ตอนที่ 222 อาหวงข้ามมิติมาเช่นกัน
“สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น แม่ทัพเฟิงเป็นคนที่รูปงามสมคำร่ำลือเสียจริง! ใบหน้างดงามแฝงความทระนง ไม่เป็นรองเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลินแม้แต่น้อย”
รอยยิ้มมีนัยยะในดวงตาสีม่วงของหยุนเฟยไป๋ เขาเดินเล่นอยู่รอบๆ ถนนเถาหลี่เป็นเวลานานเพื่อหวังว่าจะได้พบนางเขาโดยบังเอิญ
โชคดีที่การกระทำของเขาไม่เปล่าประโยชน์
เฟิงอู๋โยวเคยได้ยินผู้คนลือกันว่า สีตาของรัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินแตกต่างจากคนทั่วไป มันเป็นสีม่วงเข้ม แลดูสูงส่ง
ชายตรงหน้าคงเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินนามว่าหยุนเฟยไป๋สินะ
“ฝ่าบาทหยุนก็ชมเกินไป ความงามของกระหม่อมเป็นเพียงจุดที่ไม่ควรกล่าวถึงที่สุดขอรับ” เฟิงอู๋โยวตอบบ่ายเบี่ยง นางไม่มีทางอื่นนอกจากพยายามตัดบทสนทนากับหยุนเฟยไป๋ให้เร็วที่สุด เพราะนางไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับเขา
มีข่าวลือว่าทุกครั้งที่หยุนเฟยไป๋ยึดเมืองใดได้ เขาจะเข่นฆ่าผู้คนในเมืองนั้นอย่างไร้ความปราณี
แม้แต่ผู้หญิงที่เขาเคยหมายตา เขาก็ยังลงมือฆ่าได้อย่างไม่ลังเลเลย
คนโหดร้ายและไร้ความปรานีตัวจริงเช่นนี้ หากเฟิงอู๋โยวเลี่ยงได้ควรต้องเลี่ยง
รักษาระยะห่างจากคนแบบนี้ให้ไกลที่สุด คงเป็นวิธีรับมือที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
แต่หยุนเฟยไป๋ที่เปรียบเหมือนปีศาจจากโลกโลกีย์คนนี้ กลับได้รับการยกย่องจากผู้คนในแคว้นของเขาว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความอยู่รอด มันเป็นข่าวลือสองเรื่องที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง
“แม่ทัพเฟิง สนใจดื่มกับข้าหรือไม่”
หยุนเฟยไป๋ยืนเอามือไพล่หลังพร้อมกับยิ้มบางๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่เจือแววเกรงใจอย่างแปลกๆ
“กระหม่อมเป็นคนคออ่อน เกรงว่าต้องปฏิเสธขอรับ” เฟิงอู๋โยวตอบอย่างเฉยเมย ก่อนเดินอ้อมเขาไป แล้วมุ่งหน้าไปที่เรือนแพทย์พยากรณ์
“ฝ่าบาทต้องการให้กระหม่อมสอนบทเรียนให้กับแม่ทัพเฟิงคนนี้หรือไม่ขอรับ” ทหารองครักษ์ของหยุนเฟยไป๋จ้องมองแผ่นหลังบางๆ ของเฟิงอู๋โยวพลางเอ่ยอย่างเย็นชา
“เจ้าโง่ ในแดนของจวินมั่วหรันแบบนี้ คนที่กล้าไปแตะต้องคนของเขา มีแต่จะเป็นการขุดหลุมฝังศพตัวเองเปล่าๆ”
ท่าทีของหยุนเฟยไป๋สงบลงไปเล็กน้อย ตอนนี้เขาไม่เห็นอะไรพิเศษในตัวเฟิงอู๋โยวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อพูดถึงจวินมั่วหรัน ทหารองครักษ์ข้างๆ หยุนเฟยไป๋ก็ดูเหมือนจะนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นได้ ก่อนกล่าวด้วยความเคารพ “ตามรายงานจากสายสืบ ท่านหญิงจวินฝูน้องสาวของเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลิน ดูเหมือนว่าจะตั้งครรภ์ขอรับ”
“อืม”
หยุนเฟยไป๋หลี่ตาลงก่อนพูดเสียงเย็น “แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ทหารองครักษ์ก็ไม่กล้าพูดมากไปกว่าอีก
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนเฟยไป๋ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและหัวเราะเสียงดัง “คิดว่าจวินมั่วหรันจะโกรธหรือไม่เมื่อเขารู้เรื่องนี้เข้า”
…
ณ เรือนแพทย์พยากรณ์
ทันทีที่เฟิงอู๋โยวก้าวเข้าไปในประตู ก็ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างหนักหน่วงดังมาจากห้องด้านใน
เดิมทีนางคิดว่าเสียงของชิงหลวนที่ร้องจนเสียงเปลี่ยน
แต่เมื่อเห็นชิงหลวนที่โผล่ออกมายืนอยู่ตรงหน้า นางก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก “ชิงหลวน ใครกำลังร้องไห้อยู่ในห้องข้างใน”
ชิงหลวนกางมือออกอย่างช่วยไม่ได้ บุ้ยปากไปทางห้องด้านในก่อนพูดเสียงเบา “แพทย์วิเศษกู่ เจอม้าที่ชื่อทู่ทู่ของตัวเองแล้ว”
“เรื่องดีขนาดนี้ ไฉนต้องร้องไห้ด้วย หรือว่าเจ้าทู่ทู่ของกู่หนานเฟิงถูกย่าง?”
“ตอนที่ทู่ทู่มาถึง ดวงตาของมันก็เคลือบไปด้วยน้ำตาราวกับถูกรังแกมา หลังจากหมอวิเศษกู่นำมันไปตรวจสุภาพ สรุปว่าทู่ทู่ของเขาถูกสุนัขป่าเถื่อนข่มขืน ตอนนี้หมอวิเศษกู่กำลังกอดม้าตัวนั้นร้องไห้อยู่เจ้าค่ะ”
“ดูเหมือนนิสัยของหมาบ้าตัวนี้จะคล้ายกับอาหวงของข้าจริงๆ”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าทู่ทู่ของหนานกู่เฟิงอาภัพเหลือเกิน ทั้งที่เป็นม้าชั้นดี แต่กลับต้องมาเจออะไรแบบนี้
มันเป็นเรื่องตลกร้ายสิ้นดี
“อู๋โยว!”
“สหายพี่อู๋โยว!”
ขณะกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น ก็มีเสียงผู้ชายดังแล่นเข้ามาทางหูซ้ายและขวาสองครั้ง
นางรีบเงยมองทันที พบว่าเป็นเฟิงอี้ พี่ชายของนางและหลิงเทียนฉีที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของร่างเดิมยืนอยู่หน้าประตูเรือนแพทย์พยากรณ์ พวกเขาทั้งสองกำลังยิ้มให้นางอยู่
“พี่ใหญ่! สหายเทียนฉี!”
เฟิงอู๋โยวยิ้มยิงฟันก่อนก้าวยาวๆ เข้าไปหาพวกเขา
เฟิงอี้ดีใจเป็นที่สุด เขารีบคว้าเฟิงอู๋โยวเข้าไปกอดทันที “อู๋โยว รู้หรือไม่ว่าพี่เป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหน”
ส่วนหลิงเทียนฉีก็ดีใจจนปากสั่น “สหายอู๋โยว ช่วงนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง สบายดีหรือไม่ ไฉนดูซูบลงเช่นนี้”
เฟิงอี้กอดนางแน่น แต่เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าที่เริ่มแดงจากอาการหายใจไม่ออกของนางก็รีบปล่อยมือออก “อู๋โยว ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“ไม่เป็นไร”
เฟิงอู๋โยวปัดมือ แม้นางนะไม่ชอบใกล้ชิดกับผู้ชาย แต่เฟิงอี้เป็นถึงพี่ชายแท้ๆ ของเจ้าของร่างเก่า ถูกเขากอดนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นไรไป
“อ๋าวอู๋ววว…”
และทันใดนั้น ก็มีเสียงหอนของสุนัขอันคุ้นเคยที่แสร้งหอนราวกับว่าตัวเองเป็นหมาป่า ดังขึ้นวนเวียนอยู่รอบๆ เรือนแพทย์พยากรณ์
เฟิงอู๋โยวหยุดชะงักลงเล็กน้อย แล้วก็พบว่าหลิงเทียนฉีกำลังอุ้มสุนัขขนเหลืองอยู่ตัวหนึ่ง
พระเจ้า! นี่มันอาหวงของนางไม่ใช่หรือ
“อาหวง?!”
ลำคอของเฟิงอู๋โยวแห้งผากขึ้นมา แม้ว่าอาหวงจะเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้นางจมน้ำตายในชาติที่แล้ว
แต่ในคืนที่มืดมิด อาหวงมักจะอยู่กับนาง และเผชิญหน้ากับคืนวันอันโหดร้ายกับนางมาตลอด
เมื่ออาหวงได้ยินเสียงเรียกของเฟิงอู๋โยวประกายแห่งความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสุนัขซื่อบื้อของมัน
มันใช้ขาหลังดันหน้าอกของหลิงเทียนฉีอย่างแรง ก่อนกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของเฟิงอู๋โยว
“อ๋าวอู๋ว…” แววสำนึกผิดเล็กน้อยผุดขึ้นอยู่ในดวงตาของมัน
เพราะถ้าไม่ใช่เพราะมัน เฟิงอู๋โยวคงไม่มีจมน้ำตาย
ปึก!
“ข้าบอกเจ้าไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าราคะย่อมนำพาหายนะมาให้เจ้า! เจ้าสุนัขหื่นกามจนลืมความชอบธรรมจนทำข้าตกน้ำ เพื่อไปหาสุนัขตัวเมียสีขาวนั่น!” เฟิงอู๋โยวเคาะหัวสุนัขอย่างแรง
หลิงเทียนฉีและเฟิงอี้มองหน้ากันด้วยความตกใจ
พวกเขาเป็นคนเก็บสุนัขตัวนี้มาจากระหว่างทางมาแคว้นตงหลิน ก่อนหนี้คิดว่ามันคงเป็นสุนัขจรจัดที่ไม่มีใครต้องการ
แต่ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกว่าเฟิงอู๋โยวนั้นรักและเอ็นดูสุนัขตัวนี้มากนัก ซ้ำยังดูสนิทกับมันยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก
เฟิงอี้รู้สึกวิตกเล็กน้อยและพูดอย่างบูดบึ้งว่า “อู๋โยว สุนัขตัวนี้เพิ่งไปที่ชายแดนของแคว้นตงหลิน ไม่รู้ว่ามันไปคลุกอะไรมา สกปรกมาก เอาไว้ข้าล้างมันให้สะอาดก่อนแล้วค่อยมอบให้เจ้าเป็นเยี่ยงไร”
“โฮ่ง…”
อาหวงจ้องเฟิงอี้เขม็ง ถ้าไม่กลัวว่าจะถูดเฟิงอู๋โยวตี ป่านนี้มันคงพุ่งไปงับใบหน้าหล่อเหลาของเฟิงอี้แล้ว
ปั้ง!
กู่หนานเฟิงเตะเปิดประตูห้องเปิดออกมา ถลกแขนเสื้อขึ้นและปาดคราบน้ำตา และเมื่อเขามองเห็นอาหวงในอ้อมแขนของเฟิงอู๋โยว แววตาของเขาก็เฉียบคมขึ้นมาทันที
“เจ้ากล้าดีอย่างไรมารังแกม้าที่ข้าเลี้ยงมาหลายปี!”
กู่หนานเฟิงหยิบไม้กวาดข้างประตูแล้วรีบวิ่งเข้าใส่อาหวงในอ้อมแขนของเฟิงอู๋โยวทันที
“บังอาจทำกับทู่ทู่ของข้า! วันนี้ข้าจะถลกหนังของแกและสับเนื้อของแกเป็นชิ้นๆ ให้ดู”
มุมปากเฟิงอู๋โยวเกร็งกระตุกอย่างรุนแรง นางเพิ่งจะพูดไปหยกๆ ว่าสุนัขที่ไหนถึงกล้าทำเรื่องแบบนี้กับม้าชั้นดีได้!
ไม่คิดเลยว่าเป็นอาหวงจริงๆ…
“โฮ่ง…”
อาหวงมองเฟิงอู๋โยวอย่างคับแค้นใจราวกับขอความช่วยเหลือจากนาง
เฟิงอู๋โยวโกรธจนกัดฟันกรอด “ไอ้หมาสวะ! ถ้าแกกล้ารังแกผู้หญิงอีก ข้าจะตอนแกทิ้ง!”
แม้ว่านางจะโกรธอาหวงที่ทำตัววุ่นวายแค่ไหน แต่นางก็ปกป้องมันอยู่ดี
เมื่อเห็นกู่หนานเฟิงโกรธจัดเฟิงอู๋โยวจึงรีบเข้าไปปลอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่าโกรธ อย่าโกรธเลย! มันไม่คุ้มที่เจ้าจะมาโกรธสุนัขแบบนี้”
“เฟิงอู๋โยว ไปให้พ้น! วันนี้ข้าต้องหักขามันให้ได้”
“มันเป็นแบบนั้นไม่ได้แน่นอนกู่หนานเฟิง ลองคิดดูดีๆ ในเมื่อทู่ทู่ท้อง แล้วเจ้าฆ่าอาหวงอย่างไร้ความปราณี แบบนี้มันจะไม่กลายเป็นเรื่องคนฆ่าหมาที่น่าสังเวชหรือ”
กู่หนานเฟิงได้ยินเช่นนั้น ไม้กวาดในมือของเขาก็ตกลงไปที่พื้นทันที
ดวงตาของเขาแดงก่ำ เมื่อเขาคิดว่าทู่ทู่ที่เขาดูแลมาหลายปีอาจจะท้อง น้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง
เฟิงอี้และหลิงเทียนฉีไม่คาดคิดว่าอาหวงจะทำสิ่งที่น่าอายแบบนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ขอโทษกู่หนานเฟิง
“ข้าได้ยินชื่อเสียงของกู่หนานเฟิงมานานแล้ว แต่การได้พบเจ้าตัวจริงในวันนี้ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ”เฟิงอี้ทักทายกู่หนานเฟิงอย่างสุภาพ
หลิงเทียนฉีช่วยพูดเสริม “ถ้าท่านหมอวิเศษกู่ชอบม้าชั้นดี วันหลังข้าจะเลือกม้าพันธุ์ดีสองสามตัวส่งให้ท่านเป็นเยี่ยงไร”
“หึ! ให้ตายเถิด ไอ้หมาหื่นกาม สักวันหนึ่ง ข้าจะจับเจ้ากินทั้งเป็น!”
เมื่อกู่หนานเฟิงนึกภาพทู่ทู่ตอนถูกขืนใจก็โกรธจัดขึ้นมา
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าอาหวงจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเฟิงอู๋โยว ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าทำอะไรกับอาหวง
จวินมั่วหรันเตือนเขาเมื่อนานมาแล้ว ประการแรก อย่าดูถูกดูแคลนเฟิงอู๋โยวประการที่สอง อย่ารังแกเฟิงอู๋โยวและประการที่สาม อย่าทำให้นางโกรธ
ดังนั้น แม้ว่าเขาอยากจะลงโทษอาหวงมากแค่ไหน เขาก็ต้องระงับความโกรธของตัวเองไว้ให้ได้
หลังจากข่มกลั้นความโกรธลง กู่หนานเฟิงก็สะบัดแขนเสื้อเดินเข้าไปในห้องด้านในเพื่อทายารักษาให้ทู่ทู่ต่อ
หลิงเทียนฉีมองไปที่เฟิงอู๋โยวด้วยแววตาสำนึกเล็กน้อยเล็กน้อย “ถ้าข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าสุนัขตัวนี้มีพฤติกรรมที่เลวร้ายขนาดนี้ ข้าไม่พามันมาที่นี่หรอก”
“ไม่เป็นไร ข้าจะทำให้มันเชื่องเอง”
เมื่อเห็นสภาพที่ผอมซูบกว่าเมื่อก่อนของเฟิงอู๋โยว หลิงเทียนฉีจึงคิดว่านางเกรงใจที่จะใช้เงินกระดาษที่เขาส่งมาให้ไปซื้อกิน ครั้นแล้วจึงถามขึ้น “ก่อนหน้านี้ เจ้าได้รับเงินกระดาษที่ข้าส่งมาให้หรือยัง”
“เงินกระดาษอะไร”
เฟิงอู๋โยวเอียงศีรษะมองชิงหลวนที่ดูสับสนเช่นกัน “ชิงหลวน เจ้าได้รับจดหมายที่ส่งมาจากแคว้นเป่ยหลีเมื่อเร็วๆ นี้หรือไม่”
ชิงหลวนส่ายหัวอย่างมั่นใจ “ไม่เจ้าค่ะ แต่ว่าท่านชายจุยเฟิงมักถามข้าเกี่ยวกับท่านชายหลิง ตั้งแต่เรื่องตำแหน่งในวังหลวงไปจนถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนางสนมนางบำเรอใดๆ ซึ่งถามอย่างละเอียดเป็นยิ่งนักเจ้าค่ะ”
หรือว่าจวินมั่วหรันจะซ่อนเงินกระดาษที่หลิงเทียนฉีส่งมา
เฟิงอู๋โยวตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา ถ้าเจอจวินมั่วหรันครั้งต่อไป นางจะถามเขาอย่างแน่นอน
“องค์ชาย อย่าเพิ่งเข้ามานะ”
ทันใดนั้น มีเสียงผู้หญิงแว่วดังมาจากด้านนอกเรือนแพทย์พยากรณ์
เสียงชัดเจนและไพเราะน่าฟังเป็นพิเศษ
ฟังเสียงแล้วน่าจะยังเด็กอยู่