ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 125 หมายความว่าอย่างไร

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 125 หมายความว่าอย่างไร?

คำพูดของผู้ชายคนนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือแม้แต่น้อย ทำตัวเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสี หลินยวนรู้มาตั้งนานแล้ว ถ้าเชื่อคำพูดของเขาสิถึงจะแปลก

ไม่ว่าเขาจะพูดจริงหรือไม่ก็ตาม หลินยวนก็ไม่ได้อยากที่จะเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย จึงพูดปลอบใจเขาเล็กน้อยว่า “นายเองก็ไม่ใช่คนที่ใสสะอาดอะไร เรื่องชู้สาวของนาย ผู้คนในเมืองปู๋เชวี่ยต่างก็รู้ดี มีเพิ่มมาอีกสักเรื่องสองเรื่องก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ฉันรู้ว่านายกำลังกังวลอะไรอยู่ นายกลัวว่าเรื่องที่นายพาเสวี่ยหลานเข้าไปในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินจะทำให้หอการค้าตระกูลฉินโกรธ หากเป็นเมื่อก่อนนี้ เรื่องนี้คงจะเป็นปัญหาจริงอย่างที่นายกังวล แต่ในตอนนี้…นายเป็นผู้ที่สร้างความดีความชอบของหอการค้าตระกูลฉินแล้ว น่าจะเพียงพอที่จะลบล้างความผิดนี้ได้ สำหรับหอการค้าตระกูลฉินแล้วนายยังคงมีประโยชน์อยู่ กับอีแค่ความผิดเล็กๆ จากเรื่องของเสวี่ยหลาน อย่างมากหอการค้าตระกูลฉินก็คงจะแค่ตักเตือนนาย ไม่มีทางมาถามหาความรับผิดชอบอะไรจากนายหรอก”

ก่อนหน้านี้หลัวคังอันเอาแต่กลัว มัวแต่กังวล พอตอนนี้ได้ยินอีกฝ่ายว่ามาแบบนี้ เมื่อลองคิดๆ ดูก็พบว่าจริงดั่งว่า เรื่องของเสวี่ยหลานนั้นเขาทำเกินไปหน่อยจริงๆ และยังทำให้หอการค้าตระกูลฉินเกิดความเสียหายอีกด้วย แต่ความดีความชอบที่ตัวเอง สวมรอยเอาชนะการประมูลมาได้มันมีมูลค่ามากกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนี่นา หอการค้าตระกูลฉินไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาเอาผิดเขาอีก

เขาเพิ่งจะรู้สึกโล่งใจ แต่พอกลับมาคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง “น้องหลิน เรื่องมันกำลังจะผ่านไปได้ด้วยดีแล้วแท้ๆ ทำไมฉันจะต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยล่ะ?”

“ผ่านไปได้อย่างนั้นเหรอ?” หลินยวนหันกลับไปมองประตูโรงเก็บเทพมหาวิญญาณอีกครั้ง “นอกเสียจากนายจะปิดปากเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงทั้งหมดนี้ได้ ไม่อย่างนั้นทันทีที่ปัญหามันถูกเปิดเผยออกมา ทั้งเรื่องที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเกิดปัญหาขึ้นที่นี่หรือไม่ก็เกิดปัญหาขึ้นตั้งแต่ตอนอยู่ที่ค่ายผู้พิทักษ์เทพในเมืองปู๋เชวี่ย ทั้งเรื่องที่ภายในมีหนอนบ่อนไส้อยู่ ทันทีที่เรื่องเหล่านี้ถูกเปิดเผยออกมา นายคิดว่าหอการค้าตระกูลฉินจะปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างนั้นเหรอ นายคิดว่าค่ายผู้พิทักษ์เทพของที่นี่ แล้วก็ค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองปู๋เชวี่ยจะปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างนั้นเหรอ?”

หลัวคังอันตกใจ ถ้ามีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอยู่ภายในเช่นนี้ เขาเองก็เคยอยู่ในหน่วยของผู้พิทักษ์เทพมาก่อน เขาย่อมรู้ดีว่าไม่ว่าจะเป็นหอการค้าตระกูลฉิน หรือว่าค่ายผู้พิทักษ์เทพทั้งสองแห่งก็ล้วนแต่ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ พวกเขาจะต้องตามล่าหนอนตัวนั้นอย่างถึงที่สุดแน่นอน

หลินยวนกล่าว “นายแน่ใจหรือว่าไม่มีคนเห็นนายกับเสวี่ยหลานเดินเล่นอยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพเมืองปู๋เชวี่ย? นายมั่นใจว่านายปิดมันได้เหรอ? หากมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ก็น่าจะเห็นช่องโหว่อยู่เต็มไปหมด และทันทีที่ตรวจสอบมาถึงตัวนาย แล้วพบว่านายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อถึงตอนนั้นนายอยากจะอธิบายอะไรอีกครั้งก็คงจะไม่มีใครฟังนายแล้ว นายทำให้ผู้พิทักษ์เมืองของทั้งสองที่ต้องหัวหมุนวุ่นวายกันไปหมด ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของทั้งสองที่ เมื่อถึงตอนนั้นก็คงไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องภายในของหอการค้าตระกูลฉินแล้ว นายแน่ใจนะว่านายอยากจะรับผิดชอบเรื่องนี้?”

ครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับหลัวคังอันเยอะที่สุด ต่อให้รวมบทสนทนาของทั้งสองคนตั้งแต่รู้จักกันมานั้น ยังไม่แน่ว่าเยอะเท่าครั้งนี้

ในเวลานี้มุมปากของหลัวคังอันกระตุกขึ้นมา ขบกรามแน่นจนรู้สึกปวดขึ้นมา

ในขณะนั้นเอง รถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามา ก่อนจะจอดอยู่ไม่ไกลนัก ฉินอี๋กับไป๋หลิงหลงลงมาจากรถ

พวกเขาสองคนมองไปที่พวกเธอ พวกเธอเองก็มองมาที่พวกเขาสองคน พวกเขาสองคนสบตากันเล็กน้อย

หลัวคังอันกระซิบถามเบาๆ “น้องหลิน นายต้องคิดให้ดีๆ นะ นั่นมันตั้งพันล้านมุกเลยนะ นายไม่เอาจริงๆเหรอ?”

หลินยวนว่า “เงินเดือนปีละสิบล้านมุกยังไม่พอให้นายใช้อีกเหรอ? ในตอนนี้ อำนาจภายในเมืองปู๋เชวี่ยของหอการค้าตระกูลฉินเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุ้มกะลาหัวของนายกับฉัน ส่วนเรื่องของเสวี่ยหลาน ใช้เงินพันล้านมุกซื้อเรื่องนี้แล้วปล่อยให้มันผ่านไปไม่ดีเหรอ? การที่นายปฏิเสธเงินก้อนนี้จะทำให้หอการค้าตระกูลฉินชื่นชมนายยิ่งขึ้นด้วย แบบนี้หอการค้าตระกูลฉินก็จะยิ่งไม่เอาเรื่องของเสวี่ยหลานมาใส่ใจ แล้วมันก็จะช่วยให้นายยืนอยู่ในหอการค้าตระกูลฉินได้อย่างมั่นคง”

“ทันทีที่หอการค้าตระกูลฉินชนะการประมูลแล้ว แผนธุรกิจจะต้องขยายตัวไปอย่างรวดเร็วแน่นอน และนั่นไม่ใช่สิ่งที่หอการค้าตระกูลฉินในปัจจุบันจะเทียบได้ เมื่อได้นั่งในตำแหน่งรองประธานของหอการค้าตระกูลฉินอย่างมั่นคงแล้ว เมื่อมีอำนาจของรองประธานของหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ถึงตอนนั้นตำแหน่งและสถานะของนายจะเป็นอย่างไร นั่นมันมีมูลค่าเท่าไร นายยังกลัวว่าในอนาคตจะไม่มีเงินอีกเหรอ? พันล้านมุกเป็นแค่เศษเงินเท่านั้น เบิกตามองออกไปไกลๆ หน่อย!”

“แล้วอีกอย่าง ถ้าเกิดหอการค้าตระกูลฉินผิดคำพูดขึ้นมา ถ้าเกิดพวกเขารู้สึกเสียดายเงินพันล้านมุกขึ้นมา นายไม่กลัวว่าหอการค้าตระกูลฉินจะยืมเรื่องของเสวี่ยหลานมาเล่นงานนายเหรอ? กับอีแค่ชื่อเสียงหน้าตา สำหรับนายแล้วมันยังใช่เรื่องสำคัญอีกเหรอ? ควรจะตัดสินใจอย่างไรยังต้องคิดมากอีกเหรอ?”

หลัวคังอันถูกคำพูดนี้ขู่จนกลืนน้ำลายดังอึก ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกายขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็อดมองไปทางหลินยวนไม่ได้ พบว่าคนผู้นี้ช่างมองการณ์ไกลเสียจริง

เมื่อเห็นหลัวคังอันและหลินยวน ฉินอี๋ก็ตาเป็นประกายขึ้นมาเช่นกัน แม้ว่าจะสวมรองเท้าส้นสูงอยู่ แต่เธอก็ยังเดินอาดๆ เข้าไปหาสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่มาถึงตรงหน้าของทั้งสองคน ฉินอี๋ไม่สามารถปกปิดใบหน้าที่มีความสุขของตนเองเอาไว้ได้จริงๆ เธอเหลือบมองไปที่หลินยวน พยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะหันไปจับมือกับหลัวคังอัน

หลัวคังอันรีบยื่นมือออกมาจับมือทันที “ท่านประธาน”

“ขอบคุณมากนะคะ” ฉินอี๋จับมือเขาแน่น จากนั้นปล่อยมือแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณหลัวสบายใจได้ เรื่องที่ฉันสัญญาไว้ ฉันไม่คืนคำแน่นอนค่ะ”

คำพูดทุกคำนั้นออกมาจากใจของเธอ เธอรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจ เธอรู้สึกขอบคุณหลัวคังอันจริงๆ เพราะเขาเป็นคนพลิกสถานการณ์ของตระกูลฉินในยามวิกฤตอย่างแท้จริง!

ในสถานการณ์แบบนั้น ถึงจะส่งเจียงอวี้ออกไปก็ไม่มีประโยชน์ เรียกได้ว่าบังเอิญใช้งานได้ถูกคนอย่างแท้จริง

หลัวคังอันอึกอักเล็กน้อย แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วถามว่า “ท่านประธานสัญญาอะไรไว้เหรอครับ?”

ฉินอี๋ตกใจในคำพูดของเขา จึงหันไปมองไป๋หลิงหลง คล้ายกำลังถามว่า ‘ไหนบอกว่าระหว่างการประมูล คนผู้นี้ยังเอาแต่พูดถึงเงินรางวัลก้อนนี้ไม่ใช่เหรอ?’

ไป๋หลิงหลงเองก็มีสีหน้างุนงงเช่นกัน เลยตอบกลับไปทันทีว่า “ท่านประธานพูดถึงเรื่องเงินรางวัลพันล้านมุกนั่นไงล่ะคะ”

“ฮะ? อ๋อ! ” หลัวคังอันทำท่าเหมือนนึกออก ฉีกยิ้มพลางโบกมือ “ไม่ต้องใส่ใจกับคำพูดของผมหรอกครับ ผมแค่ล้อเล่นเฉยๆ ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ”

ถึงภายนอกจะดูเหมือนไม่สนใจ แต่ภายในใจรู้สึกเหมือนเลือดกำลังไหลซิบๆ หากไม่เป็นเพราะหลินยวนมาขวางเขาไว้ เขาคงจะรับเงินรางวัลนั้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ช่างมันเถอะ? ฉินอี๋ผงะเล็กน้อย แต่ก็รีบกล่าวยืนยันกับหลัวคังอันทันทีว่า “คุณหลัวสบายใจได้ เรื่องที่ฉันสัญญาไว้ ฉันไม่กลับคำแน่นอนค่ะ”

หลัวคังอันพูดด้วยท่าทีจริงจังว่า “ท่านประธาน จริงอยู่ที่แซ่หลัวเป็นคนรักเงิน แต่เงินที่ผมจะเอามันก็ต้องเป็นเงินที่ถูกต้องด้วย หากเป็นสถานการณ์ปกติ ผมคงจะรับเงินพันล้านมุกนี้ไปแล้ว แต่ในช่วงเวลาวิกฤตของหอการค้าตระกูลฉินแบบนั้น แล้วยังเป็นเรื่องที่ผมจะรับผิดชอบอยู่ด้วย ผมย่อมต้องทำมันให้ดีที่สุด ถ้าในเวลาแบบนั้นผมยังไปเรียกร้องขอรางวัลอีก คนจะมองผมเป็นคนยังไงล่ะครับ? ผมไม่กลายเป็นคนฉวยโอกาสในยามที่คนอื่นเดือดร้อนหรอกเหรอครับ? หอการค้าตระกูลฉินดูแลแซ่หลัวเป็นอย่างดี เงินรางวัลนี้แซ่หลัวรับเอาไว้ไม่ได้จริงๆ เชิญเก็บไปเถอะครับ ”

อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าหยิ่งในศักดิ์ศรี ท่าทางของหลัวคังอันในเวลานี้เต็มไปด้วยความรู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรี

หลินยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกอยากจะกรอกตาใส่เขา สายตาเหลือบมองไปที่บั้นเอวของเขา รู้สึกอยากจะหักกระดูกเขาขึ้นมาอีกครั้ง

“……”ฉินอี๋กับไป๋หลิงหลงต่างมองไปที่เขาอย่างพร้อมเพียง รู้สึกสงสัยในสายตาของตัวเองก่อนหน้านี้ ทั้งสองพบว่าตัวเองเหมือนจะดูแคลนชายคนนี้ไปเสียแล้ว

ฉินอี๋ฉีกยิ้มออกมาทันที แล้วก็ไม่รีบร้อนพูดเรื่องนี้อีก “คุณหลัว เดี๋ยวเรื่องนี้รอกลับไปที่หอการค้าแล้วค่อยว่ากันนะคะ”

หลังจากนั้นเธอเดินไปตรงหน้าหลินยวน ยื่นมือออกไปหาหลินยวนเช่นกัน

หลินยวนมองไปที่มือของเธอ พูดตามตรง ทั้งสองไม่ได้สัมผัสร่างกายกันและกันมานานแล้ว เขารู้สึกลังเลที่จะยื่นมือออกไปสัมผัสกับอีกฝ่าย แต่ฉินอี๋ไม่มีท่าทีว่าจะวางมือลง ยังคงยื่นมืออยู่อย่างนั้น

เพราะอดีตอันแสนจะเลวร้ายนั้น ทำให้หลินยวนรู้สึกอึดอัด แต่ก็กลัวว่าในสถานการณ์แบบนี้อาจจะมีคนจากค่ายผู้พิทักษ์เทพคอยเฝ้ามองอยู่แถวนี้ สุดท้ายจึงค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสกับมือของฉินอี๋ เขาคิดว่าจะสัมผัสเพียงเล็กน้อยแล้วดึงมือกลับมา

แต่ฉินอี๋กลับไม่ได้ทำเหมือนอย่างที่ทำกับหลัวคังอัน เธอยังคงจับมือของเขาอยู่อย่างนั้น

ความจริงแล้ว มือของทั้งสองคนไม่ได้สัมผัสกันมานานหลายปีแล้ว พอได้กลับมาสัมผัสกันอีกครั้ง ในใจของฉินอี๋จึงสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย คล้ายว่าได้พบกับความรู้สึกคุ้นเคยที่หายไปนาน เธอจับมือเขาแน่น จ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาของเขาอย่างลึกซึ้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขอบคุณมากนะ”

หลินยวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ไม่เป็นไร”

หลัวคังอันที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “น้องหลินทำงานหนักจริงๆ ครับ ในฐานะที่เขาเป็นผู้ช่วย ครั้งนี้เขานับว่า… ” เดิมทีเขาคิดจะช่วยชมเชยหลินยวน อยากจะประจบเอาใจหลินยวน แต่เมื่อสายตาเขาลดลงไปมองที่มือของทั้งคู่ที่จับกันอยู่ เขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เห็นได้ชัดว่าหลินยวนพยายามจะดึงมือออก แต่ฉินอี๋กลับจับมือเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ในที่สุดหลินยวนจึงแอบใช้แรง ถึงได้ดึงมือออกมาได้

อะไรวะเนี่ย! หลัวคังอันพลันเบิกตากว้าง สายตากวาดมองฉินอี๋กับหลินยวนอย่างรวดเร็ว ตะโกนกรีดร้องอยู่ในใจ นี่มันหมายความว่ายังไง?

สีหน้าของเขาดูคล้ายว่าได้ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่เข้าให้แล้ว

ฉินอี๋เองก็สังเกตเห็นท่าทีตกใจของหลัวคังอันอย่างรวดเร็ว ถึงได้รู้ตัวว่าตนเองลืมตัวไปหน่อย

แต่ไม่มีใครที่จะเข้าใจสภาพจิตใจหลังผ่านพ้นวิกฤตของเธอในเวลานี้ได้ ประกอบกับเรื่องที่เธอเผยความในใจกับหลินยวนก่อนการประมูล เมื่อเห็นว่าหลินยวนกลับมาอย่างปลอดภัย เธอจึงต้องการระบายความรู้สึกเหล่านั้นออกมา ไม่อยากเก็บมันไว้อีก เพราะเธอเก็บมันมาสามร้อยปีแล้ว!

ถ้าไม่ใช่เพราะท่าทีที่ไม่ชัดเจนของหลินยวน สิ่งที่เธอต้องการทำในเวลานี้ไม่ใช่การจับมือ หากแต่เป็นการกอดสักครั้ง กอดแบบแน่นๆ สักครั้ง!

นี่คือความรู้สึกที่ยากจะสะกดเอาไว้ได้ แต่สุดท้ายเธอก็ยั้งใจเอาไว้ได้

แต่เธอไม่ได้รู้เลยว่าหลินยวนที่ถูกเธอจับมือแบบนี้ ภายในใจก็สั่นไหวขึ้นมาเช่นกัน

ฉินอี๋จ้องมองปฏิกิริยาของหลินยวน แล้วก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง “คุณหลัว หลิงซานเหลือเวลาให้เขาไม่มากแล้ว ฉันหวังว่าเขาจะเรียนจบจากหลิงซานได้อย่างราบรื่น หวังว่าคุณหลัวจะดูแลเขาให้มากขึ้น สอนเขาให้มากขึ้น และช่วยให้เขาจบการศึกษาจากหลิงซานได้นะคะ”

“อ้อๆๆ ได้…” หลัวคังอันพยักหน้าหงึกๆ หลงลืมความเจ็บปวดที่บั้นเอวไป แต่เพียงแวบเดียวเขาก็ผงะขึ้นมาอีกครั้ง พอหันไปมองหลินยวนก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เจ้านี่ยังจะต้องให้เขาสอนอะไรอีกเหรอ? แต่ปากของเขายังคงพูดไปว่า “ได้ครับ”

หลินยวนจ้องมองไปที่ฉินอี๋ด้วยใบหน้าเย็นชา เขาอยากถามจริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไร บ้าไปแล้วเหรอ?

ฉินอี๋ไม่ได้บ้า เพียงแต่เรื่องบางเรื่องนั้นถูกเก็บเอาไว้ในใจนานเกินไปเท่านั้น ครั้งก่อนที่เกิดเรื่องขึ้นในเมืองปู๋เชวี่ย ความสัมพันธ์ของเธอกับหลินยวนก็ถูกบางคนล่วงรู้เข้าแล้ว เธอรู้ดีว่าเรื่องบางเรื่องไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกเปิดเผย ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน

เธอทําเช่นนี้ก็เพื่อหยั่งเชิงดูท่าทีของหลินยวน เพื่อทำการพิจารณาสำหรับอนาคต

นอกจากนี้ยังมีเรื่องชู้สาวของหลัวคังอันที่วุ่นวาย เธอกลัวว่าหลัวคังอันจะทำให้หลินยวนเสียคน เลยถือโอกาสส่งสัญญาณบางอย่างไปเล็กน้อยเพื่อให้หลัวคังอันได้รู้ตัวบ้าง

แต่ในตอนนี้หลัวคังอันไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่สามารถควบคุมเขาสุ่มสี่สุ่มห้าได้อีกแล้ว

แต่แน่นอน ผลของการเปิดใจกับหลินยวนก่อนหน้านี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธออยากจะแสดงท่าทีเช่นนี้ออกไปด้วยเช่นกัน

ยิ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ใกล้จะเปิดเผย อารมณ์ที่แปรปรวนขึ้นมาเป็นครั้งคราวของเธอก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่บรรยากาศกำลังผิดปกติอย่างมากนี้ โทรศัพท์พลันดังขึ้นมา ไป๋หลิงหลงมีความรู้สึกเหมือนตื่นจากฝันร้าย เธอเองก็ตกใจกับการกระทำของฉินอี๋เช่นเดียวกัน

เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย หลังจากตอบกลับไปสองสามคำสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป รีบยื่นโทรศัพท์ให้ฉินอี๋แล้วกล่าวว่า “โทรศัพท์จากเลขาธิการซุนค่ะ”

ซุนฉีซั่งโทรมาเองหรือ? ฉินอี๋รีบดึงอารมณ์ออกมาจากเรื่องส่วนตัวของตัวเองทันที เธอหยิบโทรศัพท์แล้วรีบเดินไปรับสายอีกด้านหนึ่ง

จากนั้นครู่หนึ่ง ฉินอี๋ที่เก็บโทรศัพท์เรียบร้อยก็เดินกลับมา สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม จ้องมองไปที่หลัวคังอันแล้วพูดว่า “คุณหลัว ทางตำหนักคุนกว่างมีข้อท้วงติงต่อกระบวนการประมูลในครั้งนี้ เจ้าแคว้นบอกว่าให้พาคุณไปสอบถาม อีกประเดี๋ยวคนที่ทางท่านเจ้าแคว้นส่งมาก็น่าจะมาถึงค่ะ”

อารมณ์ของหลัวคังอันเองก็ถูกดึงออกมาจากบรรยากาศแปลกประหลาดเมื่อครู่นี้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ใจเขาเต้นตึกตักขึ้นมา ตอบกลับด้วยความประหลาดใจว่า “ท่านเจ้าแคว้นอยากพบผมอย่างนั้นหรือครับ?”

ฉินอี๋พยักหน้า “วางใจได้ค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่มีคนแพ้แล้วพาล กําลังสร้างปัญหาอยู่ หยิบเอาเรื่องแขนของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินที่มีปัญหาตอนเริ่มประมูลขึ้นมาทักท้วง บอกว่าหากมองในภาพรวมแล้ว ข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินของเรานั้นมีปัญหา จึงอยากพาคุณไปสอบถามต่อหน้าค่ะ”

…………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท