ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 64 เงินที่อาศัยความสามารถหามา

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 64 เงินที่อาศัยความสามารถหามา

เผิงซีเดินไปเก็บแผนที่ตรงหน้าโต๊ะ “สถานที่เกิดเหตุทั้งสองที่ล้วนแต่ถูกฆาตกรทำลายหลักฐานจนหมด มีเพียงหออวิ้นเสียเท่านั้นที่เหลือศพของพี่หยวนเฉินเอาไว้ นี่เป็นเพราะฆาตกรตกหลุมพรางของพี่หยวนเฉิน แต่พวกเรากลับมาอยู่ที่หออวิ้นเสีย มาพักอยู่ในที่ที่พี่หยวนเฉินตาย นี่มันไม่ปกติ สำหรับฆาตกรที่พยายามจะปกปิดร่องรอยแล้ว ทันทีที่เขารู้เรื่องนี้ เขาจะต้องเกิดความหวาดระแวงแน่นอน แล้วก็เป็นไปได้สูงที่เขาจะมาที่นี่อีกครั้ง พวกเราตกอยู่ในอันตรายแล้ว”

ชิงจั๋วกล่าว “แต่คนของผู้พิทักษ์เมืองแอบจับตาดูที่นี่อยู่นะครับ…”

เผิงซีกล่าวตัดบทว่า “เจ้านี่มันโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก เลือดเย็นไร้ความปราณี ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา นายคิดว่าเขาจะกลัวผู้พิทักษ์เมืองเหรอ? ศพผู้พิทักษ์เมืองที่ถูกทิ้งเอาไว้สองศพนั่นก็เพียงพอจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่เห็นผู้พิทักษ์เมืองอยู่ในสายตา มีผู้พิทักษ์เมืองคอยจับตาดูอยู่ นายคิดว่าเขาจะไม่กล้ามาเหรอ?”

ชิงจั๋วกล่าว “แต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนี่ครับ”

เผิงซีหมุนตัวกลับมา “นายลืมที่ฉันพูดไปแล้วเหรอ ฆาตกรอาจจะลงมือคนเดียว ไม่มีกองกำลังอยู่ข้างกาย การรับรู้เรื่องราวของเขาจึงไม่รวดเร็ว แต่ถ้าพวกเรายังอยู่ที่นี่ต่อไป นั่นมิเท่ากับเป็นการรอให้อีกฝ่ายรู้ตัวเหรอ? ฉันบอกให้นายรีบไปเก็บของก็รีบไป รีบออกเดินทางก่อนฟ้ามืด อย่าพูดมากอีก”

“ครับ” ชิงจั๋วได้แต่ต้องรับคำ รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

แต่ใครจะไปรู้ว่าเชอมั่วที่ไม่ค่อยพูดจากลับเอ่ยออกมา “ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงการคาดเดาของคุณ หากเป็นจริงอย่างที่คุณว่า ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าฆาตกรเป็นคนแบบไหน”

เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ต่างสงสัยในท่าทีที่เหมือนกำลังขู่ให้ตัวเองหวาดกลัวของเผิงซี ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงการคาดเดาที่ไม่มีหลักฐานใดๆ ของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

เผิงซีเหลียวหน้ากลับมา กล่าวเสียงคร่ำเคร่งว่า “คนฉลาดไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์อันตราย การที่พบเห็นความผิดปกติแล้วยังดึงดันเข้าไป นั่นคือการกระทำของคนโง่ เชอมั่ว ที่นี่ความเห็นของฉันใหญ่สุด ถ้านายอยากจะผิดคำสาบาน ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด!”

ใบหน้าเชอมั่วคร่ำเคร่งขึ้นมา ไม่กล่าวอะไรอีก

ชิงจั๋วรีบเดินออกไป แต่ในตอนที่เดินไปถึงบันได เผิงซีพลันตะโกนว่า “สั่งการลงไปว่าให้แยกย้ายกันออกไป อย่าให้พานหลิงอวิ๋นรู้เรื่องนี้ บอกแค่ว่าจะออกไปจัดการธุระ เตรียมการให้ดี อย่าให้พานหลิงอวิ๋นรู้ว่าพวกเราจะออกไปจากเมือง”

ชิงจั๋วประหลาดใจ “ที่นี่มีอันตราย จะไม่บอกเธอหน่อยเหรอครับ?”

เผิงซีกล่าว “จะตกปลาก็ต้องมีเหยื่อ ถ้าเธอไม่เป็นเหยื่อ หรือพวกเราจะต้องเป็นเหยื่อเสียเอง? ขอเพียงตกปลาออกมาได้ เกรงว่าคนที่อยู่ในสภาวะขั้นเซียนเทพอย่างลั่วเทียนเหอจะไม่ลงมือก็คงไม่ได้แล้ว”

ตอนที่เขาพลิกอ่านข้อมูลเกี่ยวกับคดีก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกสงสัยอยู่แล้ว ถึงได้ทำการเตรียมตัวด้วยการเกลี้ยกล่อมให้พานหลิงอวิ๋นพักอยู่ที่นี่ ตอนนี้เมื่อได้รับการยืนยันจากปากเชอมั่ว เขาก็ย่อมต้องดำเนินการไปตามที่ได้วางแผนเอาไว้ในตอนแรก

ในที่สุดทางชิงจั๋วกับเชอมั่วก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้ไม่ได้เกลี้ยกล่อมให้พานหลิงอวิ๋นอยู่ที่นี่ด้วยเจตนาที่ดี

“ทราบแล้วครับ” ชิวจั๋วรับคำ รีบออกไปจัดการ…

……

ภายในสำนักงานเจ้าเมือง เหิงเทายืนอยู่ตรงหน้ากองเอกสาร กำลังเรียบเรียงและครุ่นคิดถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีอยู่

“รายงานครับ!” ทหารหุ้มเกราะนายหนึ่งเข้ามา ประคองจดหมายฉบับหนึ่งส่งให้ “ท่านหัวหน้า มีจดหมายไม่ระบุชื่อส่งถึงท่านครับ”

“จดหมายไม่ระบุชื่อ?” เหิงเทาหรี่ตา ยื่นมือไปรับเอาจดหมายมา จากนั้นใช้พลังตรวจสอบดูก่อน แล้วถึงจะแกะซองจดหมายออก ดึงเอาตัวจดหมายออกมา ก่อนจะเห็นตัวหนังสือแถวหนึ่งอยู่บนกระดาษ “ฆาตกรจะไปที่หออวิ้นเสียอีกครั้ง!”

เมื่อเห็นข้อความในจดหมาย ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่ม่านตาของเหิงเทาก็หดเล็กลงในทันที จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน…

…….

มอเตอร์ไซค์แล่นไปในสายลม

หลินยวนไม่ได้ทำความสะอาด ช่วงนี้เหมือนทางฉินอี๋จะไม่ต้องการให้เขาไปทำ

หลัวคังอันเองก็ไม่ได้มาพัวพัน ในที่สุดคุณหลัวก็รู้จักหยุดพักเสียที หลังเลิกงานเขารอรับจูเก่อม่านกลับไปด้วยกัน

หลินยวนที่ไม่ได้มีอิสระแบบนี้บ่อยๆ เองก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำ ยังคงดำเนินชีวิตในแบบเดิมๆ เลิกงานก็ตรงกลับไปยังโรงอีหลิว

ทันทีที่เข้าไปในโรงอีหลิว เขาก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร

จางเลี่ยเฉินที่ง่วนอยู่ตรงหน้าเตาหัวเราะเหอะๆ ออกมา “กลับมาแล้วเหรอ?”

“อืม” หลินยวนที่จอดรถเรียบร้อยเดินเข้ามา พบว่าตรงข้างๆ เตามีเนื้อและผักหลายอย่างที่ถูกเตรียมพร้อมเอาไว้สำหรับทำอาหาร เขานึกว่าตัวเองตาฝาดไป เกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที “ผมไม่ได้เข้าบ้านผิดใช่ไหม? มีแขกมาเหรอ? ลุงขี้เหนียวขนาดนี้ ใครจะมาได้? ไม่น่าเป็นไปได้นี่นา!”

เขาไม่ใช่ว่าเพิ่งจะรู้จักจางเลี่ยเฉินแค่ปีสองปี เขารู้ดีว่าเป็นเพราะนิสัยขี้เหนียวของจางเลี่ยเฉิน จึงทำให้อีกฝ่ายไม่มีเพื่อน น้อยนักที่จะมีแขกมาเยือนที่นี่ คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคนป่วย

ในอดีตที่เขาต้องวิ่งไปกินไปดื่มที่บ้านตระกูลกวนบ่อยๆ ก็มิได้เป็นเพราะที่นี่ไม่มีอะไรอร่อยๆ ให้กินหรอกหรือ

จางเลี่ยเฉินมองเขาด้วยสายตาดูแคลน “พูดจาไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ฉันดีใจ ให้รางวัลตัวเองไม่ได้หรือไง? ให้แกมีความสุขด้วยกัน แกยังมาว่าฉันอีกเหรอ”

หลินยวนกวาดตามองดูอาหารที่วางเรียงรายอยู่เต็มไปหมดเหล่านั้นอีกครั้ง มีความรู้สึกเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอย่างไรอย่างนั้น จึงกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ดูจากท่าทางมีความสุขของลุงแล้ว หรือว่าจะมีเรื่องดีอะไร?”

จางเลี่ยเฉินหัวเราะฮ่าๆ พลางพยักหน้า “ใช่ เรื่องดี เรื่องดีมาก”

หลินยวนกล่าวอย่างประหลาดใจ “จะแต่งงานหรือว่ายอดพธูในดวงใจของลุงคนนั้นมาที่นี่?” เขาอดกวาดตามองไปรอบๆ ไม่ได้ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ

จางเลี่ยเฉินเองก็กวาดตามองไปรอบๆ รินอาหารในทัพพีลงไปในกระทะ พลางเอียงตัวหันมาพูดเสียงเบาๆ ว่า “วันนี้ได้เงินก้อนใหญ่มา”

ได้เงินมา? หลินยวนยิ่งรู้สึกแปลกใจ “โรงแพทย์แบบนี้จะทำเงินก้อนใหญ่ได้ยังไง เก็บเงินมาได้เหรอ?”

จางเลี่ยเฉินหัวเราะฮี่ๆ เทอาหารในกระทะใส่ในจาน โบกมือดึงน้ำมาล้างกระทะ “ก็คล้ายๆ ว่าเก็บได้นั่นแหละ” ก่อนจะยื่นมือไปทำมือเป็นสัญลักษณ์ในหลินยวนดู “หนึ่งแสนมุก! คุ้มค่าแก่การฉลองไหมล่ะ?”

หนึ่งแสนมุกไม่ถือว่าน้อย อย่างน้อยสำหรับโรงแพทย์แบบนี้แล้วก็ไม่ถือว่าน้อยเลย หลินยวนสงสัย “เกิดอะไรขึ้น ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยลุง”

จางเลี่ยเฉินโบกมือเอาน้ำสกปรกออกไปจากกระทะ มือทั้งสองข้างเคลื่อนไหวไม่หยุด ก่อนจะเอาผักลงกระทะไปอีกครั้งพลางส่ายศีรษะ ท่าทางเหมือนรู้สึกทอดถอนใจเป็นอย่างมาก “ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเบอร์โทรศัพท์ของฉินอี๋จะมีค่าขนาดนี้ นี่ฉันเฝ้าหีบเงินเอาไว้โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย!”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หลินยวนก็ตกตะลึงไปทันที คิดถึงเหตุการณ์ภายในห้องทำงานของฉินอี๋ขึ้นมา เผิงซีคนนั้นโทรศัพท์มา ไป๋หลิงหลงยังสงสัยว่าเผิงซีเอาเบอร์ฉินอี๋มาได้ยังไง แถมยังถามเขาด้วยว่าเคยเอาเบอร์ฉินอี๋ไปให้ใครหรือเปล่า

และในเวลานี้เขาก็เหมือนจะได้คำตอบแล้ว จึงกล่าวเสียงคร่ำเคร่งว่า “ลุงมีเบอร์ส่วนตัวของฉินอี๋เหรอ?”

จางเลี่ยเฉินยักไหล่ “หลังแกไปฉันก็มีเบอร์เธอมาตลอด ตอนเธอเปลี่ยนเบอร์ก็ยังบอกฉันด้วย”

หลินยวนยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่ง “ลุงขายเบอร์ฉินอี๋ไปเหรอ?”

จางเลี่ยเฉินเหลือบมองเขา “มองฉันแบบนี้ทำไม? หนึ่งแสนมุกนะ แค่เบอร์โทรเบอร์เดียวเอง มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะไม่ขาย”

ใบหน้าของหลินยวนคร่ำเคร่งไปในทันที “เงินนี้ลุงยังรับลงอีกเหรอ? ฟังผมนะ รีบเอาเงินไปคืนฉินอี๋เดี๋ยวนี้เลย เงินนี่ไม่ใช่ของลุง”

จางเลี่ยเฉินปล่อยทัพพี ผายมือทั้งสองข้างออก “ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ฉันถึงได้โทรไปหาฉินอี๋ บอกว่าจะเอาเงินให้เธอ แต่เธอบอกว่าเธอไม่ต้องการเงินนี่ ให้ฉันเก็บเอาไว้เอง น้ำใจยากจะปฏิเสธได้ ฉันก็เลยได้แต่ต้องรับเอาไว้ แต่จะว่าไปแล้ว สำหรับหอการค้าตระกูลฉินแล้ว เงินแค่แสนมุกมันไม่ได้มากมายอะไรเลย” กล่าวจบก็ทำกับข้าวต่อ

หลินยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมว่าลุงรู้ว่าเธอจะไม่รับเงินนี้ ลุงถึงได้เอาเบอร์เธอไปขายแลกเงินมากกว่าใช่ไหม?”

จางเลี่ยเฉินปฏิเสธ “ที่ไหนกัน แกคิดมากแล้ว”

หลินยวนกล่าว “ผมคิดมาก? ลุงเป็นคนยังไง ตัวลุงยังไม่รู้อีกเหรอ?”

เคร้ง! จางเลี่ยเฉินโมโห โยนทัพพีลงไปในกระทะ หมุนตัวมาพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ไอหนู แกกินข้าวฉันอยู่บ้านฉัน แกว่าฉันเป็นคนยังไง? ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้แก แกถูกพิษผนึก…”

มือข้างหนึ่งพุ่งเข้ามา หลินยวนปิดปากเขาเอาไว้ สีหน้าคร่ำเคร่งลงทันที “ลุงเฉิน ท่านผู้เฒ่าจาง อะไรที่ไม่ควรพูดก็อย่าเที่ยวพูดส่งเดช”

จางเลี่ยเฉินดึงมือของเขาออก “ฉันเก็บเงินแกเหรอ? บุญคุณที่ช่วยชีวิตแก แกว่ามันมีค่าเท่าไร?”

หลินยวนอยากจะพูดว่าเป็นเพราะลุงรู้ว่าผมไม่มีเงินถึงได้ไม่เก็บใช่ไหมล่ะ?

แน่นอน คำพูดนี้ย่อมเก็บเอาไว้ในใจ อันที่จริงอีกฝ่ายช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ ทำให้ตัวเขาที่เตรียมตัวเตรียมใจจะตายได้มีชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง กรรมเกี่ยวเนื่องตรงนี้ทำให้เขารู้สึกจนปัญญาเป็นอย่างมาก จึงถอนใจพลางกล่าวว่า “ลุงเฉิน ผมไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น ผมแค่อยากให้ลุงลองคิดดูว่าถ้าลุงเก็บเงินนี้เอาไว้ ลุงก็จะยิ่งติดค้างเขาเข้าไปใหญ่ จนต่อไปมันจะตัดไม่ขาดเอานะ”

จางเลี่ยเฉินกล่าวอย่างประหลาดใจ “ทำไมต้องตัดขาด? เป็นถึงประธานหอการค้าตระกูลฉิน แต่ยอมไปมาหาสู่กับพวกเรา นั่นเป็นเพราะเธอให้ความสำคัญกับเรา มีคนเท่าไรที่อยากจะได้โอกาสตรงนี้แต่ก็ไม่มีวาสนา โอกาสดีๆ แบบนี้ ทำไมต้องตัดขาด แกประสาทหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่….” หลินยวนจนปัญญากับเขาจริงๆ จึงถอนใจพลางกล่าว “ผมว่านะลุงเฉิน หอการค้าตระกูลฉินเพิ่งจะเจอเรื่องใหญ่ขนาดนั้นมา กระทั่งลุงกับผมยังถูกจับตัวไปเลย ลุงจะไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอว่าคนที่ยอมจ่ายเงินแสนมุกเพื่อซื้อเบอร์ของฉินอี๋ในเวลานี้จะมีเจตนาดีได้ยังไง? ลุงเอาเงินให้ผม เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเอาไปคืนฉินอี๋ให้”

จางเลี่ยเฉินถลึงตาใส่เขาพลางโบกมือ “ฝันไปเถอะ! ฉันไม่สนทั้งนั้นว่าจะมีเจตนาดีหรือเปล่า ฉันเป็นแค่คนธรรมดา ต้องสนใจเรื่องพวกนั้นด้วยเหรอ? ดูแลตัวเองให้ดีนับเป็นเรื่องดี เงินที่ฉันอาศัยความสามารถตัวเองหามา ทำไมต้องให้ฉันคืนด้วย?”

นี่เรียกว่าอาศัยความสามารถเหรอ? ลุงนี่มีความสามารถจริงๆ! หลินยวนพูดไม่ออก ยังดีที่เขารู้อยู่แต่แรกแล้วว่าคนผู้นี้เป็นคนอย่างไร จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร

ภายในกระทะมีกลิ่นไหม้โชยออกมา เขาจึงกล่าวไปว่า “ไหม้แล้ว”

จางเลี่ยเฉินม้วนแขนเสื้อ น้ำสะอาดสายหนึ่งลอยออกมาจากในบ่อน้ำ ไหลลงไปในกระทะจนท่วมไปครึ่งกระทะ ก่อนจะหมุนตัวพลางสะบัดแขนเสื้อ ก้าวอาดๆ ออกไป “ฉันหวังดีทำให้แกกิน แต่แกกลับมารังเกียจฉัน ไอคนไม่มีหัวใจ ไม่กินแล้ว!”

หลินยวนหมดคำพูดอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินตามไปขวางเขาเอาไว้ “ลุงเฉิน ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมนะ?”

“ไม่มีความจริงใจ!” จางเลี่ยเฉินปัดมือของเขาออก ก้าวอาดๆ ผ่านตัวเขาไป

หลินยวนหมุนตัวพลางตะโกนออกไปว่า “เพิ่มให้สองร้อย เป็นหนึ่งพันมุก ต่อไปค่ากินค่าอยู่ทุกเดือนผมให้ลุงหนึ่งพันมุก”

จางเลี่ยเฉินหยุดฝีเท้าทันที หมุนตัวมากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หนึ่งพันมุก แกเป็นคนพูดเองนะ ฉันไม่ได้บังคับแกนะ ต่อไปอย่ามาร้องว่าแพงไปล่ะ”

หลินยวนถอนใจพลางกล่าว “ผมเต็มใจให้เอง”

“ถือว่าแกยังมีหัวใจอยู่บ้าง” จางเลี่ยเฉินแค่นเสียงเหอะๆ จากนั้นเดินกลับมาตรงหน้าเตา ทำความสะอาดกระทะแล้วเอาอาหารอย่างอื่นลงไปในกระทะอีกครั้ง ทำอาหารต่อไป

หลินยวนมองดูแผ่นหลังของเขา รู้สึกไม่เข้าใจ ลุงคนนี้ขี้เหนียวขนาดนี้ แต่กลับไม่เอาเงินที่เก็บไว้พวกนั้นมาใช้ ไม่รู้จะเก็บเงินพวกนั้นเอาไว้ทำไม?

แต่ในอีกแง่หนึ่งแล้ว หลินยวนเองก็ทำอะไรจางเลี่ยเฉินไม่ได้จริงๆ ยังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องบุญคุณในอดีต เอาแค่บุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ในครั้งนี้เขาก็แทบจะชดใช้ให้ไม่หมดแล้ว

แน่นอน ที่เขาพูดปลอบจางเลี่ยเฉินดีๆ นั้นยังมีสาเหตุอยู่ นั่นก็เพื่อคำถามหลังจากนี้

หลินยวนขยับเข้าไปหาเขาอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร “แค่เบอร์เบอร์เดียวขายออกไปได้ตั้งหนึ่งแสนมุก คนที่มือเติบขนาดนี้เป็นใครกันเหรอลุง? แล้วเขามาที่นี่ได้ยังไง ทำไมถึงรู้ว่าลุงมีเบอร์ส่วนตัวของฉินอี๋อยู่ในมือ?”

จางเลี่ยเฉินกล่าว “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง จู่ๆ เขาก็มาที่นี่ พูดถึงหอการค้าตระกูลฉินแล้วก็ยังถามเรื่องแกด้วย ฉันก็ตอบเขาไปตามตรง แต่แกวางใจได้ เรื่องในอดีตของแกกับฉินอี๋ฉันไม่ได้พูดออกไปแม้แต่คำเดียว เขาให้ฉันมาแสนมุก ตัวฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลย กลัวว่าจะเป็นของปลอม แต่คนนั้นบอกว่าถ้าเป็นของปลอมก็ให้เอาไปเปลี่ยนกับเขาได้ที่หออวิ้นเสียได้ทุกเมื่อ”

“หออวิ้นเสีย?” หลินยวนขมวดคิ้ว

จางเลี่ยเฉินเหลือบมองเขา “ใช่น่ะสิ แกน่าจะรู้จักหออวิ้นเสียหนิ ที่อยู่ในเขตหรูของเมือง ตอนเด็กๆ แกไปปีนกำแพงบ้านเขาแล้วก็ถูกคนเขาไล่ออกไปไม่ใช่เหรอ เออใช่ คืนที่เกิดเรื่องก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นที่หออวิ้นเสียด้วยหนิ?”

…………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน