหึหึขึ้นมา “อะไรคืออาจจะ? น้องชาย ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ ผู้หญิงไม่มีดีสักคน ที่ดีก็มี แต่น้อย นายต้องเข้าใจหลักความจริงเรื่องหนึ่งก่อน ของดีๆ มักจะมีอยู่น้อยเสมอ น้องชาย ฉันขอบอกนายด้วยความหวังดี ผู้หญิงดีๆ น่ะเกิดมาจากผู้ชายเลวๆ ถ้านายอยากเป็นผู้ชายดีๆ ในสายตาผู้หญิงล่ะก็ ความคิดแบบนั้นมันโง่เกินไป คนที่จะเสียเปรียบก็คือตัวนาย!”

หลินยวนไม่รู้ว่าเขาไปเอาทฤษฎีประหลาดๆ แบบนี้มาจากไหน เขาพบว่าตัวเองนี่ก็ว่างจริงๆ เลย คิดไม่ถึงว่าจะมาคุยเรื่องนี้กับคนผู้นี้ได้ จึงลุกขึ้น หลังเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่คิดที่จะพูดคุยกับเขาอีก

ขณะที่ยื่นมือไปเปิดประตู จู่ๆ พลันเหลียวหน้ากลับมาพูดว่า “เมื่อคืนผมเห็นไนต์คลับอีกที่หนึ่งมีผู้หญิงสวยๆ อยู่เยอะเลย”

“ที่ไหน?” หลัวคังอันที่ดูคล้ายเหม่อลอยพลันตื่นตัวขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นยืน สองตาเป็นประกาย กล่าวว่า “ไนต์คลับที่ไหน?”

หลินยวนสบตากับเขา สุดท้ายส่ายศีรษะ เปิดประตูแล้วเดินออกไป

หลัวคังอันมองดูประตูที่ปิดลง เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา รู้สึกอับอายจนโมโหขึ้นมาทันที ขว้างซิการ์ที่อยู่ในมือใส่ประตู

เขาหันกลับไปนอนบนโซฟา พลิกไปพลิกมา เพราะอย่างไรเสียวันนี้ก็ไปต้องไปค่ายผู้พิทักษ์เทพ

เดิมทีเมื่อวานต้องไปค่ายผู้พิทักษ์เทพ แต่ก็ได้รับแจ้งมาว่าช่วงสองวันนี้ยังไม่ต้องไปที่ค่ายผู้พิทักษ์เทพ

ในการสืบสวนของทางผู้พิทักษ์เมือง กระทั่งพนักงานของหอการค้าตระกูลฉินที่ทำหน้าที่ทดสอบเทพมหาวิญญาณที่อยู่ค่ายผู้พิทักษ์เทพก็ไม่ได้ปล่อยผ่านไป ถึงแม้จะเพียงแค่สอบปากคำพอเป็นพิธีก็ต้องทำ เกรงว่าคงต้องรออีกสองวันค่อยว่ากัน….

…..

ฉินอี๋ที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานนั่งพิงเก้าอี้หลับตาพักผ่อน เท้าที่เปลือยเปล่าทั้งสองข้างวางพาดอยู่บนโต๊ะทำงาน มือทั้งสองข้างวางอยู่บนท้อง นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างหมุนวนไปวนมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ไป๋หลิงหลงรับโทรศัพท์แล้วรีบวิ่งเข้ามารายงาน “ท่านประธานคะ พานหลิงอวิ๋นกลับมาแล้วค่ะ เมืองเทียนกู่ให้คนพาเธอมาส่ง ทางผู้พิทักษ์เมืองกำลังพาเธอไปสอบปากคำค่ะ”

ฉินอี๋ลืมตาขึ้นมา “ก็แค่ทำพอเป็นพิธีเท่านั้นแหละ ไม่ว่าเรื่องนี้จะใช่ฝีมือตระกูลพานหรือไม่ ในเมื่อพานหลิงอวิ๋นกล้ามา ทางเมืองปู๋เชวี่ยก็น่าจะสืบอะไรไม่ได้ คนที่ฉันเป็นห่วงตอนนี้ก็คือเผิงซีจากตระกูลโจวคนนั้น คนคนนี้ไม่ธรรมดา เห็นเขาอายุน้อยกว่าเจ้าหยวนเฉินอย่างนี้ อีกทั้งยังเข้ามาทำงานในหอการค้าตระกูลโจวทีหลัง แต่กลับก้าวหน้าได้รวดเร็วมาก สร้างผลงานให้หอการค้าตระกูลโจวหลายครั้ง ทำเอาเจ้าหยวนเฉินลำบากไม่น้อย ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่โจวหม่านเชากลับยังส่งเขามาที่นี่ด้วยตัวเอง เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเชื่อมั่นใจความสามารถของคนคนนี้แค่ไหน”

ไป๋หลิงหลงพยักหน้าเล็กน้อย “คนคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ มาถึงเมืองปู๋เชวี่ยแล้ว แต่กลับไปพักอยู่ที่หออวิ้นเสีย ยิ่งไปกว่านั้นยังนอนอยู่ในห้องที่เจ้าหยวนเฉินถูกแขวนคอตายด้วย นอนหลับเหรอนั่น? แค่คิดก็น่าสยองแล้ว ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่?”

ฉินอี๋กล่าว “ไม่มีทางมาเดินเล่นแน่ จะต้องมีแผนอะไรแน่ๆ! ให้คนจับตาดูเอาไว้”

ขณะที่เพิ่งพูดจบ โทรศัพท์มือถือของไป๋หลิงหลงก็ดังขึ้นมา เธอหยิบออกมาดู พบว่าเป็นห้องผู้ช่วยที่อยู่ด้านนอกโทรมา จึงรับสายทันที “มีเรื่องอะไร?”

ในโทรศัพท์มีเสียงซูเฉี่ยวหลินดังออกมา “ผู้ชายไป๋คะ หลินยวนมาค่ะ บอกว่าจะขอพบท่านประธานค่ะ”

ไป๋หลิงหลงรีบเอามือปิดโทรศัพท์ กล่าวกับฉินอี๋ว่า “หลินยวนมาค่ะ บอกว่าจะขอพบท่านประธานค่ะ” เห็นได้ชัดว่ากำลังถามฉินอี๋ว่าจะเจอหรือไม่

ฉินอี๋ยกมือนวดขมับ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงเล็กน้อยว่า “อยู่หลิงซานมาตั้งนานขนาดนั้น ทำไมถึงยังทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตนะ ให้เขาเข้ามา”

เธอเดาได้ว่าหลินยวนมาหาเธอแบบนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ตอนนี้เธอมีเรื่องให้ต้องกังวลใจอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าหลินยวนจะมาหาเรื่องอะไรตัวเองอีก

ไป๋หลิงหลงรีบตอบคนที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือกลับไป “ให้เขาเข้ามา”

ฉินอี๋วางเท้าทั้งสองข้างลงแล้วใส่รองเท้า ลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่หน้ากระจกบานหนึ่งที่อยู่ด้านหลังชั้นหนังสือ ส่องดูใบหน้าตัวเองเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้า ก่อนจะกลับไปนั่งลงที่เก้าอี้ใหม่อีกครั้ง

จากนั้นครู่หนึ่ง หลินยวนเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา หนึ่งยืนหนึ่งนั่ง เผชิญหน้ากับฉินอี๋อีกครั้ง

ฉินอี๋กล่าว “มีธุระอะไร?”

หลินยวนจ้องมองเธอครู่หนึ่ง จู่ๆ พลันกล่าวว่า “ฉินอี๋ เรื่องในตอนนั้น ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงกันแน่ เอาเป็นว่าฉันยอมรับผิด ฉันผิดเอง ฉันทำผิดต่อเธอ ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน เธอช่วยเมตตาปล่อยฉันไปได้ไหม?”

มุมปากของฉินอี๋เม้มขึ้นมาเล็กน้อย “นายจะพูดอะไรกันแน่?”

ไป๋หลิงหลงยืนอยู่ข้างๆ มองไปทางนั้นทีมองไปทางนี้ที

หลินยวนกล่าว “เงินที่ฉันติดเธอ ฉันจะเพิ่มให้เธออีกเท่านึง ปล่อยฉันไปจากหอการค้าตระกูลฉินเถอะ”

ตอนแรกเขาคิดที่จะตามน้ำใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ อยู่ในหอการค้าตระกูลฉินไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เขาพบว่าตัวเองคิดอะไรง่ายเกินไป ถ้าขืนยังอยู่ที่นี่ต่อไป เกรงว่าตัวเขาคงต้องถูกบีบให้ต้องเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแน่

ในตอนที่ถูกผู้พิทักษ์เมืองสอบปากคำ เขาได้สารภาพเรื่องของตัวเองกับฉินอี๋ออกมา สารภาพเรื่องที่ยืมเงินหนึ่งล้านมุกมาจากเธอ ที่เขาทำเช่นนั้นเพราะมีจุดประสงค์อยู่

เขาเชื่อว่าทางผู้พิทักษ์เมืองจะต้องเอาเรื่องนี้ไปตรวจสอบกับทางฉินอี๋แน่

จุดประสงค์ที่เขาทำเช่นนั้นก็เพื่อทิ้งหลักฐานเอาไว้ที่ทางผู้พิทักษ์เมือง เพื่อที่ทางนี้จะได้บีบจางเลี่ยเฉินให้พูดเหลวไหลไม่ได้ เพื่อที่ทางนี้จะได้เพิ่มจำนวนเงินขึ้นมาเองไม่ได้ และทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องหาในท้ายที่สุด

ฉินอี๋จ้องมองเขาด้วยสายตาคร่ำเคร่ง “นายคิดว่าฉันจะสนใจเงินแค่นั้นของนายเหรอ? เหตุผลนี้ฉันไม่ยอมรับ”

หลินยวนนึกโมโหอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้เขานึกว่าผู้หญิงคนนี้เพียงแค่ต้องการทำให้ตนเองอับอาย แต่หลังจากเรื่องประมูลเทพมหาวิญญาณเปิดเผยออกมา เขาถึงได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไหนเลยจะเพียงแค่ต้องการทำให้ตนเองอับอายเท่านั้น นี่มันต้องการจะเอาเขาไปอยู่ในที่ที่อันตรายชัดๆ คิดอยากจะใช้เรื่องนี้มาฆ่าเขาให้ตาย

“ได้ อย่างนั้นฉันขอพูดตรงๆ แล้วกัน เรื่องที่หอการค้าตระกูลฉินจะเข้าร่วมการประมูลเทพมหาวิญญาณไม่ใช่ความลับอะไรอีกต่อไป มีคนตายไปมากมายขนาดนั้น ฉันกลัวตาย ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้”

“กลัวตาย?” ใบหน้าสวยๆ ของฉินอี๋เย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ลำคอที่ขาวนวลเหมือนดั่งคอหงส์เองก็ยืดขึ้นมาเช่นกัน “ได้ อย่างนั้นฉันขอถามนายหน่อย นายคิดว่าถ้านายกลับไปหลิงซานตอนนี้จะเรียนจบได้ไหม?”

หลินยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นี่มันเรื่องของฉัน”

ฉินอี๋โมโหขึ้นมาทันที ถลันตัวลุกขึ้นยืนพลางชี้หลินยวน “หลินยวน นายลองดูสารรูปของนายตอนนี้ซิ มานั่งขอร้องวิงวอนผู้หญิง กระทั่งกลัวตายก็ยังพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ ไม่มีความรู้สึกอายเลยสักนิด นายลองดูสิว่าตอนนี้นายยังมีความเป็นลูกผู้ชายบ้างไหม? หรือนายจะอยู่แบบนี้ไปชั่วชีวิต?”

หลินยวนกล่าว “ฉันบอกแล้วไง นี่มันเรื่องของฉัน”

ปัง! ฉินอี๋ตบโต๊ะ “จากเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ภายในใจฉันก็กังวลเรื่องความปลอดภัยของนายเหมือนกัน เดิมก็ยังคิดอยู่ว่าจะให้นายออกมาจากหลัวคังอันไหม แต่ดูนายตอนนี้สิ ลมยังไม่ทันพัดมาก็ล้มซะแล้ว เงากระบี่ยังไม่ทอดลงมาก็กลัวจนฉี่ราดแล้ว นายเห็นฉันเป็นอะไร? เห็นฉันมีตาแต่ไม่มีแววเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่อนุญาต! อยากจะออกไปจากหอการค้าใช่ไหม? ก็ได้!”

จากนั้นเธอหันไปพูดกับไป๋หลิงหลง “ไป ไปเรียกกวนเสี่ยวชิงมา!”

“….” ไป๋หลิงหลงหมดคำพูด มองไปทางนั้นที มองไปทางนี้ที

หลินยวนสีหน้าคร่ำเคร่งทันที นึกว่าอีกฝ่ายจะใช้กวนเสี่ยวชิงมาข่มขู่เขา จึงกล่าวเสียงขรึมว่า “เธอคิดจะทำอะไร? ฉันขอเตือนเธอเอาไว้ก่อนนะ เห็นแก่เรื่องเมื่อในอดีต ฉันทนมามากพอแล้ว เธออย่าบีบบังคับฉันจะดีกว่า!”

โทรศัพท์ของฉินอี๋ที่อยู่วางอยู่บนโต๊ะดัง ‘ติ๊ดๆ’ ขึ้นมา แต่เธอไม่สนใจ รีบเดินออกมาจากโต๊ะทำงาน เดินมาตรงหน้าเขา จ้องหน้าเขาแล้วถามว่า “บีบนาย? ใครบีบใครกันแน่? นายยังมีหน้ามาพูดเรื่องในอดีตอีกเหรอ ดี อย่างนั้นฉันขอถามนาย เรื่องในอดีต นายจะให้คำอธิบายกับฉันได้ไหม? ฉันขอแค่คำอธิบาย ไม่มากไปใช่ไหม?”

หลินยวนสีหน้าคร่ำเคร่ง “เธออยากได้คำอธิบายแบบไหน? บอกมา!”

ฉินอี๋บอกว่า “นายไปพูดเรื่องที่ในอดีตนายหลอกฉันต่อหน้ากวนเสี่ยวชิง พูดต่อหน้าทุกคนที่อยู่ด้านล่าง เล่าให้ละเอียดว่านายหลอกฉันยังไง แล้วก็ขอโทษฉันต่อหน้าทุกคน! ขอเพียงนายทำแบบนี้ ฉันจะยกเงินก้อนนั้นให้นาย นายสามารถออกไปจากหอการค้าได้ กวนเสี่ยวชิงก็ออกไปได้ ฉันจะไม่ขัดขวางเลย! ฉันต้องการแค่คำขอโทษต่อหน้าทุกคน ไม่เอาคำขอโทษหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ ฉันคงไม่ได้ขอมากไปใช่ไหม?”

สองตาที่คล้ายมีเปลวไฟลุกโชนของเธอจ้องมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า หากเขากล้าทำแบบนี้จริงๆ อย่างนั้นเธอก็คงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก แล้วก็คงพอแล้ว ตัดใจจากเขา ยอมแพ้ในตัวผู้ชายคนนี้อย่างแท้จริง ไม่คาดหวังใดๆ อีก!

“….” เวลานี้หลินยวนรู้สึกหมดคำพูดจริงๆ แม่งเอ้ย ขอโทษต่อหน้าทุกคนอย่างนั้นเหรอ?

ด้วยชื่อเสียงของผู้หญิงคนนี้ ถ้าเขาต้องทำแบบนั้นจริงๆ อย่างนั้นตัวเขาก็คงจะมีชื่อเสียงขึ้นมาจริงๆ ถ้ายังอยู่อย่างเป็นสุขได้ก็แปลกแล้ว เกรงว่าจะมีเรื่องที่คิดไม่ถึงต่างๆ ประเดประดังเข้ามาหาเขา ถ้าทำแบบนั้นล่ะก็ ไม่สู้ทนอยู่ต่อไปแบบนี้ดีกว่า

ส่วนวิธีการขอโทษอย่างที่ฉินอี๋ว่ามา นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้เลย จำเป็นต้องมีความกล้าอย่างมากถึงจะทำได้

และความกล้าแบบนั้น…เขาเริ่มลังเลขึ้นมา

แต่ฉินอี๋กลับไม่ยอมปล่อยเขาไป “ทำไม? ทั้งกลัวอันตราย แล้วก็ไม่ยอมขอโทษต่อหน้าทุกคน ไม่คิดที่จะรับผิดชอบอะไรเลย นายลองไปถามตัวเองดูนะว่าฉันบีบนาย หรือว่านายรังแกคนอื่นมากเกินไปกันแน่?”

หลินยวนถูกเธอพูดจนไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดีไปกว่าหลัวคังอันเท่าไรเลยล่ะ?

โทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะดังขึ้นมาอีกครั้ง ดังขึ้นไม่หยุด ฉินอี๋ที่กำลังโมโหอย่างมากหมุนตัวไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่าเป็นเบอร์แปลกหน้า จึงกดรับแล้วพูดว่า ‘ฮัลโหล’

ปลายสายมีเสียงผู้ชายที่ฟังดูสุภาพเรียบร้อยดังขึ้นมา “ประธานฉินหรือครับ?”

ฉินอี๋กล่าว “คุณเป็นใคร?”

เสียงผู้ชายกล่าวว่า “เผิงซีแห่งหอการค้าตระกูลโจวเมืองฝูปอครับ”

“เผิงซี?” ฉินอี๋ใจเย็นลงในพริบตา สายตาวูบไหวไปมาเล็กน้อย ก่อนตอบไปว่า “คุณโทรผิดแล้ว” จากนั้นกดวางสายไป ยืนนิ่งเงียบอยู่กับที่

ทันทีที่เผิงซีชื่อนี้หลุดออกมาจากปากเธอ ทั้งไป๋หลิงหลงและหลินยวนต่างจ้องมองไปที่เธอ

……………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน