ตอนที่ 187 จงใจถ่วงเวลา
ณ ศาลาตี๋ซิง
จวินมั่วหรันยืนอยู่ด้านหน้าจวินฝู แววหงุดหงิดในดวงตาอันลุ่มลึกเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
เขาพยายามข่มกลั้นความโมโห ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ใครอนุญาตให้เจ้าออกจากเรือน”
“ฮือๆๆ ท่านพี่ ฝูเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว”
จวินฝูสูดน้ำมูก น้ำตาไหลเป็นทางอาบสองแก้มไม่หยุด “ท่านพี่ อย่าโกรธฝูเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ ฝูเอ๋อร์เห็นท่านพี่ถูกไป๋หลี่เหอเจ๋อทำร้าย ก็รู้สึกโมโหจนเลือดขึ้นหน้าไม่มีสติ เลยผลีผลามทำเรื่องสิ้นคิดไป”
ดวงตาเฉียบคมของจวินมั่วหรันฉายแววเย็น ริมฝีปากเรียวบางปริเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นชา “จุยเฟิง แก้มัด”
“ขอรับ”
จุยเฟิงพยักหน้าก่อนอ้อมมาด้านหลังจวินฝู จากนั้นก็ตัดเชือกที่ข้อมือนางออก
เวลานี้เปลวไฟลุกไหม้ศาลาตี๋ซิงอย่างโหมคลั่ง ควันไฟลอยโขมง คลื่นความร้อนแผ่ขยายแผดเผา
ท่ามกลางทะเลเพลิง จวินฝูหยุดร้องไห้ลงเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งเข้าหาจวินมั่วหรันที่ยืนแน่นิ่งอยู่ด้านหน้านางไม่ไกล
นางหายใจหนักหน่วง ร้องไห้สะอึกสะอื้น พุ่งถลาออกไปอย่างอ่อนแรง
แต่กลิ่นปัสสาวะตามตัวและกลิ่นอับของถุงเท้าจากช่องปาก เหม็นสาปจนจวินมั่วหรันเกือบจะอาเจียนใส่หน้านาง
เขาเอี้ยวตัวหลบทันที ทำให้จวินฝูคว้าลมและล้มลงบนพื้น ใบหน้าคลุกเศษเขม่าจนหน้าดำ
“ท่านพี่ ฝูเอ๋อร์ถูกรังแกหนักมาก พวกนักพรตที่นี่น่ากลัวกว่าพวกนักเลงอีก! พวกเขาลวนลาม ดูถูกและยังปัสสาวะใส่ตัวฝูเอ๋อร์อีก…” จวินฝูเช็ดใบหน้าดำปี๋พลางร้องไห้ไม่หยุด
จวินมั่วหรันไม่นึกว่าพวกนักพรตที่เรือนจื่อหยางจะเลวทรามถึงขั้นนี้ ภายในใจคิดว่าหากเฟิงอู๋โยวไม่ระวังตกอยู่ที่มือของพวกทำ คงถูกทรมานหนักกว่านี้ เพราะนางเป็นพวกหัวแข็งไม่ยอมคนอยู่แล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที น้ำเสียงเยือกเย็น หันไปกำชขับจุยเฟิง “ฆ่าพวกนักพรตเลวทรามในเรือนจื่อหยางให้หมด ห้ามปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว”
“ขอรับ”
จุยเฟิงตอบเสียงขรึม จากนั้นก็พาองครักษ์เงากลุ่มหนึ่งออกไปไล่ฆ่าพวกนักพรตที่ติดแหงกอยู่ในเรือนตี้ซิงอย่างคลุ้มคลั่ง
จวินมั่วหรันกวาดตามองจวินฝูที่นอนหมอบอยู่บนพื้นก่อนพูดขึ้น “มัวนอนทื่ออยู่ทำไม”
จวินฝูบุ้ยปากเพราะคิดว่าจวินมั่วหรันจะพยุงนางขึ้นมา แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะทำเย็นชาใส่เหมือนที่ผ่านๆ มา
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก จวินฝูยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาจวินมั่วหรันอย่างสำออย
ในระหว่างนั้น หางตาของนางเหลือบไปเห็นฟู่เย่เฉินกับไป๋หลี่เหอเจ๋อที่หามเฟิงอู๋โยวอยู่ด้านนอกเรือนจื่อหยางที่โหมกระพือไปด้วยทะเลเพลิง
นางคิดขึ้นในใจ ไป๋หลี่เหอเจ๋อกล้าออกคำสั่งให้พวกนักพรตในเรือนจื่อหยางทำเรื่องเลวทรามได้ฉันใด การที่เฟิงอู๋โยวตกอยู่ในมือคนออกคำสั่งก็ย่อมไม่ใช่เรื่องดีฉันนั้น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ มุมปากของนางกมุมยิ้มชั่วร้ายขึ้นมาทันที
“ท่านพี่ กอดฝูเอ๋อร์หน่อยได้ไหมเจ้าคะ”
จวินฝูพุ่งถลาไปด้านหน้าจวินมั่วหรัน มือสองข้างคล้องคอเขาไว้แน่น ไม่ว่าจะพูดเยี่ยงไรก็ไม่ยอมปล่อย
จวินมั่วหรันมองจวินฝูที่บิดตัวไปมาด้านหน้าเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนผลักนางออกไปอย่างไร้เยื่อใย “หากเจ้าไม่อยากเป็นน้องสาวข้าดีๆ ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า”
“ท่านพี่ ข้าคือน้องสาวแท้ๆ ของท่านพี่ ความจริงนี้ไม่มีทางเปลี่ยนไป ฝูเอ๋อร์ไม่เคยมีวันลืม ท่านพี่เคยสละตัวเองเมื่อช่วยฝูเอ๋อร์ให้รอดพ้นจากอันตราย”
เพื่อถ่วงเวลา จวินฝูไม่สนใจเพลิงไฟที่กำลังลุกไหม้ศาลาตี๋ซิงหนักขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่น้อย นางพูดพลางรำลึกเรื่องราวในอดีตอย่างไม่รีบร้อน
จวินมั่วหรันได้ยินเรื่องพวกนี้มาจนเอือมแล้ว
ตอนนั้น เขากระโดดลงไปในแม่น้ำกุ้ยเหอ เพื่อช่วยจวินฝูให้รอดพันจากภัยอันตรายตอนนั้นไม่ใช่เพราะเขาชอบนาง
เขาแค่ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร
หลังจากเขารอดมาจากประตูด่านนรกครั้งนั้นได้ เขาก็ไม่ติดค้างตระกูลจวินอีกต่อไป
และที่มาผ่าน เขาแต่คอยพยายามตักเตือนไม่ให้จวินฝูหลงผิด
“กลับตำหนักไปกับข้า” จวินมั่วหรันระงับความหงุดหงิดลง จากนั้นก็ใช้นิ้วมือสองนิ้วคีบคอเสื้อนางอย่างรังเกียจ ก่อนทำท่าเหมือนจะโยนนางออกไปจากศาลาตี๋ซิง
“โอ้ย ท่านพี่ ฝูเอ๋อร์เจ็บตา!”
จวินฝูกลัวว่าหากจวินมั่วหรันหันหลังกลับไปจะเจอไป๋หลี่เหอเจ๋อที่กำลังหามร่างเฟิงอู๋โยวพอดี ดังนั้นนางจึงจับแขนจวินมั่วหรันรั้งเอาไว้และแสร้งทำเป็นกรอกตาเพื่อเรียกร้องให้จวินมั่วหรันดูตานางให้หน่อย
“จวินฝู อย่ามาใช้ลูกไม้ตื้นๆ พรรค์นี้กับข้า”
“ท่านพี่พูดอะไร ไฉนฝูเอ๋อร์ถึงไม่เข้าใจ” จวินฝูขยี้ตาและทำตัวแกล้งโง่
จวินมั่วหรันหมดความอดทน เขาสะบัดมือที่พันแขนเขาอยู่อย่างแรงและทำทางจะหันกลับไป
“เวียนหัวจัง”
เมื่อจวินฝูเห็นฟู่เย่เฉินเพิ่งจุดไฟเผ่าราชรถหยก นางก็พยายามงัดทุกวิถีทางออกมาเพื่อถ่วงเวลาจวินมั่วหรันเอาไว้
เมื่อราชรถหยกถูกเผาจนมอดไหม้ เฟิงอู๋โยวก็หายตัวไปในทันที ถึงตอนนั้น ต่อให้จวินมั่วหรันจะไม่อยากเชื่อมากแค่ไหน ก็ยากที่จะตามหาร่องรอยของเฟิงอู๋โยวเจอ
ตึ่ง!
จวินฝูกัดฟัน ดวงตาทั้งสองข้างกรอกกลับ นางล้มหงายหลังลงไปอย่างแรง
นางล้มลงไปกระแทกกับม้านั่งหินจนหัวข้างหลังของนางแตกเลือดไหล
เดิมทีจวินมั่วหรันจะให้จุยเฟิงหามนางออกจากที่นี่ แต่จุยเฟิงยังไล่ฆ่าพวกนักพรตไม่เสร็จ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินเข้าไปหาจวินฝู ค่อยๆ ก้มตัวและอุ้มจวินฝูที่หมดสติในสภาพกลิ่นเหม็นไปทั่วทั้งตัว
เวลานี้ เขารู้สึกว่าคนที่เขาอุ้มอยู่เหมือนหมูป่าตัวเหม็นสกปรกที่ชอบคลุกในบ่อโคลนก็ไม่ปาน ขยะแขยงชวนคลื่นไส้
เขาบ่นอุบขึ้นในใจ ทำไมตอนที่กอดเฟิงอู๋โยว ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความดีใจอันแสนคุ้มคลั่ง
แต่ตอนที่เขากอดจวินฝูแบบพี่กอดน้อง เขารู้สึกตรงกันข้าม ซ้ำยังรู้สึกว่านางจ้องแต่จะลวนลามเขาอยู่ตลอด
ต่อมา จวินมั่วหรันเค้นแรงไปที่เท้าทั้งหมด ก่อนกระโดดพุ่งทะลวงออกจากศาลาตี๋ซิง ทะยานลอยขึ้นในอากาศ
แม้สองเท้ายังไม่แตะพื้น แต่เขาก็พบว่าราชรถหยกถูกเผามอดเป็นตอตะโก
“บังอาจ!”
เมื่อคาดการณ์ว่าเฟิงอู๋โยวอาจจะโดนเล่นงานจนพ่ายแพ้ จิตใจของจวินมั่วหรันก็ว้าวุ่นอยู่ไม่สุขขึ้นทันที เขาปล่อยจวินฝูทิ้งลงกลางอากาศและพุ่งไปที่ด้านหน้าซากราชรถหยก มือสวยงามได้รูปพยายามขุดคุ้ยซากดำมอดของราชรถเพื่อหาร่องรอยของเฟิงอู๋โยว
จวินฝูไม่คิดว่าจวินมั่วหรันจะปล่อยนางให้ร่วงกระแทกพื้นอย่างแรงแบบนี้ หัวด้านหลังโขกพื้นอีกครั้งอีกทั้งอย่างเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว
นางที่แกล้งเป็นล้มก่อนหน้านี้ เจ็บปวดทั้งตัวจนขยับไม่ได้เพราะกระดูกหักหลายจุด ในที่สุดก็สลบไปจริงๆ
จวินมั่วหรันไม่สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับจวินฝูแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาใจจดใจจ่ออยู่กับซากราชรถหยก จนกระทั้งเขาเจอจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์สภาพสมบูรณ์กับปิ่นปักผมหยกในสภาพหัก
เขาเก็บปิ่นปักผมหยกอย่างระวัง ดวงตามืดมนฉายแววกระหายเลือด
โครม!
ทะเลเพลิงด้านหลังลุกโหมรุนแรงขึ้น ศาลาตี๋ซิงทั้งหลังถล่มลงมาในทันที
จุยเฟิงและเหล่าองครักษ์เงากระโดดออกมาจากซากปรักหักพังและกลุ่มควันแผงเขม่า
“ท่านใต้เท้าขอรับ นักพรตในเรือนจื่อหยางถูกฆ่าตายหมดแล้วขอรับ”
“มีใครรอดพอที่จะสอบปากคำได้หรือไม่”
“ฉู่ชีกับฉู่จิ่วไม่อยู่ในเรือน ส่วนคนอื่นตายหมดแล้วขอรับ”
จวินมั่วหรันขมวดคิ้วแน่น ดวงตาลุ่มลึกทั้งสองข้างจ้องมองศาลาตี๋ซิงที่พังพินาศอยู่กลางทะเลเพลิง น้ำเสียงพลันเย็นลงสุดขั้วหัวใจ
“ตามหาเฟิงอู๋โยวให้ทั่วเมือง”
“ขอรับ”
จุยเฟิงเหลือบมองปิ่นปักผมหยกที่ในมือของจวินมั่วหรันและหันไปมองซากราชรถหยกที่ถูกเผา ภายในใจพลันรู้สึกถึงลางร้ายขึ้นมาทันที
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นไปได้ว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อจงใจแก้แค้นโดยการมัดเฟิงอู๋โยวไว้ในราชรถหยกและเฝ้าดูนางมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน
แต่ไม่มีเถ้ากระดูกมนุษย์ในราชรถหยก ถ้าไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ได้ใช้น้ำย่อยกระดูกเพื่อกัดกร่อนเถ้ากระดูกของเฟิงอู๋โยว นางคงยังมีชีวิตอยู่และสบายดี
แต่ถ้าเฟิงอู๋โยวถูกไป๋หลี่เหอเจ๋อลักพาตัวไปจริงๆ และถ้าไป๋หลี่เหอเจ๋อต้องการจะซ่อนใครซักคนเอาไว้จริงๆ ต่อให้พวกเขาจะค้นหาเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ก็ไม่มีทางหาตัวเฟิงอู๋โยวได้แน่นอน
จุยเฟิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา จากนั้นก็มองไปที่จวินฝูซึ่งนอนหมดสติอยู่บนพื้น ก่อนถามจวินมั่วหรันขึ้น “ท่านใต้เท้าขอรับ ดูเหมือนท่านหญิงจะบาดเจ็บสาหัส ท่านต้องการให้กระหม่อมพานางกลับตำหนักก่อนหรือไม่”
“ปล่อยนางไปตามยถากรรม”
หากเฟิงอู๋โยวเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ไป๋หลี่เหอเจ๋อต้องตายและจวินฝูก็ต้องตายด้วยเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะจวินฝูจงใจถ่วงเวลา เขาจะปล่อยให้เฟิงอู๋โยวหายตัวไปได้เยี่ยงไร
ครั้งที่แล้ว จวินฝูยอมสละพรหมจรรย์ของตัวเองเพื่อใส่ร้ายเฟิงอู๋โยว จวินมั่วหรันเห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้องจึงลงโทษจวินฝูไม่หนัก
แต่เขาไม่ใช่คนที่จะใจดีกับคนในครอบครัวตลอดเวลา หากจวินฝูทำให้เขาหมดความอดทนและล้ำเส้นเขามากเกินไป เขาก็พร้อมจะยอมรับโทษ ฐานฆ่าคนในตระกูลเดียวกัน