ตอนที่ 161 หนวกหู
ณ เขตรกร้างแถบชานเมืองแคว้นตงหลิน
ภายใต้แสงจันทร์ บนยอดผาสูง จวินมั่วหรันกำลังถือกระบี่ยาวลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ เขากำลังใช้พลังภายในเข้าต่อสู้กับเหล่าสัตว์มีพิษที่พุ่งเข้ามาโจมตีจากรอบด้าน
กระบวนท่ากระบี่ของเขารวดเร็วเป็นที่สุด ครั้นใบดาบเย็นวาบตวัดวาดท่วงท่าอันงามสง่า เหล่าสัตว์มีพิษมากมายก็แหลกกระจุย
ปราณกระบี่อันคลุ้มคลั่งที่แผ่ซ่านออกมาเป็นคลื่นพลัง ทำเอาต้นสนรอบๆ สั่นไหว
เฟิงอู๋โยวได้ยินเสียงแตกและเสียงต้นไม้สั่นไหวเพียงเล็กน้อยลอยมากระทบโสต นางก็รีบมุ่งหน้าไปที่ต้นเสียงทันที
ไม่นานหลังจากนั้น ต้นสนเขียวขจีค่อยๆ โค่นลงอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายลมอ่อน
ชั้นเมฆปกคลุมดวงจันทร์ กระบี่ยาวในมือของจวินมั่วหรันหยุดเคลื่อนไหว ยามราตรีปิดฉากลง ความเงียบงันกลับมายังพื้นโลกอีกครั้ง
เฟิงอู๋โยวกระโดดลงจากหลังม้าและวิ่งไปที่บนหน้าผาอย่างรวดเร็ว
จวินมั่วหรันกวาดมองซากหนอนพิษบนพื้นพลางตวัดกระบี่สะบั้นมังกร จากนั้นพิณโบราณลายดอกสาลี่ในมือของผู้หญิงตรงหน้าเขาก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที
“จงส่งหนอนพิษนางพญามาเดี๋ยวนี้”
หญิงสาวยกมือเรียวยาวขึ้นมาถอดหมวกที่สวมอยู่ เผยให้เห็นใบหน้าสะสวยซีดเผือด
“ไม่ได้เจอกันนาน ไม่ทราบว่าท่านใต้เท้าสบายดีหรือไม่”
ดวงตาแวววาวดุจคลื่นกระเพื่อมของนาง จ้องมองจวินมั่วหรันภายใต้แสงจันทร์ด้วยความสงบเสงี่ยม
จวินมั่วหรันรู้ตั้งนานแล้วว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อส่งตัวฉู่อีอีเข้าไปในเรือนขุนนางจิ้น ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของฉู่อีอี
แต่เขาไม่คาดคิดว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อจะรีบร้อนลงมือกับเขาอย่างหุนหันพลันแล่นขนาดนี้
ตั้งแต่วันที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อกลายเป็นราชครูแห่งแคว้นตงหลินในวันนั้น จวินมั่วหรันก็รู้สึกถึงแรงเกลียดชังของไป๋หลี่เหอเจ๋อที่มีต่อเขาได้ทันที
เหตุผลที่จวินมั่วหรันไม่สนใจไป๋หลี่เหอเจ๋อก็เพราะเขายังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อประชาชนและสั่นคลอนแคว้นตงหลิน
แต่วันนี้ ไป๋หลี่เหอเจ๋อตั้งใจจะบดขยี้เขา ซ้ำยังลากจี้มั่วอิ้นเหรินเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำเอาเขาโมโหเป็นยิ่งนัก
ฉึบ!
ครั้นกระบี่สะบั้นมังกรในมือจวินมั่วหรันตวัดออกครั้ง ฉู่อีอีก็มีเลือดไหลซึมออกมาจากใต้เสื้อผ้า
นางยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างหนึ่ง ปากขาวซีดถูกเลือดสดย้อมจนแดงเถือก คล้ายผีดูดเลือดที่ออกมาจากถ้ำลึกก็ไม่ปาน
“ท่านใต้เท้าคิดดีแล้วกระนั้นหรือ หากฆ่าหม่อมฉันและจัดการหนอนพิษนางพญาได้ แม้จะสามารถหยุดตัวอ่อนหนอนพิษในร่างกายฮ่องเต้ได้ แต่ฮ่องเต้ทรงพระเยาว์ขนาดนั้น คงไม่มีทางทนพิษของตัวอ่อนหนอนพิษได้อย่างแน่นอน”
ฉู่อีอีคลี่ยิ้มอย่างชั่วช้า นางเดินบิดเอวเข้ามาหาจวินมั่วหรัน “ท่านใต้เท้ารู้หรือไม่ว่า อีอีซ่อนหนอนพิษนางพญาไว้ที่ไหน อย่างท่านน่าจะเดาออกใช่หรือไม่ อีอีซ่อนหนอนพิษนางพญาไว้ในที่ที่พวกผู้ชายอย่างพวกท่านมักจะก้มหัวให้ข้าและด่ำดื่มจากมันจนโงหัวไม่ขึ้น มันช่างมิดชิดเหลือเกินใช่หรือไม่ แต่ถ้าหากท่านใต้เท้ามีใจให้ข้า รับรองท่านจะได้หนอนพิษนางพญาไปอย่างแน่นอน”
จวินมั่วหรันมองฉู่อีอีที่กำลังยั่วยวนอย่างสะอิดสะเอียน
นางดูดี แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามักจะรู้สึกว่าใบหน้าของฉู่อีอีช่างน่าเกลียด
เมื่อเห็นจวินมั่วหรันไม่ตอบ ฉู่อีอีจึงเขย่งเท้าไปเป่าหูของเขา “ท่านใต้เท้า อีอีสัญญาว่าหลังจากนี้ไปจะมีแต่ท่านเท่านั้น”
ในที่สุด เฟิงอู๋โยวก็ปีนขึ้นมาถึงบนยอดผา จากนั้นก็ขว้างหินขนาดเท่ากำปั้นใส่ท้ายทอยฉู่อีอีอย่างโมโห “แกไม่รังเกียจตัวเองหรือ คิดว่าซ่อนหนอนพิษนางพญาไว้ในช่องคลอดของตัวเองแล้วท่านใต้เท้าจะแตะต้องแกหรือ”
ฉู่อีอีกุมท้ายทอยที่เปื้อนเลือดของตัวเอง ก่อนหันกลับมามองเฟิงอู๋โยว “หลบไปให้พ้น”
จวินมั่วหรันไม่คาดคิดว่าเฟิงอู๋โยวจะมาโผล่ที่นี่ และไม่คาดคิดว่านางจะออกมาพูดปกป้องตัวเขา
ดวงตาสีดำทองของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที มุมปากพลันยกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
แต่ว่าเสี้ยวพริบตาต่อมา เฟิงอู๋โยวก็ทำท่าโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
เฟิงอู๋โยวพุ่งเข้ามาราวกับพายุโหม ใช้มือข้างหนึ่งจับคอเสื้อของฉู่อีอีและดึงนางไปด้านข้าง “เลิกคิดเสียเถิด! ท่านใต้เท้าผู้นี้แตะต้องแกไม่ได้ แต่ข้าทำได้โว้ย!”
ฉู่อีอีพูดเสียงเรียบ “เจ้าคู่ควรกระนั้นหรือ”
“ไม่คู่ควรตรงไหน”
เฟิงอู๋โยวเลิกคิ้วถามอย่างท้าทาย
ฉู่อีอีกรอกตาใส่เฟิงอู๋โยวอย่างขยะแขยง ขณะก้าวถอยหลังรักษาระยะห่างจากเฟิงอู๋โยว จากนั้นก็ควักขลุ่ยควบคุมหนอนพิษที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมาจากช้าๆ
“แสงจันทร์กระจ่าง จิตใจว้าวุ่น ความตายใกล้มาเยือนแบบนี้ ยังมีกะจิตกะใจเป่าขลุ่ยอีกหรือ แต่ว่า ในเมื่อเจ้ามีอารมณ์สุนทรีขนาดนี้ เช่นนั้นข้าจะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเจ้าให้ถึงที่สุดแล้วกัน”
ทันทีที่เฟิงอู๋โยวพูดจบ นางก็หันกลับไปและวิ่งไปหาจวินมั่วหรันพร้อมพูดเสียงแผ่ว “ท่านใต้เท้า กระหม่อมไม่มีกำลังภายใน หากมีหนอนพิษบุกเข้ามา ท่านใต้เท้าต้องปกป้องกระหม่อม”
“…”
จวินมั่วหรันที่กำลังโกรธอยู่ไม่สนใจนางแม้แต่น้อย
นางหน้าไม่อายจนถึงขั้นกู่ไม่กลับ แม้แต่ผู้หญิงอย่างฉู่อีอียังกล้าแตะต้อง!
แต่ว่าความโกรธก็อยู่ส่วนความโกรธ
จวินมั่วหรันดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน “ข้าโกรธมาก”
ในเวลานั้นเอง ฉู่อีอีได้เป่าขลุ่ยควบคุมเหล่าหนอนพิษขึ้นมา
เสียงขลุ่ยจากระยะไกลได้ฝ่าแหวกความเงียบยามค่ำคืน จากนั้นหนอนพิษแปลกประหลาดก็พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
เฟิงอู๋โยวรู้ว่าจวินมั่วหรันจะปกป้องนาง ครั้นแล้วจึงผ่อนคลายลงและกระแอมในลำคอปรับน้ำเสียง และร้องเพลงตามจังหวะเสียงขลุ่ย “ปากส่งเสียง บี๊บๆๆ…”
จวินมั่วหรันเอือมระอาเต็มทน สายตาหลุบมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังร้องเพลงอยู่และปิดปากนางแน่น “หุบปาก!”
“เสียงขลุ่ยบรรเลงท่ามกลางคืนร้างอันหนาวเหน็บแบบนี้ พวกเราไม่ควรประมาทตกอยู่ในมนต์สะกดของเสียงเพลงใช่หรือไม่” เฟิงอู๋โยวอย่างไม่พอใจ
นางเกลียดริมฝีปากสีแดงของฉู่อีอียิ่งนัก ดังนั้นจึงใช้เพลงของโลกก่อนหน้านี้ของนางปั่นประสาทฉู่อีอี
“หนวกหูชะมัด”
แม้จวินมั่วหรันจะพูดแบบนั้น แต่ภายในใจกลับรู้สึกดีใจที่ได้ยินคำว่า ‘พวกเรา’ หลุดมาจากปากเฟิงอู๋โยว