เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 164 ความจำเป็น ตอนที่ 165 หงหรันปรากฏตัว

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 164 ความจำเป็น / ตอนที่ 165 หงหรันปรากฏตัว

ตอนที่ 164 ความจำเป็น

เฟิงอู๋โยวรู้สึกแปลกใจ เมื่อชาติที่แล้วนางเป็นถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคสำหรับเพศชายมานาน หากว่ากันตามหลักการจริงๆ นางควรจะรู้สึกตายด้านไปตั้งนานแล้ว

แต่ตอนนี้นางกลับประหม่าราวกับหญิงสาวแรกแย้มอ่อนต่อโลก

จวินมั่วหรันจนปัญญา เพราะเฟิงอู๋โยวคิดว่ารูปร่างอันแสนภาคภูมิใจมาโดยตลอดของเขาน่าเกลียด!

มันน่าเกลียด? ทำไมเขาไม่คิดแบบนั้น

ถ้านางยอม เขาอยากจะถอดกางเกงของนางออกมาประชันรายละเอียดเทียบขนาดกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

ครู่ต่อมาเฟิงอู๋โยวก็ดึงลูกธนูดอกสุดท้ายออกมา ก่อนถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก “โชคดีที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต”

“เฟิงอู๋โยว เจ้าเห็นจนพอใจแล้วหรือยัง”

จวินมั่วหรันนอนราบกับพื้นพลางพูดอย่างโกรธเคือง

ความหมายของเขาคือ ถ้าคิดว่ามันน่าเกลียดก็อย่าดู

เฟิงอู๋โยวทำเป็นไม่ได้ยิน นางบ่นกับตัวเอง “อย่างไรก็ตาม ท่านยังคงต้องระวัง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เวลาเดินอาจทำบาดแผลฉีกขาดง่าย”

“แล้วก็พยายามอย่าขยับมาก หากบาดแผลฉีกขาดขึ้นมา ผลที่ตามมาคือหายนะ”

“แผลตรงนี้ลึกมาก แต่กระหม่อมจะเย็บแผลให้ท่านก่อน หลังจากนี้อีกสามวัน ค่อยตัดไหม”

จวินมั่วหรันมุมปากกระตุกและตอบเสียงต่ำ “ข้าไม่เคยไปสถานที่อย่างว่า”

“ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ แค่ครึ่งเดือนก็สามารถไปได้แล้ว” เฟิงอู๋โยวนับนิ้วของนางเพื่อประเมินเวลา ก่อนพูดอย่างจริงจัง

“ข้าไม่ชอบ”

เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจว่าทำไมจวินมั่วหรันต้องยืนกรานที่จะอธิบายให้ชัดเจนขนาดนั้น แต่นางขี้เกียจถามไปมากกว่านี้

ในขณะนี้ นางมองเขาเป็นผู้ป่วยอย่างสมบูรณ์

นางหยิบเสื้อผ้าเป็นแถบรุ่ย จากนั้นก็ดึงด้ายดิ้นทองออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วร้อยใส่เข็มเพื่อเย็บบาดแผลของเขา

แม้แสงจันทร์นวลผ่อง แต่ส่องไม่ค่อยถึงด้านล่างหุบเขาเท่าไร ขณะเฟิงอู๋โยวกำลังเย็บแผล นางจำเป็นต้องขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ บาดแผลจนแทบประชิด

จวินมั่วหรันรู้สึกถึงขนตางอนยาวของนางที่กะพริบสัมผัสเข้ากับผิวบริเวณนั้นของตัวเขาที่บอบบางและไวต่อสัมผัสเป็นพิเศษ

เป็นความรู้สึกที่อึดอัดมาก ทำเอาเขารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว

เขาดันหน้าผากของนาง เสียงของเขาแหบแห้งยิ่งนัก “เฟิงอู๋โยว! ข้าไม่อยากเย็บแผล”

“ไม่ได้ มันจำเป็น”

เฟิงอู๋โยวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังสีหน้านิ่งเรียบ

แต่สีหน้าของจวินมั่วหรันกลับเหยเกปั้นหน้าไม่ถูก

ขณะที่นางกำลังเย็บแผลอย่างใกล้ชิดจนเกือบจะแนบติดเช่นนี้ จวินมั่วหรันกลัวว่าร่างกายของเขาจะสูญเสียการควบคุมและตอบสนองอย่างไม่เหมาะสม

แต่ว่า กลัวแบบไหน ย่อมเจอแบบนั้น

จวินมั่วหรันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปิดตาของ เฟิงอู๋โยวและแสร้งทำเป็นพูดด้วยเสียงสงบนิ่ง”อาการบาดเจ็บของข้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล”

เดิมทีเขาคิดว่าเขาเองรู้ตัวเร็ว เฟิงอู๋โยวคงไม่เห็นความผิดปกตินี้

แต่ใครจะไปรู้ว่านางรับรู้ถึงความผิดปกตินี้ตั้งนานแล้ว ซ้ำยังรู้สึกเขินอายยิ่งกว่าเขาเสียอีก

โชคดีที่แสงที่ด้านล่างหุบเขาไม่ดี นางเบนหน้าหลบเล็กน้อยเขาก็มองไม่เห็นแก้มที่แดงระเรื่อของนางแล้ว

เฟิงอู๋โยวพอรีบเก็บด้าย ถอดเสื้อคลุมของนางออกแล้วคลุมเขาอย่างเบามือ ก่อนพูดติดตลก “ท่านใต้เท้า ‘แข็ง’ แรงดีจริงๆ”

“หะ?”

“ในช่วงเวลาคับขันที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้ แต่ร่างกายทุก ‘ส่วน’ ของท่านยังคงทำงานปกติ ยินดีด้วยขอรับ” เดิมทีเฟิงอู๋โยวอยากเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ไม่รู้ว่าทำไม ยิ่งนางพูดมากเท่าไร เนื้อความก็ยิ่งกำกวมสองแง่สองง่ามขึ้นเรื่อยๆ

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อนางพูดแบบนี้ออกไป จวินมั่วหรันก็ยิ่งอายมากกว่าเดิม

เฟิงอู๋โยวยกมือปิดหน้าผากพลางพูดตะกุกตะกัก “ไม่ใช่ กระหม่อมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น กระหม่อมหมายถึงสุขภาพของท่านดีมาก”

“อืม”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลำบากใจของนาง จวินมั่วหรันก็หันหน้ามา ดวงตาสีดำแวววาวของเขามองพินิจอย่างไม่ละสายตา

คงเป็นเพราะอับแสงเกินไป เขามองว่านางน่ารักเหมือนผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อ่อนต่อโลกมาก

หลังจากนั้นไม่นาน ความร้อนผ่าวบนใบหน้าของเฟิงอู๋โยวก็ค่อยๆ จางลง นางหันหน้ากลับมาอย่างประหม่าและสะกิดจวินมั่วหรันที่นอนหลับตาอยู่ “ท่านใต้เท้าหนาวหรือไม่”

ทันทีที่มือของนางสัมผัสกับผิวอันร้อนผ่าวของเขา นางก็รีบดึงมันกลับในบัดดล

เฟิงอู๋โยวคิดในใจ อย่าบอกนะว่าจวินมั่วหรันกำลังเกิดอารมณ์หื่นกระหายอยู่

นางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ขยับถอยหลังไปเล็กน้อย เมื่อเห็นจวินมั่วหรันนิ่งเฉยราวกับหลับสนิทนางก็ตระหนักว่าสาเหตุที่เขารู้สึกตัวร้อนแบบนี้ไม่ใช่ความร้อนจากอารมณ์กำหนัดแต่เป็นไข้สูง

“ท่านใต้เท้าอย่าได้กังวล กระหม่อมจะไปหาสมุนไพรเดี๋ยวนี้”

ทันทีที่นางพูดจบ แขนของจวินมั่วหรันก็คว้าข้อเท้าของนางไว้ทันที

“สุ่ยเอ๋อร์ อย่าไปนะ”

ตอนที่ 165 หงหรันปรากฏตัว

สุ่ยเอ๋อร์?

เฟิงอู๋โยวมองจวินหลานหรันที่นอนตะแคงข้างบนพื้นอย่างหัวเสีย เขาหายใจถี่กระชั้น นางจึงพูดปลอบเขาขึ้น “นอนอยู่เฉยๆ กระหม่อมจะรีบไปรีบกลับ”

“อู๋โยว ข้าหนาวเหลือเกิน”

“นอนเฉยๆ กระหม่อมจะไปหาสมุนไพรมาให้”

“ข้าไม่กินหญ้า อู๋โยว เจ้าช่วยใช้ร่างกายอันอ่อนนุ่มของเจ้าเทำให้ร่างกายของข้าอบอุ่นได้หรือไม่”

เฟิงอู๋โยวเอือมระอา จวินหลานหรันช่างหน้าไม่อายจริงๆ!

ทั้งที่เขารู้ว่านางเป็นผู้หญิง แต่ก็ยังกล้าขออะไรที่หน้าไม่อายแบบนี้

“จวินหลานหรัน เอามือปลาไหลของเจ้าออกไป ถ้าแผลปริขึ้นมา ข้ารับรองว่าจะทุบเจ้าจนให้รู้สำนึกเลย” เฟิงอู๋โยวขู่เขาด้วยรอยยิ้ม

จวินหลานหรันยิ้มยิงฟัน เขาเริ่มหลงใหลในตัวเฟิงอู๋โยวมากขึ้นเรื่อยๆ

พระเจ้าช่างเมตตาต่อเขาเหลือเกิน ทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้น เขาจะได้พบกับคนที่เขาอยากเจอมากที่สุด

เขาลูบบริเวณบาดแผลเบาๆ แล้วพูดพึมพำ “อาหรัน เจ้าเจ็บมากไหม ถ้าเจ็บก็จงพักผ่อนรักษาบาดแผลแต่โดยดี แล้วเจ้าจะหายดีในไม่ช้า”

“อาหรัน ขาของเจ้าเจ็บหรือเปล่า อู๋โยวได้พันแผลให้เจ้าแล้ว อย่าลืมขอบคุณเขาล่ะ”

“อาหรันช่างไม่ได้เรื่อง แค่ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็สู้ไม่ได้ หากไร้ความสามารถขนาดนั้นสู้ให้ตายๆ ไปเสียดีกว่า”

เฟิงอู๋โยวมองจวินหลานหรานพึมพำอย่างอารมณ์ปวดขมับ ก่อนเตือนเขาอย่างอ่อนโยน เจ้าใช้ร่างกายเดียวกันกับเขา ถ้าเขาป่วย แล้วเจ้าจะอยู่ได้เยี่ยงไร”

เมื่อจวินหลานหรันได้ยินเช่นนั้นก็จ้องเฟิงอู๋โยวและพูดอย่างเปี่ยมความรู้สึก “อู๋โยว ไฉนข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าตกหลุมรักอาหรันแล้วข้าไม่ได้เจอเจ้าแต่ไม่กี่วัน ไฉนเจ้าต้องปกป้องอาหรันแบบนี้”

“เหลวไหล!”

เฟิงอู๋โยวปฏิเสธเสียงแข็งก่อนเถียงกลับ “เขาช่วยชีวิตข้า ดังนั้นข้าจึงต้องรักษาบาดแผลให้เขา”

“เจ้าเป็นหนี้บุญคุณเขาแบบนี้ ดังนั้นเจ้าเลยวางแผนจะตอบแทนบุญคุณเขาด้วยร่างกายของเจ้าหรือ” จวินหลานหรันถามกลับ

“แน่นอนว่าไม่ใช่”

“น่าเสียดายที่อาหรันไม่รู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิง”

“จวินหลานหรัน หยุดปากมากได้แล้ว!”

เฟิงอู๋โยวกลัวว่าจวินหลานหรันจะพูดเรื่องนี้กับจวินมั่วหรัน นางจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที นางยื่นมือออกไปเพื่อตรวจวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของเขา “ถ้าเจ้ายังตัวร้อนอยู่แบบนี้ สมองของเจ้าคงมอดไหม้ในไม่ช้า”

ทันใดนั้น จวินหลานหรันก็คว้ากอดเฟิงอู๋โยวไว้ในอ้อมแขน แขนที่แข็งแกร่งของเขาโอบกอดแผ่นหลังบางๆ ของนาง

“จวินหลานหรัน ปล่อยเดี๋ยวนี้”

เฟิงอู๋โยวกลัวจะโดนบาดแผลบนร่างกายของเขา ดังนั้นนางจึงได้แต่อยู่แน่นิ่งๆ ไม่ขยับในอ้อมแขนของเขา

“เช่นนั้นให้ข้าซ่อนเจ้าเอาไว้ในที่ที่อาหรันหาไม่เจอดีหรือไม่” จวินหลานหรันพูดทีเล่นทีจริง

เฟิงอู๋โยวส่ายหัว “ข้าคิดว่าเจ้าอันตรายยิ่งกว่าเขาเสียอีก”

“อย่ากังวล เจ้าไม่จำเป็นต้องระแวดระวังข้าขนาดนี้”

จวินหลานหรันปล่อยนางออก เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนในร่างกายที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาและพูดกำชับอย่างเคร่งขรึม “หงหรันกำลังจะปรากฏตัวแล้ว เจ้ารับมือไม่ไหวหรอก รีบไปหาคนมาช่วยเสีย”

“หงหรัน?”

เฟิงอู๋โยวปวดหัวเป็นที่สุด นางคิดว่าจวินมั่วหรันมีแค่บุคลิกที่สองอย่างจวินหลานหรันเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีจวินหงหรันอีกคน

จวินหลานหรันพยักหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงขรึม “หงหรันเป็นคนหัวรุนแรงพอๆ กับมั่วหรัน แต่เป็นในทางที่รุนแรงกว่า มั่วหรันไม่เข้าใกล้ผู้หญิง แต่หงหรันนั้นต่างออกไป ตราบใดที่คนนั้น สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เขาชอบ เขาจะเข้าครอบครองอย่างไม่ลังเล หลายปีก่อนมั่วหรันได้พยายามกดหงหรันเอาไว้และหงหรันก็อ่อนแอลงอย่างมาก แต่สถานการณ์คืนนี้ค่อนข้างพิเศษ และดูเหมือนว่าหงหรันจะหลุดจากพันธนาการแล้ว”

เมื่อได้ยินว่าหงหรันนิสัยเสียมากกว่ามั่วหรัน ขาของเฟิงอู๋โยวก็สั่นขึ้น

“จวินหลานหรัน เจ้าไม่ได้โกหกข้าอยู่ใช่หรือไม่” นางจ้องมองที่จวินหลานหรันอย่างประหวั่น

“หือ? สวยจัง! ข้าชอบ”

เสี้ยวพริบตาต่อมา แววตาของเขาเปล่งประกายแปลกๆ ดวงตาที่ลุกโชนของเขาจ้องมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังตื่นกลัวตัวสั่นอยู่ด้านหน้าเขา

หัวใจของเฟิงอู๋โยวเต้นไม่เป็นจังหวะ นางแอบกรีดร้องในใจ

นางถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็ถามอย่างตะกุกตะกัก “เจ้าคือ หงหรันอย่างนั้นหรือ”

“หงอะไรของเจ้า! เจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกเปิดโรงย้อมผ้า[1]อย่างนั้นหรือ แต่ว่าข้าก็ชื่อจวินหงหรันจริงนั่นแหละ”

“…”

เฟิงอู๋โยวน้ำตาตกใน และแล้วนางก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าในบรรดาบุคลิกทั้งหมด มีเพียงจวินมั่วหรันเท่านั้นที่ปกติที่สุด

ดวงตาสีแดงเป็นประกายของจวินหงหรันมองไปที่เฟิงอู๋โยวด้วยความสนใจอย่างมาก และทันใดนั้นก็พูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เจ้ามีความสามารถอะไรบ้าง”

“คิดจะทำอะไร”

“ข้าแค่อยากเห็น”

“เจ้าควรนอนพักผ่อน! เจ้าไข้ขึ้นสูงจนตัวแทบไหม้อยู่แล้วยังมัวเอะอะอยู่ได้”

เฟิง หวู่โหย่วทำอะไรไม่ถูก ถ้านางไม่กังวลว่าจวินมั่วหรันจะถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในที่แบบนี้โดยไม่มีใครดูแล ป่านนี้นางตบตูดเผ่นหนีไปตั้งนานแล้ว นางคงไม่อยู่ให้ถูกจวินหลานหรันและจวินหงหรันทรมานเล่นแบบนี้หรอก

จวินหงหรันยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ทันใดนั้นเขาก็โคจรพลังภายในขึ้นเป็นพายุหมุนสีขาวขึ้นและฟาดใส่ขาของเฟิงอู๋โยว

เฟิงอู๋โยวไม่ทันสังเกต จึงถูกพายุหมุนลูกเล็กๆ พันรัดข้อเท้า ความรู้สึกเหมือนถูกพันด้วยเชือกป่าน จากนั้นพลังนั้นก็พานางเข้าไปหาจวินหงหรัน

จวินหงหรันไม่สนใจบาดแผลตามร่างกายแม้แต่น้อย เขายกมือจับคางเฟิงอู๋โยวและพูดเสียงเข้ม “เจ้าต้องรับผิดชอบต่ออาการบาดเจ็บของข้า”

“ทำไม” นางต้องการจะรับผิดชอบจวินมั่วหรันมากกว่า

“เพราะข้าชอบสัมผัสกับผิวเจ้า”

“จวินหงหรัน อย่าเข้ามานะ”

ทันใดนั้น เฟิงอู๋โยวควักเข็มเงินยาวห้านิ้วออกมาจากใต้แขนเสื้อและจ่อไปที่คอของจวินหงหรัน

จวินหงหรันไม่กลัวเข็มเงินที่จ่อคอของเขาอยู่แม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เฟิงอู๋โยวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

แต่เขารู้สึกถึงความกลัวของเฟิงอู๋โยว ทำให้เกิดลังเลที่จะจู่โจมนาง

จวินหงหรันคิดว่าความคิดของจวินมั่วหรันกำลังส่งผลต่อทำการกระทำของเขา ดังนั้นเขาถึงยอมถอยกลับอย่างไม่มีทางเลือก “ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้า แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะต้องเต้นรำให้ข้าดู”

“ข้าเต้นไม่เป็น”

“เช่นนั้นข้าจะเต้นให้ดูก่อนแล้วเจ้าค่อยเต้นตาม”

“…”

อันที่จริงเฟิงอู๋โยวก็อยากเห็นจวินหงหรันเต้นรำเช่นกัน แต่เลือดเพิ่งหยุดไหล อย่าว่าแต่เต้นรำเลย ลำพังแค่การเคลื่อนไหวธรรมดาก็อาจทำให้บาดแผลปริแตกได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันพูดออกไป “หยุดเดี๋ยวนี้ ก็ได้ ข้าจะเต้นรำให้เจ้าดูเดี๋ยวนี้”

“อืม”

จวินหงหรันตอบเสียงขรึม เขาได้ยินมานานแล้วว่าจวินมั่วหรันชอบเจ้าหมอนี่มาก

ก่อนหน้านี้เขาต้องการฉวยโอกาสขอลิ้มลองเรือนร่างของเจ้าหมอนี่เป็นคนแรก แต่เนื่องจากเขาเป็นคนขี้เล่น จึงคิดจะเล่นสนุกกับเฟิงอู๋โยวให้หนำใจก่อน แล้วค่อยย่องเข้าไปเมื่อนางหมดแรง

เป็นธรรมดาที่เฟิงอู๋โยวจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของจวินหงหรัน ดังนั้นนางจึงถอยหลังไปสองสามก้าว ยืนอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นก็เริ่มยักไหล่ ส่ายสะโพกจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้าน แล้วบิดเอวเล็กคอดของนางเป็นวงกลม

“เป็นเยี่ยงไรบ้าง พอใจหรือยัง”

เฟิงอู๋โยวแค่ขยับตัวเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็ถามจวินหงหรันอย่างหมดความอดทน นางไม่มีอารมณ์มาเต้นแร้งเต้นกาในที่พื้นที่รกร้างแบบนี้

จวินหงหรันขยี้ตา คิดว่าตัวเองตาฝาดไป

เมื่อเห็นเช่นนั้น เฟิงอู๋โยวก็ถามอย่างกระวนกระวาย “เจ้าพอใจแล้วหรือยัง”

จวินหงหรันไม่เคยเห็นพรสวรรค์ที่ย่ำแย่เช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงนิ่งเงียบและไม่ตอบกลับ

หากเขาไม่ได้ตะโกนให้หยุด เฟิงอู๋โยวก็ไม่กล้าหยุด นางเอาแต่แกว่งแข้งขาไปมาอย่างไร้จุดหมาย

หลังจากโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่สักพักใหญ่ อยู่ๆ ก็รู้สึกหมดแรง แต่ก็ฮึดแรงขึ้นมากางแขนออกและแกว่งขึ้นลงเหมือนไก่กระพือปีก

จวินหงหรันถอนหายใจ “หยุดได้แล้ว มันน่าเกลียด”

เฟิงอู๋โยวรู้สึกโล่งใจ ไม่ใช่ว่านางเต้นไม่ได้ แต่แค่ไม่อยากเต้นดีเกินไป

เพราะถ้าจวินหงหรันเกิดหลงใหลในท่วงท่าการเต้นที่สวยงามของนางขึ้นมา มันคงไม่ดีต่อตัวนาง

ทว่าเขาเพิ่งสั่งหยุดไม่ทันไรก็เริ่มสั่งให้ทำเรื่องไร้สาระขึ้นมาอีกระลอก

“ไหน ร้องไห้ให้ดูหน่อย”

“หะ?”

เฟิงอู๋โยวมองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนถามอย่างงงงวย “ข้าไม่มีพ่อแม่แล้ว ทำไมข้าต้องร้องไห้ อีกอย่าง ต่อให้พวกเขาจะตายตอนนี้ ข้าก็ไม่ร้องอยู่ดี”

อยู่ๆ จวินหงหรันก็ทะลึ่งอยากเห็นสภาพของนางตอนร้องไห้ จึงพยายามคะยั้นคะยอนางไม่หยุด แต่เฟิงอู๋โยวก็ไม่ยอมสนองเขา ครั้นแล้วจึงใช้พลังภายในขู่นาง “ถ้าเจ้าไม่ร้องไห้ ข้าจะตีเจ้าจนกว่าจะร้อง”

“จวินหงงหรัน ข้าใช้เวลาหลายชั่วยามรักษาบาดแผลบนร่างกายของเจ้า แต่เจ้าจะทุบตีให้ข้าร้องไห้เนี่ยนะ เจ้ามันช่างไร้เหตุผลเสียจริง!”

“เจ้ารักษาให้มั่วหรัน ไม่ใช่ข้า”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง จวินหงหรันจึงลดน้ำเสียงลงเล็กน้อย “ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง หนึ่ง ร้องไห้ให้ข้าดู สอง ทำให้ข้าอิ่ม”

“เช่นนั้น เจ้าก็รออยู่ที่นี่ ข้าจะไปหาผลไม้ป่ามาให้”

“ไม่ต้อง เจ้าคืออาหารรสเลิศสำหรับข้า” ริมฝีปากบางๆ ของจวินหงหรันรั้นขึ้นเป็นมุมโค้ง ฉายแววชั่วร้าย จากนั้นก็พุ่งเข้าไปประกบจูบเฟิงอู๋โยวทันที

สารเลว! เขาลวนลามข้าอีกแล้ว!

เฟิงอู๋โยวเริ่มตระหนักถึงความกลัวบุคลิกอื่นๆ ของจวินมั่วหรัน

ก่อนหน้านี้จวินมหลานหรันสำรวจ “บาดแผลบวมช้ำ” ที่ไม่มีอยู่จริงตามร่างกายของนางตลอดทั้งคืน ต่อมาก็มีจวินหงหรันผู้ดุร้ายราวกับหมาจิ้งจอกและเสือโคร่งที่พร้อมจะเอาเปรียบนางทุกย่างก้าว

ทันใดนั้น จุวินหงหรันก็รู้สึกหน้ามืดลงราวกับมีใครมาบีบคอเขา เขาหายใจติดๆ ขัดๆ

ก่อนที่เขาจะตอบสนอง สติของจวินมั่วหรันเข้ามาระงับตัวตนของเขาอย่างสมบูรณ์ จากนั้นก็เข้าควบคุมร่างกายอีกครั้ง

อันที่จริง เสื้อผ้าของ เฟิงอู๋โยว ที่เต็มไปด้วยเลือดของเขามีกลิ่นหอมที่ไหน แต่ก็ขอบคุณพระเจ้าที่มันไม่เหม็น

แม้จะได้สติกลับมา แต่จวินมั่วหรันยังคงมุดหัวของเขาเอาไว้ที่ซอกคอของนางอย่างเพลิดเพลิน เพราะโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดนางแบบนี้หายากยิ่งนัก

“จวินหงหรัน เจ้าพอใจหรือยัง”

“อะไร”

“ข้าไม่ชอบอะไรแบบนี้”

เมื่อเห็นว่าเฟิงอู๋โยวเริ่มอารมณ์ไม่ดี จวินมั่วหรันก็รีบปล่อยนาง “ข้าขอโทษ”

“กว่าข้าจะทำแผลเจ้าเสร็จใช้เวลาไปนานมาก แต่นี่เจ้ากลับทำมันหลุด” เฟิงอู๋โยวเหลือบมองไปที่บาดแผลบนหน้าอกของเขาที่เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาอีกครั้ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันด้วยความโกรธ

“…”

ตอนนี้ จวินมั่วหรันไม่รู้ว่าจะดีใจหรือโกรธดี

เฟิงอู๋โยว ปกป้องตัวจากเขาเหมือนป้องกันตัวจากหมาป่า นางไม่ปล่อยให้เขาแตะต้องตัวหรือเข้าใกล้ตัวนางแม้น้อย

แต่นางกลับเต็มใจให้หงหรันเข้าใกล้ และ…จูบนาง

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ใบหน้าของจวินมั่วหรันก็อึมครึมลงเรื่อย ๆ ในเวลาเดียวกันเขาก็คิดขึ้นในใจว่า…ถึงเวลาที่จะต้องกำจัดบุคลิกอื่นๆ ให้หายไป ทั้งหงหรัน หลานหรัน ไป๋หลาน

ใช่แล้ว ต้องกำจัดทิ้ง

[1] เปิดโรงย้อมผ้า หมายถึงคนที่หลงระเริงกับคำชมคนคนอื่นจนลืมตัว

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน