ตอนที่ 271 ได้มาแล้ว
เมื่อกล่าวจบ เขาพลันเหม่อลอยไปทันที ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโตด้วยความตื่นตะลึง ผู้ชายผมขาวที่สวมชุดสีขาวดูงามสง่าปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา ยิ้มเล็กน้อยให้เขา
“อาจารย์…” หลัวคังอันเอ่ยพึมพำออกมาอย่างตื่นตะลึง
หลินยวนที่อยู่ข้างๆ กำหมัดทั้งสองจนแน่น ตรงหน้าเขาก็มีภาพที่เขาจำฝังลึกอยู่ในใจปรากฏขึ้นมาเช่นเดียวกัน ตัวเขาปรากฏอยู่ในภาพนั้น เสมือนว่าภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นได้กลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ในใจเขาบอกกับตัวเองอย่างชัดเจน นี่มันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เขาส่ายหน้าแรงๆ แต่กลับยากที่จะสลัดภาพนั้นออกไป
กลับเป็นหลัวคังอันที่กำลังร้องไห้สำนักผิดด้วยใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตาอยู่ข้างๆ ที่ทำให้เขาได้สติขึ้นมาเล็กน้อย จึงบอกกับตนเองในใจว่านั่นคือภาพลวงตา นั่นคือภาพลวงตา แต่มันก็เหมือนกับว่าเขาได้ตกอยู่ในความชั่วร้ายภายในใจ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันผิดปกติ แต่กลับยากที่จะถอนตัวออกมาได้
อันตราย! นี่คือการตอบสนองแรกของเขา เขาพลันโคจรพลังออกมาป้องกันตัวทันที เตรียมจะใช้พลังทำลายภาพลวงตา
เปลวไฟสีดำทองที่แทบจะไร้รูปลักษณ์ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา คล้ายกำลังสกัดกั้นอะไรบางอย่างเอาไว้ ภาพลวงตาภายในหัวหายไปทันที ฉากตรงหน้ากลับคืนสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
หลัวคังอันที่อยู่ข้างๆ กลับตกอยู่ในอันตราย หนอนแห่งความฝันจำนวนมากที่อยู่ข้างในเห็นพวกเขาแล้ว พวกมันพากันดีดตัวออกมา แต่หลัวคังอันกลับคุกเข่าเผชิญหน้ากับการโจมตี ไม่ได้มีการป้องกันใดๆ เลยแม้แต่น้อย ไม่ต่างจากการเปิดใจรับการสังหาร
หลินยวนซัดฝ่ามือออกไป โจมตีเข้าใส่ฝูงหนอนแห่งความฝันที่พุ่งตัวเข้ามาจนกระเด็นออกไป ทันใดนั้นพลันใช้พลังปิดกั้นหนอนแห่งความฝันที่จะกระโจนเข้ามาอีกครั้ง มือข้างหนึ่งคว้าคอของหลัวคังอัน เปลวไฟสายหนึ่งข้ามไปปกคลุมร่างของหลัวคังอันเอาไว้
หลัวคังอันที่ร้องไห้ฟูมฟายเงยหน้าขึ้นมาท่ามกลางความงุนงง ท่าทางของเขาดูตกอกตกใจขึ้นมาทันที
“อย่ามองตาของนางพญาหนอน” หลินยวนรีบเตือน
หลังจากเจอเหตุการณ์นี้ไป เขานับว่าได้เรียนรู้ถึงความร้ายกาจของนางพญาหนอนแห่งความฝันแล้ว นี่มันไม่ใช่ภาพลวงตาทั่วๆ ไป หากแต่เป็นจิตใต้สำนึกของคนคนหนึ่งที่กำลังวนเวียนอยู่ในความผิดชอบชั่วดี หาทางออกไม่เจอ
ขนาดใช้ผลดำขาวแล้วก็ยังเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ได้ใช้ล่ะก็ เกรงว่าคงจะเป็นอย่างที่เยี่ยนอิงบอก พวกเขาไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางพญาหนอนแห่งความฝันได้
หลัวคังอันได้ยินแบบนั้นก็รีบหันหน้าไปอีกทาง น้ำมูกน้ำตาบนใบหน้ายังไม่แห้งไป ในใจยังคงมีความหวาดกลัวอยู่
ภายในพื้นที่นั้นเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึมโครม เศษเลือดเศษเนื้อกระเด็นกระดอน เยี่ยนอิงที่ฝ่าเข้าไปในนั้นเรียกได้ว่าเปิดฉากสังหารอย่างดุเดือด
ไม่ว่าหนอนแห่งความฝันที่แห่เข้ามาจะมีจำนวนมากเท่าไร ไม่ว่าพวกมันจะพยายามโจมตีอย่างไรก็ไม่อาจต้านเยี่ยนอิงเอาไว้ได้ ต่างถูกบดขยี้อย่างง่ายดายราวกับเต้าหู้
ร่างกายของนางพญาหนอนแห่งความฝันใหญ่โต แต่ดูเหมือนจะสูญเสียความสามารถในการคืบคลานไปแล้ว ขาที่ใช้ในการคืบคลานที่ขยับไปมานั้นเรียกได้ว่าไม่สามารถแตะพื้นได้ ร่างกายใหญ่โตของมันก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ได้แต่ต้องหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาปีศาจที่เปล่งประกายเหมือนดั่งไพลินสีน้ำเงินจ้องเขม็งมาที่เยี่ยนอิง
เยี่ยนอิงที่พุ่งทะยานออกมาจากเศษซากหนอนแห่งความฝันตะปบกรงเล็บออกไป หัวของนางพญาหนอนแห่งความฝันระเบิดออกทันที ของเหลวสาดกระจายไปทั่ว ลูกตาขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือนไพลินสีน้ำเงินนั้นมืดสลัวลงทันที ลอยมาทางเธอ
เธอโบกแขนเสื้อปัดหนอนแห่งความฝันที่กระโจนเข้ามาจากทางซ้ายและขวา พยายามไม่ทำให้ดวงตาแห่งความฝันได้รับความเสียหาย ฝ่ามือข้างที่ดูดดวงตาเข้ามาสะบัดหนึ่งที เก็บดวงตาแห่งความฝันเข้าไปในแหวนสารพัดนึก ก่อนจะถอยหลบออกมาอย่างรวดเร็ว
ในรังนางพญายังมีอุโมงค์ทางเดินที่กว้างพอจะให้คนเดินผ่านไปได้ ไม่รู้ว่าเป็นเส้นทางที่ตรงไปทางไหน เยี่ยนอิงไม่ได้ไปทางนั้น หากแต่พุ่งออกมาจากปากโพรงที่เจาะเปิดเอาไว้ในตอนแรกซึ่งในเวลานี้ได้ถูกหนอนแห่งความฝันล้อมไว้อย่างแน่นหนา พร้อมทั้งเรียกหลินยวนกับหลัวคังอัน “ไป!”
ทั้งสามคนถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ออกมาจากโพรงที่พวกเขาเจาะเอาไว้ แล้วรีบบินเลียบเพดานถ้ำออกไป
ตั้งแต่ตอนที่ลงมือ จนถึงตอนที่ฆ่านางพญาและชิงดวงตาแห่งความฝันมา พวกเขาใช้เวลาไปเพียงไม่นาน หากต้องปะทะกันซึ่งๆ หน้า ไม่ว่าหนอนแห่งความฝันจะมีจำนวนมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้
หนอนแห่งความฝันจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงลงมาจากโพรงที่อยู่บนเพดาน หนอนแห่งความฝันจำนวนมากที่ไล่ตามมาพุ่งออกมาจากรูอย่างไม่คิดชีวิต หารู้ไม่ว่าด้านล่างคือความว่างเปล่า พวกมันร่วงตกมาสู่พื้นราวกับเม็ดฝน กระทั่งพวกมันบางส่วนคลานกลับหัวออกมาจากโพรงบนเพดาน ด้วยความเร็วในการคลานกลับหัวของพวกมัน ถ้าคิดจะไล่ตามสามคนที่หนีไปนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ในตอนที่ทั้งสามคนกลับลงมาจากบนเพดาน ในตาและปากของลิงยักษ์ที่ล้มอยู่พลันมีสัตว์ประหลาดปล่อยสายฟ้าพุ่งออกมาทีละตัว
เยี่ยนอิงที่บังเอิญหลบหนีออกมาพอดีไม่ได้สร้างภาพลวงตาปกปิดร่องรอยของทั้งสามคนไว้ เรียกได้ว่าเจอกันเข้าอย่างจัง
ทั้งสามไม่รีรอให้เสียเวลา รีบพุ่งออกไปทางปากถ้ำที่อยู่ใต้เพดานที่ก่อนหน้านี้ใช้เดินทางเข้ามา
ฝูงสัตว์ประหลาดไล่ตามมาในอากาศทันที เห็นทั้งสามคนพุ่งตัวเข้าไปในปากถ้ำ พวกมันก็เปิดฉากโจมตีกลางอากาศทันที สายฟ้าสิบกว่าสายพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ร่างของหลัวคังอันที่สภาวะอ่อนแอที่สุดและหลบหนีได้ช้าที่สุดยังไม่ทันได้เข้าไปในถ้ำ แม้จะพยายามเร่งความเร็วอย่างเต็มที่แล้วก็ยังเร็วไม่พอจะหลบให้พ้นจากสายฟ้าได้ เขาถูกสายฟ้าฟาดใส่ติดๆ กันสองครั้งทันที ส่งเสียงร้อง ‘อ๊าก’ ออกมากลางอากาศ ก่อนจะร่วงลงไปชักกระตุกอยู่บนพื้น
หลินยวนเหวี่ยงมือออกไป ดูดหลัวคังอันเข้ามา เยี่ยนอิงที่ร่างกายบิดกลับไปฟาดฝ่ามือออกไป ระเบิดพลังไปยังเพดานถ้ำ
นั่นเรียกได้ว่าเป็นพลังที่เคลื่อนภูเขาพลิกสมุทรได้อย่างแท้จริง ปากถ้ำที่กว้างขวางพังทลายลงทันที ก้อนหินทยอยตกลงมาปิดปากถ้ำไว้ ปิดกั้นการไล่ล่าสังหารของสัตว์ประหลาดพวกนั้น
หลินยวนที่ร่อนลงสู่พื้นเห็นว่าทางเข้าถูกปิดตาย จึงหิ้วหลัวคังอันขึ้นมาดู เห็นเสื้อผ้าของเขาไหม้เกรียม ผิวหนังเป็นสีแดง แผ่นหลังมีรอยไหม้บนเนื้อสองที่ เส้นผมของเขาม้วนหงิกงอและมีควันลอยออกมาเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองยังคงพลิกเหลือกขึ้นไปแบบจะตายมิตายแหล่ ร่างกายชักกระตุกอยู่เป็นระยะ
หลินยวนรีบใช้พลังตรวจสอบ หลังจากนั้นเอายาเซียนหนึ่งเม็ดใส่เข้าปากของหลัวคังอัน ช่วยให้เขากลืนลงไป
“เขาเป็นยังไงบ้าง?” เยี่ยนอิงที่ร่อนลงสู่พื้นรีบเข้ามาถาม
“ไม่เป็นไร ยังไม่ตาย ไปเถอะ” หลินยวนกำชับ หิ้วหลัวคังอันบินออกไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว
เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งที่อยู่บนตัวของหลัวคังอันปลิวกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ส่วนตัวเขายังคงไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา
ทางเข้าที่ถูกปิดตายอยู่ด้านหลังยังมีความเคลื่อนไหวอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกสัตว์ประหลาดยังไม่ยอมแพ้หรือเปล่า
ทั้งสามคนไม่กล้ารั้งอยู่ตรงนั้นนาน รีบกลับไปในเส้นทางที่ทำเครื่องหมายไว้ตอนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ไม่นานก็พบกับมดไฟฝูงใหญ่ พวกมันดาหน้าเข้ามา ดูเหมือนว่าจะตามกลิ่นจนมาเจอพวกเขาเข้า
ทั้งสามคนที่หาดวงตาแห่งความฝันเจอแล้วยังจะมีอะไรให้ต้องพะวงอีกล่ะ พวกเขาไม่จำเป็นต้องตามหาเส้นทางของหนอนแห่งความฝันอีกแล้ว จึงฆ่ามดไฟอย่างไม่ลังเล รีบฝ่าอุปสรรคที่กีดขวางออกไป
ระหว่างทาง เยี่ยนอิงหันกลับไปถามหลินยวน “ท่านซ่อนสภาวะเหรอคะ?”
ภายใต้การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนี้ เธอมองออกแล้ว เห็นได้ชัดว่าสภาวะของหลินยวนเหนือกว่าหลัวคังอัน เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง อย่างน้อยๆ ในตอนที่หนีเข้าปากถ้ำเมื่อครู่นี้ ตามหลักแล้วคนที่อยู่ด้านหลังสุดไม่ควรจะเป็นหลัวคังอันถึงจะถูก
ก่อนหน้านี้เธอก็รู้สึกว่ามันแปลกอยู่แล้วเชียว คนที่สภาวะเพียงเท่านั้นจะมี ‘ป้ายบัญชาเทพ’ อยู่ในมือได้อย่างไร ในเศษเดนราชวงศ์ก่อนไม่มีคนอื่นแล้วเหรอ?
หลินยวนหิ้วหลัวคังอันไปด้วยตลอดทาง เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไร
เยี่ยนอิงเอ่ยถามอีกครั้ง “ท่านเทพเอ้อซวีเป็นอาจารย์ของท่านเหรอคะ?” แต่จากนั้นก็ปฏิเสธความคิดนี้ไปเอง “ไม่ใช่สิ ท่านเทพหลงกลติดกับ ถูกพวกคุนอีร่วมมือกันทำให้บาดเจ็บสาหัส เข้าไปในดินแดนมารไม่รู้เป็นหรือตาย ไม่มีทางที่จะออกมาจากดินแดนมารที่ถูกผนึกไว้ได้อีก ถ้าออกมาได้ ดินแดนเซียนในตอนนี้คงจะไม่มีทางเป็นแบบนี้ จากอายุของท่าน จะได้รับการสืบทอดมาจากท่านเทพได้อย่างไร? แต่ป้ายบัญชาเทพก็อยู่ในมือท่าน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลินยวนยังคงนิ่งเงียบ แต่ภายในใจกลับปั่นป่วนเพราะคำพูดของอีกฝ่าย
ท่านเทพเอ้อซวี แม้ว่าเขาจะไม่เคยเจอ แต่ทั่วทั้งดินแดนเซียนแห่งนี้น่าจะไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าเขาคือใคร เขาก็คือองค์จักรพรรด์ของราชวงศ์ก่อน เป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดของกลุ่มที่ถูกเรียกว่าเศษเดนราชวงศ์ก่อน ว่ากันว่าถูกผนึกเข้าไปในดินแดนมาร แล้วเขาจะมาเป็นอาจารย์ของตนเองได้ยังไงกัน?
อีกฝ่ายเอ่ยถามมาเช่นนี้ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยากรู้ว่าอาจารย์ที่ลึกลับคนนั้นของตนเองคือใคร แต่เขาก็ไม่มีทางตอบคำถามอะไรได้
ในตอนที่ยังไม่สามารถมั่นใจในตัวเยี่ยนอิงได้ เขาเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรมาก ทำได้แค่เพียงนิ่งเงียบ ให้อีกฝ่ายค่อยๆ เดาไปอย่างไม่แน่ใจ
ระหว่างทาง หลัวคังอันได้สติขึ้นมา เขาสูดหายใจเข้าเบาๆ “อะไรวะเนี่ย?”
ทำไมตนเองเป็นแบบนี้ ทำไมถึงถูกสายฟ้าโจมตี จนถึงตอนนี้เขาก็ยังนึกไม่ออก แต่ก็พอจะเดาได้แล้ว ตอนที่หันหลังจู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่าด้านหลังมีแสงจ้าสว่างวาบขึ้นมา ชั่วพริบตาสติก็พร่ามัวไปทันที
หลินยวนกับเยี่ยนอิงหยุดทันที ด้วยความเร็วของทั้งสองคน ตอนนี้ได้ออกจากสถานที่เกิดเหตุมาไกลมากแล้ว แล้วก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จึงวางเขาลงบนพื้น ให้เขาได้พักหน่อย เยี่ยนอิงอธิบายว่า “นายถูกสัตว์ประหลาดปล่อยสายฟ้านั่นโจมตีใส่”
หลัวคังอันก้มลงมองตนเองที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แล้วก็มองดูมือทั้งสองที่แดงก่ำ ยิ้มเศร้าพลางกล่าว “ทำไมคนที่ซวยมันต้องเป็นฉันตลอดเลย?”
ตัวเขาเองก็รู้คำตอบ เพราะว่าในที่นี้คนที่สภาวะอ่อนแอที่สุดก็คือเขา คนที่เจอเรื่องซวยๆ ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ?
สิ่งที่เขาอยากพูดก็คือทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันมีอันตราย เขาไม่อยากเข้าไปเลยจริงๆ อยากจะด่าใครบางคน จะเอาประสบการณ์ห่าเหวพวกนี้ไปทำไมวะ
แต่จะว่าไปแล้วมันก็อันตรายจริงๆ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือ เขาคงจะตายไปโดยไม่รู้ตัวตั้งไม่รู้กี่รอบแล้ว
อย่างน้อยๆ สำหรับเขาแล้ว สถานที่บ้าๆ นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่เขาควรมา
หลินยวนกล่าว “รู้สึกยังไงบ้าง? น่าจะไม่เป็นอะไร!”
หลัวคังอันเงยหน้ามองเขา ส่งสายตาต่อว่าพลางกล่าว “ปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัวแล้วเนี่ย!”
หลินยวน “เป็นผู้ชายก็ทนเอาหน่อย ถ้าไม่เป็นไรก็อย่ามาทำสำออยที่นี่ เดินไปเอง”
หลัวคังอันลุกขึ้นช้าๆ กัดฟันอย่างเจ็บปวดพลางกล่าว “ให้ฉันพักก่อนได้ไหม?”
หลินยวน “อย่างนั้นแกก็อยู่ที่นี่คนเดียวแล้วกัน”
หลัวคังอันตกใจ เขากลัวจริงๆ ว่าคนคนนี้จะทำเรื่องแบบนี้ ด้วยนิสัยของคนคนนี้แล้ว อีกฝ่ายสามารถทำเรื่องแบบนั้นได้จริง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าหนีสัตว์ประหลาดพวกนั้นพ้นหรือยัง จึงตะโกนออกไปทันที “ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไหม?”
หลินยวนมองดูสภาพที่ไม่สามารถออกไปเจอใครได้ของเขา ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “เร็วหน่อย”
หลัวคังอันหันหลังเดินไปทันที แต่พอคิดถึงว่าต้องเข้าไปในสถานที่ที่ไม่มีใครด้วยตัวคนเดียว ภายในใจเขาก็เกิดความลังเลขึ้นมา มันคือสิ่งที่คนเรียกกันว่าความหวาดกลัว จึงหันกลับมาอีกครั้ง “น้องหลิน ให้ฉันยืมหลังนายหน่อยสิ บังให้หน่อย”
หลินยวนรับนิสัยกลัวตายแบบนี้ของเขาไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ยังหันหลังให้ หลัวคังอันรีบหลบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านหลังเขา
หลงซืออวี่มีลูกศิษย์แบบนี้ได้ยังไงกัน? เยี่ยนอิงเองก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หมุนตัวหันหลังไป ไม่มองในสิ่งที่ไม่ควรมองเช่นกัน
หลินยวนฉวยโอกาสตอนที่ยังว่างนี้ เอ่ยถามสิ่งที่เขากังวลใจ “ดวงตาแห่งความฝันไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เยี่ยนอิงพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าว “วางใจได้ค่ะ ยังอยู่ดี สมบูรณ์มากด้วย ไม่เสียหายเลยแม้แต่น้อย แต่เก็บไว้ในมือฉันก่อนดีกว่า ขอเพียงเห็นว่าอาเซียงปลอดภัย ของฉันย่อมต้องมอบให้พวกท่านอยู่แล้ว ไม่ผิดคำพูดเด็ดขาดค่ะ”
หลินยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกอยู่แล้วเชียวว่าผู้หญิงคนนี้ดูกระตือรือร้นอย่างมากในตอนที่จะไปเอาดวงตาแห่งความฝัน ทั้งยังรู้สึกว่าไม่ค่อยปกติเท่าไรด้วย ตอนนี้ถึงได้เข้าใจ ที่แท้ก็วางแผนเอาไว้แบบนี้นี่เอง
หลัวคังอันเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ทิ้งเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งลงพื้น พลางหันไปพูดว่า “เสร็จแล้ว”
“เสร็จแล้วก็ไป” หลินยวนหันกลับมาเรียก
หลัวคังอันกลับผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “เดี๋ยวก่อน” กล่าวจบก็หลับตาทั้งสองข้าง รับรู้ถึงอะไรบางอย่าง
ครั้งนี้หลินยวนอดทนรอ เพราะรู้ว่าหมอนี่ได้รับข้อความอะไรบางอย่างมา
จากนั้นครู่หนึ่ง หลัวคังอันก็ลืมตาขึ้นมา กล่าวว่า “ทางท่านประธานส่งข้อความมาน่ะ ถามพวกเราว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง จะให้ตอบกลับยังไงดี? บอกพวกเขาว่าเราได้ดวงตาแห่งความฝันมาแล้วไหม?”
……………………………………………………………