เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 185 ชะตากรรมของจวินฝู ตอนที่ 186

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 185 ชะตากรรมของจวินฝู / ตอนที่ 186 ถูกจับเป็นตัวประกัน

ตอนที่ 185 ชะตากรรมของจวินฝู

ณ เรือนจื่อหยาง

จวินฝูเห็นพวกนักเลงที่นางพามาถูกพวกนักพรตในเรือนจื่อหยางแทงจนตายหมด ก็หวาดกลัวจนเกือบเสียสติ

นางขดตัวครวญครางอยู่ที่มุมห้อง “พวกเจ้าอย่าเข้ามานะ”

ฟิ้ว!

ฟิ้วๆๆ

หัวหน้านักพรตเดินไปข้างหน้าพลางถลกแขนเสื้อขึ้น ก่อนง้างธนูยิงไปข้างแก้มซ้าย-ขวาของจวินฝู

หลังจากยิงออกไปหลายสิบครั้ง หน้ากากหนังบนใบหน้าของจวินฝูก็ถูกปลดออก

หัวหน้านักพรตกระชากคอเสื้อของจวินฝูด้วยมือข้างหนึ่ง

“ที่แท้ก็เป็นท่านหญิงจวินฝูนี่เอง…”

“ในเมื่อรู้แล้วว่าข้าคือท่านหญิงจวินฝูแล้วยังไม่รีบขอโทษข้าอีก?!”

จวินฝูเช็ดเลือดมุมปากที่ไหลออกมาไม่หยุด ดวงตามีน้ำตาคลอเบ้าและน้ำเสียงยังแฝงความเย่อหยิ่งอยู่

เดิมทีนางต้องการปลอมตัวเป็นเฟิงอู๋โยว และต้องการยุยงให้เฟิงอู๋โยวกับไป๋หลี่เหอเจ๋อเข่นฆ่ากันเอง

แต่นึกไม่ถึงว่าเหล่านักพรตที่เรือนจื่อหยางพวกนี้จะมีทักษะการต่อสู้เป็นเลิศและสามารถลงมือฆ่าพวกนักเลงที่นางพามาได้อย่างไร้ความลังเล

หัวหน้านักพรตโยนหน้ากากทิ้งไป ก่อนผุดยิ้มชั่วร้ายขึ้นบนใบหน้า “ท่านหญิงจวินฝูช่างไร้เหตุผล! บุกเข้ามาในเรือนจื่อหยางเอง แต่กลับไปยอมให้พวกกระหม่อมเข้าใกล้”

“ถ้าข้าออกไปจากเรือนจื่อหยางได้ พวกเจ้าคิดว่าท่านพี่จะปล่อยพวกเจ้าไปอย่างนั้นหรือ”

นักพรตคนหนึ่งคลี่ยิ้มเอ่ย “ท่านหญิงคิดว่ามีโอกาสหนีรอดจากเรือนจื่อหยางด้วยหรือ”

จวินมั่วหรันกวาดมองนักพรตหลายสิบคนที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหานางย่างหวาดกลัว มือสองข้างกอดเข่าและหันหน้าหลบไปด้านหลัง “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร”

“ท่านหญิงไม่รู้หรือว่าท่านพี่ของท่านหญิงฆ่าเหล่าพี่น้องในสำนักของพวกเรามามากเท่าไหร่”

“ท่านพี่ทำแบบนั้นก็เพราะเฟิงอู๋โยว ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ถ้าพวกเจ้าคิดจะแก้แค้น ไฉนไม่ไปลงมือเฟิงอู๋โยว”

“เฟิงอู๋โยวเป็นแค่คนนอกของเซ่อเจิ้งหวางเท่านั้น แต่ท่านหญิงกลับต่างออกไป สถานะของท่านหญิงสูงศักดิ์และเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเซ่อเจิ้งหวาง”

หัวหน้านักพรตยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนเดินเข้ามาหยิกหูจวินฝูและกระซิบใกล้ๆ หูนาง “ท่านหญิงหาเรื่องใส่ตัวเอง”

“ฮือๆๆ หูของข้าจะขาดแล้ว เจ็บนะ! ขอร้องล่ะ ปล่อยข้าไปเถิด”

จวินฝูร้องไห้อ้อนวอน ดวงตาทั้งสองข้างอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกไร้ที่พึ่งพิง

“ปล่อยท่านไป? คงเป็นไปไม่ได้”

“ข้าจะให้เงินพวกเจ้า ขอร้องล่ะ ปล่อยเข้าไปเถิด” จวินฝูพนมมืออ้อนวอนนักพรตที่ยิ้มแบบน่าขนลุกอยู่ด้านหน้า

นักพรตพวกนี้ไม่ใช่นักพรตธรรมดาทั่วไป…อันที่จริง นี่คงเป็นปีศาจในคราบนักพรตมากกว่า

ดูใจดีมีเมตตา แต่ชั่วช้าเกินใครเปรียบ

“เงินจะให้ความสนุกเท่าท่านหญิงได้เยี่ยงไร” เหล่านักพรตเข้ามาล้อมรอบจวินฝูเอาไว้

จวินฝูกลัวจนขาสั่น หน้าซีดเผือด “ความลับย่อมไม่มีในโลก ขืนพวกเจ้าทำอะไรข้าขึ้นมาจริงๆ ท่านพี่ไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่นอน”

“เพื่อหญิงงามแล้ว แม้ตัวตายก็ยินดี”

พวกนักพรตหัวเราะคิกๆ น่าขนลุกราวกับต้องการจะลากจวินฝูลงนรกก็ไม่ปาน มือมากมายเอื้อมเข้าไปลวนลามร่างกายจวินฝูไม่หยุด

ฉู่จิ่วตามมาเห็นเช่นนั้นจึงขมวดคิ้วตวาดลั่น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

เหล่านักพรตได้ยินเช่นนั้นก็หยุดชะงักอย่างจำใจ ก่อนมองไปทางฉู่จิ้วอย่างเกรงกลัว “แม่หญิงจิ่ว เซ่อเจิ้งหวางฆ่าพี่น้องในสำนักพวกเราไปมากมายขนาดนั้น พวกเราก็แค่ขู่น้องสาวของเขาเล่นเล็กๆ น้อยๆ คงไม่เป็นไรหรอกกระมัง”

“ท่านใต้เท้าสั่งมาว่าให้จับนางมัดและพาไปที่ศาลาตี๋ซิง”

“รับทราบ”

เหล่านักพรตไม่กล้าขัดคำสั่งของไป๋หลี่เหอเจ๋อ แต่ก็ไม่อยากปล่อยจวินฝูไปง่ายๆ แบบนี้ หลังจากลวนลามจนพอใจไปแล้วก็พากันส่งสายตาให้กัน ก่อนล้อมจวินฝูเอาไว้ตรงกลางอีกครั้ง

จวินฝูกลัวจนหน้าซีด “ขอร้องพวกเจ้าล่ะ ปล่อยข้าไปเถิด ถ้าพวกเจ้าต้องการแก้แค้น ไฉนไม่ไปแก้แค้นกับเฟิงอู๋โยว เข้าเป็นตัวต้นเรื่องของทั้งหมด”

ซ่า!

นางยังไม่ทันตอบสนอง เสื้อผ้าตามร่างกายของนางก็ถูกพวกนักพรตเหล่านี้ปัสสาวะใส่จนเปียกชุ่ม

กลิ่นปัสสาวะเหม็นฉุนอบอวล

จวินฝูรู้สึกอับอายและชอกช้ำใจจนร้องไห้ออกมาทันที

จะว่าไปก็แปลก แม้พวกพรตหื่นกามพวกนี้จะทรมานนางเยี่ยงไร นางก็แค่กลัวแต่ไม่ได้รู้สึกจงเกลียดจงชัง

แต่ทั้งๆ ที่เฟิงอู๋โยวไม่เคยลวนลามนาง แต่ทำไมนางถึงมองเฟิงอู๋โยวเป็นก้างขวางคอ

พวกนักพรตพากันเอามือปิดจมูกและมองจวินฝูที่ร้องไห้ไม่หยุดอย่างรังเกียจ จากนั้นก็นำตัวนางไปที่ศาลาตี๋ซิงตามคำสั่งของไป๋หลี่เหอเจ๋อ

“ฮือๆๆ ท่านพี่อยู่ที่ไหน ฝูเอ๋อร์กลัวเหลือเกิน”

จวินฝูถูกจับมัดไว้ที่เสาบนศาลาตี๋ซิงอย่างแน่นหนาจนขยับตัวไม่ได้ นางนึกเสียใจขึ้นมาทันที

หากรู้แบบนี้ตั้งแต่แรก นางน่าจะสั่งให้หรงชุ่ยจัดการเรื่องนี้แทนนาง ดูตอนนี้สิ ตัวนางกลับต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้ด้วยตัวเอง

“นางอีตัว! จะแหกปากร้องอะไรนักหนา”

หัวหน้านักพรตรำคาญกับเสียงร้องไห้แหลมๆ ของจวินฝู จึงถอดถุงเท้าเหม็นอับเหงื่อยัดปากนาง “หุบปากไปสักพักแล้วกัน”

“อื้อ อือ อือ…”

จวินฝูตกใจกลัวสุดขีด นางยังคงร้องไห้อู้อี้ในลำคอไม่หยุด

ความรู้สึกอ้อนวอนแต่ไร้ทางรอดเป็นแบบนี้นี่เอง

ด้านนอกเรือนจื่อหยาง จวินมั่วหรันกำลังนั่งอยู่ในราชรถหยก ดวงตาลุ่มลึกของเขาอัดแน่นไปด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ คลุ้มคลั่งและน่าเกรงขาม

เขาสวมใส่ชุดคลุมสีดำสนิท ที่เอวคาดเข็มขัดผ้าปักดิ้นทอง รัศมี บารมีความสูงศักดิ์ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แผ่ซ่านออกมาชนิดที่ใครเห็นต่างต้องก้มหัวให้

ตอนที่ 186 ถูกจับเป็นตัวประกัน

เฟิงอู๋โยวนั่งอยู่ในมุมราชรถหยกและมองดูจวินมั่วหรันอยู่เงียบ

“อยากดูก็ดูดีๆ”

จวินมั่วหรันอมยิ้มมองเฟิงอู๋โยวที่หลบมุมอยู่อย่างน่ารัก

“เปล่าสักหน่อย”

เฟิงอู๋โยวรีบหันหน้าหนี นางแค่สงสัยว่าทำไปจวินมั่วหรันถึงทำดีกับนางขนาดนี้

“ปากไม่ตรงกับใจ”

จวินมั่วหรันขยับเข้ามาใกล้นางทันควัน ก่อนจิ้มนิ้วไปที่แก้มนาง “หน้าเจ้าแดงหมดแล้ว”

“เปล่าสักหน่อย”

เฟิงอู๋โยวยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเอง “ไฉนท่านใต้เท้าเอาแต่จ้องกระหม่อมอยู่แบบนี้ แบบนี้กระหม่อมอาจเข้าใจผิดคิดได้นะขอรับ”

“เข้าใจผิดว่า?”

อันที่จริง จวินมั่วหรันอยากจะบอกนางว่า เขาแอบมองนางมาตั้งนานาแล้ว

แต่นางยังมีอาการตื่นกลัวจากไป๋หลี่เหอเจ๋ออยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากล้อเล่นกับนางตอนนางขวัญอ่อน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายและกลับไปนั่งตรงที่ของตัวเองเหมือนเดิม

ด้านนอกราชรถหยก มีเสียงจุยเฟิงพูดขึ้น “ท่านใต้เท้าขอรับ ทุกอย่างเตรียมการเสร็จร้อยแล้ว ต้องการจุดไฟตอนนี้เลยหรือไม่”

“ไป๋หลี่เหอเจ๋ออยู่ในเรือนหรือไม่” จวินมั่วหรันถามเสียงขรึม

“อยู่ขอรับ ตั้งแต่เขากลับมาก็ไม่ได้ออกมาจากศาลาตี๋ซิงเลย”

จุยเฟิงตอบหลับในทันที

แต่ใครจะไปรู้ว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อยังไม่กลับมา

แผ่นหลังที่เขาเห็น อันที่จริงเป็นของนักพรตในเรือนคนหนึ่งที่รูปร่างใกล้เคียงกับไป๋หลี่เหอเจ๋อเท่านั้น

“เจ้าจะจุดไฟเองหรือไม่”

จวินมั่วหรันหันหน้าไปถามเฟิงอู๋โยวที่นิ่งเงียบอยู่

“ได้”

เฟิงอู๋โยวรับคบเพลิงมาจากมือจวินมั่วหรัน จากนั้นก็โยนมันไปที่พุ่มหญ้าแห้งด้านนอกเรือนจื่อหยางทันที

พุ่มหญ้าแห้งถูกเตรียมการโดยการราดน้ำมันไว้แล้ว เมื่อเจอไฟก็ลุกไหม้ขึ้นมาในบัดดล

ห่างออกไปไม่ไกลนัก ฟู่เย่เฉินกับไป๋หลี่เหอเจ๋อที่ซ่อนอยู่อยู่ในมุมมืด มองทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้านหน้า

“ฮิๆๆ เฟิงอู๋โยวเหี้ยมโหดจริงๆ นี่นางคิดจะย่างเจ้าทั้งเป็นจริงๆ ด้วย”

ฟู่เย่เฉินวีพัดที่อยู่ในมือเบาๆ พร้อมกับมองแสงจากเปลวไฟที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหน้า

ไป๋หลี่เหอเจ๋อเม้มปากแน่น ทั้งๆ ที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของเขา แต่เสี้ยวพริบตาที่นางลงมือจุดไฟด้วยตัวเอง เขารู้สึกเหมือนถูกมีดแทงทะลุหัวใจ เจ็บจนหายใจติดขัด

บนศาลาตี้ซิง จวินฝูที่ถูกจับมัดคิดกับเสาเบิกตามองเงาร่างของจวินมั่วหรันและเฟิงอู๋โยวที่กำลังจุดไฟอยู่ด้านนอก อยากจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ก็ทำไม่ได้

ขณะที่ไม่รู้จะทำเยี่ยงไร นางทำได้แต่พยายามเอาปลายลิ้นดันถุงเท้าเหมือนอับเหงื่อให้หลุดออกจากปาก

พยายามอยู่สักหนึ่ง ในที่สุดถุงเท้าของหลุดออกจากปากนาง

ยังไม่ทันปรับลมหายใจเป็นปกติ นางก็รีบตะโกนเรียกจวินมั่วหรันขอความาช่วยเหลือ “ท่านพี่ ช่วยด้วย!”

“ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย”

“ท่านพี่ ฝูเอ๋อร์จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”

ทันใดนั้น จวินฝูก็เหลือบเห็นไฟที่เริ่มลามมาที่ติดที่ชายกระโปรงนาง จึงร้องไห้โวยวายเสียงดังลั่น “ท่านพี่ ฝูเอ๋อร์ยังไม่อยากตาย”

ทันใดนั้น จวินมั่วหรันที่อยู่ด้านนอกเรือนจื่อหยางก็ได้ยินเสียงจวินฝูร้องไห้ จึงเพ่งสายตามองเข้าไปในศาลาตี๋ซิง

ในเวลาเดี๋ยวกัน ทหารเฝ้ายามที่ตำหนักก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น “แย่แล้วขอรับ! เมื่อครู่แม่นมหวางรายงานว่า ท่านหญิงจวินฝูนำกลุ่มนักเลงบุกเรือนจื่อหยางเพื่อแก้แค้นให้ท่านใต้เท้า ป่านนี้ยังไม่กลับเรือนขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นจวินมั่วหรันก็ตกใจจนหน้าถอดสี

เขารีบดับไฟตรงพุ่มไม้ที่อยู่ข้างหน้าและพุ่งเข้าไปที่ศาลาตี๋ซิงทันที

เฟิงอู๋โยวไม่คิดไม่ฝันว่าจวินฝูจะโง่ถึงขนาดนี้ นางขมวดคิ้วแน่นเพราะกลัวว่าจวินมั่วหรันจะถูกไฟลวกจนได้รับบาดเจ็บ

เขายังบาดเจ็บจากแผลเก่าอยู่และไม่ควรโคจรพลังภายใน

ขืนทำแบบนั้น แผลของเขาก็จะปริแตกอีก

จุยเฟิงที่เห็นเช่นนั้นก็รีบตามหลังจวินมั่วหรันเข้าไปในเรือนตี๋ซิงติดๆ

“จวินมั่วหรันจะต้องปลอดภัย”

เฟิงอู๋โยวบ่นพึมพำ เหงื่อเย็นผุดขึ้นมากลางฝ่ามือรำไร

น่าเสียดายที่นางใช้พลังภายในไม่เป็นและใช่วิชาตัวเบาไม่ได้ ดังนั้นนางจึงได้แต่นั่งรออยู่ข้างนอกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย

“ไฉนใบหน้าสะสวยถึงดูกลัดกลุ้มใจเช่นนี้”

ฟู่เย่เฉินโผล่มาด้านหลังนางอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียงราวกับผี พร้อมกับพยายามใช้มือปิดปากนางแน่น

เฟิงอู๋โยวตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการกระทุ้งศอกใส่หน้าอกฟู่เย่เฉิน

“ไฉนถึงทำตัวรุนแรงแบบนี้ ไปนั่งเล่นกันหน่อยดีหรือไม่”

“ไปตายเสีย!”

เฟิงอู๋โยวหันกลับไปเตะผ่าหมากฟู่เย่เฉินทันที

“บังอาจนัก แต่ข้าชอบ” ฟู่เย่เฉินตัวโก่ง แม้จะเจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่ปากก็ยังพูดจาแช่มช้อยได้เหมือนเดิม

“ฟู่เย่เฉิน เจ้าอย่ามาหาเรื่องข้าเลยดีกว่า” เฟิงอู๋โยวอาศัยจังหวะตอนที่เขาตอบสนองไม่ทัน ใช้วิชาก้าวพริบตาเข้ามาประชิดด้านหน้าฟู่เย่เฉิน

ฟู่เย่เฉินตาลุกวาว ในใจชื่นชมกับเงาร่างปราดเปรียวของเฟิงอู๋โยวที่เคลื่อนไหวย้อนแสงกองไฟที่ลุกไหม้อยู่ด้านหลัง ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของนางช่างน่าหลงใหลเป็นที่สุด

เฟิงอู๋โยวกวาดมองเขา ก่อนกอดแขนทั้งสองข้างไปที่เอวและจับทุ่มลงพื้นอย่างแรง

“แค่กๆ คนสวย เบามือหน่อยไม่ได้หรือ”

ฟู่เย่เฉินถูกเล่นงานจนกระอักไม่หยุด

เฟิงอู๋โยวเหยียบหน้าอกของเขาและก้มหน้ามองโหนกแก้มที่บวมเหมือนหัวหมู ก่อนตบไปที่หน้าเขาสองที “อยากลองกินหมูป่าที่ข้าทำหรือไม่”

“เจ้าใจดีขนาดนั้นเชียวหรือ” ฟู่เย่เฉินยิ้มร่า เขาคิดว่าผู้หญิงอย่างเฟิงอู๋โยวช่างมีเสน่ห์

มุมปากของเฟิงอู๋โยวผุดเป็นมุมโค้งเล็กน้อย ก่อนจะเค้นแรงทั้งหมดกระชากคอเสื้อฟู่เย่เฉินให้ลุกขึ้นมาและจับโยนเข้าไปในกองไฟที่โหมกระพือ

“นางงูพิษ!”

ฟู่เย่เฉินกระเด็นเข้าไปในกองไฟ เขามองนางที่กำลังยิ้มอย่างดุร้ายอยู่ แต่เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเกลียดนางไม่ลง

ไป๋หลี่เหอเจ๋อมองพฤติกรรมของฟู่เย่เฉินที่นับวันก็ยิ่งแปลกขึ้นเรื่อยๆ ก่อนสะบัดแขนเสื้อและดึงเขาออกจากกองไฟ “อยากถูกย่างเป็นหมูป่าย่างจริงๆ หรือ”

เฟิงอู๋โยวไม่คิดว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อจะปรากฏตัวด้านนอกเรือนจื่อหยางโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแบบนี้ นางถอยหลังกลับอย่างหวาดระแวง

“เฟิงอู๋โยว พวกเรามาคุยกันดีๆ ดีหรือไม่”

“จะคุยเรื่องอะไร”

เฟิงอู๋โยวจ้องมองใบหน้าสุขุมเรียบนิ่งของไป๋หลี่เหอเจ๋อพร้อมถามกลับเสียงเย็น

“เจ้าคิดว่าข้าอยากจะข่มเหงเจ้านักหรือ ถ้าเจ้ายอมเชื่อฟังดีๆ มันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก” ไป๋หลี่เหอเจ๋อเดินไปด้านหน้าเฟิงอู๋โยว

ในเวลาเดียวกัน เข็มเงินในมือของเฟิงอู๋โยวจ่อแทงที่คอของเขาทันที “ไป๋หลี่เหอเจ๋อ เจ้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ เสียแรงที่เป็นถึงราชครูแห่งแคว้นตงหลิน”

“ออกแรงแทงเข้ามาอีก!”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อคว้าจับข้อมือเรียวเล็กของนางไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างของเขาก็ชิงล้วงจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์ที่นางเก็บไว้ด้านหน้าสาบเสื้อมาอย่างรวดเร็ว

เฟิงอู๋โยวพยายามแย่งจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์ในมือของไป๋หลี่เหอเจ๋อ “เอาคืนมาเดี๋ยวนี้!”

“ถ้าเจ้าชอบเครื่องหยกขนาดนี้ พรุ่งนี้ข้าจะให้สมบัติเก่าแกของสำนักข้าเป็นเยี่ยงไร”

น้ำเสียงของไป๋หลี่เหอเจ๋อสงบลง ก่อนดึงปิ่นหยกปักผมบนศีรษะของเฟิงอู๋โยวออกทันที

เพียงพริบตา ผมสีดำสละสวยของนางก็ปลิวสยายก่อนทิ้งน้ำหนักลงมาตามไหล่ราวกับน้ำตก ทำให้นางแลดูงดงามราวกับนางฟ้าในภาพวาดยิ่งนัก

“บังอาจ”

เฟิงอู๋โยวหันกลับมาและปาเข็มเงินไปที่ขมับเขาอย่างรวดเร็ว

แต่ครั้งนี้ไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่เปิดโอกาสให้นางลงมือ

เขาอัดเฟิงอู๋โยวจนกระแทกเข้ากับราชรถหยก ก่อนพุ่งเข้าไปฟาดท้ายทอยด้วยฝ่ามือจนนางหมดสติ จากนั้นก็โยนจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์เข้าไปในราชรถ

ฟู่เย่เฉินส่ายหน้า “อาเจ๋อ เจ้าเบามือหน่อยไม่ได้หรือไร”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อสังเกตเห็นท่าทีของฟู่เย่เฉินที่มีต่อเฟิงอู๋โยวเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ในใจพลันนึกเสียใจที่ตัวเองพลั้งปากเล่าความลับที่เฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิงให้ฟู่เย่เฉินฟังในคืนนั้น

แต่ในเมื่อพูดออกไปแล้วก็แล้วไป อีกอย่าง ฟู่เย่เฉินก็เป็นผู้ที่พระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้เช่นกัน

“จุดไฟเผาราชรถหยกคันนี้เสีย”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อเอ่ยเสียงเย็น จากนั้นก็หามเฟิงอู๋โยวที่หมดสติขึ้นบ่าและรีบจากไป

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท