ตอนที่ 196 แกล้งจวินฝู / ตอนที่ 197 คิดบัญชีกับหมาบ้า
ตอนที่ 196 แกล้งจวินฝู
“ไม่คิดว่าจะพอดีตัวขนาดนี้…”
เฟิงอู๋โยวมองเสื้อผ้าสีแดงเพลิงบนร่างกายด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็มัดผมสีดำสลวยของนางรวบขึ้น
ก๊อกๆๆ
มีเสียงเคาะประตูดังออกมาจากด้านนอกห้องลับ
เฟิงอู๋โยวชำเลืองมองประตูหินที่ปิดสนิท ก่อนเลียนแบบเสียงของฟู่เย่เฉินเอ่ยถาม “มีอะไร”
“นายท่านขอรับ ท่านหญิงจวินฝูให้คนส่งจดหมายมาขอรับ”
จวินฝู?
เฟิงอู๋โยวรู้สึกสงสัย นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจวินฝูจะข้องเกี่ยวกับฟู่เย่เฉินด้วย
“จดหมายเขียนว่าอะไร จงอ่านสิ” เฟิงอู๋โยวปัดเสื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อน
“ขอรับ”
ด้านนอกห้องลับ ทหารเฝ้ายามของเรือนฟู่แกะซองจดหมายก่อนอ่านขึ้นเสียงดังฟังชัด “เฟิงอู๋โยวอยู่ในมือเจ้าแล้วใช่หรือไม่ ขอแค่พวกเจ้าจัดการเฟิงอู๋โยวให้ได้เร็วๆ ทางฝั่งของข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับท่านพี่อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ท่านพี่ได้สั่งปิดเมืองแล้ว พวกเจ้าควรเร่งมือ ห้ามพาเขาออกจากเมืองเด็ดขาด การสัญจรภายในเมืองไม่สะดวกแล้ว รีบๆ ฆ่าเขาให้เร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตจะเป็นการดีที่สุด”
“นางโง่!”
เฟิงอู๋โยวไม่คิดว่าจวินฝูจะใจร้ายขนาดนี้ ทั้งที่รู้ว่านางถูกลักพาตัว แต่ก็ยังซ้ำเติมกันอีก
ครั้งนี้ นางจะไม่มีวันปล่อยจวินฝูไปง่ายๆ แน่นอน
ข้างนอกห้องลับ ทหารเฝ้ายามถามด้วยความเคารพ “นายท่าน ตอนนี้คนของท่านหญิงจวินฝูยังรออยู่ข้างนอก นายท่านต้องการจะตอบกลับหรือไม่”
เฟิงอู๋โยวเขียนตัวอักษรเล็กๆ บนกระดาษ จากนั้นเดินไปที่ประตูห้องลับและซ่อนกระดาษใต้ช่องประตู “ไปได้”
“ขอรับ”
ทหารเฝ่ายามตอบกลับอย่างเคารพ จากนั้นก็รีบถอยออกไป
ฟู่เย่เฉินทนต่อไปอีกต่อไป เขาลุกขึ้นพรวดและเข้าไปขวางเฟิงอู๋โยว “บอกมาว่าเจ้าเขียนอะไรบนกระดาษ”
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวฉายแววเบิกบาน รอยยิ้มเจือจางพลันปรากฏที่มุมปาก “เป็นเยี่ยงไรบ้าง สร่างเมาแล้วหรือ”
“บอกมาเร็วๆ เข้าว่าเจ้าเขียนไปว่าอะไร”
“หากเจ้าต้องการฆ่าเฟิงอู๋โยว ก่อนอื่นเจ้าต้องแสดงความจริงใจ หากท่านหญิงยอมเสียสละเล็บอันสวยงามทั้งสิบของท่าน ข้าจะสั่งให้คนนำหัวของเฟิงอู๋โยวไปส่งให้ตอนเที่ยงคืน” เฟิงอู๋โยวพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“หึๆๆ”
ฟู่เย่เฉินคลี่ยิ้ม เขาคิดว่าเฟิงอู๋โยวเขียนด่าทอจวินฝูกลับไป แต่ไม่คิดว่านางจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้
เมื่อเห็นเขายิ้มออกมา เฟิงอู๋โยวก็พูดติดตลกขึ้น”ทำไม รู้สึกปวดใจแทนอย่างนั้นหรือ”
“มีอะไรให้น่าปวดใจ ข้าก็แค่สงสัยเฉยๆ ว่าทำไมผู้หญิงอย่างเจ้าถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้! ถอนเล็บตัวเอง ถือเป็นข้อต่อรองที่ยอดเยี่ยมจริงๆ มันไม่ใช่สิ่งที่จะยอมทำได้ง่ายๆ ไหนจะต้องทนกับความเจ็บปวดตอนถอนเล็บตัวเอง ว่ากันว่าสิบเล็บเชื่อมถึงหัวใจ ไม่รู้ว่าผู้หญิงบอบบางอย่างท่านหญิงจวินฝูจะทนได้หรือไม่”
เฟิงอู๋โยวคลี่ยิ้ม “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
ทันทีที่นางพูดจบก็รีบออกไปทันที
เหตุผลที่รีบไปไม่ใช่เพราะเขากลัวว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อจะกลับมา
เพราะนางแทงตะเกียบไม้ไปที่บริเวณใกล้ๆ เส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาทั้งสองข้าง
บาดแผลที่ต้นขาของเขาไม่สามารถรักษาหายภายในสองสามวันแน่นอน
แต่ในขณะนี้ เฟิงอู๋โยวรีบไปหาจวินมั่วหรันมากกว่า
นางกังวลว่าจวินมั่วหรันจะยอมเสียสละตัวเองให้เจ้าสำนักนักฆ่าหนึ่งอนันต์เพื่อตามหานาง
อีกอย่าง นางไม่อยากเห็นจวินมั่วหรันต้องเสียเงินมากมายเพื่อตามหานาง
“เฟิงอู๋โยว รองเท้า…”
ทันใดนั้น หางตาฟู่เย่เฉินเหลือบไปเห็นรองเท้าปักลายดอกไม้ของนาง จึงรีบตะโกนไล่หลัง
เฟิงอู๋โยวหยุดชะงักเล็กน้อย “จะมาคิดขอบคุณอะไรตอนนี้ เจ้านี่ พิลึกคน”
นางคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกมาว่าฟู่เย่เฉินขอบคุณนางทำไม และในที่สุดก็เดินออกจากเรือนฟู่ไปอย่างมั่นใจ
ตอนที่ 197 คิดบัญชีกับหมาบ้า
“ท่านชายเฟิง รบกวนมากับพวกเราด้วย”
ทันใดนั้น คนชุดดำหลายสิบคนก็กระโดดลงมาจากท้องฟ้า
การเคลื่อนไหวของพวกเขาสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว มีผ้าสีดำปิดหน้าแลดูเคร่งขรึม ฟังน้ำเสียงสุขทุกข์ไม่ออก
เฟิงอู๋โยวกวาดสายตามองพลางเอ่ย “ไปไหน”
ผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าเอ่ยเสียงเย็น “ไปตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง”
ได้ยินเช่นนั้นเฟิงอู๋โยวก็หยุดชะงัก ก่อนมองพินิจผู้หญิงในชุดดำด้านหน้าและถามหยั่งเชิง “เป็นเจ้าสำนักหนึ่งอนันต์อย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้ว ท่านชายเฟิงสามารถเรียกข้าว่าอู๋ฉิงก็ได้”
“เซ่อเจิ้งหวางสั่งให้เจ้ามาอย่างนั้นหรือ” เฟิงอู๋โยวเบะปากอย่างไม่รู้ตัว
ไม่รู้เป็นเพราะแค่คิดว่าความสัมพันธ์ของจวินมั่วหรันกับผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างสนิทสนมกัน ภายในใจนางก็รู้สึกเหมือนมีหินถ่วงอก ทำเอาหายใจขาดห้วงพิกล
“ในเมื่อได้รับมอบหมาย ย่อมต้องทำให้ถึงที่สุด”
น้ำเสียงอู๋ฉิงเยือกเย็น ดวงตาทั้งสองข้างเคลือบด้วยจิตสังหาร
แค่มองดูก็รู้สึกเย็นยะเยือกโดยไม่มีความรู้สึกอื่นแอบแฝง
หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เฟิงอู๋โยวก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “เซ่อเจิ้งหวางจ่ายเงินไปแล้วเท่าไหร่”
อู๋ฉิงตะลึงเล็กน้อย ก่อนรู้สึกลำบากใจ หรือว่าจวินมั่วหรันไม่เคยบอกนางว่าจวินมั่วหรันเป็นผู้ก่อตั้งสำนักหนึ่งอนันต์
แต่ว่านางไม่อยากจะคิดแทนจวินมั่วหรัน จึงทำได้แต่ตอบบ่ายเบี่ยง “ท่าน ชายเฟิง ไฉนไม่ลองไป ถามด้วยตัวเองที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง”
เมื่อถูกปฏิเสธ เฟิงอู๋โยวก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “พวกเจ้ารวมตัวกันทำภารกิจหนึ่งครั้ง หาเงินได้เท่าไหร่”
อู๋ฉิงนับนิ้วเอ่ย “ปกติแล้ว หนึ่งคืนราคาหนึ่งล้านตำลึงเงิน”
“ล้านตำลึงเงิน?!”
ดวงตาเฟิงอู๋โยวเหลือกกว้างเพราะความโกรธ
นางถลกแขนเสื้อขึ้นและเดินนำหน้าออกไป “เจ้าหมาบ้า! ใช้เงินสุรุ่ยรุร่ายจริงๆ ล้านตำลึงเงิน แบบนี้หมดตัวกันพอดี”
“แหวะ อยากจะอ้วกจริงๆ”
พอเฟิงอู๋โยวนึกถึงจวินมั่วหรันที่ใช้จ่ายเงินเป็นกระ ดาษแบบนี้ก็รู้สึกปวดใจจนรู้สึกอยากอาเจียน
อู๋ฉิงที่เดินตามอยู่ด้านหลังถามเฟิงอู๋โยวด้วยน้ำเสียงเจือแววเป็นห่วง “ท่านชายเฟิงกินของแสลงไปหรือ”
“เจ้าบอกข้ามาดีๆ ว่าจวินมั่วหรันจ้างพวกเจ้าเท่าไหร่”
อู๋ฉิงส่ายหน้า “ท่านใต้เท้าไม่ได้จ่าย”
ไม่ได้จ่าย?
เฟิงอู๋โยวได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกปั่นป่วน
นางคิดในใจว่าเจ้าหมาบ้าอย่างจวินมั่วหรันจะต้องหลับนอนกับเจ้าสำนักคนนี้แน่นอน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ทำงานให้เต็มที่ขนาดนี้หรอก
“เจ้าหมาบ้า คนเจ้าชู้! ไม่อยากญาติดีกับเขาแล้ว”
“ไม่ญาติดีกับใคร”
ทันใดนั้นจวินมั่วหรันก็โผล่มาจากด้านหลังอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียง
เมื่อเขาเห็นท่าทางโมโหของเฟิงอู๋โยว ดวงตาเฉียบคมก็หันไปกวาดมองคนชุดดำหลายสิบคนที่อยู่ด้านหลังนางและพูดขึ้นเรียบเย็นทันที “ข้าให้พวกเจ้าตามหาคน ไม่ใช่จับกุมคน แล้วนี่ไฉนถึงทำคนของข้าโมโหได้ขนาดนี้”
อู๋ฉิงร้อนรนใจขึ้นมาทันที “ท่านใต้เท้าโปรดอย่าได้เข้าใจผิด หม่อมฉันหาได้บังคับฝืนใจท่านชายเฟิงไม่ เพราะคำว่าเจ้าหมาบ้า คนเจ้าชู้ที่ท่านชายเฟิงพูดถึงก็คือท่านเจ้าค่ะ”
มุมปากจวินมั่วหรันเกร็งกระตุก ดวงตาเฉียบคมของเขาจ้องเขม็งไปที่เฟิงอู๋โยวที่กำลังยกนิ้วป้องปากให้อู๋ฉิงอยู่ ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่อู๋ฉิงพูดเป็นความจริง
เขาพูดพลางปัดมือให้พวกอู๋ฉิง “ถอยไป”
“เจ้าค่ะ”
อู๋ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็พาคนชุดดำหลายสิบคนจากไป
เมื่อเฟิงอู๋โยวเห็นคนเย็นชาอย่างอู๋ฉิงทำตัวว่านอนสอนง่ายเหมือนแมวตัวน้อยต่อหน้าจวินมั่วหรันก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ ชอบกล
นางหันกลับมาอย่างหงุดหงิดและไม่อยากจะสบตากับเขา
“เฟิงอู๋โยว เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรทิ้งเจ้าเพื่อไปช่วยจวินฝู” จวินมั่วหรันยืนอยู่ด้านหลังนางอย่างแน่นิ่ง มือทั้งสองข้างแตะอยู่บนไหล่นางจากด้านหลังเบาๆ โดยเขาพยายามข่มความคิดที่อยากจะพุ่งเข้าสวมกอดนางเอาไว้
“ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็ถูกทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องสนใจกระหม่อมหรอก”
จวินมั่วหรันได้ยินเช่นนั้นก็อุ้มนางทันที
เขาถลึงตาใส่เฟิงอู๋โยวในสภาพกำลังงอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา “นี่เจ้ากล้างอนข้าต่อหน้าต่อตาแบบนี้เลยหรือ”
“ปล่อยกระหม่อมลงไปเดี๋ยวนี้!” แก้มทั้งสองข้างของนางแดงเรื่อ มือไม้แข้งขาพยายามดีดดิ้น
“บอกข้ามาก่อนว่าเมื่อครู่เจ้าด่าใครว่าเป็นหมาบ้า แล้วจะไม่ญาติดีกับใคร”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิงอู๋โยวก็โมโหขึ้นมาอีกหนึ่งระลอก
นางสะบัดหน้าหนีไปอีกฝั่ง “ท่านใต้เท้ารู้อยู่แก่ใจแล้วยังจะถามอีก”
“หืม?”
จวินมั่วหรันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เขารู้อะไรอยู่แก่ใจอย่างนั้นหรือ
เฟิงอู๋โยวคิดว่าจวินมั่วหรันกำลังปั่นประสาทนางอยู่ ภายในใจก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปกันใหญ่ “ท่านจ่ายเงินค่าจ้างสำนักหนึ่งอนันต์ไม่ไหว ก็เลยหลับนอนกับเจ้าสำนักนั่นใช่หรือไม่”
“ใครบอกว่าข้าจ่ายไม่ไหว ทรัพย์สมบัติของข้ามากพอที่จะเลี้ยงดูเจ้าได้อีกเป็นสิบคน”
จวินมั่วหรันพูดขึ้นด้วยถ้อยคำที่เปี่ยมด้วยความรู้สึก เขาแค่อยากให้เฟิงอู๋โยวรู้เอาไว้ว่าเขาร่ำรวยจนเกือบเทียบเท่าคลังสมบัติของราชวงศ์ ดังนั้นเขาเลี้ยงดูนางไหวแน่นอน
แต่นางกลับเข้าใจผิดขึ้นอีกครั้ง “คนเดียวไม่พอ จะเอาสิบคนเลยหรือ!”
แววตาของจวินมั่วหรันเริ่มลุ่มลึกขึ้น เขากระชับอุ้มเฟิงอู๋โยวที่งอนอยู่ แต่ก็เผลอเลื่อนมือไปโอบที่เอวเล็กคอดของนางอย่างไม่รู้ตัว
เอวของนางเล็กคอดมาก
ภายในใจของเฟิงอู๋โยวเกิดหงุดหงิดขึ้นมาทันที ครั้นจึงลืมตาขึ้นมาในอ้อมกอดเขาและสลัดหลุดออกจากอ้อมกอดเขาในที่สุด “สกปรก! อย่ามาแตะต้องข้า! ท่านไม่ได้จ่ายเงินให้อีกฝ่าย แถมยังมาพูดจาน่าไม่อายแบบนี้กับข้าอีก ท่านจะต้องนอนกับนางแล้วแน่ๆ ไม่เช่นนั้นนางจะยอมช่วยเหลือท่านได้เยี่ยงไร”
“ข้าไม่ได้หลับทั้งคืนเพื่อตามหาเจ้า ข้าจะมีเวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เยี่ยงไร ขนาดนี้แล้วเจ้ายังริอาจบอกว่าข้าผู้นี้สกปรกอีกกระนั้นหรือ”
แขนของจวินมั่วหรันว่างเปล่า หัวใจของเขาก็พลันโหรงเหรง
ในช่วงที่เฟิงอู๋โยวหายตัวไป เขาราวกับเป็นบ้าไปแล้ว เขาออกค้นหาร่องรอยของนางไปทุกที่โดยไม่คำนึงถึงบาดแผลที่ยังหายไม่สนิทบนร่างกาย
ในเวลาเดียวกัน เขาก็เข้าใจสิ่งหนึ่งขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ เขามักจะระงับความปรารถนาที่มีต่อเฟิงอู๋โยว เพราะจิตใต้สำนึกของเขาไม่สามารถยอมรับเฟิงอู๋โยวที่เป็นผู้ชายได้
จนกระทั่งเฟิงอู๋โยวปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง อยู่ๆ เขาก็ตระหนักว่าเขากระจ่างแล้วว่าเจ้าหมอนี่อยู่ในใจของเขามานานแล้ว
“ไม่มีเวลาอาบน้ำ แต่มีเวลาไปหลับนอนกับคนอื่น?” เฟิงอู๋โยวพึมพำเสียงแผ่ว แม้จะหัวแข็งเท่าเมื่อก่อน แต่คำพูดคำจาและกิริยาท่าทางก็ยังเจือความไม่พอใจอยู่อย่างเห็นได้ชัด
“เฟิงอู๋โยว เจ้ากำลังหึงข้าอยู่!” เมื่อจวินมั่วหรันตระหนักว่าเฟิงอู๋โยวกำลังหึงก็รู้สึกครึ้มใจขึ้นมาทันที
“ไร้สาระ! ข้าไม่ได้หึงสักหน่อย!”
เฟิงอู๋โยวปฏิเสธอย่างนิ่งเฉย นางแค่ไม่อยากให้จวินมั่วหรันต้องเสียเงินและเสียตัวเพื่อตัวนางก็เท่านั้น
“ปากไม่ตรงกับใจ” จวินมั่วหรันอมยิ้ม ก่อนดึงเฟิงอู๋โยวเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขาทันที
เขาประคองเอวเรียวของนางด้วยมือทั้งสองข้าง ลดศีรษะลงเล็กน้อยและขบปากลงบนริมฝีปากแวววาวของนางทันที
ดวงตาเฟิงอู๋โยวเบิกกว้าง หัวใจพลันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
นางแอบลืมตาขึ้น จ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาของจวินมั่วหรัน จนลืมผลักเขาออกไป
เวลาไหลผ่านไปจนจวินมั่วหรันเป็นฝ่ายผละออกเอง แต่ก็พบว่านางเป็นลมหมดสติไปแล้ว
“เจ้าโง่ หายใจไม่ออกก็ไม่บอก”
จวินมั่วหรันอุ้มนางขึ้นอย่างระมัดระวัง แววหงุดหงิดในดวงตาสีดำอันวาวประกายพลันจางหายไป เหลือเพียงความเอ็นดูอันเปี่ยมล้น
“ท่านใต้เท้า…”
จุยเฟิงรีบตามมาอย่างเร่งรีบ เดิมทีเขาต้องการรายงานจวินมั่วหรันว่าอยู่ๆ จวินฝูก็บ้าคลั่งถอนเล็บนิ้วมือทั้งสิบของตัวเอง แต่เขาไม่คิดจะได้มาเห็น จวินมั่วหรันเดินอุ้มเฟิงอู๋โยวที่หมดสติผ่านตามถนนในเมืองอย่างสบายใจเฉิบแบบนี้
จวินมั่วหรันเรียกสติกลับคืนอีกครั้ง แววชื่นมื่นในดวงตาของเขากลายแปรเปลี่ยนเป็นความรำคาญใน จากนั้นก็เอ่ยอย่างเย็นชา “เกิดอะไรขึ้น”
“อยู่ๆ ท่านหญิงจวินฝู่ก็เกิดคลุ้มคลั่งถอนเล็บของตัวเอง ตอนนี้อารมณ์ของนางค่อนข้างแปรปรวนเป็นที่สุด”
“อืม”
จวินมั่วหรันตอบเสียงทุ้ม เขาหมดความอดทนกับจวินฝูเต็มทีแล้ว นางจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว เขาขี้เกียจจะคุยกับนางแล้ว
จุยเฟิงเดินตามหลังจวินมั่วหรันเพื่อรอจวินมั่วหรัน บางทีจวินมั่วหรันอาจเปลี่ยนท่าที แต่จวินมั่วหรันเอาแต่นิ่งเงียบตลอดทาง จนกระทั่วถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง จุยเฟิงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น “ท่านใต้เท้าต้องการให้กระหม่อมรายงานอาการของท่านหญิงไปยังแพทย์หลวงซูหรือไม่”
จวินมั่วหรันยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ผ่านไปสักพักหนึ่งจึงพูดอย่างไร้ความปรานี “ไม่จำเป็น หลังจากนางอยากถอนเล็บเองอย่าลืมสั่งให้คนไปโรยเกลือบนแผลของนางด้วยแล้วกัน”
นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าตอนที่เฟิงอู๋โยวถูกลักพาตัวไปและจวินฝูจงใจถ่วงเวลาเขาที่ศาลาตี๋ซิง จวินมั่วหรันก็พอจะรู้แล้วว่าจวินฝูอาจรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้าง
แต่ไม่เมื่อนางกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าต่อตาเขา แล้วทำไมเขาต้องสนใจความสัมพันธ์ฉันพี่น้องแบบนี้ด้วย
“รับทราบขอรับ”
จุยเฟิงพยักหน้า ขณะกำลังจะหันกลับ เขาก็หยิบขวดสีดำออกมาจากใต้แขนเสื้อและมอบให้จวินมั่วหรัน
“อะไร”
จุยเฟิงยิ้มแห้งก่อนอธิบาย “คือว่า…แม่ทัพเฟิงน่าจะมีอาการปวดระบมอย่างรุนแรง ท่านสามารถใช้น้ำมันงาหอมในขวดนี้บรรเทาความเจ็บปวดได้ขอรับ”
“ข้าจะไม่แตะต้องเขา”
จวินมั่วหรันเหลือบมองดวงตาที่ซุกซ่อนแววนึกสนุกของจุยเฟิงอย่างเย็นชา แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ร่างกายของเขากลับไม่ทำตาม
เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไปรับขวดสีดำในมือของจุยเฟิงอย่างไม่เร่งรีบ แล้วตรงเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านหน้าทันที