ตอนที่ 289 จุดไฟเผาตัว[1] / ตอนที่ 290 ไฟโทสะ
ตอนที่ 289 จุดไฟเผาตัว[1]
“ใช่แล้ว เขาเลียนแบบเสียงได้เก่งมาก สมจริงจนสับสน ถ้าไม่ใช่รังสีที่แผ่ออกมารุนแรงกว่าชิงหลวน ข้าคงถูกเขาหลอกไปแล้ว” เฟิงอู๋โยวพูดอย่างจริงจัง
“ที่แท้เป็นเยี่ยงนี้เอง”
จวินมั่วหรันถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนเช็ดคราบน้ำบนผมของนาง “จากนี้ไป อย่าอาบน้ำอยู่ในเรือนคนเดียว มันไม่ปลอดภัย หากต้องการอาบน้ำให้เรียกข้า ข้าจะมาเฝ้าระวังให้เจ้า”
“เรียกเจ้ามา มันต่างอะไรจากพาหมาป่าเข้าบ้าน[2]”
เฟิงอู๋โยวคลี่ยิ้มเพราะไม่ได้จริงจังกับคำพูดของจวินมั่วหรัน
นางมองไปที่อ่างไม้ที่แตกกระจายไปทั่ว พูดอย่างโมโห “เจ้าคิดว่าหยุนเฟยไป๋เป็นพวกโรคจิตหรือไม่ ถ้าเขาต้องการเห็นมันมากขนาดนั้น พรุ่งนี้ข้าจะเลือกภาพวาบหวิวชั้นเลิศไปให้เขาเอง ให้เขาได้รู้จักชายฉกรรจ์”
ริมฝีปากของจวินมั่วหรันกระตุก “เขาแค่สงสัยในตัวตนของเจ้า แต่ไม่ได้อยากเห็น ‘ร่างชายฉกรรจ์’ ของเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็คว่ำหน้าทันที นางพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าเป็นบุรุษหรือสตรีมันสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ก็เจ้ามีเสน่ห์ล้นหลาม เจ้าไม่รู้ตัวเองหรือ ข้าขอเตือนเจ้า จงยอมเป็นสนมเอกของข้าแต่โดยดี มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เจ้าห่างไกลจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“สนมเอกของเซ่อเจิ้งหวางเป็นตำแหน่งขุนนางแบบไหน หากไม่สามารถลุกนั่งได้อย่างเท่าเทียมกับเจ้า ข้าไม่เอาดีกว่า”
ขณะที่พูด เฟิงอู๋โยวก็โยนเสื้อคลุมสีดำที่สวมอยู่ไปต่อหน้าต่อตาเขา
ดวงตาของจวินมั่วหรันหรี่ลง และเขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะโอสถถอดพิษของกู่หนานเฟิงออกฤทธิ์หรือว่าโอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์หมดฤทธิ์ลง
“เฟิงอู๋โยว นี่เจ้า…”
“ข้าแค่ให้เจ้าดูว่าเรือนร่างของข้าไม่ได้แย่”
“อืม”
จวินมั่วหรันตอบเสียงขรึม เขาเพลิดเพลินกับการกระทำอย่างกะทันหันของเฟิงอู๋โยวมาก แต่ก็กังวลว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
ก่อนเข้ามาเขาแวะไปหากู่หนานเฟิง
กู่หนานเฟิงไม่เพียงแต่ให้โอสถถอนพิษของโอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์แก่เขา แต่ยังให้โอสถคุมกำเนิดชั่วคราวแก่เขาอีก
พูดง่ายๆ ก็คือ หากเขาจะเผด็จศึกกับนางตอนนี้ ใช่ว่าจะทำไม่ได้
แค่ไม่รู้ว่านางเต็มใจหรือไม่
“เฟิงอู๋โยว เจ้าเต็มใจหรือไม่” จวินมั่วหรันถามเบาๆ อย่างว้าวุ่นใจ
“เจ้าคิดจะอะไร ข้าแค่อยากจะบอกว่ารูปร่างข้าไม่ได้แย่อย่างที่เจ้าเคยบอก ดังนั้นอย่าปากมากบ่นนั้นบ่นนี่”
ลูกกระเดือกของจวินมั่วหรันกระเพื่อมเล็กน้อย เสียงของเขาแหบแห้งยิ่งนัก “ข้ามีเรื่องด่วนต้องทำ ดังนั้นขอตัวก่อน ไว้จะหาเวลามาทานอาหารเย็นกับเจ้าวันหลัง”
“เดี๋ยวก่อน ให้ข้าช่วยหยิบ…แท่นเงินรองค้ำให้หรือไม่”
ก่อนที่เฟิงอู๋โยวพูดจบ จวินมั่วหรันก็จับนางโยนลงบนแคร่
“ได้ เข้าจงช่วยข้า” ดวงตาของจวินมั่วหรันขรึมลง รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา หัวใจเต้นแรง เขาทั้งประหม่าและตื่นเต้น
“จวินมั่วหรัน ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
เฟิงอู๋โยวรับรู้ได้ว่ายังคงมีพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย หากนางเผลอทำเรื่องที่เป็นอันตรายถึง ‘ชีวิต’ ลงไป มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่านางจะตายท้องกลม
ในทางกลับกัน ต่อให้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่พละกำลังของจวินมั่วหรันก็สามารถคร่าครึ่งชีวิตของนางไปได้
สถานการณ์ตอนนี้ นางจะกล้าปล่อยตัวได้เยี่ยงไร
จวินมั่วหรันหาได้รู้ความกังวลมากมายในใจของนางไม่ เขาคิดเพียงว่าคำว่า ‘ช่วยเหลือ’ ของนางหมายถึงการใช้เรือนร่าง
เขามองเฟิงอู๋โยวที่ใช้ทั้งมือและเท้าต่อต้านเขา ตอนนี้เขาเกือบจะสูญเสียการควบคุมเต็มทน
“จวินมั่วหรัน มาคุยกันดีๆ ก่อน”
“ลุกขึ้น!”
“ข้ายังไม่พร้อม ขอเวลาข้าอีกหน่อยได้หรือไม่”
เฟิงอู๋โยวตื่นตระหนก นางแค่ต้องการให้จวินมั่วหรันเห็นว่าเรือนร่างของนางไม่ได้แบนราบเหมือนอย่างที่เขาพูด
แต่ตัวนางเองก็ไม่คาดคิดว่าสมาธิของจวินมั่วหรันจะต่ำขนาดนี้ แค่การกระทำอันดึงดูดเพียงเล็กน้อยก็ทำเอาเขาสูญเสียการควบคุม
“ข้าไม่อยากรอแล้ว”
จวินมั่วหรันพูดขึ้นเสียงต่ำ น้ำเสียงของเขาทุ้มและนุ่มนวล แฝงแรงดึงดูดเย้ายวนใจ
เมื่อเห็นว่าเฟิงอู๋โยวยังคงขยับขัดขืน เขาก็ปลดเข็มขัดผ้าไหมที่คาดเอวออกและมัดมือของนางเข้าด้วยกัน ยกมือของนางขึ้นเหนือศีรษะ “อย่าขยับ ข้าไม่อยากทำเจ้าเจ็บ”
ตอนที่ 290 ไฟโทสะ
“จวินมั่วหรัน แม้พูดแบบนี้จะดูอ่อนแอไปหน่อย แต่ข้ากลัวจริงๆ”
เฟิงอู๋โยวพยายามเรียกสติเขากลับมา นางชอบเขาก็จริง แต่ร่างกายของนางไม่อนุญาตให้นางทำตามใจ
“เจ้ามีความกล้าหาญมากแค่ไหน คิดว่าข้าไม่รู้ไหรือ เจ้าแค่ยั่วให้อยากแล้วจากไปใช่หรือไม่ หาได้กลัวแม้แต่น้อย”
จวินมั่วหรันพูดอย่างมั่นใจ ว่าในสายตาของเขา เฟิงอู๋โยวก็เหมือนกับที่จุยเฟิงพูดไว้คือชอบหลอกไปหลอกมา อยากปฏิเสธแต่ต้อนรับ[3]
เฟิงอู๋โยวกำลังจะพูด แต่จวินมั่วหรันไม่เปิดโอกาสให้นางพูด ปิดปากของนางโดยการประกบริมฝีปาก
“…”
เดิมทีนางต้องการบอกเขาเกี่ยวกับปัญหาทางร่างกายของนาง ถึงตอนนี้จะไม่ร้ายแรง แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้เกิดขึ้นได้
แต่จวินมั่วหรันแรงเยอะและไม่อนุญาตให้พูดนางปริปากพูด ชั่วขณะหนึ่ง นางไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากร้อนรนใจ
ฮัดชิ้ว
อาจเป็นเพราะผมยังเปียกอยู่และอากาศเย็นแทรกซึมเข้าร่างกาย ทำให้เฟิงอู๋โยวจามติดต่อกันหลายครั้ง
จวินมั่วหรันจึงเริ่มตระหนักได้ว่าหมอนเปียกชุ่มไปหมดแล้ว
เขาลุกขึ้นทันที หยิบเสื้อผ้าที่ใต้แคร่ขึ้นมาเช็ดผมสีเข้มที่ยังไม่แห้งของนาง “เป็นหวัดแล้วหรือ”
ตอนนี้เฟิงอู๋โยวโกรธจนขึ้นหน้า นางไม่อยากคุยกับเขา
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะช่วยข้า” จวินมั่วหรันปาดเหงื่อเย็นและยังคงถามนางอย่างอดทน
ข้อมือของเฟิงอู๋โยวถูกมัดด้วยเข็มขัดผ้าไหมจนผิวถลอก ทุกครั้งขยับก็รู้สึกแสบขึ้นมา
ในตอนแรกนางแค่กังวลว่าร่างกายของนางจะรับไม่ไหว แต่ตอนนี้นางรู้สึกว่าจวินมั่วหรันทำเกินไปแล้ว
แบบนี้คือการใช้กำลังเพื่อให้ได้มาไม่ใช่หรือ
“เฟิงอู๋โยว ข้าผ่อนปรนกับเจ้าเกินไปใช่หรือไม่ ปั่นหัวข้าเล่นแบบนี้มันสนุกนักหรือ เห็นๆ อยู่ว่าเจ้าเป็นฝ่ายยั่วยวนข้าก่อน แต่ดูตอนนี้กลับไม่ยอม อีกทั้งยังไม่ยอมพูดอะไรอีก”
จวินมั่วหรันโยนเสื้อผ้าในมือลงกับพื้น แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมไฟโทสะในใจอย่างเต็มที่ แต่เมื่อเห็นว่านางยังไม่ยอมคุยกับเขา ไฟโทสะก็ยิ่งปะทุจนไม่สามารถควบคุมได้
เฟิงอู๋โยวคิดว่าตัวเองเป็นคนผิดตั้งแต่แรก นางถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเขาอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ ถือว่าขาดการไตร่ตรองจริงๆ
แต่นางเป็นคนไม่ค่อยยอมรับความผิดกับใครและละอายใจที่จะยอมรับ
เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย นางจึงหันศีรษะไปทางอื่นและพูดขึ้นเสียงอู้อี้ “ข้าไม่ควรยั่วยวนเจ้า ข้ายอมรับผิด”
“นี่คือท่าทางของคนยอมรับผิดกระนั้นหรือ” จวินมั่วหรันรู้สึกว่าเฟิงอู๋โยวกำลังต่อต้านเขา เพราะไม่ยอมมองตาเขา
“แล้วเจ้ายังต้องการอะไรอีก”
“เฟิงอู๋โยว ข้ายังอดทนกับเจ้าไม่พออีกหรือ มันยากนักหรือที่เจ้าจะยอมรับข้าผู้นี้”
จวินมั่วหรันเองก็เป็นคนที่ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองไม่เป็นเช่นกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าต่อต้านเขาเช่นนี้
เขาคิดว่าตัวเองมีความอดทนกับเฟิงอู๋โยวมาก แต่เมื่อเห็นท่าทีอันหวาดกลัวและต่อต้านของเฟิงอู๋โยว จึงทำให้เขาโกรธเป็นอย่างยิ่ง
“ข้ายอมรับผิดแล้ว ไฉนเจ้ายังไม่หยุดบังคับฝืนใจกันอีก”
“บังคับฝืนใจเจ้าหรือเจ้าล้อเล่นกับข้ากันแน่ สำหรับเจ้าแล้ว ข้าสามารถทำให้เจ้าตามที่ต้องการได้ทุกอย่าง แต่ทั้งที่รู้ว่าข้าต้องการอะไร เจ้ากลับเอาแต่ผลักไส”
เฟิงอู๋โยวไม่คิดว่าจวินมั่วหรันจะโกรธขนาดนี้ นางลุกพรวดขึ้นมาและสบสายตาอันหื่นกระหายของเขา “เจ้าคิดว่าเป็นเพราะเจ้า ข้าถึงสามารถกลายเป็นหัวหน้าแม่ทัพทหารม้าได้กระนั้นหรือ ดังนั้นการมาคิดดอกเบี้ยกับข้าด้วยวิธีนี้จึงเป็นเรื่องที่สมควรแล้วกระนั้นหรือ”
“เฟิงอู๋โยว เจ้าไม่มีน้ำใจ”
จวินมั่วหรันพลิกตัวลงจากแคร่ สวมเสื้อคลุมและเดินนอกประตูไปโดยไม่หันกลับมามอง
เฟิงอู๋โยวลุกจากแคร่ทันที นางไม่อยากเสียเขาไปจริงๆ
แม้ว่านางจะโกรธ แต่นางก็อยากพูดกับเขาให้ชัดเจน
แต่มือของนางยังคงถูกมัดด้วยเข็มขัดผ้าไหมอยู่ เมื่อนางพยายามแก้มัดจนหลุดออก จวินมั่วหรันก็หายตัวไปแล้ว
“เวลาเจ้าหมอนี่โกรธ มันน่ากลัวจริงๆ! พูดจาทำร้ายจิตใจกันสิ้นดี ในเมื่อเขาอารมณ์ไม่ดี ข้าก็ควรจะยอมๆ ให้เขา” เฟิงอู๋โยวลูบข้อมือเบาๆ แต่ภายในใจว้าวุ่นเป็นที่สุด
[1]จุดไฟเผาตัว หมายถึงหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว
[2]พาหมาป่าเข้าบ้าน หมายถึงชักศึกเข้าบ้าน นำเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง
[3] อยากปฏิเสธแต่ต้อนรับ หมายถึงใจจริงไม่ปรารถนาแต่ต้องแกล้งทำเป็นพึงพอใจ