ตอนนี้ 124 ท่านป่วย ต้องรักษา / ตอนที่ 125 จวินหลานหรันผู้อ่อนโยน
ตอนนี้ 124 ท่านป่วย ต้องรักษา
ณ เรือนมั่วหรัน
ตะเกียงไฟหลายสิบดวงถูกจุดขึ้นสว่างไสวทั่วเรือน แสงไฟนวลอ่อนส่องกระทบลงบนผ้าไหมวาววับ
ถ่านไฟคุกรุ่นลุกไหม้อยู่ข้างๆ ผนังกั้นลมปักดิ้นทองลายหงส์และมังกรทั้งสองด้าน
เงาสะท้อนจากตะเกียงไฟและเงาร่างของคนฉายซ้อนทับกัน แว่วเสียงโหมกระพือพึ่บพั่บจากเปลวไฟในเตาถ่านดังขึ้น เคล้าระคนไปกับบรรยากาศภายในเรือน
จวินมั่วหรันแหวกผ้าม่านที่ฟ้าครามออกก่อนค่อยๆ วางเฟิงอู๋โยวลงบนเตียงอย่างเบามือ
“อู๋โยว ขอข้าดูบาดแผลบนร่างกายของเจ้าหน่อย”
เฟิงอู๋โยวส่ายหัวพลางกอดเข่าทั้งสองข้างของตัวเองแน่น “กระหม่อมสบายดี ไม่ได้รับบาดเจ็บ”
“ดื้อ”
มุมปากจวินมั่วหรันผุดรอยยิ้ม เขายืนอยู่หน้าเตียงราวกับเสาค้ำฟ้า เงาร่างของเขาส่องทาบลงมาบนตัวเฟิงอู๋โยว
“อย่าเข้ามานะ กระหม่อมเอาจริงนะขอรับ!”
“เฮ้อ…”
เขาจ้องมองนางอยู่นาน ไม่ขยับไปไหน
แต่ว่าเสื้อผ้าบนร่างกายเฟิงอู๋โยวถูกกำลังภายในที่เขาเค้นออกมาบีบอัดจนเสื้อผ้าฉีกขาด
“อร๊าย…”
“สารเลว!”
เฟิงอู๋โยวตกใจสติกระเจิงอีกครั้ง
นางรีบสอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่ม ดวงตาสะท้อนแววหวาดกลัวระคนความไม่พอใจ
“ท่านใต้เท้า ทำตัวหยาบคายเหลือเกิน!”
“อู๋โยว ดูเหมือนอาการจากบาดแผลเจ้าจะทรุดหนักยิ่งกว่าเดิม” คิ้วของจวินมั่วหรันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นเขาก็นั่งลงบนเตียงและพูดกับเฟิงอู๋โยวด้วยสีหน้าจริงจัง
“หุบปาก! ไฉนชอบลวนลามกระหม่อมขนาดนี้”
เฟิงอู๋โยวคว้าหมอนที่อยู่ข้างๆ มาปาใส่จวินมั่วหรัน
จวินมั่วหรันที่เห็นเช่นนั้นจึงพูดเสียงเรียบ “จงอย่ากลัว แม้เจ้าบาดเจ็บขนาดนี้ แต่ก็ยังสวยงามน่าหลงใหลอยู่”
“…”
เฟิงอู๋โยวโมโห ฟันขบกันแน่น จวินมั่วหรันแกล้งนางอีกแล้ว!
แม้ว่านางไม่ถือสาจวินมั่วหรันที่อาการป่วยกำเริบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะยอมตกเป็นเหยื่อของผู้ชาย
ที่น่าโมโหก็คือ พละกำลังของนางสู้จวินมั่วหรันไม่ได้ ทำให้สลัดจากเขาไม่หลุด แม้ไม่ยอม แต่ตอนนี้ต้องทำเป็นเชื่อฟังเขา
ไตร่ตรองในใจอยู่สักพัก เฟิงอู๋โยวจึงพยายามพลิกสถานการณ์เบื้องหน้าโดยการแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกเขา
นางกระแอมปรับช่องเสียง พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านใต้เท้า มีเรื่องหนึ่งที่ท่านจำเป็นต้องรู้”
“เรื่องอะไร”
“กระหม่อมคิดว่าท่านคงเจอกับความผิดปกติบนร่างกายกระหม่อมแล้ว”
“อืม อย่าได้กลุ้มใจไปเลย แม้ร่างกายเจ้าจะไม่สมประกอบ แต่เจ้าก็ยังสวยงามอยู่”
“ไม่ใช่ขอรับ ร่างกายของผู้คนทั่วไปเป็นเหมือนกระหม่อม แต่คนที่ป่วยจริงๆ ก็คือท่านต่างหาก!”
เฟิงอู๋โยวชักมือข้างหนึ่งออกมาจากผ้าห่ม จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่เขาพร้อมกับขึ้นเสียงอย่างหนักแน่น “สารกำหนัดในร่างกายของท่านพลุ่งพล่านเกินไป ทำให้ป่วย! ต้องรักษา”
ดวงตาจวินมั่วหรันผุดแววสงสัยขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากเรียวบางขมุบขมิบพูดขึ้น “เจ้าแน่ใจหรือ”
ขณะที่เฟิงอู๋โยวกำลังจะตอบกลับ เขาก็แหวกเสื้อท่อนบนของตัวเองออก
นางถึงกับปวดหัวขึ้นมาทันที อยู่ๆ ก็ตระหนักได้ว่าตัวเองทำให้เรื่องลำบากยิ่งกว่าเดิมเข้าแล้ว
หุ่นของจวินมั่วหรันมันช่างกำยำสวยงามยิ่งนัก เป็นดั่งพรอันประเสริฐเหลือเกินจากสรวงสวรรค์
ทว่าในเวลานี้ไม่ใช่เวลามาชื่นชมความสวยงามในเรือนร่างของเขา
หากจวินมั่วหรันมีสติกลับคืนมาเป็นปกติกลางครัน นางต้องรู้สึกสลดใจเป็นแน่
เบาหน่อยคงถูกทำร้ายเล็กๆ น้อยๆ…หนักหน่อยคงมีสภาพเละเป็นโจ๊ก
ตอนช่วงกลางวันที่ผ่านมา นางยังจำภาพศพหญิงสาวที่ถูกราดด้วยน้ำแปลกๆ จนร่างกายละลายกลายเป็นของเหลวได้ดี ขืนนางไม่ระวังตัวดีๆ นั่นอาจเป็นจุดจบต่อไปของนางก็เป็นได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมา ก่อนพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกักว่า “ทะ ท่านจะทำอะไร”
มือเรียวยาวได้รูปของจวินมั่วหรันหยุดชะงักอยู่ที่ผ้าคาดเอวสีน้ำเงินเข้มปักด้วยดิ้นทอง “ข้าไม่คิดว่าตัวเองป่วย แต่ว่าหากถ้าอู๋โยวคิดว่าข้าป่วย ข้าก็จะยอมทำตามเจ้าและให้เจ้ารักษาข้าเป็นเยี่ยงไร”
ตอนที่ 125 จวินหลานหรันผู้อ่อนโยน
เฟิงอู๋โยวจ้องมองจวินมั่วหรันที่พึมพำอยู่คนเดียวอย่างจนปัญญาและนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
สิ่งหนึ่งที่แน่ใจก็คือ บุคลิกที่สองที่ปรากฏขึ้นมาของจวินมั่วหรันช่างอ่อนโยนราวกับฝนพรม จิตใจอบอุ่นและชอบดูแลผู้ที่อ่อนแอกว่า
แต่ว่าสติปัญญากลับเหมือนยังไม่บรรลุนิติภาวะ นิสัยไร้เดียงสา แยกไม่ออกแม้กระทั่งเพศชายกับเพศหญิงเฟิงอู๋โยวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนส่ายหน้าอย่างยอมใจ “ช่างเถิด พูดกับผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกก็ไม่ต่างอะไรจากสีซอให้ควายฟัง”
“เสียงของอู๋โยวช่างแผ่วเบาเหมือนแมลงหวี่ ข้าไม่ค่อยได้ยิน ขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดให้ข้าฟังชัดๆ สิ”
ขณะพูด จวินมั่วหรันก็ตบเตียงเบาๆ เป็นเชิงให้เฟิงอู๋โยวนั่งลง จากนั้นก็ยืดตัวตรง
“แค่คำพูดไร้สาระขอรับ ไม่มีอะไร”
เฟิงอู๋โยวถูกบรรยากาศอันกดดันบีบคั้น สุดท้ายของนั่งลงไปที่ขอบเตียง
“รบกวนเอาโอสถหยกทาบริเวณบาดแผลให้ข้าหน่อย” จวินมั่วหรันยื่นกระปุกโอสถหยกให้เฟิงอู๋โยวพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
“ท่านใต้เท้าทาเองไม่ได้หรือขอรับ”
“อู๋โยว คนที่ได้รับบาดเจ็บย่อมจิตใจอ่อนแอเป็นธรรมดา พวกเขาต้องการความรักและการเอาใจใส่ หากเจ้าทาโอสถให้ข้าด้วยมือของเจ้า ข้าก็จะรู้สึกดีและอบอุ่นขึ้นมาทันที”
จวินมั่วหรันเหลือบมองเฟิงอู๋โยว แม้น้ำเสียงจะนุ่มนวล แต่ท่าทางน่าเกรงขามของเขายังคงอยู่ เพียงแค่มองก็ทำให้เฟิงอู๋โยวหวั่นใจขึ้นมาทันที
เฟิงอู๋โยวรู้สึกอับจนหนทางเป็นที่สุด สุดท้ายจึงได้แต่รับโอสถหยกมา และทาโอสถลงบน ‘บาดแผล’ ของเขาอย่างระมัดระวัง
“อู๋โยว มือของเจ้าช่างอุ่นผ่าว ข้าชอบเป็นยิ่งนัก” จวินมั่วหรันหลุบตามองพลางเอ่ยเสียงแผ่ว
มือทั้งสองข้างของเฟิงอู๋โยวเริ่มสั่น ปากขมุบขมิบบ่นไม่หยุด “รูปคือความว่าง ความว่างคือรูป”
จวินมั่วหรันได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขำ
เจ้าหมอนี่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาอันเฉียบคมของจวินมั่วหรันก็มองใบหน้าอันแดงเรื่อของเฟิงอู๋โยวพลางพูดอย่างหยอกล้อ “อู๋โยวแน่ใจใช่หรือไม่ว่าเจ้าไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงด้วยมนต์เสน่ห์น่าหลงใหล ทำเอาเฟิงอู๋โยวตัวสั่นสะท้านไปทั่วร่างและเกือบพุ่งถลาเข้าใส่เข้าอย่างคุมตัวเองไม่อยู่
เฟิงอู๋โยวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จึงมองค้อนใส่ใบหน้าอันหล่อเหลาของจวินมั่วหรัน พลางต่อว่า “ลูกไม้ตื้นๆ คิดจะอ่อยกระหม่อมเพื่อหลอกล่อให้กระหม่อมทำผิดอย่างนั้นหรือ”
“หลอกล่อให้ทำผิด? อู๋โยวคิดจะทำอะไรกับข้าอย่างนั้นหรือ”
จวินมั่วหรันลุกพรวด ปากเรียวบางยิ้มร่าอย่างสดใส
เฟิงอู๋โยวหาได้ต้านทานจวินมั่วหรันจอมรังควานผู้นี้ไหว นางเอนตัวถอยหลังอย่างไม่รู้สึก แต่ถอยหลังมากไปจนชนเตียงหงายคะมำ
“โอ้ย”
เฟิงอู๋โยวจับหลังล่างพลางส่งเสียงโอดโอย “เจ็บจัง!”
มุมปากจวินมั่วหรันคลี่ยิ้มนึกสนุก เขาไม่เข้าไปประคองนางขึ้นมา “ช่างคล้ายตัวละครผู้ทรงเสน่ห์ในบทละครพื้นเมืองเสียจริง”
“บทละครพื้นเมืองอะไร”
เฟิงอู๋โยวถามกลับ แล้วอยู่ๆ ก็ฉุก คิดขึ้นมาได้ว่าบุคลิกที่สองของจวินมั่วหรันอาจจะไม่ได้ใสซื่อไร้เดียงสาอย่างที่เห็นก็เป็นได้
“นี่ก็ดึกแล้ว อู๋โยวไปอาบน้ำล้างตัวเถิด ประเดี๋ยวข้าจะร่วมทานข้าวกับน้องสาว”
พูดจบ จวินมั่วหรันก็ละสายตาออกไป จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมสีฟ้าครามมาสวมใส่
ก่อนเดินออกจากประตู อยู่ๆ เขาก็หันกลับมา มุมปากรั้นขึ้นเป็นมุมโค้ง เสียงทุ้มต่ำเปล่งเอ่ย “อู๋โยว ข้าจะบอกความลับเจ้าเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร”
“ชื่อเดิมของข้าก็คือจวินหลานหรัน”
จวินหลานหรัน? ไม่นึกว่าจะตั้งชื่อให้กับบุคลิกที่สองของตัวเองแบบนี้
เฟิงอู๋โยวบ่นในใจ แต่บุคลิกที่สองของจวินมั่วหรันกลับดูไม่น่าไว้ใจเท่ากับบุคลิกหลักอย่างแหม่งๆ ชอบกล
อย่างน้อยจวินมั่วหรันก็ดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่า หากบอกว่าไม่แตะต้องนางก็คือไม่แตะต้อง
ไม่เหมือนกับจวินหลานหรันที่ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไร!