ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 234 สถานการณ์ที่ยากลำบาก

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 234 สถานการณ์ที่ยากลำบาก

หลัวคังอันตะลึงไปทันที หอการค้าตระกูลฉินยังไม่ได้ล้มละลายนี่? สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมาทันที “ไม่มีแผนอะไรครับ หอการค้าตระกูลฉินดูแลผมอย่างดี ผมสาบานว่าจะอยู่ร่วมหัวจมท้ายไปกับหอการค้าตระกูลฉินครับ!”

“พูดภาษาคนหน่อยได้ไหม!” เว่ยผิงกงตะคอก

ไอ้นี่มันหมายความว่ายังไงกัน จะเล่นงานฉันให้ได้เลยใช่ไหม? หลัวคังอันสบถอยู่ในใจ พยายามเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น “ผบ.เว่ย คำพูดพวกนี้ผมพูดจากใจจริงนะครับ!”

เว่ยผิงกงหัวเราะเหอะๆ พยักหน้าพลางกล่าว “อืม ฉันเชื่อทุกอย่างที่นายพูด”

“…” หลัวคังอันที่ถูกตอกกลับมาพูดไม่ออก

เว่ยผิงกงกล่าว “เอาล่ะ อันนี้ฉันสมมตินะ สมมติว่าหอการค้าตระกูลฉินล้มละลาย นายวางแผนจะไปที่ไหน?”

หลัวคังอันทำท่าเด็ดเดี่ยวน่าเกรงขามขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่เขากำลังคิดจะพูดว่า ‘ผมบอกแล้วว่าจะอยู่ร่วมหัวจมท้ายไปกับหอการค้าตระกูลฉิน’

แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยออกไป เว่ยผิงกงก็กล่าวขึ้นมาอีกประโยคว่า “ฉันเตือนนายไว้ก่อนนะ ถ้านายพูดอะไรไร้สาระขึ้นมาอีก แล้วถ้าเกิดหอการค้าตระกูลฉินล้มละลายขึ้นมาจริงๆ ฉันจะยึดตามคำพูดของนาย ปล่อยให้นายตายไปกับหอการค้าตระกูลฉิน ฉันพูดจริงทำจริงนะ!”

“…” หลัวคังอันเป็นใบ้ไปทันที เมื่อนึกถึง ‘ความตรงไปตรงมา’ ของคนคนนี้ที่กล้าจัดการแม้กระทั่งคนของวังเซียน คำพูดที่กำลังหลุดออกมาจากปากก็ถูกกลืนกลับเข้าไป ก่อนจะแก้คำพูดใหม่ว่า “สถานการณ์ของหอการค้าตระกูลฉินในตอนนี้ค่อนข้างยากลำบาก ผมในฐานะที่เป็นรองประธานหอการค้าก็ทำได้เพียงแค่พยายามสู้ไปกับหอการค้าตระกูลฉินอย่างถึงที่สุดครับ”

เว่ยผิงกงว่า “พยายามอย่างถึงที่สุดอย่างไรล่ะ?”

หลัวคังอันรู้สึกเหมือนถูกทดสอบ เขาตอบกลับไปว่า “สภาเซียนคงไม่มีทางนั่งดูคนจำนวนมากขนาดนี้ตายไปเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรหรอกมั้งครับ?”

เว่ยผิงกงเอ่ยเยาะเย้ย “ยาแก้พิษที่วังเซียนเก็บเอาไว้ชุดนั้น นายคงจะไม่คิดว่ามันหมดไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม?”

หลัวคังอันกล่าวอย่างลังเล “หรือว่าทางวังเซียนจะโกหก? แล้วถ้าเกิดในอนาคตมีคนรู้ว่ายังมียาแก้พิษอยู่ พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนครับ?”

เว่ยผิงกงกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เรื่องนี้จัดการได้ไม่ยาก ก็แค่บอกว่ากำลังพลของสภาเซียนไปหายามาจากดินแดนแห่งความฝันอีกชุดหนึ่งไง”

“…” หลัวคังอันตะลึงอ้าปากค้าง

เว่ยผิงกงเหล่มอง “ทำไม? ไม่ได้เหรอ? หรือนายมีหลักฐานอะไรที่จะมาบอกได้ว่าสภาเซียนโกหก?”

“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หลัวคังอันโบกมือ ไม่ทราบว่าคนคนนี้พูดจริงหรือว่าโกหก เขากล่าวอย่างสงสัยว่า “ถ้าสภาเซียนมียาแก้ ในเมื่อเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนจำนวนมากขนาดนี้ ก็แค่เอายาแก้ออกมาช่วยชีวิตคนก็จบ ทำไมต้องทำอะไรซับซ้อนแบบนี้ด้วยล่ะครับ”

เว่ยผิงกงกล่าวอย่างไม่แยแส “ชีวิตผู้คนจำนวนมาก? เท่าไหร่ล่ะ? คนนับหมื่นของหอการค้าตระกูลฉินเท่านั้นเอง ในศึกใหญ่ๆ บางครั้งตายกันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ”

หลัวคังอันกล่าว “ชีวิตคนนับหมื่นเลยนะครับ ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับ”

เว่ยผิงกงว่า “ดูท่าทางนายจะยังไม่เข้าใจประเด็นหลักของปัญหานะ ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งแล้ว แต่ในมือของสภาเซียนมียาแก้อยู่แค่ชุดเดียวเท่านั้น”

ประโยคนี้เรียกสติของหลัวคังอัน เขากล่าวอย่างสงสัย “ความหมายของท่านผบ. คือ?”

เว่ยผิงกง “คนที่ลงมือก่อความวุ่นวายในครั้งนี้มี ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ อยู่ในมือเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้ ถ้าครั้งต่อไปพวกมันใช้สิ่งนี้ที่เมืองหลวง หรือเอาไปใช้ที่เมืองอื่นๆ นายเคยคิดถึงผลที่จะตามมาไหม? ถึงเวลานั้นคนตายจะไม่ได้มีแค่เป็นหมื่นแล้ว แต่จะเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน สมมติว่านายเป็นคนที่ต้องตัดสินใจ นายจะตัดสินใจยังไง?”

หลัวคังอันขมวดคิ้ว ยากที่จะตอบได้

เว่ยผิงกงกล่าว “หอการค้าตระกูลฉินหาเรื่องใส่ตัวเอง หากไม่ชนะการประมูลในครั้งนั้น ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ ก็คงไม่มาลงที่หอการค้าตระกูลฉินหรอก ร่างกายไม่ดี กระเพาะเล็ก แต่อยากกินเนื้อชิ้นใหญ่ การที่รับไม่ไหวมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว คงบอกได้แค่ว่าหอการค้าตระกูลฉินโชคร้าย ถ้า ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ ในครั้งนี้ไประบาดภายในเมืองปู๋เชวี่ย อันตรายต่อชีวิตของคนหลายสิบล้านคน ผลกระทบรุนแรงเป็นอย่างมาก แบบนั้นเรื่องมันจะกลายเป็นอีกแบบเลย ยาแก้ของทางสภาเซียนย่อมไม่มีทางที่จะไม่มี”

หลัวคังอันพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว จึงกล่าวอย่างสงสัยว่า “แต่ที่นี่ยังมีคนของสภาเซียนกว่าหมื่นคนที่ติดเชื้อเหมือนกันนี่ครับ!”

เว่ยผิงกงกล่าวเรียบๆ “ด้วยอำนาจของสภาเซียน นายคิดว่าการรวบรวมยาเซียนแก้พิษนับหมื่นเม็ดจะมีปัญหาอะไรเหรอ? รอดูเอาเถอะ อีกไม่นานเท่าไร ยาแก้พิษของทหารที่ประจำการอยู่ที่นี่ก็จะมาถึงแล้ว”

หลัวคังอันเอ่ยถามไปตรงๆ “ท่านผบ. หมายความว่าสภาเซียนจะช่วยเหลือแค่ทหารของสภาเซียน แต่ไม่สนใจความเป็นความตายของคนนับหมื่นของหอการค้าตระกูลฉินเหรอครับ?”

เว่ยผิงกงกล่าว “ทำไมจะต้องไปสนใจความเป็นความตายของคนของหอการค้าตระกูลฉินเหล่านั้นด้วยล่ะ นายลองให้เหตุผลมาสักข้อสิ”

หลัวคังอันกล่าวเสียงเรียบ “คนนับหมื่นชีวิตนี้ก็เป็นประชาการของดินแดนเซียนเหมือนกันนะครับ!”

เว่ยผิงกง “นั่นมันก็ต้องดูว่ามันอยู่ในสถานการณ์ไหน นี่คือคนของหอการค้าตระกูลฉิน หอการค้าตระกูลฉินเอาชนะการประมูลมาได้ อยากจะได้ผลประโยชน์ก้อนใหญ่ แต่พอเกิดเรื่องกลับจะให้สภาเซียนควักเงินจ่าย ทำธุรกิจแบบนี้มันจะไม่ง่ายเกินไปหน่อยเหรอ ใช่ว่าหอการค้าตระกูลฉินจะไม่มีหนทางช่วยเหลือคนเหล่านี้ เคล็ดลับการสร้างข่ายพลังเทพมหาวิญญาณที่มีอยู่ในมือนั่นมีมูลค่ามหาศาลนะ ขอแค่ยอมขายออกไป หอการค้าตระกูลฉินก็สามารถรวบรวมเงินก้อนนี้ได้แล้ว แต่ถ้าไม่ยอมขาย ทางสภาเซียนก็คงต้องตั้งคำถามแหละว่าทำไมถึงต้องปล่อยให้หอการค้าตระกูลฉินได้หาเงินก้อนใหญ่ แต่กลับจะให้สภาเซียนมาแบกรับภาระตรงนี้ด้วย มีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?”

เหตุผลนี้ทำให้หลัวคังอันไม่รู้จะตอบอย่างไร

เว่ยผิงกง “ไอหนุ่มเอ๊ย ถ้าหอการค้าตระกูลฉินไม่ได้มีคนหนุนหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะมีตระกูลหนานชียืนอยู่เบื้องหลัง นายคิดว่าหอการค้าตระกูลฉินจะรักษาผลประโยชน์นี้ไว้ได้เหรอ? เคล็ดลับสร้างข่ายพลังที่สำคัญขนาดนี้ กลับมาอยู่ในมือของหอการค้าแห่งหนึ่ง ทั้งยังต้องให้สภาเซียนส่งกำลังทหารมาคอยคุ้มครองอีก นายคิดว่าสภาเซียนยินดีเหรอ? นายคิดว่าสภาเซียนไม่อยากเอาเคล็ดลับที่สำคัญขนาดนี้ไปอยู่ในมือตัวเองเหรอ?”

“หลายๆ เรื่องมันติดอยู่ที่กฎเกณฑ์ สภาเซียนจะทำอะไรน่าเกลียดเกินหน้าเกินตาไปก็ไม่ดี หากสภาเซียนไปยึดเอาของสิ่งนั้นมา ตระกูลหนานชีย่อมเป็นตระกูลแรกที่ไม่ยอม คราวนี้มันก็จะเริ่มเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของหลายๆ ตระกูล ถ้าสภาเซียนจะทำแบบนั้นจริงๆ ทุกตระกูลจะต้องรวมตัวกันต่อต้านแน่ๆ”

“สำหรับสภาเซียนแล้ว สถานการณ์ตรงหน้านี้กลับเป็นโอกาส ตระกูลหนานชีไม่มีทางควักเงินนับแสนล้านมาลงทุนกับเรื่องนี้แน่ ถ้าหอการค้าตระกูลฉินจะช่วยคนก็ต้องขายเคล็ดลับการสร้างข่ายพลังนั้นไป หรือถ้าไม่ช่วยชีวิตคน ทำให้การส่งสินค้าต้องล่าช้าออกไปล่ะก็ ยังไม่ต้องพูดเรื่องถามหาความรับผิดชอบอะไรเลย อย่างน้อยๆ ก็หาคนมาสมัครทำงานที่โรงงานสร้างข่ายพลังไม่ได้แล้ว ไม่มีใครกล้ามาทำ จากนั้นหอการค้าตระกูลฉินเองก็ต้องล้มละลาย สุดท้ายก็ต้องขายเคล็ดลับการสร้างข่ายพลังนั้นออกไปอยู่ดี”

“หอการค้าตระกูลฉินไม่สามารถก้าวข้ามปัญหาในครั้งนี้ไปได้ เห็นชัดๆ ว่ายังไงก็ต้องจบเห่ รองประธานหลัว นายไม่คิดจะวางแผนสำหรับอนาคตของตัวเองหน่อยเหรอ?”

หลัวคังอันยังคงปากแข็ง “ยังมีหวังอยู่ครับ ขอเพียงหาดวงตาแห่งความฝันจากดินแดนแห่งความฝันเจอก็จะสามารถแก้พิษได้” กระทั่งตัวเขาที่พูดออกไปก็ยังไม่มีความมั่นใจ น้ำเสียงแผ่วเบา

เว่ยผิงกงหัวเราะเหอะๆ “ก็อย่างที่อาจารย์หลางบอก ถ้าสภาเซียนหาดวงตาแห่งความฝันมาได้อีก ยาแก้พิษจะเหลืออยู่แค่ชุดเดียวได้เหรอ? การที่ทำให้สภาเซียนล้มเลิกการค้นหาได้ แสดงว่าในระหว่างการค้นหาจะต้องมีคนบาดเจ็บล้มตายกันไปไม่น้อย จนกระทั่งสภาเซียนแบกรับความสูญเสียนั้นไม่ไหวอีกแล้ว ดังนั้นอย่างมากสภาเซียนก็อาจจะแค่ช่วยเหลือพอเป็นพิธีให้ประชาชนได้ดู อย่างน้อยที่สุดสภาเซียนก็ไม่มีทางเอาชีวิตของกำลังพลของสภาเซียนไปแลกกับชีวิตคนของหอการค้าตระกูลฉินหรอก”

“แต่แน่นอน การให้เงินรางวัลเป็นจำนวนมหาศาลย่อมต้องดึงดูดผู้กล้าให้มาเข้าร่วมได้ บางทีด้วยเงินรางวัลจูงใจของหอการค้าตระกูลฉิน อาจจะทำให้หาดวงตาแห่งความฝันเจอเข้าจริงๆ ก็เป็นได้ แต่นายเองก็เป็นคนที่ออกมาจากสภาเซียนนี่ นายคิดว่าเรื่องที่แม้แต่สภาเซียนที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนั้นก็ยังยากจะทำได้ แล้วอาศัยเพียงกำลังของคนเหล่านั้นจะทำได้เหรอ? นายลองคิดดูดีๆ นะ ความเป็นไปได้มันมีแค่ไหนกัน?

หลัวคังอันนิ่งเงียบไม่พูดอะไร โอดครวญอยู่ในใจ หรือว่านี่มันคือชะตาของตนเองจริงๆ เพิ่งจะได้ขึ้นเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉินเพียงไม่กี่วันก็ต้องจบลงแล้วเหรอ?

เว่ยผิงกงกรอกสุราเข้าปากอย่างช้าๆ พลางมองท่าทีของเขา เมื่อเห็นเขายังไม่ตอบอะไรออกมาเสียที จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไอหนุ่ม คิดดูดีๆ แล้วกัน ถ้าวางแผนอะไรยังไงก็มาบอกฉันได้ อย่างน้อยฉันก็พอจะรู้จักคนมากกว่านาย ขอแค่นายคอยปรนนิบัติให้ฉันอารมณ์ดี ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยนายสักครั้ง ให้นายได้มีที่ดีๆ ให้ไป”

หลัวคังอันมองเขาอย่างประหลาดใจ ไม่ค่อยเข้าใจว่าตาแก่คนนี้พูดจริงหรือหลอก สัญชาตญาณของเขาคิดว่ามันไม่น่าจะมีเรื่องดีๆ แบบนี้ได้ แต่เรื่องยาเซียนแก้พิษก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขาไม่กล้ามั่นใจแล้ว

แต่ถ้าจะต้องคอยปรนนิบัติคนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ให้พึงพอใจ มันก็คล้ายว่าจะยากอย่างมาก

ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือหากยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากหลินยวน เขาเองก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรในหลายๆ เรื่องได้ ช่วยไม่ได้ จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของเขาอยู่ในมือของหลินยวนนี่นา

หลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเขาก็ประสานมือพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ “น้ำใจของผบ.เว่ย ผู้น้อยขอน้อมรับไว้ด้วยใจครับ แต่เพราะผมเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉิน หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ ผมก็จะไม่หักหลังหอการค้าตระกูลฉินเด็ดขาด นี่เป็นกฎของการเป็นคนของแซ่หลัวครับ” แม้ว่าจะพูดออกมาเช่นนี้ แต่ก็ยังคงเหลือทางหนีทีไล่ไว้ให้ตนเอง เขากระแอมไออีกครั้งพลางกล่าว “แต่ถ้าถึงวันที่ไร้หนทางจริงๆ ถ้าหอการค้าตระกูลฉินอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ แซ่หลัวค่อยมาขอความช่วยเหลือจากผบ.เว่ยก็ยังไม่สายครับ”

เว่ยผิงกงหัวเราะเหอะๆ กล่าวว่า “อย่างนั้นนายไปจัดการเองแล้วกัน ไปทำให้เต็มกำลังของนาย ฉันไม่รั้งนายไว้แล้ว” กล่าวจบก็โบกมือ เริ่มกรอกเหล้าเข้าปากโดยไม่สนใจ

หลัวคังอันโค้งคำนับ ขอตัวออกไป

หลังออกไปจากที่นี่ สิ่งแรกที่เขาทำคือไปหาหลินยวน บอกเรื่องที่เว่ยผิงกงพูดให้เขาฟัง เอ่ยถามเขาว่าจะทำอย่างไรดี?

ที่เขาบอกหลินยวน เพราะอยากดูว่าหลินยวนจะทำอย่างไร หากหลินยวนจะปล่อยมือจากหอการค้าตระกูลฉินและไม่ต้องการเขาแล้ว เขาก็ต้องหาหนทางอื่น

แน่นอน เรื่องที่เว่ยผิงกงบอกว่าจะช่วยเขาหาทางหนีทีไล่ให้นั้น เขาไม่ได้พูดออกไป เรื่องเตรียมจะหนีมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูดอยู่แล้ว

สภาเซียนมียาแก้พิษ แต่กลับไม่ยอมเอาออกมา สำหรับเรื่องนี้ หลินยวนไม่ได้รู้สึกเกินความคาดหมายเลยแม้แต่นิดเดียว หลังได้ยินเรื่องที่ฉินอี๋ไปพบเว่ยผิงกงมา ภายในใจเขาก็ทราบดีอยู่แล้ว

มุมมองในบางด้าน เขามีประสบการณ์มากกว่าหลัวคังอันมากนัก

เพราะสถานการณ์ที่ยากลำบากของหอการค้าตระกูลฉิน สีหน้าของหลินยวนในเวลานี้จึงตกอยู่ในความเคร่งเครียดด้วยเช่นกัน หลังจากฟังจบ เขาก็ตอบกลับไปนิ่งๆ ว่า “รอดูว่าท่านประธานจะตัดสินใจยังไงก่อนแล้วกัน”

หลัวคังอันถอนใจพลางกล่าว “จากที่ได้ใกล้ชิดกันมานานขนาดนี้ก็พอจะมองออกอยู่บ้าง ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ ก็ไม่มีทางเอ่ยปากยอมแพ้ง่ายๆ เด็ดขาด เป็นหญิงแกร่งอย่างแท้จริง เกรงว่าเธอก็คงคิดจะลองทำดูให้ได้แหละ”

ฉินอี๋ในเวลานี้กำลังพูดคุยกับลั่วเทียนเหออยู่ เดิมทีคิดว่าจะไปหาอาจารย์หลางโดยตรงเลย เพียงแต่เธอไม่ได้คุ้นเคยกับอาจารย์หลาง อีกทั้งถ้าคนที่ต่ำต้อยอย่างเธอไปพูดกับอาจารย์หลาง พูดไปก็ไม่แน่ว่าจะได้ผล ในบางเรื่องอาจารย์หลางก็ไม่แน่ว่าจะยอมช่วยเธอ

จุดประสงค์ที่ฉินอี๋มาพูดคุยกับลั่วเทียนเหอ ก็เพราะหวังว่าลั่วเทียนเหอจะช่วยสอบถามข้อมูลบางอย่างจากทางอาจารย์หลางกับทางสภาเซียนได้ เพราะทางสภาเซียนมีประสบการณ์ในการตามหาดวงตาแห่งความฝัน เธอหวังว่าจะได้ข้อมูลจากคนที่เคยไปตามหาดวงตาแห่งความฝันบ้าง

นอกจากนี้ยังหวังว่าอาจารย์หลางจะสามารถอยู่ต่อได้ เพื่อคอยช่วยคลายความเจ็บปวดให้คนที่ติดเชื้อ ถ้าคนจำนวนมากขนาดนี้ต้องทรมานต่อไปเรื่อยๆ เธอกลัวว่าจะเกิดปัญหาก่อนที่จะหายาแก้เจอเอาได้ เกรงว่าคงยากที่จะทนอยู่รอถึงสามเดือนได้

ลั่วเทียนเหอจ้องมองเธอ “นังหนู เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอยังไม่ยอมหยุดอีกเหรอ?”

สีหน้าฉินอี๋ดูเหนื่อยล้า กล่าวอย่างลำบากใจว่า “ท่านเจ้าเมืองคะ หอการค้าตระกูลฉินเติบโตขึ้นมาจากหยาดเหงื่อของพวกเราสองพ่อลูกตระกูลฉิน แม่ของฉันก็เสียชีวิตไปเพราะหอการค้าตระกูลฉิน จะให้ฉันยอมแพ้ง่ายๆ ได้ยังไงคะ?”

ลั่วเทียนเหอส่ายหน้า “เธอนี่นะ ฉันไม่เชื่อว่าด้วยความฉลาดและความสามารถของเธอจะไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นยังไง เธอนี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ ต้องดื้อรั้นไปจนเลือดตกยางออกก่อนถึงจะยอมหยุดเหรอ? ในเมื่อเธอจะสู้ต่อไปเอง อำนาจในการตัดสินใจก็อยู่ในมือของเธอ ฉันเองก็ไม่มีอำนาจอะไรจะเข้าไปก้าวก่าย เพราะว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับชีวิตคนจำนวนมาก ดังนั้นเธอวางใจได้ เรื่องที่ฉันควรจะช่วยเธอ ฉันไม่มีทางนิ่งนอนใจแน่ ส่วนเรื่องที่จะให้อาจารย์หลางอยู่ต่อ เกรงว่าคงเป็นไปได้ยาก แต่เขาจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าทางสภาเซียนจะส่งยาแก้ของทหารมาถึงแล้วแล้วถึงจะไปแน่นอน ในช่วงเวลานี้ น่าจะเพียงพอให้ทางเธอส่งคนมาเรียนวิธีทำยาเพื่อคลายอาการเจ็บปวดกับเขานะ เดี๋ยวฉันจะช่วยพูดให้เธอเอง”

…………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน