ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 111 ความสงสัยของหยางเจิน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 111 ความสงสัยของหยางเจิน

ภายในเมืองปู๋เชวี่ยเรียกได้ว่ามีสายตาเคารพชื่นชมจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองฉากแสงอยู่

ภายในโรงอีหลิว จางเลี่ยเฉินกำลังนอนโบกพัดอย่างช้าๆ อยู่บนเก้าอี้นอน จู่ๆ พลันได้ยินเสียงตะโกนของหลัวคังอัน ร่างกายเขาหยุดชะงักไปทันที สายตาดูงุนงง

ทันทีที่ร่างกายผ่อนคลายลง เขาก็รีบใช้นิ้วก้อยแคะล้วงเข้าไปในหู คุ้ยแคะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงนิ้วออกมาเป่าดัง ‘ฟู่ว’ กล่าวพึมพำว่า “เจ้าโง่!”

ส่วนใหญ่ผู้หญิงทั่วไปไม่ได้มีความสนใจเรื่องการประมูลอะไรพวกนี้

แต่บรรยากาศภายในเมืองปู๋เชวี่ยในวันนี้แตกต่างออกไป ร้านรวงต่างๆ เหมือนจะพากันปิดร้านชั่วคราว ทำให้ผู้หญิงบางส่วนไม่มีที่ให้ไปเที่ยวเล่นได้

ทุกที่จะได้ยินเสียงผู้คนกำลังพูดคุยถึงเรื่องเดียวกัน จะไม่ดูเสียหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นก็คงจะไปได้ แต่พอดูแล้วก็พลอยมีอารมณ์ร่วมไปกับพวกเขาด้วย

สาวสวยคนหนึ่งมองดูพ่อแม่ที่กำลังตื่นเต้นเพราะเสียงตะโกนของหลัวคังอัน เธออยากจะบอกจริงๆ ว่ากระทั่งป้าหวังก็ยังถูกเขาเล่นงานจนบาดเจ็บมาแล้ว เรื่องแค่นี้มีอะไรน่าตื่นเต้น?

อึกอักลังเลคล้ายอยากจะพูด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เธอไม่สามารถอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลัวคังอันให้พ่อแม่รู้ได้ ทั้งสองคนรู้จักกันในสถานที่กลางคืน ใช้เวลายามค่ำคืนด้วยกัน หลัวคังอันเล่นเธอเบื่อแล้วก็ทิ้งเธอไป

เมื่อก่อนได้ยินหลัวคังอันบอกว่าเขาเคยเล่นงานป้าหวังจนบาดเจ็บสาหัสสมัยที่อยู่หน่วยผู้พิทักษ์เทพในเมืองหลวง ตอนนั้นเธอยังนึกคลางแคลงสงสัย แต่วันนี้เธอเชื่อแล้ว

เรื่องบางเรื่องผ่านไปแล้วก็ผ่านไป

ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับหลัวคังอันไม่ได้มีแค่คนเดียว ในเมืองปู๋เชวี่ยมีหลายคน ทั่วทั้งดินแดนเซียนมีมากกว่านั้น ถ้าไม่ถึงพันก็ต้องเป็นร้อย นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้หญิงเหล่านั้นต่างรู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนแบบไหน บางคนเริ่มนึกเสียดายขึ้นมา

…..

ไม่มีใครกล้าสู้ หลังจากหลัวคังอันตะโกนออกไป เทพมหาวิญญาณแปดตนก็รีบบินหนีออกไปทันที เหลือเพียงเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลอู๋ที่ลอยอยู่บนอากาศ จ้องมองเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน

นี่เราได้ยินอะไรเนี่ย? หลินยวนค่อยๆ เหลียวหน้ากลับมาช้าๆ มองไปทางหลัวคังอัน รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน แต่ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน คนคนนี้กล้าทำทุกอย่างจริงๆ

ตอนนี้เขานับว่าเข้าใจแล้ว มิน่าก่อนหน้านี้คนคนนี้ถึงได้กล้าพูดว่าตัวเองเคยช่วยหยางเจินเล่นงานป้าหวังจนบาดเจ็บสาหัส มีอะไรที่ไอขี้โม้นี่ไม่กล้าพูดอีกไหม?

หลัวคังอันที่ส่งเสียงคำรามเสร็จก็เรียกได้ว่ากระหยิ่มยิ้มย่อง สีหน้าสะใจมีความสุข เรื่องเสนอหน้าโอ้อวดเนี่ยเขาถนัดมาก เขาเริ่มครุ่นคิดว่าหลังจากวันนี้ไปตนเองน่าจะมีเชื่อเสียงแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีสาวสวยมากน้อยเท่าไรที่เสนอตัวให้เขา

“เฮ้อ หนีไปแล้ว ตามไปสิ!” หลัวคังอันที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติตะโกนออกมา สีหน้าเองก็ดูกระอักกระอ่วน เขามองดูสายตาของหลินยวนที่จ้องเขม็งมา จึงรีบหัวเราะแห้งๆ แล้วกล่าวว่า “ปิดบัง! น้องหลินไม่อยากเป็นจุดเด่น ฉันจะทำอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยปิดบังให้น้องหลิน เพื่อช่วยปิดบังให้น้องฉัน เรื่องนี้ฉันรับผิดชอบเอง!”

“…..” หลินยวนหมดคำพูดที่จะตอบโต้เขา อีกฝ่ายเหมือนจะทำหน้าที่ได้ดีมาก ตรงตามความต้องการของเขาพอดิบพอดี

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หลินยวนก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่ดี สรุปแล้วก็คือเขาอยากจะอัดไอขี้โม้หลัวคังอันคนนี้หนักๆ สักที

แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามานั่งสนใจอีกฝ่าย หลินยวนดึงทวนกลับมาค้ำพื้น กล่าวกับเขาว่า “ติดต่อหวงอวี่ ให้เขาทำภารกิจด่านที่หนึ่ง”

หลัวคังอันกล่าว “เรื่องนี้ต้องให้พวกเราสั่งด้วยเหรอ?”

หลินยวนกล่าว “ช่วยพวกเราทำ”

หลัวคังอันงุนงง จึงถามว่า “แล้วพวกเราล่ะ?”

หลินยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกนั้นหนีไม่ได้”

หลัวคังอันเข้าใจทันที สีหน้าตื่นตัวขึ้นมา รีบใช้ช่องสื่อสารเฉพาะติดต่อไปทางหวงอวี่ ส่ายศีรษะเล็กน้อย เอามือนวดลำคอของตัวเอง คล้ายกำลังปรับอารมณ์อะไรบางอย่างอยู่

ทางหวงอวี่ลองถามว่า “น้องหลัว?”

หลัวคังอันกล่าวด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่ง “ผมเอง พี่หวง เรื่องตานพันเม็ดฝากพี่ด้วยล่ะ เดี๋ยวผมกลับมาเอา”

หวงอวี่งุนงงไปเล็กน้อย จากนั้นจึงตอบรับว่า “ได้!” ก่อนจะกล่าวเสริมไปอีกประโยคว่า “แล้วนายล่ะ?”

หลัวคังอันเลียนแบบน้ำเสียงเย็นชาของหลินยวน กล่าวไปสองพยางค์ว่า “ฆ่าสวะ!”

กล่าวจบก็ตัดการสนทนาไป

“….” หลินยวนค่อยๆ หันมามองเขาอย่างช้าๆ อีกครั้ง พบว่าความหน้าด้านของคนบางคนมันได้กลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้วหรือว่ายังไงกัน?

เขารู้สึกจริงๆ ว่ากำปั้นของตัวเองคันยุกยิกขึ้นมา ใกล้จะสะกดความรู้สึกอยากอัดคนเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

หลัวคังอันหัวเราะฮี่ๆ พลางกล่าวว่า “ปิดบัง! ปิดบังให้น้องหลิน”

ตอนนี้หลินยวนไม่มีเวลามานั่งพิรี้พิไรเรื่องเหล่านี้กับเขา เหลียวหน้ากลับไปเตรียมตัวอีกครั้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ติดต่อท่านประธาน บอกว่าให้ดูทีว่าพวกนั้นหนีไปทางไหน”

หลัวคังอันงุนงง “นี่จะไม่ทำให้ท่านประธานลำบากเหรอ? พวกท่านประธานอยู่ด้านนอก…”

“โดรนวิเศษ!” หลินยวนเงยหน้ามองไปยังโดรนวิเศษที่เหลืออยู่ไม่มากที่กระจายตัวไปในท้องฟ้า “มีหนึ่งตัวก็ไปหาหนึ่งตัว มีหนึ่งฝูงก็ไปหาหนึ่งฝูง!”

หลัวคังอันตกตะลึง แปะ! ยกมือตีหน้าผากตัวเอง เข้าใจแล้ว คนที่หนีไปเหล่านั้นล้วนแต่มีโดรนวิเศษคอยตามอยู่ ไม่ได้ต่างอะไรกับการถูกกล้องวงจรปิดจับตามองเลย ด้านนอกสามารถรู้ตำแหน่งของพวกที่หนีไปเหล่านั้นได้ จึงกล่าวทันทีว่า “ได้ น้อมรับคำสั่งน้องหลิน! แม่งเอ่ย กล้ามาไล่ฆ่าพวกเรา เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วมั้ง ฉันจัดการเอง!”

ความหวาดกลัวตื่นเต้นในตอนแรกหายไปแล้ว ตอนนี้เขาคึกคักมีชีวิตชีวาอย่างมาก ช่วยไม่ได้ ข้างกายเขายังมียอดฝีมือที่สามารถล้มเทพมหาวิญญาณทั้งฝูงโดยที่ไม่ต้องเอาจริงได้อยู่นี่นา

โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าของไป๋หลิงหลงดังขึ้นมา เธอถอยออกไปรับโทรศัพท์ ก่อนจะรีบเดินมาด้านหลังฉินอี๋ กระซิบกระซาบข้างหูฉินอี๋

ฉินอี๋พยักหน้า ตอบเสียงเบาๆ ว่า “ด้านกลยุทธ์การสู้รบเขาเชี่ยวชาญมากกว่าเรา ทำตามที่เขาว่า เธอไปจัดการด้วยตัวเอง เดี๋ยวฉันอยู่ตรงนี้ เธอไม่ต้องห่วง”

“ค่ะ!” ไป๋หลิงหลงรีบก้าวออกไป

ท่ามกลางเสียงตูมๆๆๆ หวงอวี่เริ่มทำงาน โดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก

ตูม! จู่ๆ เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินพลันวาดทวนไปบนพื้น เศษดินเศษหินกระเด็นกระดอน ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย ตลบอบอวลเต็มไปหมด

คนที่จ้องมองฉากแสงพากันรู้สึกประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินจะทำอะไร กระทั่งฝุ่นควันเบาบางลงแล้ว พวกเขาถึงได้พบว่าเทพมหาวิญญารหอการค้าตระกูลฉินได้หายไปแล้ว โดรนวิเศษที่อยู่ในอากาศรีบบินออกไปค้นหาอย่างรวดเร็ว

…..

ณ ตำหนักประจัญบาน เมื่อเห็นเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินหายตัวไปแล้ว หยางเจินที่ร่างกายยืดตรงคล้ายไม่มีความสนใจที่จะดูต่อไป มือไพล่หลังค่อยๆ เดินไปถึงตรงหน้าประตูแล้วหยุดลง สายตาจ้องมองด้านนอก กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “หลัวคังอัน ไปสืบเรื่องของเขามาหน่อย”

แม่ทัพเทพทั้งหกสบตากัน จื๋อเวยเดินอาดๆ เข้าไป “ท่านสอง หลัวคังอันผู้นี้ ผมพอจะรู้เรื่องของเขาอยู่บ้าง”

หยางเจินรู้สึกประหลาดใจ “พี่ใหญ่รู้หรือ? คนผู้นี้มีชื่อเสียงมากหรือ?” ความหมายในคำพูดนี้คือทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน?

คนทั้งเจ็ดสาบานเป็นพี่น้องกัน หยางเจินอยู่ในอันดับสอง เขาไม่เพียงแต่จะเรียกจื๋อเวยว่าพี่ใหญ่ แต่ยังเรียกคนอื่นๆ ตามลำดับพี่น้องที่ร่วมสาบานกันด้วย

ส่วนแม่ทัพเทพทั้งหกก็เรียกหยางเจินด้วยความเคารพว่าท่านสอง

เรียกได้ว่าต่างคนต่างรักษากฎของตัวเอง เมื่อรักษากฎได้ก็จะมีขอบเขต เมื่อมีขอบเขตก็จะไม่เกิดความวุ่นวาย

จื๋อเวยกล่าวว่า “หลัวคังอันผู้นี้เดิมทีเป็นผู้พิทักษ์เทพอยู่ในเมืองหลวง เป็นผู้พิทักษ์เทพธรรมดาๆ คนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ตอนที่สิบสามมารสวรรค์ลอบโจมตี คนผู้นี้รักตัวกลัวตาย จึงถูกลบชื่อออกจากบัญชีรายชื่อเซียน ไล่ออกจากหน่วยผู้พิทักษ์เทพ ไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกหอการค้าตระกูลฉินดึงตัวไปทำงานได้ครับ”

สาเหตุที่แท้จริงเขาไม่ได้พูดออกไป ความจริงหกแม่ทัพเทพต่างรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงกันนิดหน่อย เรื่องที่น่ารังเกียจบางเรื่องก็ไม่มีความจำเป็นต้องบอกหยางเจินเช่นกัน เบื้องล่างย่อมมีคนไปจัดการโดยไม่ต้องให้บอก สาเหตุที่หลัวคังอันถูกถีบออกจากการเป็นผู้พิทักษ์เทพ เรียกได้ว่ามีเพียงหยางเจินเท่านั้นที่ไม่รู้

“รักตัวกลัวตายอย่างนั้นหรือ?” หยางเจินเหลียวหน้ากลับไปมองฉากแสง เขาเองก็มิใช่คนตาบอด ย่อมต้องรู้ว่าการต่อสู้เมื่อครู่นี้มันหมายความว่าอย่างไร แต่เขาเองก็เชื่อว่าพี่น้องของตัวเองไม่มีทางหลอกตัวเอง จึงคิดเชื่อมโยงไปถึงเรื่องอื่นอย่างทันที กล่าวถามว่า “ภายในตัวเทพมหาวิญญาณที่เข้าร่วมการแข่งขันมีกี่คน?”

จื๋อเวยกล่าว “น่าจะมีสองคน”

หยางเจินกล่าว “ไปสืบเรื่องของอีกคนมาหน่อย”

กัวฉีสวินเดินเข้ามา “อีกคนน่าจะเป็นผู้ช่วยของหลัวคังอัน ชื่อหลินยวนครับ”

รู้จักอีกแล้วหรือ? หยางเจินงุนงงไปเล็กน้อย ภายในใจมีเมฆหมอกแห่งความสงสัยก่อตัวขึ้นมาทันที สายตากวาดมองทั้งหกคน กล่าวถามว่า “น้องสามก็รู้จักอย่างนั้นเหรอ?”

กัวฉีสวินกล่าวอธิบาย “ท่านสองลืมไปแล้วหรือครับ? ครั้งที่แล้วผมไปที่เมืองของลั่วเทียนเหอมา ลั่วเทียนเหอบอกว่าคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในเมืองปู๋เชวี่ยเกิดขึ้นเพราะเรื่องการประมูลเทพมหาวิญญาณ ผมต้องการสืบอย่างละเอียด อยากจะตรวจดูบันทึกคดี แต่ลั่วเทียนเหอไม่ยอมให้ความร่วมมือ ไม่ยอมให้วังพิฆาตมารของเราเข้าไปก้าวก่าย จากที่ลั่วเทียนเหอว่ามา หอการค้าตระกูลฉินที่เข้าร่วมการประมูลย่อมต้องมีส่วนพัวพันในคดีฆาตกรรมเหล่านั้นด้วย หลังจากนั้นผมจึงจำเป็นต้องใช้ช่องทางบางอย่างไปสืบมา ก็เลยรู้เรื่องของคนที่ชื่อหลินยวนผู้นี้ครับ”

หยางเจินกล่าวว่า “จากที่พวกท่านว่ามา คนที่สู้กับศัตรูทั้งกลุ่มเมื่อครู่นี้ดูไม่เหมือนหลัวคังอันเลย อย่างนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นหลินยวนคนนั้น เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงต้องหลบๆ ซ่อนๆ?”

“เรื่องนี้…” กัวฉีสวินเกาแก้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ประวัติของหลินยวนผมไปสืบมาแล้ว เป็นนักเรียนของหลิงซาน ตอนนี้ยังเรียนไม่จบ พูดให้ถูกคือเรียนมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลาสามร้อยปีแล้ว แต่ก็ยังเรียนไม่จบ หลายคนยืนยันว่าคุณสมบัติของเขาแย่จริงๆ ตอนนี้กำลังพักการเรียนอยู่ และจากที่สืบมา สภาวะของหลินยวนผู้นี้เพิ่งจะอยู่ในขั้นปัญญากระจ่างเท่านั้น อันนี้ได้ทำการตรวจสอบยืนยันกับทางหลิงซานซ้ำอีกครั้งแล้วครับ แล้วก็เมื่อดูจากข้อมูลที่ทางผู้พิทักษ์เทพของเมืองปู๋เชวี่ยมีอยู่ สภาวะหลักของเขาน่าจะอยู่ในขั้นเซียนปฐพีไม่ผิดแน่ ถ้าสภาวะหลักไม่ถึงขั้นเซียนสวรรค์ การจะควบคุมเทพมหาวิญญาณให้ช่ำชองแบบนั้นได้ ความเป็นไปได้ที่จะเป็นหลินยวนก็จะยิ่งน้อยลงไปอีกครับ”

สายตาของหยางเจินจ้องมองดวงตาของเขา “โอกาสที่จะเป็นหลินยวนมีมากกว่า หรือโอกาสที่จะเป็นหลัวคังอันมีมากกว่า?”

กัวฉีสวินกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ถ้าจะเปรียบเทียบกันจริงๆ ล่ะก็ โอกาสที่จะเป็นหลัวคังอันเหมือนจะมีมากกว่าครับ”

หยางเจินหมุนตัวกลับมาทันที ขนนกที่อยู่บนมงกุฎสีม่วงทองสั่นไหว ก้าวอาดๆ ขึ้นไปบนแท่นไพศาล ค่อยๆ นั่งลง สายตาจ้องมองดูปฏิกิริยาของทั้งหกคน จ้องมองคนทั้งหกจนรู้สึกอึดอัด จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “แค่ผู้พิทักษ์เมืองที่รักตัวกลัวตายคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้พิทักษ์เมืองธรรมดาๆ ด้วย แต่กลับทำให้พี่ใหญ่สนใจได้ ผมอยากรู้เหตุผล”

ทันทีที่เอ่ยคำพูดนี้ออกไป ทั้งหกคนต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร

หยางเจินกล่าว “ดูเหมือนพี่น้องทั้งหกจะรู้กันหมดแล้ว มีเพียงผมเท่านั้นที่ไม่รู้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมรู้ไม่ได้หรือเปล่า ถ้าผมรู้ไม่ได้ อย่างนั้นผมก็จะไม่ถาม”

คำพูดนี้ค่อนข้างรุนแรง จื๋อเวยที่เป็นพี่ใหญ่โบกมือเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรมาก ค้นหาอะไรบางอย่างในแหวนสารพัดนึก โยนเครื่องฉายภาพเครื่องหนึ่งออกมา ฉากแสงที่ปรากฏขึ้นมามีภาพการต่อสู้

เป็นภาพการต่อสู้ของตัวเองกับป้าหวัง หยางเจินไม่เข้าใจ แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูอย่างละเอียด

กระทั่งมีคนผู้หนึ่งบินเข้ามาถีบป้าหวัง จื๋อเวยก็หยุดภาพเอาไว้ พร้อมกับชี้ไปยังคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา “ท่านสอง คนผู้นี้ก็คือหลัวคังอันครับ!”

หยางเจินที่สองมือยันอยู่บนหัวเข่าเอียงศีรษะเล็กน้อย บอกตามตรง เขาจำอะไรเกี่ยวกับคนผู้นี้ไม่ได้เลย แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือความจริง สายตากวาดมองทั้งหกคน “เป็นแค่ผู้พิทักษ์เทพธรรมดาคนหนึ่ง แต่กลับเข้าไปปะทะกับป้าหวัง เรียกได้ว่าใช้ชีวิตเข้าแลกก็ว่าได้ อาศัยเพียงคุณธรรมและความกล้านี้ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า ‘รักตัวกลัวตาย’ มันมาจากไหน คนที่กล้าหาญเช่นนี้ควรจะให้รางวัลถึงจะถูก แต่นี่กลับถูกลบชื่อออกจากบัญชีรายชื่อเซียนและถูกไล่ออกจากหน่วยผู้พิทักษ์เทพ หน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวงเน่าเฟะถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”

………………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน