ตอนที่ 108 น้ำใจจากชิงหลวน
สายตาของฟู่เย่เฉินไม่ได้จับจ้องอยู่บนตัวของเฟิงอู๋โยวนานเท่าไร
เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็มองไปที่ชิงหลวนที่ใส่ชุดขนสุนัขจิ้งจอกข้างๆ เฟิงอู๋โยว
ตอนนี้ชิงหลวนตกใจขึ้นมาเล็กน้อยและไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไร นางจึงจับแขนเสื้อเฟิงอู๋โยวอย่างประหม่า
ฟู่เย่เฉินพยายามสะกดความสนใจในดวงตาของตัวเองลง จากนั้นก็คลี่ยิ้ม พูดเสียงแผ่ว “หน้าตาก็ดี ไฉนต้องเป็นโจร”
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวฉายแววครุ่นคิดวูบหนึ่ง นางคิดว่าฟู่เย่เฉินคงเข้าใจผิดคิดว่าชิงหลวนขโมยชุดคลุมขนสุนัขจิ้งจอกของไป๋หลี่เหอเจ๋อมาแน่ๆ ดังนั้นจึงพูดอะไรแบบนี้ออกมา
ดูเหมือนว่าฟู่เย่เฉินจะรู้จักกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ
ผู้พิพากษาเห็นว่าฟู่เย่เฉินไม่สนใจเขา ภายในใจก็ห่อเหี่ยวลงทันที ครั้นแล้วจึงทุบค้อนพิพากษาลงบนโต๊ะอีกครั้ง ก่อนเอ่ยถามเฟิงอู๋โยวเสียงดัง “หัวขโมยอย่างพวกเจ้าแอบขโมยทรัพย์สินของขุนนางฟู่ด้วยอย่างนั้นหรือ”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกไม่ถูกชะตากับเจ้าผู้พิพากษาสมองขี้เลื่อยผู้นี้เหลือเกิน นางจึงพูดประชดย้อนกลับไป “หน้าที่การงานไม่ยอมทำ เอาแต่สนใจเรื่องของตัวเอง”
“เจ้าหัวขโมย! เจ้าพูดพล่อยๆ อะไรอยู่”
ผู้พิพากษาสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงดูถูกในคำพูดของเฟิงอู๋โยว เขากลัวว่าภาพลักษณ์ของตัวเองจะดูไม่ดีต่อหน้าฟู่เย่เฉิน ครั้นจึงหยิบค้อนพิพากษาขึ้นมาและปาใส่เฟิงอู๋โยว
“ข้าเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก พูดแต่เรื่องจริง ไม่เคยพูดจาพล่อยๆ!”
เฟิงอู๋โยวยักคิ้ว พลางรับค้อนพิพากษาที่พุ่งเข้ามาได้อย่างสบายๆ
ฟู่เย่เฉินเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มร่าออกมา ดวงตาเรียวเฉี่ยว แช่มช้อยเป็นประกาย
ทันใดนั้น เขาก็ยื่นมือออกไปวางประกบบนหลังฝ่ามือขาวเนียนของเฟิงอู๋โยวพลางเอ่ยเสียงต่ำเสนาะหู “ท่านผู้พิพากษาเข้าใจผิดแล้ว สิ่งที่เขาขโมยไปหาใช่วัตถุนอกกายไม่ แต่เป็นหัวใจข้าต่างหาก”
“เฉินเฉิน ไม่นะ! เฉินเฉิน บอกข้ามาว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง” ผู้พิพากษาส่ายหน้า น้ำตาอุ่นซ่านพลันเอ่อคลอขึ้นที่เบ้าตา
เฟิงอู๋โยวมองฟู่เย่เฉินอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนพูดเน้นทีละคำ “ปล่อยข้า”
“ความรักเอ๋ยมาจากที่ใด เมื่อผุดขึ้นมากลับถล้ำลึก”
ดวงตาสวยงามของฟู่เย่เฉินหลับพริ้ม คำพูดหวานซึ้งเปล่งออกมาอย่างไม่ต้องคิด
เพียงแต่ ต่อให้เขาจะแสร้งทำตัวเป็นแบบนี้ แต่ไม่อาจกลบฝังความชั่วร้ายอำมหิตที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกดำได้
เฟิงอู๋โยวอยากจะกระชากมือของตัวเองกลับมา ทว่าทันใดนั้น เงาวาววาบชวนหนาวเหน็บก็พุ่งแทรกอากาศเข้ามา ทำเอาห้องโถงแห่งศาลาว่าการที่อับแสงแห่งนี้สว่างวาบขึ้นมาทันใด
เสี้ยววินาทีต่อมา จวินมั่วหรันก็เดินเข้าประที่ถูกทำลายเป็นเสี่ยงเข้ามา ในมือถือกระบี่สะบั้นมังกรแน่น
เขาเดินเข้ามาด้านหน้าเฟิงอู๋โยวด้วยท่าทางน่าเกรงขามเป็นยิ่งนัก จากนั้นก็ฟันค้อนพิพากษาในมือของนางเป็นสองท่อน
ฟู่เย่เฉินดึงมือกลับไป “ท่านใต้เท้า ค้อนพิพากษาเป็นสมบัติของศาลาว่าการ เนื้อไม้หายาก วิธีแกะสลักก็ช่างบรรจงวิจิตร”
“ไสหัวไป”
สายตาเยือกเย็นดุจคมมีดของจวินมั่วหรัน กวาดมองฟู่เย่เฉินที่ทำสีหน้าท้าทาย อยู่ๆ ความคิดที่อยากฟันเขาเป็นสองท่อนเหมือนค้อนพิพากษาก็ผุดขึ้นมา
“ค่าสั่งทำค้อนพิพากษาหนึ่งด้ามราคาแปดก้อนเงิน ช่วงบ่ายกระหม่อมจะส่งคนไปรับก้อนเงินที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง ถึงตอนนั้นขอท่านใต้เท้าโปรดให้ความร่วมมือ”
เมื่อพูดจบ ฟู่เย่เฉินก็เดินไปอยู่ด้านหลังผู้พิพากษาทันที
แม้ผู้พิพากษาจะหวาดกลัวจวินมั่วหรัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฟู่เย่เฉินจึงต้องใจดีสู้เสือและเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้น “ท่านใต้เท้า สตรีหัวขโมยที่บุกรุกตำหนักเซ่อเจิ้งหวางงก่อนหน้านี้ถูกจับตายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านคิดว่าควรทำเยี่ยงไรต่อ”
“ออกไป”
ตอนนี้ ในหัวของจวินมั่วหรันไม่สนใจร่างสตรีหัวขโมยอะไรทั้งนั้น
ในหัวเขาตอนนี้ แค่นึกถึงเฟิงอู๋โยวทำตัวสนิทสนมกับชายอื่นตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้ก็แทบอยากจะสับฟู่เย่เฉินให้เละเป็นชิ้นๆ
แต่ก่อนที่จะจัดการฟู่เย่เฉิน เขาต้องให้บทเรียนแก่เฟิงอู๋โยวสักหน่อย
โทษฐานที่ทำตัวเจ้าชู้!
โทษฐานที่สร้างแต่ปัญหา!
หลังจากผู้พิพากษากับฟู่เย่เฉินขอตัวอออกจากห้องโถงศาลาว่าการไป จวินมั่วหรันก็ยื่นมือไปบีบคอชิงหลวนที่ไร้การป้องกันทันที
เฟิงอู๋โยวกระวนกระวายใจยิ่งนัก สีหน้าทะเล้นเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในบัดดล “ท่านใต้เท้า ชิงหลวนไปทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ กระหม่อมจะชดใช้แทนนางเอง”
จวินมั่วหรันเห็นนางออกโรงปกป้องชิงหลวนก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่
เขาเค้นถามชิงหลวนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “บอกมา เฟิงอู๋โยวได้ทำอะไรเจ้าหรือไม่”
ชิงหลวนที่ถูกบีบคออยู่ ตกใจกลัวจนแข้งขาอ่อน จากนั้นก็น้ำตาก็ไหลพรากออกมา “ฮือๆๆ”
“จะพูดหรือไม่พูด”
“ท่านใต้เท้าเจ้าคะ ท่านชายของหม่อมฉันเป็นสุภาพบุรุษ ท่านชายไม่มีทางทำเรื่องเสื่อมเสียพรรค์นั้นหรอกเจ้าค่ะ” ชิงหลวนพูดขึ้นอย่างยากลำบาก
“ฮือๆๆ…ท่านใต้เท้าอย่าฆ่าหม่อมฉันเลยนะเจ้าคะ ถ้าหม่อมฉันตายไป แล้วใครจะอยู่รับใช้และเป็นเพื่อนคุยกับท่านชาย”
“หากท่านใต้เท้าจะฆ่าใครสักคนจริงๆ ก็ฆ่าหม่อมฉันเลยก็ได้ ท่านชายของหม่อมฉันยังไม่เคยเสียความบริสุทธิ์ ห้ามฆ่าเด็ดขาด! หากท่านชายตายไปทั้งแบบนี้ จิตอาฆาตจะต้องรุนแรงกว่าคนธรรมดาหลายเท่าเป็นแน่”
ชิงหลวนยิ่งพูดก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ต่อให้จวินมั่วหรันทำร้ายตัวเองอยู่ แต่นางกลัวว่าเขาจะทำร้ายเฟิงอู๋โยว
เฟิงอู๋โยวจนปัญญา เพราะก่อนหน้านี้นางเคยพูดโอ้อวดต่อหน้าจวินมั่วหรันว่าตัวเองผ่านสตรีมาแล้วมากมายและมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามาแล้วโชกโชน
แต่ชิงหลวนดันปากสว่างพูดความจริงออกไปจนได้
“เจ้าออกไปก่อน”
จวินมั่วหรันดึงมือกลับมา ความโมโหที่แผ่ซ่านออกมารอบตัวค่อยๆ จางหาย
ชิงหลวนเหลือบมองเฟิงอู๋โยวอย่างไม่วางใจ นางไม่อยากออกไป แต่ก็กลัวจวินมั่วหรันจะโมโหขึ้นมาอีก
หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว ชิงหลวนก็เลือกที่จะเดินออกไปรอด้านนอกห้องโถง
บัดนี้ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ภายในศาลาที่ว่าการเหลือเพียงจวินมั่วหรันกับเฟิงอู๋โยว
จวินมั่วหรันนึกถึงคำว่าของชิงหลวนเมื่อครู่ที่ว่าเฟิงอู๋โยวยัง ‘ไม่เสียบริสุทธิ์’ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร อยู่ๆ ภายในใจก็พลันสบายใจขึ้นมารำไร
“ท่านใต้เท้าอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของชิงหลวนเลยขอรับ” เฟิงอู๋โยวพูดเสียงแผ่ว “กระหม่อมเสียบริสุทธิ์แล้วขอรับ และเป็นชายที่ผ่านสตรีมาแล้วอย่างโชกโชน ความบริสุทธิ์ของกระหม่อมถูกบรรดาสาวงามมากตัณหาพรากไปจนหมดแล้วขอรับ”