ตอนที่ 80 ถูกต้อนหลังชนกำแพง
ปึ่ง!
จวินมั่วหรันคว้าเอวเล็กคอดของของนางด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างก็จับข้อเท้านางเพื่อนำตัวนางลงมาจากบนตัว จากนั้นก็เหวี่ยงนางลงไปบนเตียง
“ป่าเถื่อน กระดูกจะหักหมดแล้ว!”
เฟิงอู๋โยวเจ็บระทม นางบ่นพลางพยายามลุกขึ้นจากเตียง
จวินมั่วหรันโน้มตัวมาข้างหน้า เข่าข้างหนึ่งกดลงบนขาทั้งสองข้างของนาง ดวงตาดำเข้มฉายแววอารมณ์ออกมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เขาโก่งตัวตรึงร่างของเฟิงอู๋โยวเอาไว้ด้านล่างราวกับแมวป่าตะครุบเหยื่อ นิ่งค้างอยู่ท่านี้ไม่ขยับทำอะไรต่อ
สมองด้านตรรกะเหตุผลบอกเขาว่า เฟิงอู๋โยวเป็นผู้ชายน่าไม่อาย ดังนั้นห้ามทำอะไรเกินเลย!
แต่สมองด้านอารมณ์บอกเขาว่า ถึงแม้เฟิงอู๋โยวจะเป็นผู้ชาย แต่ร่างกายบอบบางนุ่มนวล ใช้ระบายอารมณ์สักนิดสักหน่อยคงไม่เป็นไร
…
ภายในหัวของจวินมั่วหรันราวกับมีสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ เขายอมรับว่าเรือนร่างของนางกำลังกระตุ้นอารมณ์เขาอยู่ แต่เขาไม่อยากรับผิดชอบกับผู้ชายด้วยกัน
เขาเป็นคนไม่กลัวขี้ปากข่าวลือมาแต่ไหนแต่ไร แต่เขาก็ไม่อยากทำให้ชื่อเสียงของตัวเองป่นปี้เพราะเฟิงอู๋โยว
ช่างเถิด ปล่อยนางไปก่อนแล้วกัน!
จวินมั่วหรันลุกขึ้น สายตามองเฟิงอู๋โยวที่มีกลิ่นสุราหึ่งอยู่บนเตียงพลางพูดด้วยเสียงชั่วร้าย “ออกไป”
“ไม่!”
เฟิงอู๋โยวดิ้นจนหลุดจากการพันธนาการของเขา นางลุกขึ้นพรวดบนเตียง มือทั้งสองเท้าสะเอวมองจวินมั่วหรันอย่างเย่อหยิ่ง “ป่าเถื่อน ใครใช้ให้ท่านกล้าดีมาเหวี่ยงกระหม่อม!”
“แล้วใครใช้ให้เจ้ากล้าดีมาวางมาดขึ้นเสียงต่อหน้าข้า” จวินมั่วหรันหัวเราะเยาะ มือทั้งสองข้างกอดอก ยืนมองเฟิงอู๋โยวที่เมาจนสติหลุดต่อหน้า
“เสือดาวมอบความกล้าให้กระหม่อม! แล้วจะทำไม”
จากนั้นเฟิงอู๋โยวก็ตะเบ็งเสียงคำรามและพ่นน้ำลายใส่หน้าเขา ก่อนนั่งลงและกัดเข้าไปที่ริมฝีปากบางๆ ของจวินมั่วหรันอย่างไม่เกรงกลัว!
เสี้ยวพริบตา กลิ่นเลือดโชยขึ้นมาเตะจมูกพวกเขาทั้งสอง
ครั้นตระหนักได้ว่าริมฝีปากของตัวเองถูกเฟิงอู๋โยวกัดจนแตก จวินมั่วหรันก็โมโหจนออกกระบวนท่าฝ่ามือวายุโจมตีเข้าไปที่หน้าอกของนาง
นางถูกเขาโจมตีใส่จนกระเด็น ความเจ็บปวดรวมไปที่จุดเดียว “ให้ตายเถิด! หลังจากนี้ข้าจะไม่ทำท่าวางมาดอวดเบ่งแล้ว! ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ได้กระดูกหักจริงๆ แน่!”
จวินมั่วหรันนิ่งงัน สมองว่างเปล่า เขาไม่ได้ฟังที่เฟิงอู๋โยวพูดขึ้นแม้แต่น้อย ได้แต่ยืนมองฝ่ามือของตัวเองอย่างแน่นิ่ง
ไม่คิดไม่ฝันว่าเฟิงอู๋โยวที่ตัวเตี้ยกว่าเขาเกือบยี่สิบเซ็นติเมตรจะมีหน้าอกใหญ่กว่าของตัวเอง
ความรู้สึก ‘ตกเป็นรอง’ พรรค์นี้ ทำเอาเขาสลดและรู้สึกเหมือนพ่ายแพ้ยิ่งนัก
“ฝากไว้ก่อนเถิด!”
เฟิงอู๋โยวพูดขึ้นอย่างเหี้ยมโหด แต่ก็ยังไม่กล้าลงมือกับจวินมั่วหรัน
แม้นางยังเมาและสติเลือนราง แต่ด้วยความที่คุ้นเคยกับการป้องกันตัว นางได้ยกมือขึ้นมากันที่หน้าอกในทันทีที่ถูกโจมตี
นางจำไม่ได้ว่าทำไมต้องป้องกันที่หน้าอก แค่รู้แค่ว่าหากอีกฝ่ายรู้ว่านางเป็นสตรี จะต้องเกิดเรื่องอันตรายถึงชีวิตขึ้นแน่
จวินมั่วหรันมองนางในสภาพยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอกป้องกันตัว อยู่ๆ ก็รู้สึกเก้งก้างทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
เงียบขรึมลงไปพักหนึ่ง จึงค่อยๆ ปริปากเอ่ยถามเสียงต่ำ “เจ็บมากอย่างนั้นหรือ”
“ถูกท่านอัดจนช้ำแบบนี้จะไม่ให้เจ็บได้เยี่ยงไร”
เฟิงอู๋โยวกัดฟันกรอดอย่างเคียดแค้น หากไม่มีสติ ป่านนี้นางคงแหวกเสื้อให้จวินมั่วหรันดูฝีมือของเขาไปแล้ว
ตอนนี้ หน้าอกของนางก็เริ่มเป็นรอยช้ำขึ้นมาแล้ว
“ช้ำ?”
จวินมั่วหรันยังคงจ้องมองฝ่ามือที่แดงเรื่อเล็กน้อยของตัวเอง เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ไม่ใช่กล้ามหน้าอกของเฟิงอู๋โยว หรือว่าจะเป็น… ทรวงอก
ไม่สิ!
ทรวงอกของสตรีที่ไหนแบนเป็นกระดานแบบนี้
อีกอย่าง แม้เขาไม่ชอบเข้าใกล้สตรี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยเห็นสตรีมาก่อน
สำหรับเขาแล้ว รูปร่างของสตรีที่ควรจะเป็น จะต้องหน้าอกใหญ่อวบอึ๋มกระเพื่อมๆ
แต่ของเฟิงอู๋โยว ดูเหมือนจะใหญ่กว่าของเขาแค่นิดเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น เห็นๆ อยู่ว่าเฟิงอู๋โยวมีลูกกระเดือก แล้วจะเป็นสตรีได้เยี่ยงไร
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จวินมั่วหรันก็หัวเราะเยาะตัวเองและคิดว่าตัวเองคงคิดมากเกินไป คิดมากจนคิดว่าบุรุษหน้าไม่อายแบบนี้เป็นสตรีไปได้
แต่สิ่งที่จวินมั่วหรันไม่รู้ก็คือบรรดาสตรีที่ถูกยัดเยียดเข้ามาในเรือนมั่วหรันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ล้วนผ่านการคัดสรรมาแล้วจากหนึ่งหมื่น ซึ่งไม่ได้หมายความว่าสตรีทุกคนจะมีรูปร่างเหมือนสตรีที่ถูกคัดมาให้เขา
เฟิงอู๋โยวห่อตัวอยู่บนเตียงอยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าใต้ชายแขนเสื้อของตัวเองยังมีเข็มเงินเหลืออยู่อีกหลายสิบเล่ม
“ถึงขั้นนี้แล้ว ยังมีอะไรที่ทำไม่ได้อีก!”
เมื่อรวบรวมความกล้าขึ้นมาได้ นางก็โก่งตัวราวกับแมวป่า จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่จวินมั่วหรันพร้อมกับยิงเข็มเงินใต้แขนเสื้อออกไปหลายสิบเล่มเพื่อโจมตีเข้าที่หน้าอกของเขา
“ซืด…”
จวินมั่วหรันนึกไม่ถึงว่านางจะซ่อนเข็มเงินไว้ใต้แขนเสื้อ ทำเอาเขาสูดลมหายใจเข้าอย่างตกใจ
เขาเริ่มนึกเสียใจภายหลังที่ตัวเองใจอ่อนให้นางหลายต่อหลายครั้ง ครั้นแล้วจึงรีบกระชากเฟิงอู๋โยวลงมาจากเตียงและเหวี่ยงนางไปกระแทกกำแพงด้วยสีหน้าไร้ความปราณี
ฟุบ ฟุบ ฟุบ!
มือหนาใหญ่ของจวินมั่วหรันปัดโบก เข็มเงินที่ใกล้เข้ามาพลันถูกควบคุมโดยกำลังภายใน และมันก็หันพุ่งเข้าใส่เฟิงอู๋โยวทันที
ปึก ปึก ปึก!
เฟิงอู๋โยวหลบไม่พ้น เสื้อของนางก็ถูกเข็มหลายเล่มปักเข้าไปและตรึงยึดไว้ติดกำแพง
แม้นางตกอยู่ในสภาพนี้ จวินมั่วหรันก็ยังไม่พอใจ
เขามองไปรอบๆ จากนั้นก็ชักกระบี่สะบั้นมังกรที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนออกมา ก่อนเค้นพลังฟันเข้าใส่เฟิงอู๋โยวอย่างเหี้ยมโหด
เคล้ง!
กระบี่สะบั้นมังกรพุ่งเสียบเข้าไปบนกำแพง ทำเอาเศษหินแตกกระจายร่วงหล่น
เฟิงอู๋โยวเหลือกตามองกระบี่สะบั้นมังกรที่เสียบอยู่ตรงกลางระหว่างขาของนาง ก่อนพยายามดิ้นหนี แต่ก็ไม่สำเร็จ
โชคดีที่กระบี่สะบั้นมังกรไม่ได้ทำนางบาดเจ็บ
นางค่อยๆ ปรับลมหายใจลง รวบรวมความกล้าเหยียบขึ้นไปนั่งบนสันกระบี่
คงเป็นเพราะกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บจากคมกระบี่ จึงพยายามยืนบนสันกระบี่อย่างระมัดระวัง สายตาจ้องมองใบหน้าทรงเสน่ห์ท่ามกลางแสงราตรีของจวินมั่วหรัน “ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดเมตตา ข้าอยากหลุดพ้นไปจากจุดนี้”
จวินมั่วหรันมองนางอย่างเย็นชาพลางเอ่ย “ห้ามส่งเสียง มิเช่นนั้นได้คอขาดด้วยกระบี่สะบั้นมังกรแน่”
เฟิงอู๋โยวหุบปากลงทันที นางอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าขาของนางจะขาดเพราะกระบี่ก่อน ไม่ใช่คอ
แต่นางยังไม่ทันเอ่ยปากพูด จวินมั่วหรันก็ขึ้นไปบนเตียงและหลับตาลง ไม่รู้ว่าหลับจริงหรือแกล้งหลับ
“ช่วยด้วย มีใครใจดีแถวนี้บ้าง”
“อาหวง เจ้าอยู่ไหน มีคนไม่ดีรังแกเจ้านายเจ้าอยู่นะ!”
“เริ่มต้นวันด้วยอารมณ์ดีๆ แล้วแท้ๆ แต่พอตกดึกมากลับมีสภาพไม่ต่างไปจากยุงหนึ่งตัวที่ถูกตบอัดกำแพง”
เฟิงอู๋โยวบ่นพึมพำ ทั้งกลัวจะทำเขาตื่น แต่ก็อยากทำให้เขาตื่นเช่นกัน
หลังจากบ่นในใจได้สักพัก นางก็ตระหนักได้ว่าจวินมั่วหรันเอาแต่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงราวกับหมูที่ตายแล้ว
นางพยายามเรียกเขาเสียงแผ่วคล้ายยุงบินหึ่งๆ อยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ตื่น
จะว่าไปก็น่าแปลก โดยปกติจวินมั่วหรันเป็นคนหลับยาก ไฉนวันนี้ถึงหลับง่ายแบบนี้
ต่อให้เฟิงอู๋โยวส่งเสียงรบกวนอยู่ตลอดทั้งคืน เขาก็ไม่รู้สึกตัวขึ้นมาแม้แต่ครั้งเดียว