เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 301 เป็นบุญของข้า

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 301 เป็นบุญของข้า

จวินมั่วหรันยืนเอามือไพล่หลัง เขาก้มมองดวงตาสะสวยที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและริมฝีปากเรียวบางของเฟิงอู๋โยว

ทันใดนั้นดวงตาสีดำประกายทองของเขาพลันผุดแววรักใครเอ็นดูขึ้นมาราวกับว่าต้องการให้นางจมดิ่งลงไปในความรักที่ไร้ขอบเขต

เฟิงอู๋โยวจ้องใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ที่ติของจวินมั่วหรันอยู่เป็นเวลานาน แต่ก็ยังมองไม่ออกว่าเขาถูกสะกดจิตหรือไม่

นางกระแอมในลำคอและถามขึ้นเสียงแผ่ว “มั่วหรัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”

“เจ้าคือ…ว่าที่สนมเอกของข้า” จวินมั่วหรันตอบจากจริงใจ

เฟิงอู๋โยวย่นคิ้ว นางยังบอกไม่ได้ว่าเขาถูกสะกดจิตแล้วหรือไม่

ทันใดนั้นนางก็ฉุกคิดขึ้นมาได้แวบหนึ่ง จึงเอ่ยถามออกไป “มั่วหรัน เจ้าชอบสตรีอวบอึ๋มใช่หรือไม่”

จวินมั่วหรันรู้สึกจนปัญญา เขาอธิบายไปแล้วหลายครั้งว่าเขาชอบนางเท่านั้น

แต่นางกลับมาจะสะกดจิตเขาเพราะเรื่องเล็กน้อยพรรค์นี้

เพื่อขจัดความสงสัยของนางให้หมดสิ้น จวินมั่วหรันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสร้งทำเป็นว่าถูกสะกดจิต ดวงตาทั้งสองแลดูเหม่อลอย น้ำเสียงนิ่งเรียบ “ข้าผู้นี้ชอบเจ้าแค่เพียงผู้เดียว”

เฟิงอู๋โยวเม้มปาก จากนั้นมุมปากก็รั้งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

จวินมั่วหรันมองลักยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนแก้มของนาง หัวใจเกิดเต้นระรัวไม่หยุด

นางเป็นคนเอาใจง่ายจริงๆ

ไม่ต้องการคำสาบานแห่งรักชั่วนิรันดร์ ไม่ต้องการทั้งทรัพย์สินเงินทอง แค่บอกว่าชอบก็สามารถทำให้นางยิ้มได้แล้ว

“ก่อนหน้าข้า เจ้าเคยชอบใครมาก่อนหรือไม่”

“ไม่”

“แล้วไฉนเจ้าถึงไม่แตะต้องข้า”

“เพราะว่ารัก จึงต้องอดทนให้มากขึ้น ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์และชื่อเสียงจะสำคัญต่อสตรีเป็นอย่างมาก ข้าไม่อยากให้เจ้าถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คน”

เฟิงอู๋โยวมุ่ยปาก “ข้าไม่สนใจ”

จวินมั่วหรันก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวและกอดนางไว้ในอ้อมแขน เสียงนุ่มทุ้มพลันเอ่ย “ข้าเป็นห่วงเจ้า ข้าหวังว่าทุกคนทั่วใต้หล้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างอ่อนโยน”

“…” เฟิงอู๋โยวคิดในใจ หรือว่าการสะกดจิตจะเสื่อมฤทธิ์ลง หลังจากถูกสะกดจิตแล้ว ไฉนจวินมั่วหรันถึงไม่ทำตามคำสั่ง

“ต้องการถามอะไรอีก” จวินมั่วหรันก้มศีรษะกระซิบข้างหูของนาง

เฟิงอู๋โยวตั้งสติกลับมาและผลักเขาออกไปอย่างขวยเขิน

“เจ้าหลอกข้า เจ้าไม่ได้ถูกสะกดจิต!”

“เบาเสียงลงหน่อย อย่ารบกวนพลเรือนในศาลต้าหลี่”

จวินมั่วหรันมองใบหน้าอันแดงเรื่อของเฟิงอู๋โยวอย่างเอ็นดู เมื่อสัมผัสได้ว่านางกำลังลำบากในอยู่ในขณะนี้ เขาก็รีบหุบรอยยิ้มขี้เล่นลงและเปลี่ยนเรื่องอย่างแยบยล “เจ้าอย่าได้กังวลเรื่องของเฟิงอี้ไปเลย”

“เจ้ามีวิธีช่วยเขาจากอันตรายหรือไม่”

“ไม่ หลังจากนี้สามวันเราจะได้รู้กัน” จวินมั่วหรันพูดหว่านล้อม เขาไม่อยากให้เฟิงอู๋โยวพัวพันกับเรื่องที่เต็มไปด้วยการหลอกลวงต้มตุ๋นมากเกินไป

“เอาแต่รบกวนเจ้ามาตลอด จนข้าไม่รู้จะตอบแทนเยี่ยงไรแล้ว คิดไปคิดมาคงมีแต่ใช้ตัวเข้าแลกเท่านั้น” เฟิงอู๋โยวพูดอย่างจริงใจเช่นกัน

“เด็กโง่ หากต้องการเรือนร่างของข้าผู้นี้ก็ต้องอภิเษกสมรสเสียก่อน เจ้าผลัดไปหนึ่งวัน ข้าผู้นี้ก็อยู่ไม่สงบเพิ่มอีกหนึ่งวัน”

เฟิงอู๋โยวพูดอย่างฉะฉาน “ปากบุรุษย่อมหลอกลวงมากกว่าผีที่หลอกคน ใครจะไปรู้ว่าเจ้าจะหมดความสนใจในตัวข้าหรือหมดความสนใจในในสตรีเมื่อไหร่”

จวินมั่วหรันคิดในใจ หรือเขาอาจพยายามควบคุมตัวเองมากเกินไป จึงเป็นเป็นเหตุให้เฟิงอู๋โยวคิดว่านี่เป็นความไม่แยแส

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ยื่นมือออกไปและล้วงเข้าไปในคอเสื้อของนาง

“ไอ้คนบ้ากาม”

เฟิงอู๋โยวก้มหน้าลงมองอย่างอึ้งๆ สัญชาตญาณของนางต้องการผลักเขาออกไป แต่สักพักก็ตั้งสติได้

พยายามเอาชนะความกลัวเล็กน้อยภายในใจตัวเอง จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดอย่างกล้าหาญ “มั่วหรัน เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตัวสุภาพกับข้า ครั้งนี้เจ้าช่วยพี่ชายของข้า ดังนั้นข้าควรตอบแทนเจ้าด้วยร่างกาย”

จวินมั่วหรันเพิกเฉยต่อ ‘คำเชื้อเชิญ’ ในคำพูดของเฟิงอู๋โยว เขาพูดขึ้นอย่างจริงจัง “ถ้าแคว้นเป่ยหลีมีภัย แคว้นตงหลินก็มีภัยเช่นกัน อย่าคิดว่าทั้งห้าแคว้นต่างคนต่างอยู่และไม่เกี่ยวข้องกันเหมือนทรายที่โปรยปราย เบื้องหลังนั้นซับซ้อนซ่อนเงื่อนและมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ด้านหลังเฟิงอี้เต็มไปด้วยประเด็นขัดแย้งของทั้งห้าแคว้นที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด”

เฟิงอู๋โยวเข้าใจความหมายในคำพูดของจวินมั่วหรัน

ความหมายของเขาก็คือ ต่อให้ไม่ใช่เพราะนาง เขาก็ยังจะช่วยเฟิงอี้อยู่

“ตอนนี้เราควรทำเยี่ยงไร” เฟิงอู๋โยวหันมามองจวินมั่วหรันอย่างแน่นิ่ง

จวินมั่วหรันพยายามรวบรวมสมาธิให้จดจ่อกับเรื่องสำคัญข้างหน้า แต่ก็มักจะวอกแวก

เขาคิดว่าหากอดกลั้นอยู่แบบนี้ต่อไป ร่างกายของเขาจะต้องรับไม่ไหวแน่นอน

หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ เขาก็ดึงมือออกอย่างไม่เต็มใจและตอบอย่างเคร่งขรึม “มีมือสีดำอยู่เบื้องหลังมากมาย ดึงผมเส้นเดียวสามารถสะท้านไปทั่วร่าง[1] ดังนั้นทำได้เพียง มาแบบไหนแก้ไปแบบนั้น ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์”

จวินมั่วหรันเห็นว่าชุดของนางไม่เป็นระเบียบจึงจัดระเบียบให้นางอย่างใส่ใจ

“ข้าจะส่งเจ้ากลับเรือนแพทย์เอง” จวินมั่วหรันพยายามระงับความพลุ่งพล่านในร่างกายลงและพูดอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้

เฟิงอู๋โยวไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของจวินมั่วหรัน เมื่อเห็นจวินมั่วหรันดึงมือกลับไป นางก็พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างน้อยใจ “จวินมั่วหรัน เจ้ารู้หรือไม่ว่านับวันเจ้ายิ่งเย็นชากับข้าขึ้นเรื่อยๆ”

“…” จวินมั่วหรันคิดในใจ เขาเกือบจะระงับความใคร่อยากในใจลงไม่ได้และจับนางกินไม่ให้เหลือ แบบนี้เรียกว่าเย็นชากระนั้นหรือ

เวลานี้คือยามดึก

เฟิงอู๋โยวหาวอย่างงัวเงีย จากนั้นก็เขย่งปลายเท้าจับใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ที่ติของเขามาจูบ “จุบๆ” หลายครั้ง

แม้ว่านี่ไม่ใช่จูบครั้งแรก

แต่เฟิงอู๋โยวก็ยังรู้สึกใจสั่นอยู่

นางจูบระรัวหลายครั้ง จากนั้นก็กำหัวใจไว้แน่นและวิ่งมุ่งหน้าไปทางเรือนแพทย์ทันที “รีบๆ กลับไปเถิด เรือนแพทย์อยู่แค่สุดปลายถนน ข้าเดินสองก้าวก็ถึงแล้ว”

จวินมั่วหรันพยายามปั้นสีหน้าเคร่งขรึมเพื่อวางมาดจริงจัง “อืม”

แต่ทันทีที่หันกลับไป เขาก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขทันที

เขายกมือข้างหนึ่งแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ ราวกับกำลังหวนนึกถึงลมหายใจอันหอมหวานของเฟิงอู๋โยว

ดวงตาสีดำประกายทองของเขาจ้องไปที่ฝ่ามือของตัวเอง ในดวงตาพลันผุดแววอ่อนโยนขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ

ในมุมมืด เถี่ยโส่วจ้องมองจวินมั่วหรันที่กำลังยิ้มอย่างลืมตัวอยู่ เลือดกำเดาไหลลงมาจากรูจมูกทั้งสองข้าง “ท่านใต้เท้าดูดีเหลือเกิน”

จุยเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย “เป็นบุญของแม่ทัพเฟิงน้อยเหลือเกิน”

เมื่อจวินมั่วหรันได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มร่าออกมา “เป็นบุญของข้าต่างหาก”

[1]ดึงผมเส้นเดียวสะท้านไปทั่วร่าง หมายถึงการแตะต้องเพียงส่วนเล็กๆ จะส่งผลต่อองค์รวมทั้งหมด

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท