ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 228 กองทัพของวังพิฆาตมารมาถึงแล้ว

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 228 กองทัพของวังพิฆาตมารมาถึงแล้ว

หลัวคังอันไม่รู้หรอกว่าเป็นตนที่ไม่รู้ค่าหรือเปล่า แต่การอีกฝ่ายพูดแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาไม่กล้ากิน

ตั้งใจเก็บไว้ให้ฉันหนึ่งเม็ด? ให้ตายยังไงหลัวคังอันก็ไม่เชื่อ!

แต่เขาย่อมไม่มีทางพูดออกไปแบบนี้ จึงประคองยาแก้พิษด้วยสองมืออย่างอ่อนน้อม วางกลับลงไปบนโต๊ะ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “น้ำใจของผบ.เว่ย ผมรับไว้ด้วยใจแล้วครับ ก่อนหน้านี้ท่านประธานฉินได้บอกไว้แล้วว่าทางตระกูลฉินยังมียาถอนพิษอยู่อีกหลายเม็ด ผมเป็นถึงรองประธานหอการค้าตระกูลฉิน เดี๋ยวผมย่อมต้องมีส่วนของผมอยู่แล้ว ยาเม็ดนี้เก็บไว้ให้คนที่ต้องการมันอย่างเร่งด่วนเถอะครับ ผมยังทนไหวอยู่”

เว่ยผิงกงมึนงงกับท่าทีเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่นของเขา จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าเจ้านี่เป็นคนรักตัวกลัวตาย อีกฝ่ายจะไปทำเพื่อคนอื่นได้ยังไง นี่มันเข้าใจผิดแล้ว จึงหัวเราะเยาะเหอะๆ กล่าวว่า “ก็ใช่ อีกเดี๋ยวหอการค้าตระกูลฉินได้ยาแก้มาก็ย่อมต้องมีให้นายอยู่แล้ว ไอหนุ่มเอ้ย ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้งนะ นายเอายานี่ไป พกติดตัวไว้ ต่อไปถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกจะได้มียาแก้ดีๆ ไว้ป้องกันตัว”

หลัวคังอันรีบกล่าว “ไม่ๆๆ เวลานี้มีคนจำนวนมากที่ต้องการยาแก้ ถือเป็นช่วงเวลาวิกฤติของหอการค้าตระกูลฉิน ผมเป็นรองประธาน จะโลภเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวไม่ได้หรอกครับ”

เว่ยผิงกงโมโห พยักหน้าแล้วกล่าว “เยี่ยม เยี่ยมมาก! นายกลัวว่ายาแก้พิษนี้จะมีปัญหาใช่ไหม?”

หลัวคังอันกล่าวอย่างจริงจัง “ท่านผบ.เว่ยเข้าใจผิดแล้วครับ ผบ.เว่ยเป็นใคร จะมาใช้วิธีต่ำๆ กับผู้น้อยอย่างผมได้ยังไงกัน”

เว่ยผิงกงเลิกคิ้วกล่าว “พูดแบบนี้ แสดงว่านายไม่เอาจริงๆ ใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ดีแบบนี้ หัวใจของหลัวคังอันพลันบีบแน่นขึ้นมา แอบระมัดระวังตัว พยักหน้าด้วยท่าทีจริงใจ กล่าวว่า “ผบ.เว่ยครับ เวลาแบบนี้ ช่วยได้เพิ่มอีกสักคนย่อมเป็นเรื่องดีครับ”

“ฉันดูถูกนายเกินไปสินะ!” เว่ยผิงกงยิ้มเยาะ จู่ๆ ก็ตะโกนเสียงดังว่า “โม่ซิน”

โม่ซินที่เฝ้าอยู่ข้างนอกรีบพุ่งตัวเข้ามาทันที แล้วก็ไม่ถามอะไร ยืนรอฟังคำสั่ง

เว่ยผิงกงชี้ไปที่ยาบนโต๊ะ “นายรีบเอายาแก้พิษเม็ดนี้ไปให้ทางฉินอี๋ บอกไปว่าฉันยังมีอยู่หนึ่งเม็ด บอกให้เธอเอาไปให้เจียงอวี้กิน บอกฉินอี๋นะว่ายาแก้เม็ดนี้ราคายี่สิบล้านมุก ถามเธอว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ”

“ครับ” โม่ซินรับคำสั่ง หยิบยานั้นแล้วรีบพุ่งตัวออกไปทันที

สายตาหลัวคังอันมองตามยาที่ถูกหยิบออกไปเม็ดนั้น ใจเองก็ลอยตามออกไปด้วย ยืนตะลึงลานอยู่ที่เดิม ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้สติกลับมา บ่นพึมพำในใจ ยะ…ยาแก้จริงเหรอ? เจ้านายลูกน้องคู่นี้คงไม่ได้จงใจแกล้งฉันใช่ไหม?

เว่ยผิงกงเหลือบมองเขาเล็กน้อย จากนั้นก็เลิกสนใจ ยกไหสุราขึ้นมาดื่มต่อ

…..

โม่ซินไปหาฉินอี๋ทันที เอายาที่อยู่ในฝ่ามือให้เธอดู “นี่คือยาแก้พิษเม็ดสุดท้ายที่ผบ.เว่ยพกติดตัวเอาไว้ครับ ผบ.เว่ยถามท่านประธานฉินว่าจะซื้อหรือไม่ครับ”

ทุกคนมึนงง รวมถึงลั่วเทียนเหอที่อยู่ตรงนั้นด้วย ฉินอี๋ลองเอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าผบ.เว่ยเรียกราคายังไงคะ?”

โม่ซินกล่าว “นี่คือยาเซียนแก้พิษระดับสูงที่ผบ.เว่ยพกติดตัวตลอด มูลค่าเกินกว่าห้าสิบล้านมุก แต่จะขายให้คุณในราคายี่สิบล้านมุก ไม่แพงครับ!”

ฉินอี๋กล่าว “ในเมื่อมูลค่าของมันคือห้าสิบล้านมุก อย่างนั้นฉันซื้อในราคาห้าสิบล้านมุกแล้วกันค่ะ” เธอเองก็ตรงไปตรงมา

โม่ซินว่า “ห้าสิบล้านช่วยได้หนึ่งคน สิบล้านก็ช่วยได้หนึ่งคน ไม่ได้มีอะไรต่างกัน ที่ผบ.เว่ยเอายาออกมาขายก็เพื่อจะได้ช่วยคนเพิ่มอีกหนึ่งคน ผบ.เว่ยบอกว่ายี่สิบล้านก็คือยี่สิบล้านมุกครับ ไม่ต้องต่อรองราคา ท่านประธานฉินเก็บเงินไว้ช่วยคนอีกสักคนสองคนดีกว่าครับ”

นี่เรียกว่าจัดการงานได้เรียบร้อย ไม่เพียงแต่จะจัดการที่ได้รับมอบหมายมา แต่ยังช่วยเว่ยผิงกงจัดการงานจนไม่มีช่องโหว่ให้ใครมาฉวยโอกาสเล่นงานได้

ฉินอี๋มองลั่วเทียนเหอ เห็นเขาไม่ได้มีท่าทีอะไร จึงได้แต่ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง “ค่ะ ฉันซื้อ”

โม่ซินกล่าว “ไม่ต้องรีบตัดสินใจครับ ผมมีเรื่องที่ต้องแจ้งก่อน ท่านผบ.เว่ยบอกว่ายาแก้เม็ดนี้ต้องให้เจียงอวี้กินเท่านั้น ท่านประธานฉินคิดให้ดีก่อนแล้วค่อนตัดสินใจก็ยังไม่สายครับ”

ทุกคนหันไปมองเจียงอวี้เป็นตาเดียวด้วยความประหลาดใจ สิ่งของมูลค่าห้าสิบล้านมุกเอามาขายให้ในราคาแค่ยี่สิบล้าน นี่เท่ากับลดราคาให้เจียงอวี้ถึงสามสิบล้านเลย?

เจียงอวี้มึนงง แล้วก็คาดไม่ถึงอย่างมาก

แต่ฉินอี๋ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร เธอพบว่าเว่ยผิงกงดีกับเจียงอวี้มากกว่าคนอื่นอย่างที่คิดจริงๆ กระทั่งในเวลาแบบนี้ก็ยังนึกถึงเจียงอวี้

หารู้ไม่ว่านี่คือยาที่คนแย่ๆ อย่างหลัวคังอันทำหลุดมือไปเพราะใจที่คิดไม่ซื่อ

แต่ทางนี้ไม่เหมือนกับหลัวคังอัน ไม่มีใครสงสัยเลยว่ายาที่เว่ยผิงกงให้มาจะเป็นของปลอม

แต่สำหรับฉินอี๋แล้ว เจียงอวี้เป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของเธอ การจะช่วยเขาก่อนย่อมไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ในหัวของเธอกำลังลังเลอยู่ที่หลินยวน รักครั้งเก่ามันยากจะลืมได้ อีกทั้งเจ้าตัวก็อยู่ตรงหน้านี้ด้วย ถ้าจะพูดว่าเธอไม่เคยคิดที่จะเอายาเม็ดนี้ให้หลินยวนก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่สุดท้ายเธอก็ยังตอบตกลงไปอย่างเด็ดขาด “ได้ หลิงหลง จ่ายเงินเลย”

หลังทำการยื่นหมู่ยื่นแมวกันตรงนั้น โม่ซินได้รับเงินแล้วก็พุ่งตัวออกไปทันที

ยาถูกส่งไปอยู่ในมือของเจียงอวี้แล้ว เจียงอวี้ปฏิเสธเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยากจะปฏิเสธได้ ฉินอี๋บอกกับเขาว่าผบ.เว่ยบอกมาแล้วว่าให้นาย คนอื่นไม่มีใครกล้าใช้กันหรอก เจียงอวี้จึงไม่มีทางเลือก ได้แต่ต้องกินยาเม็ดนี้ลงไป

บนลานหน้าปากถ้ำตรงหน้าผา หลัวคังอันที่เว่ยผิงกงไม่สนใจเดินโซเซออกมา เขาเห็นโม่ซินกลับมา ก่อนจะมองไปทางโรงงานที่มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกค่อนข้างกลัดกลุ้มใจ ในใจยังคงคิดวนเวียนถึงยาเม็ดนั้นว่าเป็นยาจริงหรือยาปลอม ยังคงไอออกมาเป็นระยะ

…..

ช่วงเวลากลางดึก ผ่านครึ่งคืนไปนานแล้ว หลินยวนมองท้องฟ้า เวลานี้เขาไม่ไอแล้ว

เขากินยาเซียนแก้พิษระดับโอสถทองเข้าไปแล้วหนึ่งเม็ด เดิมทีตัวเขาก็มีพกติดตัวเอาไว้

เขาไม่กลัวว่าหลังจบเรื่องแล้วคนอื่นจะสงสัยอะไร เขาก็แค่บอกไปว่าลู่หงเยียนให้เขามาก็จบ ด้วยกำลังทรัพย์ของทางหอการค้าตระกูลลู่แล้ว จะให้ยาเซียนแบบนี้ไว้ป้องกันตัวไม่ได้เชียวเหรอ?

สิ่งที่เขากังวลในตอนนี้กลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมพวกเว่ยเต้าถึงยังไม่ลงมือ?

รอแล้วรอเล่า เขาก็ค่อยๆ มั่นใจมากขึ้น เกรงว่าพวกเว่ยเต้าคงจะไม่มาแล้ว

คนที่อยู่ทางนี้ไอออกมาเป็นเลือด ในขณะที่มีคนอ่อนแอเป็นจำนวนมากกลับไม่ลงมือ ถือว่าพลาดโอกาสที่ดีในการลงมือแล้ว

ลงทุนทำถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ลงมือ? เขาคิดกลับไปกลับมาจนเจอเหตุผล เกรงว่าปัญหาจะเกิดขึ้นจากจางเลี่ยเฉิน เรื่องของหลัวคังอันถูกเปิดเผยออกไปแล้ว ทำให้พวกเว่ยเต้ารู้ตัวแล้ว เกรงว่าถ้าจะไม่สงสัยว่าที่นี่มีการซุ่มโจมตีอยู่ก็คงเป็นไปได้ยาก

การปะทะที่จะทำให้เกิดการนองเลือดได้สลายหายไปเพราะตนเอง ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี แต่การลงมือของเว่ยเต้าได้ทิ้งความยุ่งยากเอาไว้ให้หอการค้าตระกูลฉิน เกรงว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไขได้ หลินยวนถอนใจพลางเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

……

โอกาสที่ดีที่สุดที่ผู้อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายจะลงมือได้ผ่านพ้นไปแล้ว อุโมงค์เคลื่อนย้ายในเมื่อปู๋เชวี่ยมีแสงสว่างพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

เหล่าทหารบินออกมาจากอุโมงค์นั้น หลังจากอุโมงค์ว่างลงไม่นานก็มีแสงพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็มีทหารอีกกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมา

แสงที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้าของอุโมงค์เคลื่อนย้ายปรากฏขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า กำลังพลจำนวนมากจากสภาเซียนที่มารวมตัวกันกำลังเคลื่อนพลมาจากอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า แล้วก็ยังมีเทพมหาวิญญาณอีกจำนวนมาก

……

บนเนินเขาที่อยู่ข้างป่าไผ่ เซียวอวี่เหยียนยืนมือไพล่หลังอยู่ตามลำพัง เขาเองก็ตกใจกับแสงที่พุ่งออกมาจากอุโมงค์เคลื่อนย้ายอย่างต่อเนื่อง ก็เลยออกมาดู ก่อนจะนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน

เจิงอิงฉางพุ่งตัวเข้ามา รีบกล่าวรายงานอยู่ข้างกายเขาว่า “ท่านประธานครับ ทหารของสภาเซียนมาแล้ว วังพิฆาตมารนำกำลังพลมาด้วยตัวเองครับ คังซ่าที่เป็นหนึ่งในหกแม่ทัพเทพของวังพิฆาตมารนำกำลังทหารแสนนายมาที่นี่ครับ!

“วังพิฆาตมารนำทหารมาหนึ่งแสนนาย…” เซียวอวี่เหยียนพูดพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเศร้าใจ

เจิงอิงฉางกล่าว “ในเมืองมีประกาศห้ามออกนอกบ้าน ประตูของข่ายพลังค้ำนภาก็ปิดลงทั้งหมดแล้ว ตอนนี้คนของเราที่เตรียมจะถอนกำลังออกไปจากที่นี่ไม่สามารถออกไปได้ ตอนนี้พวกเราเองก็ยากจะถอนกำลังออกไปได้เช่นกันครับ แล้วก็ไม่รู้ว่าประตูเมืองจะเปิดอีกทีเมื่อไหร่ครับ”

เซียวอวี่เหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เข้าใจแล้ว”

เจิงอิงฉางเองก็ค่อนข้างเสียดาย กล่าวว่า “ท่านประธานครับ ทหารจากสภาเซียนเพิ่งจะมาถึงในเวลานี้ แสดงว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ก่อนหน้านี้จะไม่ได้มีการซุ่มโจมตี ซึ่งคิดดูแล้วก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะถ้าหากมีการซุ่มโจมตีอยู่จริงๆ ล่ะก็ พวกเขาคงไม่มีทางปล่อยให้หลุมพรางเรื่องที่หลัวคังอันไม่มีของในมืออยู่จริงความแตกออกมาได้ เกรงว่าเราคงจะพลาดโอกาสที่ดีมากๆ ไปแล้วล่ะครับ”

เซียวอวี่เหยียนย้อนถาม “จะรู้ได้ยังไงว่ามันไม่ใช่แผนซ้อนแผน? เอาเถอะ เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”

“ครับ!” เจิงอิงฉางลอบถอนใจ นึกเสียดายของดีที่ได้มาอย่างยากลำบากชิ้นนั้น

……

โม่ซินสาวเท้าเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว กล่าวรายงานด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น “ผบ.เว่ย วังพิฆาตมารเคลื่อนกำลังพลมาหนึ่งแสนนายครับ มีท่านแม่ทัพเทพคังซ่านำทัพมาด้วยตัวเอง ตอนนี้เขาให้ทหารสามหมื่นนายเฝ้าอยู่ในเมืองปู๋เชวี่ย แล้วก็นำทหารเจ็ดหมื่นนายมาที่นี่ด้วยตัวเอง ตอนนี้อยู่ด้านนอกโรงงานแล้วครับ”

เว่ยผิงกงหิ้วไหสุราพลางส่งเสียงอืม สื่อว่ารู้แล้ว ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั้น

เมื่อเห็นเขาไม่มีท่าทีที่จะออกไปต้อนรับ โม่ซินเองก็ไม่พูดอะไรมาก หันหลังเดินออกไป

หลัวคังอันที่นั่งอยู่ตรงมุมไอขึ้นมาอย่างรุนแรง ไอเหมือนจะเป็นจะตาย เมื่อได้ยินว่าคังซ่าที่เป็นหนึ่งในหกแม่ทัพเทพนำทัพมาด้วยตัวเองก็ค่อนข้างตกใจ คิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกอาการไอที่แม้แต่พลังก็ยังยากจะบรรเทาอาการได้ขัดขวางเอาไว้จนไม่สามารถพูดได้

“อยากจะไอก็ไปไอข้างนอก รำคาญ” เว่ยผิงกงชี้มือไปด้านนอกถ้ำ

หลัวคังอันที่เอามือกุมหน้าอกลุกขึ้นโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนจะเดินโงนเงนออกไป เขานับว่าได้รับรู้แล้วว่าอาการไอแบบนี้มันรู้สึกอย่างไร เลือดลมปั่นป่วนอย่างรุนแรง พอจะโคจรพลัง พลังก็ควบคุมได้ค่อนข้างลำบาก ถ้าฝืนโคจรพลังในสภาพนี้อาจทำให้ธาตุไฟเข้าแทรกได้ทุกเมื่อ

หลัวคังอันเดินไปถึงลานกว้างด้านนอกถ้ำ ทอดตามองออกไป เห็นกำลังทหารจำนวนมากอยู่ข้างนอกโรงงาน

เรื่องที่กองทัพประสานงานวางแนวป้องกัน คังซ่าได้สั่งให้ทหารผู้ใต้บังคับบัญชาไปดำเนินการแล้ว ส่วนตนเองขี่ ‘อสูรเกล็ดมังกร’ ไปทางประตูหน้าของโรงงานสร้างข่ายพลัง

อสูรเกล็ดมังกรเป็นสัตว์เทพที่มีลักษณะลำตัวสูงสามจั้ง และยาวถึงหกเจ็ดจั้ง

บนหัวมีเขางอกออกมาเขาหนึ่ง บนตัวมีเกล็ดมังกรกระจายอยู่เต็มตัวเป็นเสมือนเกราะ ระหว่างที่เกล็ดบนร่างพะงาบเปิดปิด จะมีไอสีขาวถูกพ่นออกมา จากนั้นถูกดูดกลับเข้าไปใหม่ เพียงแค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นสัตว์เทพที่สามารถบินได้

นัยน์ตาที่น่ากลัวทั้งสองข้างเป็นสีทอง หางที่สะบัดไปมาเบาๆ นั้นเป็นเหมือนลูกตุ้มดาวตกที่มีหนามแหลม ในปากเต็มไปด้วยเขี้ยว เท้าทั้งสี่ก็มีกรงเล็บแหลมคม

คังซ่ายืนอยู่ทางซ้ายมือของเขาแหลมบนหัวอสูรเกล็ดมังกร ส่วนทางขวาของเขาแหลมมีชายชราที่ใส่ชุดคลุมสีขาว เส้นผมและขนคิ้วล้วนเป็นสีขาว ใบหน้าแดงปลั่งเปล่งประกาย

อสูรเกล็ดมังกรเข้าไปในโรงงานสร้างข่ายพลังพร้อมกับกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัว พวกลั่วเทียนเหอรอต้อนรับอยู่ข้างใน

หากเป็นเวลาปกติ ลั่วเทียนเหอคงจะไม่ชอบหน้าคนของวังพิฆาตมารเท่าไร เหมือนอย่างครั้งก่อนที่กัวฉีสวินที่เป็นหนึ่งในหกแม่ทัพเทพมา ลั่วเทียนเหอก็ไม่ได้ให้เกียรติอะไร แถมยังไล่เขากลับไปอีก

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน คังซ่านำกำลังทหารหนึ่งแสนนายจากวังพิฆาตมารมาเพื่อทำการช่วยเหลือเร่งด่วน มาทำงานตามคำสั่งของสภาเซียน ลั่วเทียนเหอจึงไม่กล้าทำตัวอวดดี ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่ตามมา

เมื่อได้เห็นสัตว์เทพที่ทรงพลังอำนาจเคลื่อนตัวเข้ามาในโรงงาน ฉินอี๋ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่ไปต้อนรับก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมาเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับบุคคลระดับคังซ่า

“ไม่ทราบท่านไหนคือท่านแม่ทัพเทพหรือคะ?” ฉินอี๋กระซิบถามลั่วเทียนเหอ เธอยืนเยื้องไปทางด้านหลังของลั่วเทียนเหอเล็กน้อย

ลั่วเทียนเหอตอบกลับมา “คนที่ผมขาวคิ้วขาวคนนั้นคือหัวหน้าแพทย์ของวังเซียน ผู้คนเรียกขานกันว่าอาจารย์หลาง คิดไม่ถึงว่าทางวังเซียนจะส่งเขามาด้วย บางทีปัญหาที่เธออยากจะแก้ไข เขาอาจจะช่วยเธอได้”

………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?! อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า > ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน ‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัส และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูล จนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท