ตอนที่ 253 เสียแผน
เป่ยถางหลีอินที่กำลังตื่นตระหนกกำลังจะยื่นมือออกไปรับถ้วยชา แต่ทันใดนั้นบังเกิดเสียง ‘ฟุบ’ ขึ้น เข็มเงินแวววาวพลันแทงเข้าที่ฝ่ามือของนางอย่างแม่นยำ
“อ๊าย!!!”
นางกรี๊ดร้องเสียงสูง ดวงตาภายใต้คิ้วอันโก่งงอนของนางเจือแววหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
ชุนเซี่ยรีบวางถ้วยชาและคุกเข่าลงต่อหน้าเป่ยถางหลีอิน “ข้ารับใช้อย่างหม่อมฉันดูแลองค์หญิงสะเพร่าเองเจ้าค่ะ หม่อมฉันสมควรตาย”
เป่ยถางหลีอินบีบมือเล็กๆ ของนาง จากนั้นก็ถอนเข็มเงินที่เสียบลึกเข้ากลางฝ่ามือออก ก่อนง้างมือตบใบหน้าตื่นตระหนกของชุนเซี่ยอย่างแรงหนึ่งที “นางคนรับใช้ไร้ประโยชน์! ข้าควรเก็บเจ้าไว้ด้วยเหตุผลอันใด”
“หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันสมควรตายเจ้าค่ะ!”
ชุนเซี่ยก้มหน้าตั่วสั่นระริก
เป่ยถางหลีอินเหลือบเห็นเศษกระดาษเจือกลิ่นหอมม้วนเล็กๆ มัดติดมากับเข็มเงินด้วย คิ้วที่เพิ่งคลายตัวออกจากกันพลันขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
ชุนเซี่ยไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหน้า จึงเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยก่อนถามเสียงแผ่ว “องค์หญิงเจ้าค่ะ นั่นเป็นกระดาษข้อความเปิดศึกจากสตรีป่าเถื่อนคนนั้นหรือเจ้าคะ”
เป่ยถางหลีอินรีบคลี่ม้วนกระดาษ เห็นตัวอักษรที่เขียนหวัดๆ แค่แวบแรก มือทั้งสองข้างก็กำแน่นด้วยความโมโห แต่กลับมาแววกังวลสอดแทรกอย่างเด่นชัดยิ่งกว่า
บนเศษกระดาษเขียนเอาไว้ว่า ‘เฟิงอู๋โยวกำลังกลับมาล้างแค้น ต้องการชีวิตเจ้ามีไถ่ถอน หากต้องการโต้ตอบ มิสู้ส่งถ้วยชาให้จวินฝู’
ตอนที่เห็นสตรีผ้าคลุมหน้าครั้งแรก เป่ยถางหลีอินก็รู้สึกคุ้นตาเป็นยิ่งนัก
และเมื่อไตร่ตรองดูอย่างละเอียด นางก็ถึงกลับกระจ่างขึ้นมาทันที
เป่ยถางหลีอินรู้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นสตรีมาตั้งนานแล้ว
ดังนั้น ในตอนนี้นางก็เลยรักษาสีหน้าอันสงบนิ่งเอาไว้ได้
เป็นดั่งที่ข้อความในกระดาษฝากเอาไว้ หากต้องการตอบโต้ มิสู้ส่งต่อถ้วยชาแก้วนี้ให้จวินฝูที่อยู่ด้านหน้า
ขอแค่จวินฝูดื่มมันลงไป หากตอนนี้สืบพบว่าเป็นฝีมือของเฟิงอู๋โยว ต่อให้จวินมั่วหรันจะรู้สึกดีกับเฟิงอู๋โยวแค่ไหน ก็ไม่อาจปล่อยให้เฟิงอู๋โยวทำแบบนี้กับจวินได้เป็นแน่
จะว่าไป ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่เหมาะเจาะพอดี
แต่กระนั้น เป่ยถางหลีอินก็ยังครุ่นคิดต่อให้อีกด้านหนึ่ง หากนางทำตามข้อความบนกระดาษก็จะเท่ากับว่านางตกเป็นรองของคนที่ส่งข้อความนี้มาให้ ซึ่งเข้าทางของอีกฝ่ายพอดี
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงกลัวปัญหาไม่รู้จบที่อาจตามมาภายหลัง
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเป่ยถางหลีอินก็ตัดสินใจได้
นางลุกขึ้นพรวดและเดินตรงไปที่ผ้าม่านกั้นหลังเวที ก่อนตะโกนขึ้นเสียงดัง “ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้เยี่ยงไร มีบุรุษแอบเข้ามาด้านหลังเวทีแล้ว!”
ทันใดนั้น บรรดาสาวงามทั้งหลายต่างพากันแตกตื่น บ้างก็ลุกขึ้นมาดูรอบๆ อย่างตระหนก
มือข้างหนึ่งของเป่ยถางหลีอินถือถ้วยชา นางเดินมาด้านหน้าจวินฝูอย่างสงบนิ่ง ยกชายแขนเสื้อยาวๆ ขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็เทน้ำชาในถ้วยของตัวเองลงไปในถ้วยของจวินฝูอย่างแยบยล
เมื่อจวินฝูเห็นเป่ยถางหลีอินสวมใส่ชุดบุรุษเหมือนกับนาง ในใจก็นึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
นางเหลือบมองแวบหนึ่ง ก่อนกรอกตาและแค่นเสียงในลำคอ “เป็นแค่อีกา ริอ่านเลียนแบบหงส์ โง่สิ้นดี”
ดวงตาของเป่ยถางหลีอินฉายแววเย็นเยียบ จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงเรียบ “คนบาปย่อมอยู่ได้ไม่นาน”
ตอนนี้สถานการณ์ตกอยู่ในห้วงความอึดอัด ถ้าเป็นจวินฝูในยามปกติ ป่านนี้นางคงเปิดฉากต่อปากต่อคำกับเป่ยถางหลีอินสักยกไปแล้ว
เฟิงอู๋โยวกลับมานั่งลงข้างจวินมั่วหรันอีกครั้ง ดวงตาของนางเป็นประกายคล้ายมองการณ์ไกลอะไรสักอย่าง
จวินมั่วหรันหันหน้ากลับมามองนางในท่าทางอารมณ์ดี จากนั้นก็เอื้อมมือคว้านางเข้ามากอด “ไฉนไปนานจัง”
“ตอนแรกกะจะจัดการชำระหนี้แค้นกับเป่ยถางหลีอิน แต่จวินฝูกลับมาสกัดขาข้า ด้วยความจำใจ ข้าเลยต้องสั่งสอนนางสักหน่อย”
“อย่าทำอะไรเกินตัวจนตัวเองบาดเจ็บก็พอแล้ว”
จวินมั่วหรันพูดกลับเสียงเรียบๆ เพราะที่ผ่านมาเขาเต็มที่กับจวินฝูที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว
ขณะพูดคุยกันอยู่นั้น จวินฝูในสภาพหน้าแดง ตอนนี้นางเปลี่ยนไปสวมใส่ชุดสีขาวแล้วและกำลังวิ่งออกมากลางเวที
เสียงเพลงบรรเลงขึ้น ท่วงท่าที่ร่ายรำของนางแฝงไปด้วยความแข็งกร้าวเยี่ยงบุรุษ แตกต่างจากนางในยามปกติอย่างสิ้นเชิง
“จวินมั่วหรัน จวินฝูเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้าจริงๆ หรือ ไฉนข้าถึงรู้สึกว่าตลอดว่านางต้องการตำแหน่งนางสนมเอกแห่งตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง” เฟิงอู๋โยวเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ
“หึงอีกแล้วหรือ”
มุมปากของจวินมั่วหรันรั้งขึ้น เขาพอใจกับการแสดงออกของเฟิงอู๋โยวเป็นยิ่งนัก
เป็นเพราะในใจของนางมีเขาอยู่ ดังนั้นนางจึงหึงหวงเขาค่อนข้างบ่อย
หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ สักวันเฟิงอู๋โยวจะต้องยอมสยบให้กับเขาอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงอนาคตอันใกล้ จวินมั่วหรันอย่างเขาจะได้แต่งงานกับสตรีที่ตัวเองชอบสักที ความคิดเพ้อฝันของเขาในตอนนี้ทำเอาเขาอภิรมย์ใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ใช่แล้ว ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ต้องสั่งให้กู่หนานเฟิงหาวิธีถอนพิษในร่างกายของเฟิงอู๋โยวให้ได้
ในวันที่พิษในร่างกายนางหมดไป เขาจะไม่ปล่อยให้นางลุกออกจากเตียงเลยแม้แต่ก้าวเดียว เขาจะมอบความรักทั้งหมดให้นางเพียงผู้เดียว
เวลานี้ จี้มั่วจื่อหยวนที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของจวินมั่วหรันก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดหน้าด้วยความตกใจ
จี้มั่วจื่อเฉินเองก็ตกใจขึ้นมาเช่นกัน เขาจ้องมองจวินฝูที่แหวกคอเสื้อและถกกระโปรงของตัวเองออกอย่างยั่วยวน “อาหรัน จวินฝูดูแปลกๆ ไป!”
เมื่อจวินมั่วหรันเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นจวินฝูในสภาพใบหน้าแดงก่ำกำลังฉีกเสื้อผ้าของตัวเองและกำลังส่งสายตามาให้เขาอย่างยั่วยวน
“ท่านพี่ กอดข้าหน่อย”
“อ๋า ฝูเอ๋อร์จะทนไม่ไหวแล้ว ทรมานเหลือเกิน”
“ท่านพี่สนองให้ฝูเอ๋อร์หน่อยนะเจ้าคะ!”
จวินฝูเริ่มนอนลงไปกลางเวที แหวกแข้งแหวกขาและเล่นหูเล่นตาหนักขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ ผู้ชมที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันชี้นิ้วไปที่จวินฝูที่กำลังนอนถ่างแข้งถ่างขาบนเวที เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังมากระทบโสตจวินมั่วหรันระลอกแล้วระลอกเล่า ทำเอากลบเสียงดนตรีได้อย่างสมบูรณ์
เฟิงอู๋โยวทั้งแปลกใจและตกใจสุดขีด นางรีบจับแขนเสื้อจวินมั่วหรันก่อนพูดขึ้นอย่างจริงจัง “เจ้าต้องเชื่อใจข้า ข้าไม่ได้ลงมือกับนาง ถึงแม้จะน่ารำคาญ แต่สุดท้ายนางก็เป็นน้องสาวของเจ้า ต่อให้ข้าไม่ชอบนางแค่ไหน ข้าก็ไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้กับนางแน่นอน”