ตอนที่ 57 เฆี่ยนสามร้อยหวาย / ตอนที่ 58 หยอกล้อ
ตอนที่ 57 เฆี่ยนสามร้อยหวาย
“ขอตัวอย่างนั้นหรือ”
ดวงตาสีดำสนิทของจวินมั่วหรันค่อยๆ เจือแววคลุ้มคลั่งขึ้น ริมฝีปากบางๆ ของเขาเริ่ม เปล่งเสียงอันเยือกเย็นดุจน้ำแข็งออกมา “เจ้ากลั่นแกล้งจวินฝู ข้าจำเป็นต้องลงโทษเจ้า”
เฟิงอู๋โยวแทบไม่อยากเชื่อคำพูดของจวินมั่วหรัน เพราะคิดว่าเขาเข้าข้างตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น นางจึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ท่านใต้เท้าขอรับ เห็นๆ อยู่ว่าท่านไม่สนใจเรื่องของท่านหญิงจวินฝู ไฉนตอนนี้ถึงเปลี่ยนท่าทีมาเป็นห่วงใยอยากปกป้องน้องสาว ท่านจะตัดใจลงโทษเฟิงอู๋โยวผู้ที่เป็นเลิศคนนี้ได้จริงๆ หรือ!”
จวินมั่วหรันจ้องเขม็งไปที่เฟิงอู๋โยวที่วาจาสามหาวต่อหน้าเขา และอยู่ๆ ก็คิดจะกลั่นแกล้งนางขึ้นมาอีกครั้ง
เจ้าพวกที่ทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้าแบบนี้ มันน่าอัดให้น่วมจริงๆ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จวินมั่วหรันก็กระชากคอเสื้อของเฟิงอู๋โยวยกขึ้นและลากนางมาที่ประตู ก่อนเหวี่ยงไปที่ขั้นบันได “จุยเฟิง นำตัวแม่ทัพเฟิงไปเฆี่ยนสามร้อยหวาย”
ด้านนอกเรือนมั่วหรัน จุยเฟิงในสภาพใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตา เขายังคงยืนยกมือทั้งสองข้างขึ้นทาบอกพลางบ่นพึมพำ
เขาไม่ทันสังเกตว่าจวินมั่วหรันเปิดประตูออกมาแล้ว และยืนสีหน้าอึมครึมอยู่ด้านหลังเขา
“คุณพระคุณเจ้าโปรดช่วยคุ้มครอง ในที่สุดท่านใต้เท้าก็ได้ลิ้มลองรสชาติอันหอมหวาน! การกระทำที่ผิดจารีตเช่นนั้นช่างน่ามหัศจรรย์ใจ!”
“พระเจ้าย่อมมองเห็นความภักดีของตระกูลจวินที่มีต่อราชวงศ์ ดังนั้นจึงไม่อาจหยุดการสืบต่อทายาทของตระกูลจวินนี้ได้! วันนี้ท่านใต้เท้าได้พานพบกับแม่ทัพเฟิง ไม่แน่วันหลังท่านใต้เท้าอาจได้อ้อมกอดสตรีจริงๆ และให้กำเนิดทายาทเต็มเรือนก็เป็นได้!”
“ทายาทอาจไม่ต้องเยอะ ทางที่ดีบุตรชายห้าบุตรีห้า รวมกันเป็นสิบครบสมบูรณ์!”
…
เถี่ยโส่วเห็นจวินมั่วหรันยืนสีหน้าหงุดหงิดอยู่ด้านหลัง จึงรีบส่งสายตาให้จุยเฟิง “หุบปากเสีย! ท่านใต้เท้าอยู่ข้างหลังเจ้า”
“ไฉนเจ้าถึงส่งสายตาให้ข้าแบบนี้ ข้าไม่ได้ชอบบุรุษเหมือนท่านใต้เท้านะ”
จุยเฟิงปัดมือของเถี่ยโส่วออกอย่างไม่สนใจ หลังจากนั้นสักหนึ่งก็เริ่มรู้สึกตัวว่าเถี่ยโส่วพูดว่าอะไร
เพียงเสี้ยวพริบตา จุยเฟิงตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที หน้าถอดสีลงฉับพลัน
เขาทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นต่อหน้าจวินมั่วหรันและเตรียมตัวยอมรับผิด
แต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นได้ จุยเฟิงรู้สึกว่าจวินมั่วหรันใช้เวลาอยู่ในห้องเร็วเกินไป จึงเอ่ยถามขึ้น “ท่านใต้เท้าขอรับ เป็นเวลาแค่เพียงหนึ่งถ้วยชาเองขอรับ ไฉนถึงออกมาเร็วแบบนี้”
สายตาเฉียบคมดุจคมมีดของจวินมั่วหรันมองหน้าตาอันหวาดกลัวของจุยเฟิงพลางพูดขึ้นเสียงเย็นจับขั้วหัวใจ “ไสหัวไป”
“รับทราบ”
จุยเฟิงหดหัวหดไหล่และรีบคว้ามือเถี่ยโส่ววิ่งออกไปอย่างลนลาน
จวินมั่วหรันรู้สึกจนปัญญา เพราะเขาจะสั่งให้เถี่ยโส่วนำตัวเฟิงอู๋โยวไป แต่นึกไม่ถึงว่าจุยเฟิงจะลากเขาไปด้วย
เฟิงอู๋โยวที่ถูกเหวี่ยงกองอยู่บนพื้นมองสีหน้าเด๋อด๋าของจวินมั่วหรันออก นางจังเอามือยืนพื้นและกระโดดขึ้นมาอยู่ต่อหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านใต้เท้าขอรับ เปลี่ยนจากลงโทษด้วยการลงหวายเป็นมือตีแทนเป็นเยี่ยงไรขอรับ เสียงแปะๆ จากมือตี น่าฟังกว่าเสียงหวดหวายนะขอรับ”
“ถ้าถอดเสื้อตี ขอดีก็คือมือของท่านใต้เท้าจะได้สัมผัสกับผิวของกระหม่อม แต่ถ้าใส่เสื้อตี ท่านใต้เท้าก็จะไม่เห็นรอยฟกช้ำจากการตี จะได้ไม่ต้องรู้สึกทรมานใจตอนตีกระหม่อม”
“และที่สำคัญ กระหม่อมขอให้ท่านใต้เท้าตีด้านหลังกระหม่อม และอย่าตีด้านหน้าเลยขอรับ!”
เฟิงอู๋โยวยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดหน้าอกตัวเองอย่างมิดชิดพลางพูดขึ้นไม่หยุด
“น่ารำคาญชะมัด”
จวินมั่วหรันง้างมือขึ้นและฟาดเข้าไปที่ใบหน้าเย้ายวนของเฟิงอู๋โยว
แต่เฟิงอู๋โยวตอบสนองอย่างรวดเร็ว นางพุ่งเข้าไปอ้อมกอดจวินมั่วหรันเพื่อเลี่ยงไม่ให้ใบหน้าของนางปะทะกับฝ่ามือของจวินมั่วหรัน
นางกอดเอวหนาแน่นของจวินมั่วหรันและแนบใบหน้าลงบนแผงอกของเขา “ท่านใต้เท้าขอรับ ขอท่านอย่าได้ถือสากับความผิดของคนตัวเล็กต้อยต่ำอย่างกระหม่อมเลยขอรับ ขอได้อย่าลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกับกระหม่อมเลยขอรับ”
“ปล่อย”
“ไม่ปล่อยขอรับ จนกว่าท่านใต้เท้าจะรับปากว่าจะไม่ตี ไม่ด่า ไม่โหดร้าย และจะทะนุถนอมเอ็นดูกับกระหม่อม”
“ฝันไปเถอะ!”
จวินมั่วหรันแค่นเสียงหึในลำคอ จากนั้นก็พยายามสลัดเฟิงอู๋โยวที่เกาะตัวเขาเป็นปลาดูดออกไป
ตอนที่ 58 หยอกล้อ
เฟิงอู๋โยวหน้าบูดลงทันควัน จากนั้นจึงเงยหน้าถลึงตาใส่เขา
ไม้อ่อนไม่ชอบ ต้องให้เล่นไม้แข็ง!
ชาติที่แล้ว ตั้งแต่นางได้ขึ้นเป็นหัวหน้าของเหล่าสี่ทหารใหญ่แห่งคณะทหารรับจ้าง ก็ไม่มีใครกล้าบังคับนางเช่นนี้มาก่อน
แม้ตอนนี้นางจะยังสู้จวินมั่วหรันไม่ได้ แต่นางเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ นางสามารถทำให้จวินมั่วหรันร้องไห้งอแงได้แน่นอน
จวินมั่วหรันเลิกคิ้วรับสายตาอันดุดันของเฟิงอู๋โยว
ตอนที่ดวงตาสีดำสนิทของเขามองมา เขาก็ยังสงวนท่าทีที่งามสง่าเอาไว้ ประหนึ่งกำลังจ้องมองมดปลวกก็ไม่ปาน เพียงแค่แวบเดียวก็ฉายแววชนะอย่างเป็นที่ประจักษ์
“หมายความว่าท่านใต้เท้าไม่ต้องการทะนุถนอมเอ็นดูกระผมหรือขอรับ”
เฟิงอู๋โยวเงยหน้าขึ้น ดวงตาเจือแววหงุดหงิดรำไร ภายในความหงุดหงิดกลับซุกซ่อนจิตสังหารอยู่เบาบาง
จวินมั่วหรันยิ้มมุมปากเล็กน้อย น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายค่อยๆ แล่นเข้าหูนาง “เฟิงอู๋โยว เจ้ารับความเอ็นดูจากข้าไม่ไหวหรอก”
“ขนาดนั้นเชียวหรือ”
เฟิงอู๋โยวพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพลางเอามือกอดอก ดวงตาทรงกลีบดอกท้อหรี่ลงอย่างนึกสนุก
ทำเอาจวินมั่วหรันกระชากคอเสื้อของเฟิงอู๋โยวขึ้นมาอีกครั้งย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นก็ลากนางผ่านระเบียงทางเดิน และผ่านโถงทางเดินที่มีไม้แกะสลักจนกระทั่งมาถึงสถานที่โล่งกว้าง จึงเหวี่ยงเฟิงอู๋โยวไปที่พื้น
เฟิงอู๋โยวใช้มือยันพื้น ฝ่ามือถูกเศษหินเศษกรวดทิ่มแทงเล็กน้อย
นางมองไปรอบๆ อย่างุนงง จนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่เป้าธนูฟาง ภายในใจพลันผุดลางร้ายขึ้นทันที
“ที่ท่านใต้เท้าบอกว่าเอ็นดู คงไม่ได้หมายถึงใช้กระหม่อมเป็นเป้าธนูฟางใช่หรือไม่ขอรับ”
“ลุกขึ้น! แล้วไปยืนด้านหน้าเป้าธนู”
จวินมั่วหรันหันไปหยิบธนูพลางพูดเสียงเย็นใส่เฟิงอู๋โยวที่กำลังหวั่นใจอยู่
“มีเป้าธนูฟางอยู่แล้ว ไฉนท่านใต้เท้าถึงต้องหยอกล้อกระหม่อมอีกขอรับ” เฟิงอู๋โยวไม่พอใจ จิตสังหารพลันเอ่อออกมาอีกครั้ง
เมื่อจวินมั่วหรันสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาตามตัวเฟิงอู๋โยวก็เริ่มหงุดหงิด
ถึงแม้ว่าเขาอยากหยอกล้อมาตลอด แต่ก็ไม่เคยลงมืออย่างเลยเถิด
ต่อให้จะกอดรัดหยุดการเคลื่อนไหวของนาง แต่ก็ไม่เคยออกแรงจนเกินไป เพราะกลัวว่าจะทำให้กระดูกของนางหัก
แต่นึกไม่ถึงว่าการผ่อนปรนของเขาจะทำให้นางแผ่จิตสังหารออกมาแบบนี้
“ข้าไม่ชอบบีบบังคับใคร แต่เจ้ามีแค่สองทางเลือกเท่านั้น จงคิดดูดีๆ” สีหน้าจวินมั่วหรันอึมครึมลงก่อนยิงธนูเข้าไปที่เป้าธนูฟางติดกันสิบดอกกรวดเดียว
เฟิงอู๋โยวยืนอยู่ข้างๆ เขา จิตสังหารทั่วทั้งตัวนางหายไปเป็นปลิดทิ้งตอนที่เขาง้างยิงธนู
เพราะท่วงท่าการยิงธนูของเขามันน่าดูเหลือเกิน
นางมองเขาในระยะประชิดไม่ถึงคืบ รูปร่างสูงสง่าเกินกว่าใคร เมื่อยืนอยู่ด้านหน้าให้ความรู้สึกเหมือนถูกปกป้อง
แต่น่าเสียดาย ฝีมือการยิงธนูของเขาย่ำแย่ยิ่งนัก!
ในบรรดาสิบดอกที่ยิงไป มีเพียงดอกเดียวที่ยิงเข้าเป้าธนูฟาง
เฟิงอู๋โยวที่เห็นเช่นนั้นจึงเข้าใจความตั้งใจของจวินมั่วหรันขึ้นทันที
เขาต้องการใช้นางเป็นเป้าธนู เพราะต้องการฆ่านางอย่างนั้นหรือ
“ท่านใต้เท้า นอกจากเป็นเป้าธนูให้ท่านแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งคืออะไรขอรับ” นางหันไปถามด้วยน้ำเสียงหน่ายอารมณ์
“หากเจ้าไม่อยู่ฝึกธนูกับข้า ก็อย่าหาว่าข้าไร้ความปราณี เพราะข้าจะส่งตัวเจ้าไปให้อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายแห่งแคว้นเป่ยหลีด้วยมือข้าเอง”
“อยู่ขอรับ! กระหม่อมจะอยู่ฝึกธนูกับท่านใต้เท้าขอรับ จัดมาเลย”
เฟิงอู๋โยวไม่อยากกลับไปที่แคว้นเป่ยหลี ดังนั้นนางจึงยอมอยู่ฝึกธนูกับเขาอย่างไม่มีข้อกังขา
นางไม่อยากเห็นพ่อแท้ๆ ของตัวเองขายลูกตัวเองเพื่อหน้าตา และไม่อยากเห็นสีหน้าจอมปลอมที่แสร้งทำเป็นต้อนรับนางของแม่แซ่ชิว ยิ่งไปกว่านั้น ไม่อยากเจอหลีอินแห่งแคว้นเป่ยหลีจอมงี่เง่าเอาแต่ใจคนนั้น
เฟิงอู๋โยวหยุดคิดทุกอย่างลง จากนั้นก็ค่อยๆ เดินไปอยู่ด้านหน้าเป้าธนูฟาง ก่อนตะเบ็งเสียงตะโกนใส่จวินมั่วหรัน “ท่านใต้เท้าขอรับ อย่ายิงพลาดจนเสียหน้านะขอรับ เล็งให้ดี!”
ฟุบ
ฟุบ ฟุบ ฟุบ
…
ทันทีที่น้ำเสียงของเฟิงอู๋โยวสิ้นสุดลง ก็เห็นลูกธนูสอบดอกพุ่งเข้ามาติดๆ กัน และมันเล็งมาที่หน้าอกของนาง
“เช็ดแม่!”
ในช่วงนาทีเป็นนาทีตาย เฟิงอู๋โยวหันไปกอดเป้าธนูฟางไว้ในอ้อมกอด จากนั้นก็วิ่งหนีอย่างไม่รีรอ