ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 141 อีกไม่นานเธอก็จะมาแล้วครับ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 141 อีกไม่นานเธอก็จะมาแล้วครับ

เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ภายในคฤหาสน์ตระกูลฉินก็ดูจะรับประทานอาหารเย็นกันแบบไม่ค่อยสบายใจเท่าไร ฉินเต้าเปียนกับหลิ่วจวินจวินกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่

ส่วนฉินอี๋กลับทานอาหารอย่างเงียบๆ เพียงแต่เมื่อดูจากท่าทางแล้วจะเห็นได้ชัดว่าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ท่าทางที่ค่อยๆ ทานอาหารอย่างเชื่องช้านั้นดูราวกับกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง

กระทั่งไป๋ซานเป้ารับโทรศัพท์แล้วแจ้งว่าทางผู้พิทักษ์เมืองหยุดทรมานพานชิ่งกับโจวหม่านเชาแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่เซียนทั้งสี่คนจากเมืองฝูปอและเมืองเทียนกู่ได้เข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ด้วย จู่ๆ ฉินอี๋พลันวางตะเกียบลง “ลั่วเทียนเหอไม่กล้าฆ่าพานชิ่งกับโจวหม่านเชาหรอกค่ะ ช้าเร็วก็คงปล่อยพวกเขาไป”

เสียงที่เอ่ยออกมาอย่างกะทันหันของเธอทำให้หลายๆ คนหันไปมองเธอ

ฉินอี๋คว้าแก้วน้ำมาดื่มให้ชุ่มคอ ก่อนจะวางแก้วลงแล้วหยิบผ้ามาเช็ดปากอีกครั้ง “หลิงหลง มีสองเรื่องที่ต้องจัดการเดี๋ยวนี้ อย่างแรกให้ติดต่อเซียงหลัวเซ่อกับกงหู่จ้าวทันที บอกว่าเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีกับทางตระกูลเซียงหลัวกับตระกูลกงหู่ ทางหอการค้าตระกูลฉินของเรายินดีตอบรับเงื่อนไขของโจวหม่านเชากับพานชิ่ง จากนั้นให้ติดต่อไปที่สวีเฉียน ช่วยนัดพบเขาให้ฉันหน่อย เหตุผลที่นัดพบคือฉันมีวิธีช่วยเขาพาพานชิ่งออกมาได้”

นี่มันบ้าอะไรกัน? ฉินเต้าเปียนกับหลิ่วจวินจวินต่างมองกันไปมา

ไป๋หลิงหลงที่ทานอาหารอยู่ที่โต๊ะด้วยกันก็วางตะเกียบลงเช่นกัน เธอไม่ค่อยเข้าใจคำสั่งข้อแรกเท่าไร จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ตอบรับเงื่อนไขของโจวหม่านเชากับพานชิ่งหรือคะ?”

ฉินอี๋กล่าว “ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ชัดเจน พวกเขาจะเข้าใจเอง แล้วเดี๋ยวจะติดต่อฉันมาเอง”

“ได้ค่ะ” ความสามารถในการทำงานของไป๋หลิงหลงถือว่าไว้ใจได้ เธอทำงานกับฉินอี๋มาหลายปี นับว่าประสานงานได้แบบรู้ใจกัน หลังจากตอบรับก็รีบออกไปทันที

ฉินเต้าเปียนถามว่า “ตอบรับเงื่อนไขของโจวหม่านเชากับพานชิ่ง? เสี่ยวอี๋ ลูกคิดจะทำอะไร?”

ฉินอี๋ไม่ได้อธิบายอะไร ลุกออกไปเช่นกัน

มุมปากของฉินเต้าเปียนกระตุกเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกโมโหขึ้นมา ตั้งแต่เขาหักขาของหลินยวนและไล่หลินยวนออกไปจากเมืองตอนนั้น ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกก็ได้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่เฉยชาเช่นนี้

เขาไม่เข้าใจ ฉันเป็นพ่อของเธอนะ หรือว่าฉันยังเทียบคนนอกตระกูลคนหนึ่งไม่ได้?

เขานับว่าเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าเมื่อลูกสาวโตขึ้นจะมีความคิดเป็นของตัวเอง เห็นขี้ดีกว่าไส้!

หลิ่วจวินจวินยื่นมือไปกดไหล่เขาเพื่อบอกว่าอย่าโกรธไปเลย “เสี่ยวอี๋เป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเอง เธอไม่มีทางทำให้พวกเราผิดหวังหรอกค่ะ การที่เธอทำแบบนี้ แสดงว่าภายในใจจะต้องรู้ดีว่าจะทำอะไร”

อันที่จริงฉินเต้าเปียนก็มองออกเช่นกันว่าลูกสาวจะต้องมีกลยุทธ์เด็ดๆ อะไรเป็นแน่ แต่เขาไม่พอใจท่าทีของเธอ เพราะไอ้ผู้ชายคนนอกนั่นถึงกับโกรธเขามานานหลายปีขนาดนี้ นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

ลูกสาวคือแก้วตาดวงใจของเขา เขามีความรู้สึกเหมือนลูกสาวกำลังจะถูกคนอื่นแย่งไป โดยเฉพาะลูกสาวที่อบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีขนาดนี้ เขาจะยกให้พวกขยะไร้ความสามารถได้อย่างไร?

ยิ่งลูกสาวเป็นแบบนี้ เขาก็ยิ่งเกลียดขี้หน้าหลินยวน

หลิ่วจวินจวินหันหน้าไปยิ้มกับไป๋ซานเป้า “เหล่าไป๋ พักทานข้าวก่อนเถอะ อาหารเย็นหมดแล้ว”

“อ้อ ได้ครับ” ไป๋ซานเป้ายกตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะชำเลืองมองฉินเต้าเปียนที่หยิบแก้วไวน์ขึ้นมากรอกพรวดเข้าปาก ภายในใจเองก็แอบยิ้มแห้งๆ อยู่เช่นกัน

ในตอนที่ภายในบ้านไม่มีคนนอก ฉินเต้าเปียน หลิ่วจวินจวิน ฉินอี๋ ไป๋ซานเป้า และไป๋หลิงหลงห้าคนนี้มักจะรับประทานอาหารด้วยกันเป็นประจำ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน

……

ณ บ้านตระกูลกวน หลินยวนก็กำลังรับประทานอาหารอยู่เช่นเดียวกัน เขามาที่บ้านตระกูลกวนอีกครั้งเ พราะไม่รู้จะปฏิเสธคำเชิญอย่างไรดี!

หลินยวนพยายามหลีกเลี่ยงอย่างสุดความสามารถแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบตระกูลกวน อันที่จริงเขาค่อนข้างที่จะชอบไปทานข้าวที่บ้านตระกูลกวนด้วยซ้ำ เพราะมีแต่ตอนอยู่ที่บ้านตระกูลกวนเท่านั้น เขาถึงจะรู้สึกถึงความเป็นบ้าน ทว่าเรื่องราวหลายอย่างไม่สามารถใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาจัดการได้ เขาจำเป็นต้องอดทน

แต่ครั้งนี้เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องโทษที่กวนเสี่ยวชิงปากมาก

กวนเสี่ยวชิงบอกเถาฮวาแม่ของเธอว่าหลินยวนเข้าร่วมการประมูลของหอการค้าตระกูลฉิน แล้วยังบอกอีกว่าหลังจากกลับมาหอการค้าตระกูลฉินให้หลินยวนหยุดพักระยะหนึ่งด้วย

คราวนี้หลินยวนจึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างว่าไม่ว่างหรือมีธุระได้อีก ทุกครั้งที่เถาฮวาให้กวนเสี่ยวไป๋เรียกหลินยวนมาทานข้าว กวนเสี่ยวไป๋มักจะใช้ข้ออ้างต่างๆ เพื่อบ่ายเบี่ยง แต่ครั้งนี้เถาฮวาไม่ฟัง ตอนที่เถาฮวากำลังเลือกซื้อของอยู่ในเมือง เธอได้ถือโอกาสนี้แวะไปที่โรงอีหลิวด้วยตัวเอง ดักเจอหลินยวนที่กำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรอยู่ที่โรงอีหลิวพอดี

ปกติหลินยวนเองก็ไม่มีที่อื่นให้ไปเช่นกัน ส่วนใหญ่เขาจะเก็บตัวอยู่แต่ในโรงอีหลิวไม่ออกไปไหน น้อยครั้งนักที่เขาจะพบปะกับคนภายนอก

หลินยวนไม่เหมือนหลัวคังอัน หลัวคังอันนั้นชอบดื่มด่ำไปกับแสงสีเสียง ดั่งคำที่กล่าวว่าให้สนุกกับการใช้ชีวิต แต่หลินยวนเป็นประเภทที่ถ้ามีเวลาก็จะรีบเอาเวลานั้นมาฟื้นฟูสภาวะที่สูญเสียไปของตนเอง โดยเฉพาะหลังจากที่รู้สึกได้ว่า “โจ๊ก” ของจางเลี่ยเฉินมีผลต่อการฟื้นฟูสภาวะของเขาเป็นอย่างมาก

สำหรับเขาแล้ว หากสภาวะไม่เพียงพอ มันก็จะส่งผลกระทบต่อเขาในหลายๆ เรื่อง และหลายๆ เรื่องเขาก็ไม่กล้าจัดการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเข้าไปพัวพันกับเรื่องเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน

บนโต๊ะอาหาร กวนเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไร ส่วนกวนเสี่ยวชิงก็หัวเราะคิกคักแสดงความยินดีกับหลินยวน เพราะเธอรู้ว่าครั้งนี้หอการค้าตระกูลฉินได้มอบรางวัลเป็นเงินหนึ่งล้านมุกให้แก่เขา

เงินหนึ่งล้านมุกคือรางวัลต่ำสุดที่ผู้เข้าร่วมประมูลครั้งนี้จะได้รับ ซึ่งบางคนก็ได้มากกว่านี้ กลับเป็นรางวัลของหลัวคังอันที่จนถึงตอนนี้กวนเสี่ยวชิงก็ยังไม่รู้ว่าหอการค้าจะให้อะไร

หนึ่งล้านมุกเชียวนะ! เถาฮวาทั้งตื่นตกใจและดีใจ ชื่นชมหลินยวนไม่ขาดปาก กล่าวว่าหลินยวนเป็นคนมีความสามารถอะไรต่างๆ นานา แล้วก็ถามอีกว่าต้องการให้เธอช่วยหาที่อยู่ให้ไหม เพราะเธอคิดว่าจางเลี่ยเฉินนั้นขี้งกกินไป

หลินยวนปฏิเสธไป หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะย้ายออกจากโรงอีหลิว ทว่าตอนนี้เขารับรู้ได้ถึงประสิทธิภาพของ ‘โจ๊ก’ ของจางเลี่ยเฉินแล้ว ตอนนี้เขาจึงยังไม่อยากไปไหน

เมื่อพูดคุยถึงช่วงหลัง เถาฮวาที่มองหลินยวนเป็นเสมือนลูกชายคนหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องคู่ครองของหลินยวน “เสี่ยวหลิน เมื่อไหร่จะพาแฟนเธอที่อยู่เมืองหลวงคนนั้นมาเจอฉันสักทีล่ะ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กวนเสี่ยวชิงหัวเราะไม่ออก นิ่งเงียบไปทันที ครั้งที่แล้วเรื่องนี้ทำให้เธอต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก เธอเลยกังวลว่าแม่จะจับคู่เธอกับหลินยวนอีกครั้ง

งานของเธอในหอการค้าตระกูลฉินตอนนี้กำลังไปได้ดี แล้วก็มีหน้ามีตาอย่างมาก เธอไม่อยากเสียงานนี้ไป เธอรับปากไป๋หลิงหลงไปแล้วว่าจะไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพนักงานในหอการค้าตระกูลฉินและหลินยวนอีก

กวนเสี่ยวไป๋พูดแทรกขึ้นมาว่า “แม่ เรื่องของเสี่ยวหลินก็ให้เขาจัดการเองเถอะ ทำไมแม่ต้องเอาแต่เร่งเขาด้วย?”

เถาฮวาถลึงตามอง “แกจะไปรู้อะไร? มีแต่ผู้หญิงด้วยกันเท่านั้นแหละถึงจะดูออก ฉันกลัวว่าเสี่ยวหลินจะโดนหลอก ก็เลยจะช่วยเขาดูในฐานะผู้ใหญ่ไม่ได้หรือไง?”

“…” กวนเสี่ยวไป๋หมดคำจะพูด เขากลัวเธอแล้ว ปล่อยไป ไม่พูดอะไรอีก

เถาฮวามองไปที่หลินยวนด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง รอคอยคำตอบ

หลินยวนกำลังครุ่นคิดอยู่ภายในใจ หลังนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ใกล้แล้วล่ะครับคุณป้า อีกไม่นานเธอก็จะมาแล้วครับ ไว้มาแล้วผมจะพามาให้คุณป้าเจอนะครับ”

ทว่าเถาฮวาไม่ยอมรามือ “อีกไม่นานนี่นานเท่าไรเหรอ หนึ่งปีก็ว่าไม่นาน สองปีก็บอกว่าไม่นานได้เหมือนกัน”

กวนเสี่ยวไป๋ไม่รู้จะว่าแม่ของตนอย่างไรดี อึกอักลังเลคล้ายอยากพูดอะไร

หลินยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ไม่นานผมคุยกับเธอ เธออยากจะมาที่นี่พอดีครับ อีกประมาณครึ่งเดือนก็น่าจะมาแล้วครับ”

ครั้งนี้เขาบอกเวลาที่แน่ชัดออกไป ทั้งสามคนในครอบครัวตระกูลกวนต่างจ้องมาที่เขา

กวนเสี่ยวไป๋แอบประหลาดใจ นี่เขามีแฟนจริงเหรอเนี่ย?

ส่วนกวนเสี่ยวชิงก็ตกใจเช่นเดียวกัน เธออยากเห็นเหมือนกันว่าแฟนของหลินยวนจะหน้าตาเป็นอย่างไร?

เถาฮวาร้องอ้อๆ “ดีๆๆ แล้วฉันจะรอนะ กินข้าวกันเถอะ นี่มีแต่อาหารที่เธอชอบทั้งนั้นเลยนะ” ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจกลับลอบถอนใจ

จริงๆ แล้วในใจเธอยังคงแอบหวังจะจับคู่ลูกสาวกับหลินยวนอยู่ เธอรู้ดีว่าเขาไว้ใจได้ อีกทั้งหน้าที่การงานของหลินยวนก็ไม่เลวเช่นกัน บวกกับความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวแล้ว ไม่ว่าอย่างไรหลินยวนก็ไม่น่าจะรังแกลูกสาวของตน อายุขัยของเธอเหลือไม่มากแล้ว หากยังไม่จัดการชีวิตของลูกสาวให้ดีเธอคงจะต้องรู้สึกปวดใจเป็นแน่

หลินยวนวางตะเกียบลงด้วยรอยยิ้ม อยู่ที่นี่กับที่อื่นไม่เหมือนกัน เขายิ้มน้อยมากตอนอยู่ที่อื่น ส่วนใหญ่มักจะนิ่งเฉยไม่หัวเราะพูดจา

ใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าภายในใจกลับพะวงไปถึงฉินอี๋โดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าหลังคนจากเมืองหลวงมาถึงแล้ว หากฉินอี๋รู้เข้าจะเป็นอย่างไร?

แต่หนึ่งในสาเหตุที่เขาให้คนจากเมืองหลวงมาที่นี่ก็เพื่อจะแก้ไขปัญหาเรื่องฉินอี๋ บางทีมันอาจจะทำให้เรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนบางเรื่องมีความชัดเจนขึ้นมาหน่อยก็ได้

อีกอย่างคือเถาฮวาเอาแต่บอกว่าอยากเจอ ทำให้เขาบอกปัดได้ลำบาก นอกจากนี้ตัวคนจากเมืองหลวงคนนั้นก็อยากจะมาหาเขาที่นี่ด้วยเช่นกัน

……

ในตำหนักคุนกว่าง เจ้าแคว้นหนานหรูกำลังยืนอยู่หน้าฉากแสง และภายในฉากแสงก็มีชายรูปร่างกำยำยืนอยู่คนหนึ่ง นั่นคือเยี่ยนเย่ ทูตซ้ายของกลุ่มดาวโต่ว

หลังจากเยี่ยนเย่ซักไซ้ไล่ถาม หนานหรูก็พยักหน้า “จากที่ผมทราบมา มีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ ครับ”

เยี่ยนเย่กล่าวเสียงขรึม “เหลวไหล เรื่องเล่นสกปรกกับเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินมันไม่มีหลักฐาน ลั่วเทียนเหอมีสิทธิ์อะไรไปจับตัวคนมา? กฎของดินแดนเซียนอยู่ไหนกัน รีบสั่งให้ลั่วเทียนเหอปล่อยพวกเขาเดี๋ยวนี้!”

หนานหรูกล่าว “จากที่ผมทราบมา ที่ลั่วเทียนเหอจับคนไปไม่ใช่เพราะเรื่องเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน หากแต่เป็นเพราะพานชิ่งกับโจวหม่านเชากล้าดูหมิ่นเหยียดหยามลั่วเทียนเหอต่อหน้าคนจำนวนมากต่างหาก การที่พ่อค้าแค่สองคนกล้าทำให้เจ้าหน้าที่ของสภาเซียนเสียเกียรติต่อหน้าคนอื่น ยอกย้อนเจ้าเมืองที่คอยดูแลชีวิตผู้คนจำนวนมาก นี่เรียกได้ว่าโอหังอวดดี ไม่เห็นกฎระเบียบใดๆ อยู่ในสายตา จะจัดการอย่างไรก็ไม่ถือว่าเกินไปหรอกครับ!”

ใบหน้าของเยี่ยนเย่คร่ำเคร่งขึ้นมา “หนานหรู เรื่องบางเรื่องนายกับฉันต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ ดูหมิ่นเหยียดหยามต่อหน้าคนอื่นอะไรนั่นคงไม่พ้นเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น นี่ถือว่าพวกเราคุยกันส่วนตัวแล้วกัน ฉันเองก็ไม่อยากทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ นายฟังฉันนะ ถือว่าฉันเตือนนายแล้วกัน ให้ลั่วเทียนเหอรีบปล่อยพวกเขาซะ อย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายมากไปกว่านี้ ถ้าโจวหม่านเชากับพานชิ่งไม่เป็นอะไรก็ดีไป แต่ถ้าพวกเขาเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็ กฎหมายดินแดนเซียนไม่มีทางละเว้นนายแน่ ถึงตอนนั้นเหนียงเหนียงก็คงจะทรงไม่พอพระทัยเช่นกัน”

หนานหรูกล่าว “หากท่านทูตซ้ายคิดว่าเป็นข้ออ้าง แบบนั้นก็ได้ครับ ตอนนี้เรายังไม่ต้องไปพูดถึงว่านี่เป็นข้ออ้างหรือไม่ เอาเป็นว่าในเมื่อท่านทูตซ้ายอุตส่าห์พูดเปิดอกเช่นนี้แล้ว หนานหรูเองก็คงไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมเช่นกัน ขอบังอาจถามท่านทูตซ้ายว่าเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินที่เข้าร่วมการประมูลของสภาเซียนถูกคนเล่นสกปรก มีคนเหิมเกริมกล้าสอดมือเข้าไปในค่ายผู้พิทักษ์เทพ นี่เป็นฝีมือใครเหรอครับ?”

เยี่ยนเย่กล่าว “ไม่มีหลักฐาน ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นคนทำ”

หนานหรูเอ่ยว่า “ทุกคนล้วนทราบดี เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นฝีมือหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจว ส่วนเรื่องหลักฐานอะไรนั่น เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องใช้หลักฐานด้วยหรือครับ? หากไม่มีหลักฐานก็จะปล่อยให้คนเหล่านั้นกระทำตัวเหิมเกริมอวดดีได้หรือครับ? เรื่องนี้ไม่สามารถปิดบังคนมีปัญญาได้หรอกครับ สภาเซียนกำลังจับตาดูอยู่ คนมีปัญญาทั่วทั้งดินแดนเซียนล้วนกำลังจับตาดูอยู่”

“เป็นแค่พ่อค้าสองคน กลับกล้าสอดมือเข้ามายุ่งในค่ายผู้พิทักษ์เทพ ขอเพียงไม่มีหลักฐานก็สามารถลอยนวลได้ หากปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ต่อไปถ้าทุกคนพากันเลียนแบบเรื่องนี้จะทำอย่างไร? ไม่รู้ว่าเหล่าเทพจะเป็นกังวลในเรื่องนี้หรือไม่? ท่านทูตซ้ายคิดว่าเบื้องบนจะยอมปล่อยเรื่องเลวร้ายแบบนี้ไปเหรอครับ? หากครั้งนี้ปล่อยให้หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวรอดตัวไปโดยไม่เป็นอะไร คนที่ขายหน้าจะเป็นใครครับ?”

“ครั้งนี้ลั่วเทียนเหอกล่าวหาว่าพานชิ่งกับโจวหม่านเชายอกย้อนดูหมิ่นทำให้เสื่อมเสียเกียรติ อีกทั้งเขายังมีพยานด้วย ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร แต่การที่ท่านทูตซ้ายมาสั่งให้ปล่อยคนไปทั้งๆ ที่ความจริงของเรื่องมันยังไม่กระจ่าง แบบนี้มันเหมาะสมจริงๆ หรือครับ? หากท่านทูตซ้ายยืนกรานจะให้ผมทำแบบนั้น ผมย่อมต้องเห็นแก่หน้าท่านทูตซ้ายอยู่แล้ว แต่ท่านทูตซ้ายอยากจะทำแบบนี้จริงๆ หรือครับ? ถ้าตระกูลกงหู่กับตระกูลเซียงหลัวล้วนนิ่งเฉย หรือว่าท่านทูตซ้ายจะกระโดดเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ทั้งๆ ที่สภาเซียนหรือว่าฝ่าบาทกำลังจับตาดูอยู่เหรอครับ? แบบนี้ดีจริงๆ แล้วใช่ไหมครับ?”

“ถ้าหากลั่วเทียนเหอโยนความผิดให้คนอื่นจริงๆ เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับอำนาจของทั้งสองตระกูล แล้วทำไมลั่วเทียนเหอถึงกล้าทำเรื่องแบบนี้ล่ะครับ? ลั่วเทียนเหอเป็นคนหัวโบราณ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ข้อบังคับอย่างเคร่งครัด แต่นี่เขากลับกล้าทำเรื่องแบบนี้ เบื้องหลังของเรื่องนี้มันเป็นอย่างไร มันไม่น่าครุ่นคิดดูเสียหน่อยหรือครับ? ขอท่านทูตซ้ายโปรดทบทวนด้วย!”

ใบหน้าของเยี่ยนเย่คร่ำเคร่ง ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก แววตาวูบไหวไปมา

……………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท