ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 208 ทุกอย่างปกติดี

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 208 ทุกอย่างปกติดี

หลัวคังอันพาจูลี่ไปเจอกับคนของแผนกโฆษณาก่อน​ ไปถามทางแผนกโฆษณาว่าเตรียมงานเป็นอย่างไรบ้าง

หลังจากได้คำตอบแน่ชัดแล้ว​ หลัวคังอันก็กล่าวกับผู้จัดการของแผนกโฆษณาว่า​ “เดี๋ยวผมกับคุณจูลี่จะคอยดูภาพรวมของงาน เรื่องการประสานงานภายในงานกับทางสถานี​คงต้องฝากคุณด้วย​ ถ้ามีปัญหาอะไรในโรงงานที่กระทบกับการถ่ายทำก็อย่ามัวชักช้า​ ให้ติดต่อผมทันที​ ผมจะมาประสานงานด้วยตัวเอง”

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ​ ผู้จัดการแผนกจึงรับคำทันที​ “ได้ครับ​ เข้าใจแล้วครับ”

หลังจากนั้น​​ หลัวคังอันก็เดินนำจูลี่ไปหาฉินอี๋​ พาจูลี่ไปอยู่ข้างกายฉินอี๋

ด้วยสถานะของหลัวคังอัน การจะไปอยู่ข้างกายฉินอี๋นั้นไม่มีปัญหาอะไร กลับเป็นจูลี่ที่ทำให้ผู้คุ้มกันรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ก่อนจะเป็นหลัวคังอันที่เข้ามาช่วยจัดการพูดให้อีกครั้ง

ส่วนจิ้นเซียวกับหลินยวน​ ผู้คุ้มกันไม่ยอมให้เข้าไปใกล้​ โดยเฉพาะจิ้นเซียว

หลินยวนไม่ดึงดันที่จะเข้าไป​ ส่วนจิ้นเซียวนั้นจนปัญญา​ ทำได้เพียงยืนเฝ้ามองอยู่รอบนอกกับหลินยวน

หลินยวนคอยชำเลืองมองท่าทีของจิ้นเซียวอยู่เป็นระยะ​ เขามองออกว่าสายตาของจิ้นเซียวคอยวนเวียนอยู่รอบตัวจูลี่ ​ ภายในแววตาเผยให้เห็นถึงความระแวดระวังเป็นอย่างมาก

หลินยวนเองก็คอยสังเกตดูหลัวคังอันกับจูลี่บ้างเป็นครั้งคราว​ พบว่าส่วนใหญ่ทั้งสองคนจะอยู่ข้างกายฉินอี๋ตลอด​ จึงลอบพยักหน้า​ พอใจกับการทำงานในครั้งนี้ของหลัวคังอัน

เมื่อดูจากสภาพภายในงานแล้ว เขามั่นใจในระดับหนึ่งว่าทันทีที่เกิดเรื่องขึ้น​ ด้วยผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างกายฉินอี๋และยอดฝีมือขั้นเซียนเทพทั้งสองคน​ จิ้นเซียวนั้นไม่มีทางเข้าถึงตัวจูลี่ได้​ ถ้ายังกล้าฝืนบุกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต​ เขาจะต้องถูกผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างกายฉินอี๋มองว่าเป็นภัยคุกคามแน่

ถ้ามีพวกศัตรูที่แข็งแกร่งบุกเข้ามาโจมตี เกรงว่าจิ้นเซียวคงจะต้องไปขวางคนที่บุกมาโจมตีก่อน

…..

หลังจากการเตรียมงานอย่างยุ่งวุ่นวาย ในที่สุดพิธีเปิดโรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินก็เริ่มขึ้นอย่างยิ่งใหญ่

พวกลั่วเทียนเหอ ฉินอี๋ทยอยขึ้นไปกล่าวอะไรบนเวที หลัวคังอันเองก็ขึ้นไปกล่าวอย่างฉะฉานด้วยเช่นกัน

แน่นอน ทางหอการค้าตระกูลฉินยังเชิญเว่ยผิงกงด้วย

แต่สำหรับคนแบบเว่ยผิงกงผู้มีประสบการณ์โชกโชนแล้ว เขาเคยเห็นงานทำนองนี้มามากมาย ไหนเลยจะอยากไปปรากฏตัวอยู่ในกล้องในงานแบบนี้ จึงให้นายทหารระดับสูงที่อยู่ใต้บังคับบัญชาตนเป็นตัวแทนขึ้นเวที แค่พูดพอเป็นพิธีเท่านั้น

กลับกลายเป็นจูลี่ที่อยู่ข้างๆ ลั่วเทียนเหอ ฉินอี๋และพวกผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าตระกูลฉินที่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

…..

บนหน้าผา เว่ยผิงกงยืนมือไพล่หลัง สายตาจับจ้องความคึกคักทางเบื้องล่าง กล่าวเนิบๆ ว่า “การป้องกันโดยรอบเป็นยังไงบ้าง?”

นายทหารระดับสูงที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “ภายในระยะร้อยลี้รอบโรงงานได้แอบจัดวางจุดสังเกตการณ์เอาไว้แล้วครับ ถ้าหากมีคนเข้ามาใกล้ ทางเราก็จะได้รับแจ้งทันทีครับ”

เว่ยผิงกงกล่าว “แรกเริ่ม แค่เจออู๋จื่อคนเดียวก็ทำให้เกิดการแย่งชิงจากทุกฝ่ายแล้ว แล้วตอนนี้ยังมีผลประโยชน์ก้อนใหญ่ที่หอการค้าตระกูลฉินไปแย่งมาจากคนอื่นอีก เกรงว่าวันนี้คงจะไม่ใช่วันดีอะไรแล้วล่ะ สั่งให้ทุกคนทั้งภายในและภายนอกเพิ่มความระวังมากขึ้น ห้ามประมาทเลินเล่อเป็นอันขาด ผู้ที่หละหลวมจะถูกลงโทษอย่างหนัก!”

เห็นเวลาปกติดูเขาไม่ค่อยสนใจการงานแบบนั้น อันที่จริงแล้วเขากลับเข้าใจสถานการณ์แต่ละด้านเป็นอย่างดี เขาได้แอบวางแผนและเตรียมตัวอย่างเงียบๆ เอาไว้นานแล้ว ส่วนพิธีเปิดโรงงานอันคึกคักที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของเขา เขาจึงไม่สนใจ

นายทหารประสานมือกล่าวว่า “ครับ!”

พิธีเปิดดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ละขั้นตอนผ่านไปได้ด้วยดี รวมถึงการบันทึกเทปของทางด้านปู๋เชวี่ยวิดีโอด้วย

หลังพิธีเฉลิมฉลองจบลง ฉินอี๋ก็พาทุกคนไปเยี่ยมชมโรงงานสร้างข่ายพลังด้วยตัวเอง หลัวคังอันที่อยู่ในกลุ่มนั้นก็คอยกวาดตามองรอบๆ อยู่เป็นระยะ เรื่องที่หลินยวนบอกว่าอาจจะมีคนโจมตีนั้น อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกหวาดเสียวอยู่ภายในใจ กลัวว่าตนเองจะพลอยโดนลูกหลงโดยไม่ทันตั้งตัว

แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างราบรื่น ท้ายที่สุดแล้ว ฉินอี๋ก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ไปตลอดได้ จึงไปกล่าวลากับพวกเจออู๋จื่อผู้เป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉินที่รับผิดชอบเรื่องการสร้างข่ายพลังของที่นี่

ลั่วเทียนเหอดูคล้ายไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เขากวักมือเรียก มีผู้ติดตามรีบเดินเข้ามาเพื่อรับคำสั่ง

“คนที่กระจายกำลังออกไปรายงานอะไรกลับมาไหม?” ลั่วเทียนเหอกระซิบถาม

ผู้ติดตามกระซิบตอบกลับ “ทุกอย่างปกติดีครับ ไม่พบพนักงานที่ดูผิดปกติเข้ามาใกล้ทางนี้ พวกพนักงานน่าสงสัยที่จับตาดูกันอยู่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะรวมตัวทำอะไรกันครับ”

ลั่วเทียนเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือว่าจะคิดมากเกินไปจริงๆ?

ไม่ได้มีเพียงทางด้านเว่ยผิงกงที่ทำการป้องกัน ตัวเขาเองก็มีการป้องกันเผื่อจะมีคนก่อเรื่องเช่นกัน แต่ผลปรากฏว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ เลย จึงอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

เมื่อเสร็จสิ้นการกล่าวลา อีกทั้งงานที่ควรมอบหมายก็มอบหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉินอี๋จึงเดินมาทางนี้อีกครั้งเพื่อถามลั่วเทียนเหอว่ามีอะไรจะกำชับอีกหรือเปล่า

ลั่วเทียนเหอเข้าใจคำพูดตามมารยาทนี้ อีกฝ่ายหมายความว่าถ้าหากไม่มีอะไรแล้วล่ะก็ อย่างนั้นก็กลับกันได้แล้ว เขาจึงส่ายหน้าขึ้นมาเล็กน้อยทันที “เรื่องของพวกเธอ ฉันไม่แทรกแซงหรอก ถ้าไม่มีอะไรก็กลับกันเถอะ”

“ค่ะ” ฉินอี๋รับคำ แต่ขณะที่กำลังจะหันหลังไป จู่ๆ ลั่วเทียนเหอก็เอ่ยออกมาอีกว่า “มีเรื่องอยากจะถามเธอสักหน่อย ถ้าสะดวกล่ะก็ เดี๋ยวไปนั่งรถคันเดียวกันสิ”

ฉินอี๋ย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ตอบตกลงอย่างยินดี

ทันทีที่เธอตอบตกลงเช่นนี้ เมื่อเห็นฉินอี๋กับลั่วเทียนเหอขึ้นไปนั่งรถคันเดียวกัน หลัวคังอันที่เดิมเตรียมคำพูดไว้เพื่อทำให้จูลี่กับฉินอี๋ได้อยู่ด้วยกันพลันทำอะไรไม่ถูก

เขารีบเดินไปหาหลินยวนแล้วเอ่ยกระซิบว่า “ลั่วเทียนเหอขึ้นไปบนรถท่านประธานแล้ว ถ้าจะยัดจูลี่เข้าไปอีกคนคงจะไม่สะดวก”

หลินยวนเองก็เห็นแล้วเช่นกัน เมื่อมีลั่วเทียนเหอคอยเฝ้าอยู่ข้างกายฉินอี๋ด้วยตัวเอง เขาเองก็รู้สึกวางใจขึ้นมาหน่อย จึงเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ช่างเถอะ แกไปพาจูลี่มาขึ้นรถพวกเราแล้วกัน ถ้าจิ้นเซียวจะมาด้วยก็ให้เขามา”

“ห้ะ!” หลัวคังอันประหลาดใจ “จะให้ไอลูกกระจ๊อกนั่นไปด้วยเหรอ?”

หลินยวนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา หลัวคังอันไม่พูดอะไร ได้แต่ต้องทำตามคำสั่ง

จิ้นเซียวจะตามไปด้วยจริงๆ เมื่อมีคนเพิ่มเข้ามารถก็แน่นขึ้น หลินยวนให้จิ้นเซียวไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ ส่วนเขา หลัวคังอันและจูลี่นั่งอยู่ที่เบาะหลังด้วยกัน

ที่จัดแบบนี้เพราะกลัวว่าในระหว่างพิธีไม่เกิดเรื่องขึ้น แต่กลับมาเกิดเรื่องขึ้นในระหว่างที่เดินทางกลับแทน รถคันนี้อยู่ใกล้ฉินอี๋หน่อย จะได้สะดวกเวลาที่จิ้นเซียวจะลงมือ

ส่วนจิ้นเซียวจะทำเมินเฉยไม่ช่วยเหลือหรือไม่นั้น นั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับจิ้นเซียว เพราะจูลี่อยู่ข้างๆ เขา ชีวิตของจูลี่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาได้ตลอดเวลา

ตอนมาก็มากันเยอะ ตอนกลับก็กลับกันเยอะเช่นกัน ตอนนี้คนที่ยังรั้งอยู่ที่โรงงานสร้างข่ายพลังเหลืออยู่ไม่มาก

ในระหว่างที่เดินทางกลับ หลังจากที่บินได้มั่นคงแล้ว หลัวคังอันก็เริ่มพูดคุยกับจูลี่

แต่แน่นอน หลัวคังอันยังคงคุยเรื่องงานด้วยท่าทีจริงจัง คุยเรื่องการตัดต่อและการออกอากาศอะไรทำนองนั้น

จูลี่พบว่าคนผู้นี้มีความรับผิดชอบในการทำงานอย่างมากทีเดียว

….

ทั้งกลุ่มเดินทางโดยสวัสดิภาพ กลับเข้าเมืองได้อย่างราบรื่น ฉินอี๋เองก็กลับมาถึงห้องทำงานของตัวเองอย่างราบรื่นเช่นกัน เรื่องแรกที่เธอทำก็คือถามไป๋หลิงหลงว่า “ที่บ้านกับหอการค้าสาขาอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

วันนี้เธอเองก็รู้สึกหวั่นใจเช่นกัน ผู้พิทักษ์เมืองพบความผิดปกติบางอย่างมาก่อนหน้าแล้ว แล้วก็มีการรายงานให้ทางนี้ทราบเล็กน้อย หรือพูดอีกอย่างก็คือลั่วเทียนเหอเตือนให้ทางนี้ระวังตัว

ไป๋หลิงหลงกล่าวว่า “ตอนนี้ทุกอย่างปกติดีค่ะ ทางบ้านก็สงบเรียบร้อยดี”

หลังได้รับรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ฉินอี๋ก็ค่อยๆ ถอนหายใจโล่งอก ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ตอนนี้คนที่ค่อนข้างสำคัญล้วนแยกย้ายกันไปอยู่คนละที่ ความเป็นไปได้ที่จะมีคนลงมือตามที่ต่างๆ พร้อมกันกลับมีไม่มากแล้ว แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังกล่าวเตือนว่า “อย่าชะล่าใจไป บอกให้คนที่เกี่ยวข้องคอยเฝ้าระวังต่อไป”

“ค่ะ” ไป๋หลิงหลงพยักหน้า “กำชับไปแล้วค่ะ”

……

หลัวคังอันที่กลับมาถึงห้องทำงานก็นอนแผ่ลงบนโซฟาเช่นกัน ผายมือทั้งสองข้างพลางหัวเราะเหอะๆ กล่าวว่า “น้องหลิน ทุกอย่างปกติดี สงสัยนายคงคิดมากไปแล้วล่ะ”

หลินยวน “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ดีเหรอไง? หรือว่าแกอยากจะให้เกิดเรื่องขึ้น?”

“ใช่ที่ไหนล่ะ” หลัวคังอันหัวเราะแหะๆ แอบบ่นอยู่ในใจ หาเรื่องแท้ๆ ทำให้ฉันต้องเหนื่อยเปล่าซะอย่างนั้น

แม้ว่าหลินยวนจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ยังเดินไปอีกด้าน ล้วงมือถือออกมาต่อสายหาลู่หงเยียน เอ่ยถามเสียงเบาๆ ว่า “ที่บ้านไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม?”

ลู่หงเยียนกล่าว “ทุกอย่างปกติดีเพคะ ทางด้านพระองค์ล่ะเพคะ?”

หลินยวน “ไม่มีอะไร พิธีเปิดเสร็จสิ้นแล้ว”

ลู่หงเยียนส่งเสียงแปลกใจออกมา “หรือว่าเราจะคิดมากกันไปเองเพคะ?”

หลินยวนกล่าว “ก็ขอให้เราคิดมากไปเองแล้วกัน ยิ่งในเวลาแบบนี้ยิ่งต้องระวัง”

ลู่หงเยียนเข้าใจความหมายของเขา ยิ่งในช่วงเวลาที่ผ่อนคลายได้ง่ายแบบนี้ ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่จะถูกคนฉวยโอกาสบุกเข้ามาโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวได้ง่าย เรื่องแบบนี้มีตัวอย่างให้เห็นมามากมายตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เธอตอบกลับไปว่า “เข้าใจแล้วเพคะ”

หลินยวนที่วางสายแล้วเดินไปตรงริมหน้าต่าง ทอดตามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง สีหน้าคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

ตามหลักแล้ว หากพลาดโอกาสลงมือครั้งนี้ไป คนที่เตรียมตัวจะลงมือก็ไม่น่าจะลงมืออีกแล้ว ทางด้านเจออู๋จื่อที่อยู่ที่โรงงานก็มีทหารคอยป้องกันอย่างแน่นหนา ทางเมืองปู๋เชวี่ยนี้ก็มีผู้พิทักษ์เมืองจำนวนมาก ความเป็นไปได้ที่จะแบ่งกำลังออกเป็นสองกลุ่มเพื่อโจมตีมีไม่มากนัก

หรือว่าคนที่จะลงมือล้มเลิกความคิดที่จะลงมือไปแล้ว?

สถานการณ์ในตอนนี้ เขาจำต้องนึกสงสัยเช่นนี้เอาไว้ก่อน

……

บนหน้าผา นายทหารคนหนึ่งบินลงไปหาเว่ยผิงกงที่ยืนมือไพล่หลังอยู่ ประสานมือกล่าวรายงานว่า “ท่านผบ.เว่ย คนของหอการค้าตระกูลฉินกลับเข้าเมืองอย่างปลอดภัยแล้วครับ การเดินทางราบรื่นดี ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรขึ้นครับ”

เว่ยผิงกงขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะถูกลดขั้น แต่ถ้าหากเขาต้องการจับตามอง เขาก็มีช่องทางในการหาข่าวสารของเขาอยู่ เขารู้ว่าทางเมืองปู๋เชวี่ยสังเกตเห็นถึงการเข้าเมืองของคนที่ดูผิดปกติกลุ่มหนึ่งแล้ว

ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยอย่างนั้นเหรอเนี่ย? เขาคิดใคร่ครวญกลับไปกลับมาพลางกล่าว “ต้องระวังอย่าให้เกิดเหตุการณ์ที่พวกเราประมาทจนศัตรูฉวยโอกาสบุกโจมตีได้ ไปบอกทุกคนว่าให้คอยระมัดระวังอยู่เสมอ!”

……

ในป่าไผ่ที่เงียบสงบ เซียวอวี่เหยียนกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในศาลาเพียงลำพัง

เจิงอิงฉางคุยโทรศัพท์อยู่นอกศาลาครู่หนึ่ง เมื่อคุยเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้ามาข้างในศาลา กล่าวรายงานว่า “พิธีเปิดโรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินราบรื่นดีครับ พวกหอการค้าตระกูลฉินเองก็กลับเข้าเมืองไปโดยสวัสดิภาพแล้ว แต่ยังคงมีเทพมหาวิญญาณกลุ่มหนึ่งคอยเฝ้าระวังอยู่รอบๆ สำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉินอยู่ ไม่ได้ถอนกำลังออกไปครับ”

เซียวอวี่เหยียนยิ้มเย็นชา “ระวังตัวมากทีเดียว ถ้าวันนี้ถ้าเราฝืนลงมือไป ฝ่ายเราคงจะเกิดความสูญเสียไม่น้อยเลย”

เจิงอิงฉางพยักหน้า เอ่ยถามว่า “ท่านประธานครับ เริ่มแผนขั้นต่อไปเลยไหมครับ?”

เซียวอวี่เหยียน “ยังไม่ถึงเวลา สิ่งๆ นั้นยังต้องใช้เวลาฟักตัว แต่แจ้งคนที่อยู่ทางโรงอีหลิวให้เตรียมตัวไว้ก่อนได้เลย พรุ่งนี้หลังเที่ยงให้ดำเนินการตามแผนได้!”

เจิงอิงฉาง “ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ”

……

ณ สวนชิงหยวน เหมยชิงหยายืนต้านลมอยู่บนหอสูง ทอดตามองดูแสงอาทิตย์ยามเย็น เสื้อผ้าและแส้ปัดฝุ่นปลิวไสวไปตามสายลม

เสียงฝีเท้าหนักอึ้งเดินขึ้นหอมา ไป๋กุ้ยเหรินมาถึงแล้ว พอเห็นว่าเขาอยู่ข้างนอก จึงเดินไปเลิกผ้าแพรสีขาวแล้วเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างกายเขา

เหมยชิงหยาเอ่ยถามโดยไม่เหลียวหน้ากลับมามอง “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

บนใบหน้าไป๋กุ้ยเหรินไร้รอยยิ้ม “พิธีเปิดของหอการค้าตระกูลฉินเสร็จสิ้นไปอย่างราบรื่น แล้วก็กลับเมืองปู๋เชวี่ยไปอย่างปลอดภัย ทางท่านห้าไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ค่ะ”

เหมยชิงหยาหันกลับมาทันที “ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ?”

ไป๋กุ้ยเหริน “ใช่ค่ะ! ตรวจสอบดูอีกครั้งแล้ว ท่านห้าไม่ได้ลงมือค่ะ”

เหมยชิงหยากลัดกลุ้ม ถอนใจพลางกล่าวว่า “ในเมื่อเขาไม่อยากลงมือ อย่างนั้นก็แล้วแต่เขา แต่เขาต้องคืนเงินมัดจำมา!”

ไป๋กุ้ยเหรินเอ่ยเตือน “แต่พวกของท่านห้ายังคงเก็บตัวอยู่ในเมืองปู๋เชวี่ย ไม่มีทีท่าว่าจะเดินทางออกไปจากเมืองเลยค่ะ”

เหมยชิงหยาร้องโอ้ ค่อนข้างประหลาดใจ แววตาวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะหรี่ตาพลางกล่าวว่า “คอยจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อไป!”

………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน