เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 178 คายความจริง

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 178 คายความจริง

“หมอวิเศษเฟิง รบกวนเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับเซ่อเจิ้งหวาง”

เย่เชี่ยวกวาดมองเฟิงอู๋โยวด้วยสายตาเรียบนิ่ง เดิมทีนางคิดจะวางมาดองค์หญิงข่ม แต่นึกไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวจะไม่สนใจนางแม้แต่น้อย

ดวงตาไร้ความรู้สึกของจวินมั่วหรันเหลือบมองไปบนตัวเย่เชี่ยว ริมฝีปากเรียวปากขยับพูด “ไสหัวไป”

เฟิงอู๋โยวจัดระเบียบขวดยาให้เรียบร้อยตามเดิม เมื่อได้ยินเสียงหงุดหงิดของจวินมั่วหรัน ปลายนิ้วก็สั่นระริกขึ้นมาเล็กน้อย

“ได้ กระหม่อมจะออกไปเอง”

เฟิงอู๋โยวลุกพรวด มือพลันคว้าขวดยาสีเขียวอ่อนติดมือขึ้นมา ก่อนปาใส่จวินมั่วหรัน “เจ้าบ้า! ข้าอุตส่าห์ตั้งใจรักษาบาดแผลให้ ยังมีหน้ามาไล่ข้าออกไปอีก! เออ ข้าจะออกไปเอง พอใจหรือยัง”

“เฟิงอู๋โยว หยุด!”

จวินมั่วหรันรู้สึกหงุดหงิด เขารับขวดยาที่เฟิงอู๋โยวปาใส่และทุบมันจนแตกละเอียด “ทำแบบนี้ทำไม”

เขามองแผ่นหลังของเฟิงอู๋โยวอย่างอึดอัดใจ

ทำไมเจ้าหมอนี้ถึงเข้าใจเขาผิดอยู่ตลอด

เขาจะไล่นางไปได้เยี่ยงไร เห็นๆ อยู่ว่าเขาไล่เย่เชี่ยวให้ออกไปพ้นๆ สายตาเขาเสียที

เย่เชี่ยวเป็นฝ่ายโดนลูกหลง นางถูกเศษขวดแก้วกระเด็นใส่จนเลือดออกที่หน้าผาก “หมอวิเศษเฟิง ไฉนถึงเสียมารยาทเช่นนี้ เป็นแค่คนรากหญ้า ยังริอาจลงมือกับชนชั้นสูง ช่างไม่รู้จักสูงต่ำ…เซ่อเจิ้งหวาง ท่านลองกินแกงตุ๋นไก่หม้อนี้เพื่อสงบอารมณ์ ข้าจะสั่งคนมาถล่มเรือนแพทย์พยากรณ์ของเขาเอง”

จวินมั่วหรันได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็ฉายแววเหี้ยมโหดขึ้นมาทันที

นี่นางบังอาจจะทำลายเรือนแพทย์พยากรณ์งั้นหรือ แล้วอย่าหาว่าเขาลงมือป่าเถื่อนเกินไปแล้วกัน

“เจ้า มานี่”

เดิมทีจวินมั่วหรันอยากจับเย่เชี่ยวแขวนประจานไว้หน้าประตูเมือง แต่เฟิงอู๋โยวเพิ่งทำแผลให้ ครึ่งตัวของเขาจึงเคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกและกลัวว่าบาดแผลจะปริแตกและทำให้เฟิงอู๋โยวโกรธอีก

เย่เชี่ยวสังเกตเห็นแววโมโหของเขาที่ปะทุออกมา

แต่นางคิดว่าจวินมั่วหรันกำลังโกรธเฟิงอู๋โยวอยู่ ดังนั้นจึงเดินถือหม้อแกงไก่ตุ๋นร้อนๆ เข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เซ่อเจิ้งหวาง หากท่านชอบ พรุ่งนี้ข้าจะทำมาให้อีก”

จวินมั่วหรันแค่นเสียงหึในลำคอ เขารับหม้อแกงไก่ตุ๋นร้อนๆ ในมือนางมา จากนั้นก็เทราดลงไปที่หัวของนางทันที

“อ๊าย! ร้อน!”

“ฮือๆๆ นี่ท่านจะทำอะไร”

“นี่ท่านรังแกผู้หญิงได้เยี่ยงไร”

เย่เชี่ยวร้องตกใจเสียงดัง มือไม้พยายามปัดป้องจวินมั่วหรัน

“ข้าไม่ชอบแกงไก่ตุ๋น”

จวินมั่วหรันตอบกลับเสียงเรียบและมองเย่เชี่ยวที่นั่งตัวสั่นอย่างเย็นชา เขาอยากจะควักลูกนัยน์ตาของนางออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

กว่าเขาจะมีโอกาสอยู่ในห้องตามลำพังกับเฟิงอู๋โยวสองต่อสอง นางกลับเข้ามาเป็นก้างขวางคอเสียได้

แล้วจะให้เขาไม่โกรธได้เยี่ยงไร

“ไม่ชอบกินก็ไม่เห็นจะต้องรังแกกันถึงขนาดนี้เลย เซ่อเจิ้งหวาง ข้าขอดูถูกท่าน” เย่เชี่ยวใช้ชายแขนเสื้อเช็ดน้ำแกงบนหัวอย่างหดหู่

“ไสหัวไป”

จวินมั่วหรันตวาดไล่อีกครั้ง เขาไม่ใจเย่เชี่ยวว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ในเมื่ออยากดูถูกเขา แล้วจะมาโผล่หน้าต่อหน้าเขาทำไมอีก

“นี่ท่าน!”

เย่เชี่ยวหน้าแดงก่ำ มือข้างหนึ่งพยายามปัดเครื่องสมุนไพรบนหัวออก จากนั้นก็เดินออกนอกประตูไปทันที

“เก่งกาจมาจากไหน!”

“สักวันข้าจะทำให้ท่านยอมสยบด้วยฝีมือของข้าเอง!”

“ถึงตอนนั้น ข้าจะทำให้ท่านต้องคุกเข่าขอข้าแต่งงานให้ได้”

เย่เชี่ยวร้องไห้พลางพูดจาเพ้อฝัน เดิมทีนางคิดว่าจะสามารถทำให้จวินมั่วหรันสนใจนางได้

แต่นึกไม่นึกว่าจวินมั่วหรันจะเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ย่ำแย่ขนาดนี้ แถวยังเทราดแกงไก่ตุ๋นใส่นางอีก!

“สาวสวยจากไหนกัน กลิ่นแกงไก่ตุ๋นทั้งตัวแบบนี้ ช่างพิเศษเหลือเกิน” จี้มั่วจื่อเฉินได้กลิ่นแกงไก่ตุ๋นขณะกำลังก้าวเข้าไปในเรือนแพทย์พยากรณ์ พบกับเย่เชี่ยวที่กำลังร้องไห้อยู่พอดี

เมื่อเห็นสาวสวย เขาก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ดวงตายิ้มกะหยิ่มจ้องมองเย่เชี่ยว

“ฮือๆๆ พวกเจ้ายังเป็นลูกผู้ชายกันอยู่หรือไม่ ไฉนต้องจ้องเอาเปรียบข้าด้วย!” เย่เชี่ยวอับอายจนโมโห นางร้องไห้เสียงดังไม่แพ้ชิงหลวนเลย

“หรือแม่หญิงอยากจะลองดูว่าข้าเป็นผู้ชายหรือไม่” จี้มั่วจื่อเฉินพูดอย่างหยอกเย้า

เพี๊ยะ!

“หยาบคาย!” เย่เชี่ยวตบหน้าจี้มั่วจื่อเฉินอย่างโมโห

“อยากเจอดีนักหรือ!”

จี้มั่วจื่อเฉินเริ่มหมดความอดทนและกำลังจะสอนบทเรียนเย่เชี่ยว แต่เมื่อเขาเห็นเฟิงอู๋โยวเข้ามา ความโกรธในใจของเขาก็หายไปทันที

เขาผลักเย่เชี่ยวออกไปให้พ้นทาง แล้ววิ่งเหยาะๆ ไปหาเฟิงอู๋โยวด้วยท่าทางขี้อ้อน “อู๋โยว ข้าสั่งทางโรงครัวแกงไก่ตุ๋นมาให้เจ้า ได้กินบำรุงร่างกาย เจ้าดูตัวเจ้าสิ ซูบผอมหมดแล้ว ลมพัดทีตัวเจ้าคงปลิว”

“แกงไก่ตุ๋นอีกแล้ว!”

เฟิงอู๋โยวมองหม้อแกงไก่ตุ๋นในมือจี้มั่วจื่อเฉินอย่างอารมณ์เสีย

“หะ? ทำไมหรือ”

“ไม่มีอะไร กินกันเถิด!”

เฟิงอู๋โยวนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้เตี้ยในลานบ้านและกินแกงไก่ตุ๋นกับจี้มั่วจื่อเฉินอย่างเอร็ดอร่อย

“ใส่สุราลงไปในท้องไก่ด้วย นี่เจ้าคิดจะมอมข้าหรือ”

จี้มั่วจื่อเฉินยิ้มร่า “ดื่มนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นอะไรไป”

“ก็จริง!” เฟิงอู๋โยวกระดกกินน้ำแกงอึกใหญ่ จากนั้นก็ใช้เข็มเงินขูดเขียนคำว่า ‘พัน’ ลงบนถ้วย

จี้มั่วจื่อเฉินอยากตีสนิทกับนางให้มากกว่านี้ จึงขยับเข้าใกล้และถามเสียงแผ่ว “ได้ยินฮ่องเต้บอกมาว่าเจ้าวาดรูปสวย เจ้าพอจะวาดภาพชายหญิงพลอดรักกันให้ข้าได้หรือไม่”

“พลอดรักบ้าอะไรของเจ้า!”

เฟิงอู๋โยวเคาะหัวเขาไปหนึ่งทีก่อนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ขืนเจ้ายังทำตัวเสเพอยู่อีก ต่อให้เทพเซียนก็ช่วยเหลือเจ้าไม่ได้แล้ว”

จี้มั่วจื่อเฉินได้ยินเช่นนั้นก็กลับจนตัวสั่น

ภายในเรือนแพทย์พยากรณ์ จวินมั่วหรันนั่งอยู่บนเตียง สีหน้าของเขาดำมืดเหมือนก้นหม้อ

จุยเฟิงกับเถี่ยโส่วที่ยืนประกบข้างเตียงต่างสัมผัสได้ถึงความโกรธของเขา พวกเขาจึงไม่กล้าหายใจแรง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จวินมั่วหรันก็ถามจุยเฟิงเสียงเรียบ “เฟิงอู๋โยวคุยเรื่องอะไรกับจี้มั่วจื่อเฉิน”

“กระหม่อมไม่ค่อยได้ยินขอรับ ก่อนหน้านี้ได้ยืนแค่ว่าองค์ชายเฉินนำแกงไก่ตุ๋นมาให้แม่ทัพเฟิง และตอนนี้ก็กำลังดื่มกินกันอยู่ที่ลานสวน”

เถี่ยโส่วพูดเสริมขึ้น “แม่ทัพเฟิงสลักคำว่า ‘พัน’ ลงบนถ้วยด้วยขอรับ ทำนองว่ากล่าวยกย่องตัวเองว่าดื่มพันจอกก็ไม่เมา”

“…”

เมื่อจวินมั่วหรันนึกถึงจวินมั่วหรันผู้คออ่อนก็รู้ปวดขมับขึ้นมา

เขาถามเถี่ยโส่วต่อ “เฟิงอู๋โยวยังกล้าดื่มสุราอยู่อีกหรือ”

เถี่ยโส่วส่ายหน้าตอบ “ในน้ำแกงไก่ตุ๋นได้สุราลงไปด้วยขอรับ แล้วเฟิงอู๋โยวก็ซดน้ำแกงไปหนึ่งถ้วย ตอนนี้สุราเริ่มออกฤทธิ์แล้ว และพวกเขาก็กำลังร้องเพลงกันอยู่ที่ลานสวน”

“พยุงข้าออกไปหน่อย”

จวินมั่วหรันถูกเฟิงอู๋โยวปาขวดใส่ เดิมทีคิดอยากให้นางขอโทษ แต่คิดว่านางคงไม่มีทางยอมรับผิด ไม่เช่นนั้นนางคงไม่กล้ามาดื่มกินกับผู้ชายอื่น อยู่แบบนี้

มีอย่างที่ไหนถึงกล้าทำแบบนี้!

หงุดหงิดเหลือเกิน!

จุยเฟิงกับเถี่ยโส่วมองหน้ากัน เพราะกลัวจวินมั่วหรันโมโหจนทำร้ายเฟิงอู๋โยวอีก

แต่เฟิงอู๋โยวก็ช่างรับมือยากเหลือเกิน

มีทั้งจี้มั่วจื่อเฉินผู้เจ้าชู้มากประสบการณ์ตามเกาะ มีทั้งไป๋หลี่เหอเจ๋อผู้ที่ยอมทรมานตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใน

ไหนจะชิงหลวนจอมขี้แยผู้ที่รักเฟิงอู๋โยวอย่างสุดขั้วหัวใจอีก แล้วก็กู่หนานเฟิงที่มาใหม่และได้รับฉายาใหม่ว่า ‘เวยเหมิ่ง’ นั่นอีก หากจวินมั่วหรันต้องการคนงามกลับมาไว้ในอ้อมกอด นับว่าเป็นเรื่องยากเสียยิ่งกว่ายากจริงๆ

จริงสิ ได้ยินมาว่าเฟิงอู๋โยวมีเพื่อนสนิทที่แคว้นเป่ยหลีอย่างหลิงงเทียนฉี ไม่นานก่อนหน้านี้ได้ส่งเงินกระดาษมาให้เฟิงอู๋โยว แต่กลับถูกจวินมั่วหรันเผาทิ้งจนหมด

เมื่อคิดได้เช่นนี้ จุยเฟิงจึงรวบรวมความกล้าเอ่ยปากเตือนจวินมั่วหรันด้วยความหวังดี “ท่านใต้เท้า แม่ทัพเฟิงเป็นพวกกินอ่อนไม่กินแข็ง[1] ท่านใต้เท้าลองคิดดูสิขอรับ รอบๆ ตัวเขามีใครบ้างที่ไม่เอ็นดูเขา”

“หมายความว่าเยี่ยงไร”

“กระหม่อมเคยได้ยินเรื่องราวความรักอันแสนรวดร้าวมาเรื่องหนึ่ง ไม่ทราบว่าท่านใต้เท้าสนใจจะฟังหรือไม่ขอรับ”

“ว่ามา”

“นานมาแล้ว ชายทรงอำนาจคนหนึ่งตกหลุมรักหญิงผู้ดื้อรั้นแต่สวยงามราวกับหญ้าตำแย เพื่อเรียกร้องความสนใจจากนาง เขาเฆี่ยนตีนาง ดุด่านาง บังคับนางและแกล้งนาง พูดสั้นๆ ว่า เขารังแกนางด้วยสารพัดวิธีการ”

จวินมั่วหรันขมวดคิ้ว ทำไมผู้ชายที่เหมือนสัตว์ร้ายจากปากของจุยเฟิงฟังดูคุ้นๆ

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จวินมั่วหรันก็ยังนึกไม่ออกว่าชายที่จุยเฟิงพูดถึงคือใคร จึงถามเสียงทุ้มออกไป “เกิดอะไรขึ้นในภายหลัง”

“ต่อมาหญิงสาวคนนั้นถูกรังแกจนฟกช้ำทั้งตัวและหนีไปอยู่กับคนอื่น”

“เจ้ากำลังจะบอกว่าเฟิงอู๋โยวอยากไปอยู่กับคนอื่นงั้นหรือ?!” จวินมั่วหรันโกรธจัดจนตบขาตัวเองระบายอารมณ์จนกระดูกต้นขาเกือบหัก

จุยเฟิงยักไหล่ทำบ่ายเบี่ยง เขาพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว จวินมั่วหรันยังไม่เข้าใจอีก

“ท่านใต้เท้า กระหม่อมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นขอรับ กระหม่อมแต่รู้สึกว่าหากท่านยังรังแกแม่ทัพเฟิงอยู่แบบนี้ต่อไป มันจะเป็นการเปิดโอกาสให้ศัตรูหัวใจนะขอรับ”

“ที่พูดมาก็มีเหตุผล”

ในที่สุดจวินมั่วหรันก็เข้าใจความหมายที่จุยเฟิงต้องการจะสื่อ อยู่ๆ ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา

หากปล่อยให้ศัตรูหัวใจแย่งเฟิงอู๋โยวไป แล้วเขาจะทำเยี่ยงไร

แม้ปากเขาจะยังไม่พูดออกมา แต่หัวใจของเขากลับมีแต่นางไปตั้งนานแล้ว

ถ้าไม่สนใจ ถ้าไม่เป็นห่วง เขาคงไม่ถึงขั้นเอาตัวเองเป็นกันลูกธนูให้นาง

ถ้าไม่สนใจ เขาคงไม่พยายามหาสารพัดวิธีมาเรียกร้องความสนใจจากนาง

เพียงแต่ดูเหมือนว่าเขาจะใช้วิธีการผิดและยิ่งเป็นการผลักนางให้ห่างออก

“จุยเฟิง ข้าควรทำเยี่ยงไร”

“พยายามาทำดีกับเขา เอ็นดูเขาและเอาเขาขึ้นหิ้ง!” จุยเฟิงตอบอย่างฉับไว

เถี่ยโส่วได้ยินเช่นนั้น จึงส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “ท่านใต้เท้า กระหม่อมมีอยู่หนึ่งวิธีที่สามารถทำให้แม่ทัพเฟิงยอมสยบได้เร็วกว่า”

“ว่ามา”

“คำโบราณกล่าวไว้ว่า ศาลาใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน[2] ท่านใต้เท้าควรชิงสุกก่อนห่ามนะขอรับ”

ปึ้ง!

ทันใดนั้น เฟิงอู๋โยวก็ถีบประตูเข้ามา นิ้วมือเรียวยาวของนางพุ่งเข้ามาบีบปลายจมูกของเถี่ยโส่วอย่างหงุดหงิด “ให้มันได้แบบนี้สิเถี่ยโส่ว! ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนแบบนี้”

แก้มทั้งสองข้างของนางแดงเรื่อ ดวงตาใสวาวหรี่ปรือ เมื่อดื่มจนเมามายแล้วก็ยากที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเอง

แต่ถึงกระนั้น นางก็เข้าใจที่เถี่ยโส่วพูดเป็นอย่างดี

เถี่ยโส่วกำลังแนะนำให้จวินมั่วหรัน ‘หลับนอน’ กับนางให้เร็วๆ!

“แม่ทัพเฟิง เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด” เถี่ยโส่วรีบปัดมือ แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายเยี่ยงไร

เขาชื่นชมจวินมั่วหรัน แต่ก็ชื่นชอบเฟิงอู๋โยวด้วยเช่นกัน เขาจึงอย่างช่วยทั้งสองกระชับความสัมพันธ์ให้เร็วขึ้นก็เท่านั้น

“พวกเจ้าออกไปเสีย”

จวินมั่วหรันจ้องมองเฟิงอู๋โยวที่เมามาย ก่อนไล่จุยเฟิงกับเถี่ยโส่วออกจากห้องไป

เฟิงอู๋โยวกำลังจะตามจุยเฟิงและเถี่ยโส่วออกไป แต่จวินมั่วหรันกลับคว้านางมาไว้ในอ้อมกอด

เขามองแก้มแดงเรื่อเพราะฤทธิ์สุราของเฟิงอู๋โยวจนลืมเรื่องที่นางปาขวดใส่เขาไปเสียสนิท

“เฟิงอู๋โยว จงฟังให้ดี เมื่อครู่ ข้าไม่ได้ไล่เจ้าออกไป แต่ข้าไล่เย่เชี่ยวออกไปต่างหาก เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ แล้วข้าจะทำร้ายผู้มีพระคุณของข้าได้เยี่ยงไร”

“จวินมั่วหรัน ข้าจะหลับนอนกับเจ้า” เมื่อนางเมา ในหัวของนางตอนนี้ก็มีแต่ภาพกล้ามหน้าท้องอันเย้ายวนชวนน้ำลายสอของจวินมั่วหรัน

“…”

จวินมั่วหรันไม่คิดว่าเฟิงอู๋โยวจะกลายเป็นคนกล้าพูดเรื่องแบบนี้หลังจากดื่มเมา

อยู่ๆ ก็รู้สึกครึ้มใจขึ้นมา แต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่รำไร

หรือว่าเขากำลังถูกนางปั่นหัวอยู่

“เจ้าจะให้ข้าหลับนอนด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ ข้าจะไปหาเจ้าสารเลวไป๋หลี่นั่นก็ได้ เพราะเขาก็ดูดีใช้ได้เหมือนกัน”

“บังอาจ!”

จวินมั่วหรันกังวลเป็นที่สุด ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเป็นเพราะเฟิงอู๋โยวชอบเขา ถึงอาศัยตอนเมาคายความจริงออกมา

แต่นึกไม่นึกว่านางไม่เพียงจะอยากหลับนอนกับเขา แต่ยังอยากหลับนอนกับไป๋หลี่เหอเจ๋อด้วย!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อารมณ์ของจวินมั่วหรันก็แทบจะระเบิด สติปัญญาก็แทบจะกระเจิง

เขาผลักเฟิงอู๋โยวไปบนเตียงและโน้มตัวเข้าหานางอย่างไม่สนใจบาดแผลตามตัว น้ำเสียงปีศาจพราวเสน่ห์เปล่งขึ้นกระทบโสต

“เฟิงอู๋โยว เจ้าเป็นคนเอาตัวเองมาส่งถึงหน้าประตูเอง ดังนั้นอย่ามานึกเสียใจแล้วกัน”

เฟิงอู๋โยวหาวง่วง จากนั้นก็คล้องมือทั้งสองข้างเกี่ยวคอจวินมั่วหรันและพุ่งเข้าใส่อ้อมกอดเขาทันที “ฉู่! เงียบๆ อย่าเสียงดัง”

ดวงตาของจวินมั่วหรันลุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ ขณะกำลังเลื่อนมือไปหมายปลดกระดุม อยู่ๆ นางก็ตีมือเขา “จวินมั่วหรัน ให้มันน้อยๆ หน่อย ข้าเหมือนจะชอบเจ้าอยู่ก็จริง แต่เจ้าไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของข้าเลย บีบข้าจนแทบไม่มีทางเลือก บางครั้งทำเอาข้าอยากร้องไห้เหมือนกัน”

“…”

เฟิงอู๋โยวกดเขาลงไปบนเตียง จากนั้นก็นอนหนุนหน้าอกเขาทันที

แม้ศีรษะน้อยๆ ของนางจะกดทับบาดแผล แต่เขาก็ไม่เขาผลักออกไป “เจ้าก็ชอบข้าเหมือนกันใช่หรือไม่”

“ไม่ชอบแล้ว บางครั้งเจ้าชอบทำตัวอ่อนโยนกับคนอื่นด้วย ข้าเห็นแล้วหงุดหงิด”

“ข้าจะปรับปรุง”

“สันดานหมา อดกินขี้ตัวเองไม่ได้ ข้าไม่เชื่อหรอก”

จวินมั่วหรันรู้สึกห่อเหี่ยวลง สุดท้ายนางก็หักมุมหลอกด่าเขาอีกครั้ง

แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าทำให้นางอารมณ์เสีย เขากลัวว่านางจะไปกับคนอื่นอย่างที่จุยเฟิงพูด

“ข้ามอบความอ่อนโยนแก่เจ้าทั้งหมด ยังไม่พออีกหรือ” จวินมั่วหรันขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรปฏิบัติต่อนางเยี่ยงไรดี

เฟิงอู๋โยวง่วงนอนมาก ครั้นนางขดตัวและคว้าแขนข้างหนึ่งของเขามากอด นางก็หลับสนิทไปในทันที

เดิมทีจวินมั่วหรันคิดว่าเฟิงอู๋โยวต้องการทำเรื่องอย่างว่ากับเขาจริงๆ แต่ที่ไหนได้ คำว่าหลับนอนในความหมายของนางก็คือการนอนจริงๆ!

ช่างเถิด อย่ารีบร้อนไปเสียทุกอย่าง

แม้จะรู้สึกว่าเรือนร่างของนางช่างเย้ายวน แต่เขาใส่ใจความรู้สึกของนางมากกว่า

จวินมั่วหรันห่มผ้าห่มให้นางอย่างสบายๆ และจ้องมองนางเป็นเวลานาน

ถ้าเฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิงมันจะวิเศษขนาดไหน!

เขาจะสามารถแต่งงานกับนางได้อย่างสมเหตุสมผลและมอบความรักทั้งหมดให้กับนาง

แต่ปัญหาคือ ถ้าเฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิงจริงๆ นางจะให้อภัยเขากับเรื่องที่ผ่านๆ มาหรือไม่

นอกจากนี้ ถ้านางเป็นผู้หญิงจริงๆ แต่ต้องเดินทัพและต่อสู้ในฐานะผู้ชายแบบนั้น นึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่านางจะลำบากขนาดไหน

จวินมั่วหรันไม่อยากจะคิดต่อ

ดื่มด่ำกับห้วงปัจจุบันเบื้องหน้าดีกว่า

เขานอนอยู่ข้างๆ นาง กอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอมและกระซิบเบาๆ “ให้โอกาสข้าหน่อย”

[1] กินอ่อนไม่กินแข็ง หมายถึงชอบให้ใช้ไม้อ่อน

[2] ศาลาใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน หมายถึงการที่เราไปอยู่ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย เราจะได้ประโยชน์ก่อนคนอื่นๆ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท