ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 72 หนึ่งในหกแม่ทัพเทพ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 72 หนึ่งในหกแม่ทัพเทพ

ลั่วเทียนเหอดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ดินแดนเซียนกว้างใหญ่เพียงนี้ เกิดเรื่องฆ่าฟันขึ้นบ้างมันแปลกตรงไหน ไม่ได้มีแค่เมืองปู๋เชวี่ยของฉันแค่เพียงที่เดียวเสียหน่อย! แต่ละที่ล้วนมีเจ้าหน้าที่ของสภาเซียนคอยรับผิดชอบดูแล หยางเจินต้องสอดมือเข้ามายุ่งด้วยเหรอ? มือของหยางเจินจะยื่นออกมายาวเกินไปหน่อยหรือเปล่า? หรือในมือเขากุมกองทัพของสภาเซียนเอาไว้แล้วยังไม่พอใจ ยังจะสอดมือไปยังที่ต่างๆ อีกเหรอ?”

หนานหรูมีท่าทีเหนื่อยใจเล็กน้อย “อาจารย์ครับ ท่านก็รู้ว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของหยางเจินคืออะไร เขากุมอำนาจควบคุมทหารอยู่ในมือทำหน้าที่กำจัดผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อน รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในดินแดนเซียน เรื่องที่เขาสอดมือเข้าไปยุ่ง ท่านอาจารย์น่าจะทราบดีนี่ครับว่ามันหมายถึงอะไร”

ลั่วเทียนเหอกล่าว “เกรงว่าเขาจะใช้เรื่องนี้เป็นฉากบังหน้า ทำเรื่องอะไรที่มันไม่สมควร ฉันยังคงขอยืนยันคำนั้น การที่สภาเซียนมอบอำนาจในการควบคุมกองทัพไว้ในมือคนเพียงคนเดียวเป็นระยะเวลานานนั้นไม่เหมาะสม ช้าเร็วจะเกิดเรื่องขึ้นได้”

หนานหรูถอนใจพลางกล่าว “ท่านอาจารย์ ท่านขัดพระทัยองค์จักรพรรดิเพราะเรื่องนี้จนโดนลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่แล้ว ทำไมถึงยังต้องดึงดันเช่นนี้ด้วยล่ะครับ เป็นปฏิปักษ์กับหยางเจินต่อไปมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อท่านอาจารย์เลยนะครับ อาจารย์เองก็ไม่ได้มีความสามารถมากพอจะไปเป็นปฏิปักษ์กับเขาด้วย เรื่องบางเรื่องมันไม่ใช่เรื่องที่อาจารย์และผมจะไปยุ่งได้นะครับ”

เขายังคงจำเรื่องที่อาจารย์ของตัวเองผู้นี้ไปคัดค้านองค์จักรพรรดิเมื่อในอดีตได้ ไปบอกว่าเป็นเพราะหยางเจินเป็นหลานของพระองค์อะไรทำนองนั้น จึงทำให้องค์จักรพรรดิทรงกริ้ว ด้วยเหตุนี้จึงถูกลดตำแหน่งมาเป็นเจ้าเมือง

ปกติเจ้าเมืองของแต่ละเมืองล้วนแต่เป็นเจ้าหน้าที่เซียนระดับสี่ แต่อาจารย์ของเขากลับเป็นเจ้าหน้าที่เซียนระดับสอง

ลั่วเทียนเหอกล่าว “หรือว่าต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”

หนานหรูกล่าว “นี่ไม่ใช่เรื่องการแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นะครับ ความจริงมันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหยางเจินเหมาะสมที่จะบัญชาการวังพิฆาตมารจริงๆ ระหว่างนั้นไม่ใช่ว่าไม่เคยเปลี่ยนคน แต่กลับพังไม่เป็นท่า ทำให้ผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อนกำเริบเสิบสาน พอหยางเจินมาบัญชาการวังพิฆาตมารอีกครั้ง เขาก็สะกดความโอหังอวดดีของพวกผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อนเอาไว้ได้ทันที ก่อนหน้านี้พวกมารลอบโจมตีเมืองหลวง หากมิเป็นเพราะหยางเจินจัดการได้ทันเวลา เกรงว่าทั่วทั้งเมืองหลวงคงต้องพบเจอกับหายนะเป็นแน่ สิบสามมารสวรรค์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความชั่วร้ายถูกหยางเจินกำจัดไปแปดคน ถูกจับได้สองคน พวกผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อนที่ก่อกบฏได้รับความเสียหายอย่างมาก หากเปลี่ยนเอาคนอื่นมาแทนหยางเจิน ใครมันจะรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันแบบนี้ได้ครับ? แล้วตอนนี้ท่านยังมาพูดเรื่องเหล่านี้อีก อย่างนี้จะไม่มีใครอยู่ข้างอาจารย์กันนะครับ”

ลั่วเทียนเหอกล่าวว่า “เรื่องของเมืองปู๋เชวี่ยฉันจัดการเอง ไม่ต้องให้เขามาวุ่นวาย!”

หนานหรูขมวดคิ้วขึ้นว่า “ท่านเจ้ากลุ่มดาวเอ่ยปากมาแล้ว อาจารย์จะให้ผมปฏิเสธกลับไปหรือครับ? อาจารย์ อย่าทำให้ผมลำบากใจเลยครับ”

ลั่วเทียนเหอไม่พูดอะไร…

…..

คนที่ควรมา สุดท้ายก็มา

ในหมู่เขาที่อยู่ทางด้านหลังสำนักงานเจ้าเมืองมีพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ มีภาพลวดลายหยินหยางขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา บนภาพพลันส่องสว่าง ตามลายเส้นมีแสงสว่างพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

เหิงเทาที่ได้รับคำสั่งให้มาต้อนรับมองเห็นภาพนี้ ยืนมองด้วยท่าทางเคร่งขรึม

ตรงกลางของภาพหยินหยางพลันมีแสงสีแดงสว่างวูบไหวขึ้นมา แสงที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพลันร่วงตกลงมาแล้วสลายหายไป ก่อนจะเห็นตรงกลางอุโมงค์เคลื่อนย้ายมีวิหคที่งดงามตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกโบยบินอยู่กลางอากาศ ปีกของมันยาวสามสิบกว่าจ้าง เป็นสีแดงเพลิง พูดให้ถูกคือบนตัวของมันมีเปลวเพลิงลุกโชน มันคือหงส์เพลิง

บนร่างของหงส์เพลิงมีคนยืนอยู่สิบกว่าคน คนที่เป็นผู้นำสวมชุดคลุมยาวสีแดง ตรงเอวคาดสายรัดสีม่วงทอง ใบหน้าสุขุมเยือกเย็น

ได้ยินว่าหยางเจินส่งผู้ติดตามคนสนิทมา ในเวลานี้เหิงเทาได้เห็นสัตว์เทพหงส์เพลิง เขาจึงคาดเดาได้ว่าผู้ที่มาเยือนเป็นใคร กัวฉีสวิน!

ว่ากันว่าเดิมทีหยางเจินนั้นเป็นผู้บำเพ็ญเพียรอยู่บนโลกมนุษย์ เคยบำเพ็ญเพียรอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งบนโลกมนุษย์ที่มีชื่อว่าเขาเหมยซาน คนที่บำเพ็ญเพียรอยู่บนเขาเหมยซานด้วยกันกับเขายังมีอีกหกคน เนื่องจากไปมาหาสู่กันเป็นเวลานานจนเกิดเป็นมิตรภาพ ทั้งเจ็ดคนจึงสาบานเป็นพี่น้อง ได้รับการยกย่องว่าเป็นเจ็ดเทพเหมยซาน

ภายหลังเนื่องจากหยางเจินมีความดีความชอบในการกำจัดมาร จึงได้โบยบินขึ้นมาบนดินแดนเซียน สหายหกคนที่อยู่ข้างกายเขาก็มีความดีความชอบในการช่วยเขากำจัดมาร จึงได้โบยบินขึ้นมาด้วยกัน

ทั้งเจ็ดคนค่อยๆ ก้าวเดินไปในดินแดนเซียนจนกระทั่งมาถึงวันนี้โดยมีหยางเจินเป็นผู้นำ ทั้งหกคนอยู่เคียงข้างหยางเจินจนมาถึงปัจจุบันนี้ เป็นคนที่หยางเจินไว้เนื้อเชื่อใจอย่างแท้จริง และกัวฉีสวินก็เป็นหนึ่งในนั้น!

เหิงเทาสงบสติอารมณ์ บินเข้าไปใกล้หงส์เพลิง รับรู้ได้ถึงความร้อนที่ถาโถมเข้ามาปะทะใบหน้า ประสานมือคารวะอยู่กลางอากาศ “ผู้น้อยคือเหิงเทา หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไปของเมืองปู๋เชวี่ย คารวะท่านเเม่ทัพเทพครับ!”

กัวฉีสวินกวาดมองไปรอบด้านด้วยสายตาเย็นชา กล่าวถามว่า “เจ้าเมืองลั่วล่ะ?”

ลั่วเทียนเหอไม่ได้สนใจในคนเหล่านี้เลย ยิ่งไปกว่านั้นลำดับขั้นของลั่วเทียนเหอก็อยู่ในระดับเดียวกับกัวฉีสวิน ต่างก็เป็นเจ้าหน้าที่เซียนระดับสองของสภาเซียน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้มาต้อนรับ ทว่าเหิงเทากลับไม่สามารถพูดเช่นนี้ได้ เขาตอบกลับไปอย่างเคารพนอบน้อมว่า “ท่านเจ้าเมืองกำลังรอท่านแม่ทัพเทพอยู่ในสำนักงานเจ้าเมืองครับ”

คนที่อยู่ด้านหลังกัวฉีสวินต่างมองดูกัวฉีสวิน

กัวฉีสวินโบกมือ หงส์เพลิงพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า โบยบินไปในท้องฟ้าของเมืองปู๋เชวี่ย ทิ้งเปลวเพลิงเป็นทางยาวดูงดงาม….

……

“นั่นใช่สัตว์เทพหงส์เพลิงหรือเปล่า?”

“น่าจะใช่ สามารถโบยบินโดยมีเปลวเพลิงลุกท่วมอยู่บนร่างได้จะต้องเป็นสัตว์เทพอย่างแน่นอน คนที่สามารถขี่สัตว์เทพได้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ดูแล้วน่าจะมีคนสำคัญมาเยือนเมืองปู๋เชวี่ยของพวกเราแล้ว”

ภายในร้านรับซื้อของเก่าของตระกูลกวน คนงานสองคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางชี้ไปชี้มา

จู่ๆ ก็มีคนสำคัญมาเยือน? กวนเสี่ยวไป๋เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า ความกังวลภายในใจยากจะสลายหายไป

หงส์เพลิงที่งดงามโบยบินอยู่บนท้องฟ้าทำให้คนภายในเมืองตื่นตระหนกทันที ผู้คนพากันวิ่งออกมาเงยหน้ามองดู ชมภาพสัตว์เทพที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าตัวนี้พลางซุบซิบพูดคุยกัน

“น้องหลิน รีบมาดูเร็ว” หลัวคังอันที่บุกเข้ามาในห้องพักผ่อนของหลินยวนตะโกนเรียก วิ่งไปยังริมหน้าต่างแล้วช่วยหลินยวนดึงผ้าม่านออก

หลินยวนที่กำลังนั่งขัดสมาธิเหลือบมองดูเขาด้วยสายตาเย็นชา เขากำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ แต่หลัวคังอันกลับบุกเข้ามาตะโกนโหวกเหวกแบบนี้ นี่เป็นเรื่องที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก ในฐานะที่หลัวคังอันเป็นผู้บำเพ็ญเพียร เขาควรจะรู้ว่าไม่ควรทำเช่นนี้ถึงจะถูก

แต่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ไปแล้ว หลินยวนยังจะทำอะไรได้อีก เก็บหลัวคังอันตรงนี้อย่างนั้นหรือ?

แล้วก็ไม่รู้ว่าหลัวคังอันชี้ไปด้านนอกหน้าต่างมองดูอะไร หลินยวนลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่าง มองตามนิ้วมือของหลัวคังอันขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากที่เห็นอะไรบางอย่าง ม่านตาของเขาพลันหดเล็กลงทันที จ้องมองดูหงส์เพลิงที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าตัวนั้นด้วยสายตาเยือกเย็น

หลัวคังอันหัวเราะฮี่ๆ ชี้ไปที่หงส์เพลิงตัวนั้นพลางกล่าวว่า “ตอนฉันเป็นผู้พิทักษ์เทพอยู่ในเมืองหลวงก็เคยเห็นหงส์เพลิงตัวนี้ นี่เป็นนกของกัวฉีสวินที่เป็นหนึ่งในหกแม่ทัพเทพแห่งวังพิฆาตมาร กัวฉีสวินเป็นคนที่ท่านสองไว้เนื้อเชื่อใจอย่างแท้จริง เป็นเจ้าหน้าที่เซียนระดับสองแห่งสภาเซียน ไม่รู้ว่าคนสำคัญขนาดนี้มาเยือนเมืองปู๋เชวี่ยทำไม หรือว่ามาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง?”

หลินยวนจ้องมองดูหงส์เพลิงที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า นิ่งเงียบไม่พูดอะไร นึกถึงคำพูดของจางเลี่ยเฉินเมื่อวานนี้…

……

“สัตว์เทพหงส์เพลิง?” ฉินอี๋เดินไปยังริมหน้าต่างเหมือนกันกล่าวถามขึ้นมา

ไป๋หลิงหลงกล่าว “ใช่ค่ะ ดูเหมือนจะมีคนสำคัญมาที่เมืองปู๋เชวี่ยค่ะ”

ฉินอี๋กล่าว “ลองไปสืบดูหน่อยว่าเป็นใคร ดูว่าจำเป็นต้องไปพบหรือไม่”

“ได้ค่ะ” ไป๋หลิงหลงรับคำสั่ง

จากนั้นสายตาของฉินอี๋พลันหยุดชะงัก เธอมองเห็นหลินยวนกับหลัวคังอันที่มายืนอยู่ตรงริมหน้าต่างเช่นเดียวกัน….

……

ณ สำนักงานเจ้าเมือง มู่ชิงโหรวที่ยืนมองไปบนท้องฟ้าอยู่ตรงปากทางเข้าโถงหลักทั้งรู้สึกตกใจและสงสัย จู่ๆ พลันกล่าวถามขึ้นมาว่า “ใครมากันล่ะนั่น?”

หงส์เพลิงในดินแดนเซียนไม่ได้มีแค่ตัวเดียว เธอไม่ได้เหมือนเหิงเทาที่รู้ว่ามีใครมาเยือน จึงไม่อาจวิเคราะห์ได้ว่าผู้ที่มาเยือนนั้นเป็นใคร

ที่เธอมาอยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองปู๋เชวี่ย เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้ว อีกทั้งทางนี้ยังคุมตัวคนของเธอเอาไว้ เธอจึงต้องมาเพื่อสอบถามให้รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ลั่วเทียนเหอที่อยู่ข้างๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “กัวฉีสวิน!”

“หา!” มู่ชิงโหรวตกใจไม่น้อย “คนสนิทของท่านสอง กัวฉีสวินที่เป็นหนึ่งในหกแม่ทัพเทพแห่งวังพิฆาตมารน่ะหรือ?”

เธอรู้จักคนผู้นี้ แต่ว่าไม่เคยพบมาก่อน ดินแดนเซียนกว้างใหญ่ไพศาล หกแม่ทัพเทพเองก็ไม่มีทางเที่ยวเดินทางไปทั่วได้ เธอเคยโชคดีได้พบแม่ทัพเทพคนหนึ่ง แต่คนอื่นๆ ที่เหลือยังไม่เคยพบมาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่รู้จัก

ลั่วเทียนเหอไม่ได้ตอบอะไร การที่เขาไม่ได้ปฏิเสธก็เท่ากับเป็นการยอมรับแล้ว มู่ชิงโหรวหันหน้าไปมอง แต่กลับพบว่าสีหน้าของคนผู้นี้คล้ายจะไม่ค่อยยินดีต้อนรับสักเท่าไหร่

เธอไม่ได้รู้เลยว่าภายในใจลั่วเทียนเหอมิใช่แค่รู้สึกไม่ต้อนรับ หากแต่ยังแอบรู้สึกโกรธเกรี้ยวเล็กน้อยด้วย หยางเจินส่งหกแม่ทัพเทพคนไหนมาไม่ส่ง ดันส่งกัวฉีสวินมา ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร

สาเหตุที่เขารู้สึกโกรธเกรี้ยวนั้นก็ง่ายมาก นั่นเป็นเพราะวิชาที่กัวฉีสวินฝึกฝนบำเพ็ญเพียรสามารถเอาชนะวิชาของเขาได้พอดี!

จากนั้นครู่หนึ่ง หงส์เพลิงที่บินวนอยู่บนท้องฟ้าของเมืองปู๋เชวี่ยรอบหนึ่งก็มุ่งหน้าลงมาทางนี้ ตรงมายังสำนักงานเจ้าเมือง

หลังมาถึงท้องฟ้าเหนือสำนักงานเจ้าเมือง ฟึบๆๆ เงาร่างของคนสิบสามคนบินลงมาจากบนท้องฟ้า สายตาของกัวฉีสวินจับจ้องไปที่ลั่วเทียนเหอ เดินนำคนทั้งสิบสามคนเข้าไป ดูทรงอำนาจน่าเกรงขาม

ลั่วเทียนเหอยืนอยู่บนบันไดไม่ขยับเขยื้อน แต่มู่ชิงโหรวกลับรีบก้าวลงไปจากบันได เข้าไปคารวะ “เจ้าเมืองเทียนกู่มู่ชิงโหรวคารวะท่านแม่ทัพเทพค่ะ”

เมื่อพูดถึงลำดับขั้นแล้ว เธอเพิ่งจะเป็นแค่เจ้าหน้าที่เซียนระดับสี่ ส่วนกัวฉีสวินนั้นอยู่ในระดับสอง จึงย่อมเป็นเรื่องปกติที่มู่ชิงโหรวจะเข้ามาคารวะ ยิ่งไปกว่านั้นประวัติความเป็นมาเบื้องหลังของกัวฉีสวินนั้นยังไม่ธรรมดาอย่างมากด้วย

“ไม่ต้องมากพิธี!” กัวฉีสวินยกมือเล็กน้อย บนใบหน้าที่สุขุมเยือกเย็นเผยให้เห็นรอยยิ้มพลางพยักหน้า ก่อนจะเดินผ่านตัวเธอไป คนอีกสิบสองคนก็เดินผ่านเธอไปโดยไม่สนใจ

มู่ชิงโหรวหันหน้ากลับไปอีกครั้ง เห็นกัวฉีสวินยืนอยู่ด้านล่างบันได ประสานมือกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองลั่ว ไม่ได้พบกันนาน สบายดีนะครับ”

ลั่วเทียนเหอกล่าว “ ก็สบายดี ต้องขอบคุณพวกนายนั่นแหละ ไม่ทราบว่ามาปุบปับแบบนี้ มีเรื่องอะไรเหรอ?”

กัวฉีสวินกล่าว “ปุบปับ? ทางวังพิฆาตมารได้แจ้งทางวังกลุ่มดาวโต่วแล้ว หรือว่าทางเจ้ากลุ่มดาวจะไม่ได้แจ้งทางนี้ครับ?”

เขามองออกว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพึงพอใจ จึงจงใจถามไปเช่นนี้ อีกฝ่ายส่งหัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไปออกไปต้อนรับแล้ว แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่รู้ว่ามีคนมา

ลั่วเทียนเหอกล่าว “ในเมื่อมาแล้วก็ช่างเถอะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร?”

ท่าทีของลั่วเทียนเหอทำให้มู่ชิงโหรวค่อนข้างประหลาดใจ ที่ผ่านมาเธอรู้เพียงว่าเดิมทีท่านผู้นี้เป็นขุนนางที่อยู่ภายในวังเซียน เป็นคนที่อยู่ข้างกายองค์จักรพรรดินี ไม่รู้ว่าภายหลังทำผิดอะไรจึงถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาเธอนึกว่าอีกฝ่ายสูญเสียอำนาจไปแล้ว ถึงไม่ได้สนใจเรื่องลำดับขั้นของอีกฝ่าย วันนี้เธอถึงได้พบว่าลั่วเทียนเหอคล้ายจะยังมีความมั่นใจอยู่

เรื่องที่ลั่วเทียนเหอโต้เถียงองค์จักรพรรดิเมื่อในอดีตนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในวังเซียน ปกติคนที่รู้เรื่องราวก็ไม่มีทางออกมาเที่ยวป่าวประกาศข้างนอกได้

กัวฉีสวินกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองลั่วคิดจะคุยเรื่องความลับสำคัญกับผมท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆ อย่างนี้หรือครับ?”

ลั่วเทียนเหอหมุนตัวกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย เดินเข้าไปด้านใน กัวฉีสวินเดินนำคนอื่นๆ ตามเข้าไป

มู่ชิงโหรวเองก็อยากจะเดินตามเข้าไปดูเช่นเดียวกัน แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอจะถูกคนของกัวฉีสวินที่เฝ้าอยู่ตรงประตูยื่นมือมาขวางเอาไว้ ท่าทียังถือว่ามีความเกรงใจอยู่บ้าง กล่าวเพียงว่าความลับสำคัญไม่สะดวกให้คนอื่นฟัง ขอเจ้าเมืองมู่โปรดให้อภัยด้วย

มู่ชิงโหรวจึงได้แต่ต้องถอยออกไปอย่างกระอักกระอ่วน แต่ก็ยังเหลียวหน้ากลับมามองเป็นระยะ บางครั้งก็ยังเงยหน้าขึ้นไปมองดูหงส์เพลิงที่บินวนอยู่บนท้องฟ้า

“ว่ามา มีเรื่องอะไร?” ลั่วเทียนเหอที่เดินไปถึงตรงกลางโถงพลันหยุดชะงักฝีเท้า จากนั้นหมุนตัวกลับมาถาม

กัวฉีสวินเห็นท่าทีไม่รับแขกของอีกฝ่ายก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ หากแต่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ได้ยินว่าในเมืองปู๋เชวี่ยเกิดคดีใหญ่ขึ้นต่อเนื่อง ไม่ทราบว่ามีเรื่องนี้จริงหรือเปล่าครับ?”

ลั่วเทียนเหอกล่าว “มีเรื่องเช่นนี้อยู่จริง ใจคนยากหยั่งถึง การที่แต่ละที่จะเกิดเรื่องฆ่าฟันกันเพราะความแค้นหรือผลประโยชน์ขึ้นบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ?”

กัวฉีสวินกล่าว “มันไม่น่าจะใช่เรื่องธรรมดาเหมือนอย่างที่ท่านเจ้าเมืองคิดนะครับ การที่กล้าสังหารผู้พิทักษ์เมือง แล้วยังสามารถทำเรื่องเช่นนั้นออกมาได้ นี่มันไม่เหมือนเป็นเรื่องผลประโยชน์หรือบุญคุณความแค้นทั่วๆ ไป แล้วก็ไม่ใช่วิธีการของคนร้ายทั่วๆ ไปด้วย คนปกติทั่วไปเองก็ไม่มีความกล้าขนาดนั้น หากไม่ได้รับการขัดเกลามาเป็นเวลานาน วิธีเช่นนี้ต่อให้กล้าคิดก็ไม่แน่ว่าจะกล้าทำ ยิ่งไปกว่านั้นยังลงมืออย่างเยือกเย็นเช่นนี้ เห็นได้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นมีประสบการณ์โชกโชน และจากประสบการณ์ในการประมือกับคนบางจำพวกมาเป็นเวลานานของวังพิฆาตมาร นี่มันดูคล้ายฝีมือของผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อนมากกว่าครับ”

ลั่วเทียนเหอรีบพูดสวนกลับไปทันที “แต่จากประสบการณ์ของฉัน ไม่ว่าแต่ละที่จะเกิดอะไรขึ้น ขอเพียงวังพิฆาตมารยินดี ก็สามารถเอาไปเชื่อมโยงกับผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อนได้ทุกเมื่อ เมื่อเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง วังพิฆาตมารก็จะสามารถสอดมือเข้ามายุ่งได้อย่างชอบธรรม”

กัวฉีสวินกล่าวว่า “เจ้าเมืองลั่วคิดมากไปแล้วครับ”

ลั่วเทียนเหอกล่าว “ฉันคิดมากไปอย่างนั้นหรือ? หรือว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน?”

กัวฉีสวินกล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า “ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร การมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นบ้างมันก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบไร้ข้อผิดพลาด”

ลั่วเทียนเหอแค่นหัวเราะพลางกล่าว “เจ้ากลุ่มดาวคนก่อนของวังกลุ่มดาวเจี่ยวเป็นถึงเจ้าหน้าที่เซียนระดับหนึ่ง แต่วังพิฆาตมารบอกจะฆ่าก็ฆ่า ตัวฉันยังจำได้ดี แล้วพวกนายแค่พูดว่าเป็นข้อผิดพลาดแล้วก็แล้วกันไปอย่างนั้นหรือ?”

……………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน