ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 147 ข่าวลือ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 147 ข่าวลือ

วันถัดมา จูเก่อม่านไปทำงานตามปกติ หลังจากมาถึงหอการค้าตระกูลฉินก็พยายามทำตัวเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับสายตาต่างๆ ด้วย

ความมั่นใจที่มอบให้แก่ตัวเองคือเรื่องที่ท่านประธานรู้ว่าตนเองไม่ได้เป็นคนทำผิด

แต่เธอก็พบว่าสีหน้าท่าทางของเพื่อนร่วมงานดูแปลกไปอีกแล้ว เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

กระทั่งเธอถูกหัวหน้าเรียกไปปลอบใจ บอกให้เธอไม่ต้องไปสนใจเสียงนกเสียงกาอะไรพวกนั้น พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เธอถึงได้รู้ว่าเมื่อวานช่วงบ่ายที่เธอลาหยุด ไป๋หลิงหลงที่เป็นผู้ช่วยของท่านประธานรู้สึกไม่พอใจ เพราะเธอไปพบผู้หญิงสองคนที่กำลังจับกลุ่มนินทาไม่ยอมทำงานโดยบังเอิญ จึงถามทั้งสองคนนั้นว่าอยู่แผนกไหน

ผู้หญิงสองคนนั้นถูกหอการค้าตระกูลฉินไล่ออกทันที

ในที่สุดจูเก่อม่านก็เข้าใจแล้วว่าทำไมสีหน้าท่าทางของทุกคนถึงได้เปลี่ยนไป ที่แท้เบื้องบนได้ลงมือตอบโต้ข่าวลือเหล่านี้แล้ว เชือดไก่ให้ลิงดู!

ไป๋หลิงหลงลงมือจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง นี่ทำให้จูเก่อม่านยิ่งเข้าใจผิดมากกว่าเดิม ดูเหมือนหลัวคังอันจะเป็นแพะรับบาปให้กับทางท่านประธานจริงๆ เป็นตัวเองที่ใส่ความหลัวคังอันจริงๆ เธอแอบต่อว่าตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อหลัวคังอันอย่างมาก

แต่ก็เป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้เธอยิ่งรู้สึกมั่นใจ สงบสติอารมณ์ทำงานไปตามปกติ ทำในสิ่งที่ตัวเองสมควรทำ

เรื่องบางเรื่องนั้นเป็นเพราะว่าตัวเองคิดไม่ตก เพราะทันทีที่คิดตก ความจริงแล้วมันก็ไม่มีอะไร

…..

การตระเวนแสดงจบลงไปอย่างเงียบๆ การประมูลเทพมหาวิญญาณรอบที่สองเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว หอการค้าตระกูลฉินผ่านการทดสอบไปตั้งแต่รอบแรกแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประมูลในรอบที่สอง ตอนนี้กำลังรอคอยผู้มาท้าชิง

หอการค้าที่ลงชื่อเข้าร่วมการประมูลในรอบที่สองนั้นน้อยกว่าการประมูลรอบแรกอย่างมาก หอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานถอนตัวออกไปแล้ว หอการค้าที่มาเป็นผู้ช่วยเหล่านั้นก็ถอนตัวไปแล้วเช่นกัน เหลือเพียงหอการค้าตระกูลฉวี่ หอการค้าตระกูลอู หอการค้าตระกูลเผย หอการค้าตระกูลสือและหอการค้าตระกูลจิ้นห้าแห่งนี้เท่านั้นที่ลงชื่อเข้าร่วมการประมูล

ในช่วงเวลานี้หอการค้าตระกูลฉินต้องเผชิญกับความกดดันไม่น้อย มีหลายตระกูลที่บ้างก็แอบติดต่อมาอย่างเงียบๆ บ้างก็ติดต่อมาอย่างเปิดเผย ทั้งใช้อำนาจมากดดันและใช้ผลประโยชน์มาล่อลวง ด้วยหวังว่าหอการค้าตระกูลฉินจะยอมบอกวิธีในการสร้างข่ายพลังขึ้นมาหรือไม่ก็ยอมร่วมมือกัน

โชคดีที่เหลือเวลาเพียงไม่นานก็จะต้องลงชื่อเพื่อเข้าร่วมการประมูลในรอบที่สอง อีกทั้งเมืองปู๋เชวี่ยนั้นมีลั่วเทียนเหอที่มีสถานะไม่ธรรมดาคอยปกครองอยู่ ตระกูลบางตระกูลหลังจากที่กดดันหรือล่อลวงไม่ได้ผลก็ได้แต่ต้องล้มเลิกความตั้งใจไป แล้วก็ไม่กล้าก่อความวุ่นวายโดยไม่มีการเตรียมตัวอะไรในเมืองปู๋เชวี่ยง่ายๆ

…..

ภายในบ้านต้นไม้ที่อยู่เยื้องๆ กับโรงอีหลิวมีร้านค้าร้านใหม่เปิดขึ้นมา เดิมทีตรงนั้นเป็นร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง ตอนนี้ได้ถูกคนซื้อไปแล้ว

เหยียนฝูรวบผมขึ้น ใบหน้าถือว่าค่อนข้างหล่อเหลา โดยเฉพาะแววตาที่ดูน่าสงสารเล็กน้อยคู่นั้นค่อนข้างดึงดูดลูกค้าผู้หญิงได้ดีทีเดียว เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ไม่ได้โละเอาเสื้อผ้าผู้หญิงทิ้งไปแล้วเปลี่ยนเป็นร้านขายเสื้อผ้าผู้ชาย

หลังจากส่งลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งออกจากร้านไป เซี่ยงเต๋อเฉิงก็รีบเดินเข้ามา ส่งสายตาให้กับทางเหยียนฝูเล็กน้อย เหยียนฝูรีบเดินตามขึ้นไปด้านบน

จากนั้นปิดประตูเพื่อพูดคุยกันอย่างลับๆ เซี่ยงเต๋อเฉิงกล่าวว่า “สืบมาได้แล้ว ช่วงนี้ที่เขาเอาแต่อยู่ในโรงอีหลิวไม่ยอมออกมา เป็นเพราะว่าหอการค้าตระกูลฉินให้เขาหยุดพักผ่อน”

เหยียนฝูพยักหน้า “มิน่าล่ะ”

เซี่ยงเต๋อเฉิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอีกว่า “ผมยังสืบอีกเรื่องหนึ่งมาได้”

เหยียนฝูกล่าว “นายกับฉันเป็นพี่น้องกัน มีอะไรต้องปิดบังกันล่ะ ว่ามา”

เซี่ยงเต๋อเฉิงเอ่ยว่า “พานชิ่งที่เป็นประธานหอการค้าตระกูลพานถูกเมืองปู๋เชวี่ยจับตัวเอาไว้ แล้วก็ยังมีประธานของหอการค้าตระกูลโจวด้วย ได้ยินว่าถูกขังเอาไว้หลายวันแล้ว”

เหยียนฝูตะลึงไปเล็กน้อย “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?”

สำหรับคนบางคนแล้ว เรื่องที่คนอื่นสามารถรู้ได้ในทันที สำหรับพวกเขาแล้วกลับเป็นได้แค่เพียงข่าวที่มาช้า

เซี่ยงเต๋อเฉิงกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาพูดจายอกย้อนเจ้าเมืองลั่วเทียนเหอ”

“อย่างนี้นี่เอง…” เหยียนฝูกล่าวพึมพำพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย

เซี่ยงเต๋อเฉิงเอ่ยอย่างลังเลว่า “พี่ใหญ่ ตอนนี้พานชิ่งถูกจับไปแล้ว ได้ยินว่าลั่วเทียนเหอไม่มีทางปล่อยพวกเขา เรื่องที่จะช่วยลูกสาวเขายังจะทำต่อหรือเปล่า? กลัวว่าต่อให้พวกเราทำสำเร็จแล้ว ถึงตอนนั้นก็คงไม่ได้เงินค่าไถ่อยู่ดี”

เหยียนฝูกล่าวอย่างสุขุมเยือกเย็นว่า “จะหยุดกลางคันได้ยังไง? นายคิดมากไปแล้ว ลั่วเทียนเหอเป็นใคร ใครนึกจะยอกย้อนก็ยอกย้อนได้เหรอ? ในเมื่อพวกเขากล้าทำ แสดงว่าพวกเขาต้องมีความมั่นใจอยู่ เมื่อมีสองตระกูลใหญ่คอยหนุนหลัง ช้าเร็วลั่วเทียนเหอก็ต้องปล่อยคนออกมา ต่อให้พานชิ่งกลับมาไม่ได้ หอการค้าตระกูลพานก็ยังเป็นของตระกูลพานอยู่ดี หอการค้าตระกูลพานยังมีพี่สาวสองคนของพานหลิงอวิ๋นอยู่ แล้วพวกเธอจะปล่อยให้น้องสาวของพวกเธอตายได้เหรอ? เงินค่าไถ่ยังไงก็ต้องให้แน่”

“ยิ่งกว่านั้นนายไม่เห็นเหรอ? เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ คนที่มาที่นี่ด้วยเป้าหมายเดียวกับพวกเราส่วนใหญ่แทบจะถอนตัวกันไปหมดแล้ว พวกเราไม่มีคู่แข่งแล้ว แบบนี้เราก็ยิ่งสะดวกขึ้น อาเฉิง โอกาสมีไว้ให้คนที่เตรียมพร้อมนะ”

เซี่ยงเต๋อเฉิงฟังแล้วพยักหน้าหงึกๆ “พี่ใหญ่ปราดเปรื่อง ผมเชื่อพี่”

……

คฤหาสน์ตระกูลเผิงมีแขกมาเยือน ทันทีที่หญิงสาวที่แต่งตัวงดงามเยื้องย่างกรีดกรายผู้หนึ่งได้พบโจวหม่านอวี้ เธอก็รีบเข้าไปคล้องแขนโจวหม่านอวี้เอาไว้ทันที ดูใกล้ชิดสนิทสนมเป็นอย่างมาก “น้องหม่านอวี้ หลายวันนี้เรียกเธอออกมาเที่ยวก็ไม่เห็นเธอออกมาเลย”

ผู้หญิงคนนี้ชื่อฉวีเซียนเซียน ถือเป็นเพื่อนที่มักจะเที่ยวเล่นกันโจวหม่านอวี้อยู่บ่อยๆ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวหม่านอวี้ก็ถอนใจออกมา ดึงแขนของเธอไปที่โต๊ะน้ำชาแล้วนั่งลง “หอการค้าตระกูลโจวเกิดเรื่องนิดหน่อย ไหนเลยจะมีอารมณ์ออกไปเที่ยวได้”

อุดอู้อยู่ในบ้านมาหลายวัน เธอเองก็อยากจะออกไปเที่ยว ทว่าลูกชายของเธอเตือนเอาไว้ว่าช่วงนี้ไม่เหมาะที่จะออกไปเที่ยว เธอเองก็รู้เช่นกันว่าไม่เหมาะ จึงได้แต่ต้องทนอยู่ในบ้าน

“เรื่องประธานโจวน่ะเหรอ?” ฉวีเซียนเซียนลองเอ่ยถาม

โจวหม่านอวี้พยักหน้าเล็กน้อย

กระทั่งคนที่ยกน้ำชาเข้ามาถอยออกไป ฉวีเซียนเซียนถึงจะโน้มตัวข้ามโต๊ะชาไปหาโจวหม่านอวี้ เอ่ยกระซิบเบาๆ ว่า “เรื่องนี้ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้ นี่ฉันไปได้ยินข่าวลือบางอย่างมา กลัวว่าจะไม่เป็นผลดีต่อลูกชายของเธอ น้องหม่านอวี้ต้องระวังเอาไว้หน่อยนะ”

ไม่เป็นผลดีต่อลูกชายของตัวเอง? โจวหม่านอวี้ผงะไปเล็กน้อย รีบเอ่ยถามว่า “ข่าวลืออะไรเหรอ?”

ฉวีเซียนเซียนกวาดตามองไปรอบๆ ท่าทางอึกอักคล้ายอยากพูดอะไร สุดท้ายส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ข่าวลือมันไม่น่าเชื่อสักเท่าไร เรื่องบางเรื่องฉันเองก็ไม่ควรพูดมาก น้องหม่านอวี้ก็คิดซะว่าฉันไม่เคยพูดอะไรแล้วกัน”

เมื่อเห็นเช่นนี้ โจวหม่านอวี้จึงโบกมือไปทางสาวใช้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเล็กน้อย “พวกเธอถอยออกไปก่อน ถ้าฉันไม่ได้เรียก ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา”

“ค่ะ” สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกประตูรับคำสั่ง รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

เวลานี้โจวหม่านอวี้ถึงจะเอ่ยออกมาว่า “พี่ฉวี พวกเรารู้จักกันมานานหลายปี มีอะไรที่พูดตรงๆ กันไม่ได้ล่ะ? พี่พูดมาเลย! ถ้ามีเรื่องอะไรที่ฉันป้องกันได้ล่วงหน้าจริงๆ ล่ะก็ ฉันต้องมีคำขอบคุณให้พี่แน่!”

คำว่า ‘คำขอบคุณ’ นี้ทำให้ฉวีเซียนเซียนตาเป็นประกาย คล้ายรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา สีหน้าเองก็ดูลังเลขึ้นมาจริงๆ รู้ว่าทันทีที่ตนเองเอ่ยปากออกไปมันหมายความว่าอะไร แต่เธอไม่มีทางเลือก!

โจวหม่านอวี้เอ่ยออกมาอีกว่า “ฉันเคยหลอกพี่ด้วยเหรอ? ฉันพูดคำไหนคำนั้น!”

ฉวีเซียนเซียนตัดสินใจได้แล้ว เธอมองไปด้านนอกเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเบาๆ ว่า “เรื่องนี้เธอห้ามเอาไปบอกคนอื่นนะว่าฉันเป็นคนพูด ไม่อย่างนั้นประธานโจวไม่มีทางปล่อยฉันแน่”

เรื่องอะไรถึงทำให้พี่ชายไม่มีทางปล่อยเธอ? โจวหม่านอวี้ยิ่งรู้สึกสงสัย รีบกล่าวทันทีว่า “ฉันสาบาน ถ้าฉันหักหลังพี่ ขอให้ฉันไม่ตายดี! แบบนี้พี่คงวางใจได้แล้วใช่ไหม? ว่ามาพี่ ข่าวลืออะไร?”

ฉวีเซียนเซียนมองไปด้านนอกประตูอีกครั้ง โน้มตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย กระซิบเบาๆ ว่า “ได้ยินมาว่าโจวหม่านเชาพี่ชายของเธอมีลูกลับๆ อยู่ข้างนอกอีกคนหนึ่ง!”

“อะไรนะ?” โจวหม่านอวี้ตกใจเป็นอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่าฉวีเซียนเซียนถูกเสียงตะโกนของเธอทำให้ตกใจ รีบโบกมือบอกให้เธอระวังหน่อย “น้องหม่านอวี้ จะให้คนอื่นได้ยินไม่ได้นะ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป แล้วเรื่องนี้มันดันเป็นเรื่องจริง อิทธิพลของลูกลับๆ คนนั้นไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ ตระกูลเผิงของเธออาจจะซวยกันทั้งบ้านได้นะ!”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายว่ามาแบบนี้ โจวหม่านอวี้จึงรีบซักไซ้อย่างลุกลี้ลุกลนทันที “พี่รู้ไหมว่าลูกลับๆ คนนั้นเป็นใคร?”

ฉวีเซียนเซียนกล่าวเสียงแผ่วเบา “ได้ยินว่าพี่ชายของเธอแอบมีลูกกับผู้หญิงที่ชื่อหานชิงเอ๋อร์คนนั้น ลูกคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น เมิ่งซู่ที่เป็นผู้ช่วยของพี่ชายเธอคนนั้นยังไงล่ะ หลังหานชิงเอ๋อร์คลอดลูกออกมา เธอก็เอาลูกไปฝากเลี้ยงไว้ที่อื่น พอเมิ่งซู่โตขึ้นก็ให้เข้ามาทำงานในหอการค้าตระกูลโจว ถูกพี่ชายของเธอเอามาฟูมฟักเลี้ยงดูอย่างลับๆ อยู่ข้างกาย เตรียมจะให้เป็นผู้สืบทอดกิจการ!”

โจวหม่านอวี้ตกตะลึง ไม่ใช่ตกตะลึงธรรมดา หากแต่ตกตะลึงอย่างมาก สายตาวูบไหวไปมาไม่นิ่ง ก่อนหน้านี้ก็คิดอยู่แล้วเชียวว่ามันแปลกๆ ไม่รู้ว่าทำไมโจวหม่านเชาถึงต้องเปลี่ยนตัวผู้ช่วย ทำไมถึงเอาเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาเป็นผู้ช่วย ได้ยินลูกชายของตัวเองบอกว่าความสามารถของเมิ่งซู่คนนั้นก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่กลับได้รับความไว้วางใจจากโจวหม่านเชาอย่างมาก

เรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจ ตอนนี้คล้ายจะมีคำตอบแล้ว

โจวหม่านอวี้รีบถามทันที “พี่ฉวี พี่ไปฟังข่าวลือนี้มาจากไหน?” เห็นได้ชัดว่าเธออยากจะสืบดูเสียหน่อย

ฉวีเซียนเซียนเบิกตาโตพร้อมเอ่ยว่า “น้องหม่านอวี้ เดิมทีฉันไม่ควรพูดเรื่องนี้ ฉันแค่เตือนเธอด้วยความหวังดีเท่านั้น ส่วนใครเป็นคนพูดเรื่องนี้ให้ฉันฟัง ฉันจะไปลากเขาเข้ามาเกี่ยวข้องได้ยังไงล่ะ เรื่องแบบนี้เนี่ยนะ ถ้าเธอเชื่อก็ป้องกันเอาไว้ ถ้าไม่เชื่อก็ปล่อยผ่านไป ข่าวลือจะเอามาคิดเป็นจริงเป็นจังไม่ได้ ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดอะไร น้องหม่านอวี้ เรื่องนี้เธอห้ามไปบอกคนอื่นนะว่าฉันเป็นคนพูด ไม่อย่างนั้นพี่ชายของเธอไม่มีทางปล่อยฉันไปแน่ เฮ้อ ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย พูดอะไรเหลวไหลไปล่ะเนี่ย?” จากนั้นรีบลุกขึ้น คล้ายหลุดพูดอะไรออกไปแล้วไม่อยากรั้งอยู่ต่อ ก้าวเท้าอาดๆ เดินออกไป

“พี่ฉวี พี่ฉวี…” โจวหม่านอวี้ตะโกนเรียก ถึงขนาดตามไปตะโกนเรียกตรงหน้าประตู แต่ก็ไม่อาจเรียกฉวีเซียนเซียนกลับมาได้

เมื่อเห็นอีกฝ่ายออกไปแล้ว โจวหม่านอวี้ก็เดินกลับไปกลับมาอยู่ใต้ชายคาประตู สีหน้าดูร้อนใจ ไม่รู้ว่าข่าวลือนี้เป็นความจริงหรือเปล่า

จากร่องรอยข้อสงสัยบางอย่างแล้ว หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงล่ะก็…ใบหน้าเธอพลันมีความรู้สึกโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นมา อยากจะรู้ว่าโจวหม่านเชาทำแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร

เดิมทีหลังจากโจวหม่านเชาไม่อยู่แล้ว ช้าเร็วหอการค้าตระกูลโจวก็ต้องส่งต่อให้คนของตัวเอง ตระกูลเจ้ากับตระกูลเผิงยอมเป็นวัวเป็นควายรับใช้หอการค้าตระกูลโจวก็เพราะเหตุนี้ สามีกับลูกชายของพี่สาวก็สละชีวิตเพื่อหอการค้าตระกูลโจว สามีของตัวเองก็สละชีวิตเพื่อหอการค้าตระกูลโจวเช่นเดียวกัน ทำเอาพวกเธอสองพี่น้องต้องกลายเป็นม่าย

เดิมทีคิดว่าหลานชายตายไปแล้ว ลูกชายของตัวเองจะไม่มีคู่แข่ง ช้าเร็วหอการค้าตระกูลโจวก็ต้องกลายเป็นของลูกชายตน

ตอนนี้พี่สาวเองก็ซึมเศร้าหมดอาลัยตายอยากไปแล้ว ตัวเองเพียงแค่รอให้ลูกชายของตัวเองรับช่วงต่อหอการค้าตระกูลโจวมาเท่านั้น

หากพี่ชายของตัวเองแอบมีลูกชายอย่างลับๆ แล้วยังเลี้ยงดูเขาเพื่อให้เป็นผู้สืบทอด แบบนี้จะให้พวกเธอสองพี่น้องรู้สึกอย่างไร?

ที่สำคัญที่สุดคือทำไมถึงต้องปิดบังพวกเธอสองพี่น้อง เขากำลังคิดอะไรอยู่?

กระทั่งฉวีเซียนเซียนยังมาเตือนให้เธอระวัง มีหรือที่เธอจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น หากข่าวลือนั้นเป็นความจริง เช่นนั้นพี่ชายของเธอก็ใจร้ายเกินไปหน่อยแล้ว

…….

ภายในโถงรับแขกที่อยู่ในส่วนลึกของคฤหาสน์ตระกูลโจว เผิงซีกำลังยืนประสานมือนิ่งๆ เป็นเพราะคำพูดของกงหู่จ้าว เขาถึงได้ตกใจจนเกือบจะหลั่งเหงื่อเยียบเย็นออกมา สีหน้าตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

เดิมทีเขาคิดจะมาสอบถามว่าตระกูลหงกู่ได้เริ่มทำการช่วยเหลือคุณน้าแล้วหรือยัง แต่ใครจะไปรู้ว่ากงหู่จ้าวกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคุยเรื่องนี้ ซ้ำยังถามเขากลับว่า ‘ถ้าให้เธอเป็นประธานหอการค้าตระกูลโจว เธอยินดีหรือไม่?’

เผิงซีรู้สึกตกใจทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ นิ่งเงียบไม่พูดอะไร รีบครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าคำพูดของอีกฝ่ายมันหมายความว่าอย่างไร ทำไมจู่ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ออกมา เป็นเพราะคุณน้าหมดหวังที่จะช่วยออกมาแล้วจริงๆ หรือว่ากำลังหยั่งเชิงตัวเองอยู่?

………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท