ตอนที่ 318 ข้าสมควรถูกตบ / ตอนที่ 319 พิชิตใจ
ตอนที่ 318 ข้าสมควรถูกตบ
“มิเช่นนั้นล่ะ”
เฟิงอู๋โยวขอบตาแดงเรื่อ ความน้อยใจอัดอั้นอยู่เต็มอก ไร้ที่ระบาย
นางแค่นอนหลับไป พอตื่นมาก็มีบุรุษเจ็ดคนปรากฏขึ้นรอบกาย
ยังไม่ทันได้สติกลับคืนมา จวินมั่วหรันก็จับโอสถคุมกำเนิดกรอกปากอย่างไร้ความปรานี ทำเอาชีวิตสั้นๆ ของนางแทบจบลง
ไม่ว่าเมื่อคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น คนที่ควรหวาดระแวงที่สุดควรจะเป็นนาง
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ทั้งที่นางเป็นผู้ถูกทำร้าย แต่กลับตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน ซ้ำยังไม่มีโอกาสโต้เถียงกลับเพื่อปกป้องตัวเอง
นางรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาจวินมั่วหรัน แต่เขากลับไม่สบตา
“ข้าไม่รู้ว่าโอสถคุมกำเนิดจะทำร้ายเจ้าถึงขนาดนี้”
จวินมั่วหรันนึกเสียใจภายหลังเป็นที่สุด ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าโอสถคุมกำเนิดไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด เขาจึงเพิ่มส่วนผสมลงไป เป็นเหตุให้เฟิงอู๋โยวเลือดไหลไม่หยุด
เฟิงอู๋โยวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก นางไม่อยากจะพูดเรื่องโอสถคุมกำเนิดอีกต่อไป
ขืนพูดเรื่องนี้ต่อไป นางกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหวและร้องไห้เป็นสายนที
หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพักหนึ่ง นางเอ่ยขึ้นเสียงเอื่อยเฉื่อย “หยุดพูดเรื่องโอสถคุมกำเนิดชั่วคราว เจ้าจงฟังเรื่องเมื่อคืนให้ชัดเจน ข้าจะอธิบายแค่รอบเดียว”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบาย ข้ารู้เรื่องทั้งหมด”
“เจ้ารู้เรื่องบ้าอะไร! เจ้าแค่สนใจว่าข้ายังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่ แต่กลับไม่รู้ว่าข้าตกใจกลัวมากแค่ไหนหลังจากตื่นขึ้นมาตอนเช้า แล้วต้องพบกับบุรุษเจ็ดคนที่โผล่มาอยู่ในห้อง”
“เป็นความผิดของข้า”
เมื่อเห็นเขาเอาแต่ยอมรับผิด เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “แน่นอนว่ามันเป็นความผิดของเจ้า หรือว่าเป็นความผิดของข้าด้วยเช่นกัน”
จวินมั่วหรันตระหนักว่าไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็มีแต่จะทำให้นางโกรธ ดังนั้นจึงเม้มริมฝีปากแน่น และใช้ผ้าสะอาดห้ามเลือดให้นาง
“อย่าแตะต้องตัวข้า! ออกไปเสีย”
เฟิงอู๋โยว ตวาดอย่างดุร้ายเหมือนแมวตัวเมียพองขน
จวินมั่วหรันพยายามพูดเกลี้ยกล่อม “เจ้ามองข้าว่าเป็นชิงหลวนก็ได้ ในวังหลวงมีคนมากหน้าหลายตา มีข้าคนเดียวเท่านี้ที่ทำเรื่องนี้ได้”
แม้เฟิงอู๋โยวจะไม่เต็มใจ แต่มีเพียงปากของนางที่ยังพอขยับได้ เพราะตอนนี้นางยังขยับร่างกายได้ไม่มากนัก
ขยับทีก็ปวดสะท้านไปทั่งตัว
“จวินมั่วหรัน ข้าจะอธิบายเพียงครั้งเดียว เชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า”
เฟิงอู๋โยวยังรู้สึกโกรธอยู่ในใจ แต่กระนั้นก็ยังอธิบายอย่างอดทน “เมื่อครู่ตอนอยู่บนราชรถ ข้าหน้ามืดตามัวเห็นเจ้าเป็นไป๋หลี่เหอเจ๋อ จึงเป็นเหตุให้ข้าลงมือตบเจ้า”
“ไม่เป็นไร ข้าสมควรถูกตบ”
“หลังจากที่เจ้าลงจากราชรถไป ข้าเห็นว่าเถี่ยโส่วมีพฤติกรรมแปลกๆ ดังนั้นจึงสะกดจิตเขาจนสารภาพว่าเขาเป็นคนปล่อยไป๋หลี่เหอเจ๋อเข้าไปในเรือนแพทย์เมื่อคืนนี้ หลังจากนั้น ข้าก็จำอะไรไม่ได้มากนัก แต่มั่นใจว่าตัวข้าไม่ได้มีอะไรกับนายบำเรอทั้งหก และพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นบุรุษหรือสตรี”
ยิ่งเห็นนางมีเลือดไม่หยุดจวินมั่วหรันก็รู้ยิ่งสึกผิด
คนที่ทำร้ายนางมากที่สุดไม่ใช่ทั้งไป๋หลี่เหอเจ๋อหรือเป่ยหลีหลงถิง แต่เป็นคนที่อ้างว่ารักนางมากที่สุดอย่างตัวเขา
อันที่จริง ตั้งแต่ที่โหรวโหรววิ่งไล่ตามราชรถและพูดว่า “ท่านชายสุดยอดมาก ท่านชายอึดทนนานมาก”จวินมั่วหรันก็พอจะเดาได้แล้วว่านายบำเรอทั้งหกไม่เคยเข้าใกล้เฟิงอู๋โยวเลย
หลังจากที่ลงจากราชรถมา เขาก็รีบสั่งให้ทหารองครักษ์เงาตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างละเอียด
ทหารองครักษ์เงาปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพมาก เพียงแค่เวลาครึ่งถ้วยชาก็ตรวจพบความผิดปกติของเถี่ยโส่ว
ตอนที่อยู่ในตำหนักพระที่นั่งสูงสุด เขาควรจะฟังคำพูดของเฟิงอู๋โยวที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาก่อนด้วยความอดทน
แต่กลับทำเมินเฉยใส่นาง ด้วยเหตุผลที่ว่านางพลั้งมือตบผิดคน
จวินมั่วหรันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่สุดๆ!
ทั้งที่เฟิงอู๋โยวถูกเขาบังคับให้กินโอสถคุมกำเนิด แต่ก็ยังเต็มใจเป็นฝ่ายเข้าไปอธิบายให้เขาฟังอย่างชัดเจนก่อน ทว่าเขากลับทำท่าทีเย็นชาและเฉยเมยให้นาง!
ตอนที่ 319 พิชิตใจ
จวินมั่วหรันปวดใจเกินกว่าจะวัดได้
เขาไม่รู้ว่าเฟิงอู๋โยวต้องทนทุกข์ทรมานมามากเพียงใดก่อนที่จะสามารถอธิบายความคับข้องใจที่ประสบได้อย่างใจเย็นเช่นนี้
หลังจากสงบลง รายละเอียดที่เขาละเลยก่อนหน้านี้ก็เริ่มปรากฏขึ้นในสมองของเขา
หลังจากเฟิงอู๋โยวตื่นขึ้นมา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่เขากลับถูกความอิจฉาริษยาบังตาทั้งสอข้างจนมืดบอด
การนางจมน้ำตายในอ่างอาบน้ำ คงเป็นเพราะจิตใจไร้ที่พึ่งพิง แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นความกลัวและความกังวลในใจของนางได้อย่างทันเวลา
ครั้นนางรวบรวมความกล้าเป็นฝ่ายเดินเข้าหาเขา แต่เขาวางท่าหยิ่งผยองเมินใส่นาง
…
“ข้าผู้นี้คิดเองตามอำเภอใจว่าทั่วใต้หล้านี้ไม่มีใครรักเจ้าไปมากไปกว่าข้า แต่สุดท้ายสิ่งที่ข้ามอบให้เจ้าล้วนมีแต่ความเจ็บปวด”
“สารเลว เพิ่งมารู้ตัวตอนนี้ มันสายเกินไปแล้ว”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกจุกในลำคอ น้ำตารื้นขึ้นมา พลันหลับตาลงอย่างรวดเร็วเพราะไม่ต้องการปล่อยให้อารมณ์แสดงออกมาจากดวงตา
ริมฝีปากของนางสั่นเล็กน้อย เสียงแผ่วเบาเป็นที่สุด “ตอนที่เจ้าเดินเอาโอสถคุมกำเนิดมาให้ข้า ข้าหวาดกลัวมาก”
“ข้าคิดเพียงแค่ว่าพิษที่ตกค้างในร่างกายของเจ้ายังไม่สลายหายไป และการตั้งครรภ์สามารถคร่าชีวิตเจ้าได้ ดังนั้นข้าจึงเพิ่มส่วนผสมของโอสถเข้าไปเอง”
“เก่งขนาดนี้ ไฉนไม่ไปจุติบนสวรรค์ เพิ่มส่วนผสมโอสถตามอำเภอใจ ขนาดป้อนข้าวหมู เขายังไม่ทำโหดร้ายขนาดนี้เลย”
เมื่อรู้ว่าจวินมั่วหรันไม่ได้จับโอสถกรอกปากนางด้วยความขยะแขยงที่นางร่วมหลับนอนข้ามคืนกับชายอื่น แม้ปากไม่พูดอะไร แต่เฟิงอู๋โยวก็สบายใจขึ้นมาก
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังระรัวมากจากด้านนอกตำหนักด้านข้าง
“ท่านใต้เท้า แพทย์วิเศษกู่มาแล้วขอรับ”
จุยเฟิงรีบตะบึงมา เขาเหนื่อยจนเหงื่อแตกพลั่กเต็มศีรษะ
“เข้ามา”
จวินมั่วหรันตอบด้วยเสียงทุ้ม เขารีบเปลี่ยนผ้าเปื้อนเลือดให้นาง จากนั้นจึงค่อยๆ ห่มผ้าให้นางอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้นไม่นาน กู่หนานเฟิงที่สะพ่ายกล่องโอสถบนไหล่ก็รีบพุ่งเข้ามา
เมื่อเห็นมือของจวินมั่วหรันเต็มไปด้วยเลือด เขาก็ปั้นสีหน้านิ่งขรึมเอาไว้ไม่อยู่ และเผลอหัวเราะออกมายกใหญ่
ทุกคนรู้ดีว่าจวินมั่วหรันกับไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นคนเอาใจยากพอๆ
ไป๋หลี่เหอเจ๋อมีนิสัยรักความสะอาด จวินมั่วหรันก็มีนิสัยเช่นนี้เช่นกัน
กู่หนานเฟิงไม่เคยคาดคิดว่าจวินมั่วหรันผู้หยิ่งยโสบ้าพลังจะมีสภาพเฉกเช่นวันนี้!
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สักวันจวินมั่วหรันจะต้องถูกเฟิงอู๋โยวกินจนตายอย่างแน่นอน บางทีในชีวิตของเขา อาจจะได้เห็นจวินมั่วหรันซักชุดชั้นในให้นางก็เป็นได้…
จวินมั่วหรันขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนกับชับกู่หนานเฟิงด้วยน้ำเสียงเย็นเรียบ “ยังไม่รีบไปจับชีพจรของนางอีก!”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกจนปัญญา ว่ากันว่าคนเป็นหมอย่อมมีจิตใจเมตตา แต่กู่หนานเฟิงไม่เห็นหรือว่านางใกล้จะตายเพราะความเจ็บปวดอยู่เต็มทน
ไม่นึกว่าเขาจะเงยหน้าหัวเราะดังลั่นจนกิ่งดอกไม้สั่นไหวไปหมด!
กู่หนานเฟิงกลั้นหัวเราะลงอย่างลำบากใจ ถกแขนเสื้อขึ้นและรีบเข้าไปจับชีพจรของเฟิงอู๋โยวอย่างระมัดระวัง
“น่าแปลก! ปริมาณโอสถของข้าไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน แต่…”
ก่อนกู่หนานเฟิงจะพูดจบ จวินมั่วหรันก็พูดแทรกขึ้นมา “ข้ากังวลว่าปริมาณโอสถของเจ้าน้อยเกินไป จึงเพิ่มส่วนผสมโอสถลงไปอีกหลายเท่า”
“…”
มุมปากของกู่หนานเฟิงเกร็งกระตุกอย่างแรง เขาคิดในใจว่าต้องขอบคุณเฟิงอู๋โยวที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้พื้นฐานร่างกายของนางแข็งแรง
ถ้าสตรีทั่วไปถูกกลั่นแกล่งขนาดนี้ คงจบชีวิตไปตั้งนานแล้ว
“กู่หนานเฟิง อาการร้ายแรงหรือไม่”
“ผ่านพ้นช่วงวิกฤติไปแล้ว แค่รักษาฟื้นฟูร่างกายสักระยะเป็นพอ”
กู่หนานเฟิงยกถ้วยโอสถแก้ปวดขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากของเฟิงอู๋โยว จากนั้นก็กระแอมเบาๆ เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายบนใบหน้า “เอ่อ… คือว่าดูเหมือนความต้องการของร่างกายเจ้ายังไม่ถูกสนอง สันนิษฐานว่าเมื่อคืนนี้น่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับไป๋หลี่เหอเจ๋อ”
“หุบปาก!”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกอายจนโมโห ความต้องการของร่างกายนางยังไม่ถูกสนองอะไรกัน
นางก็แค่ถูกรูปโฉมอันสวยงามของจวินมั่วหรันกระตุ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้น มันไม่มีทางเกินจริงอย่างที่กู่หนานเฟิงพูดแน่นอน!
จวินมั่วหรันกำลังครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเอง เมื่อได้ยินสิ่งที่กู่หนานเฟิงพูด เขาก็วางแผนที่จะมอบเรือนร่างของตัวเองให้กับเฟิงอู๋โยวหลังจากที่นางสุขภาพดีขึ้น
เป็นความผิดของเขาจริงๆ ที่สนองความต้องการของสตรีของตัวเองไม่ได้
เฟิงอู๋โยวอ่านความคิดของจวินมั่วหรันอย่างทะลุปรุโปร่ง จึงยิ้มร่าพูดขึ้น “ชีวิตนี้ เจ้าอย่าริอาจคิดเรื่องนี้อีก! เว้นแต่เจ้าจะคุกเข่าร้องเพลง ‘พิชิตใจ[1]’ ต่อหน้าข้า”
“ข้าผู้นี้ไม่คุกเข่าให้ใคร”
จวินมั่วหรันไม่เคยคุกเข่าให้ใครมาก่อน
ดังนั้น เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเฟิงอู๋โยว เขาจึงรีบปฏิเสธกลับไปทันที
แต่เมื่อเห็นนางที่นอนแผ่อยู่บนเตียงในสภาพสีหน้าซีดเซียวและขยับไม่ได้ หัวใจของจวินมั่วหรันก็อ่อนยวบยาบลงทันที
เขาไล่กู่หนานเฟิงออกจากตำหนักด้านข้างและปิดประตูด้วยมือของเขาเอง
ขณะหันกลับมา จวินมั่วหรัน ‘บังเอิญสะดุด’ และเหยียบขวดโอสถที่ตกอยู่บนพื้น
เพล้ง!
ขวดโอสถแตกเสียงดัง กลายเป็นเศษกระเบื้องชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที
ในเวลานี้ อยู่ๆ จวินมั่วหรันก็เสียศูนย์อย่างไม่รู้สาเหตุ เข่าทั้งสองข้างของเขาพลันทรุดลงไปบนพื้นทันที
เฟิงอู๋โยวมองเขาที่อยู่ในสภาพคุกเข่าลงบนเศษแก้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกใจอ่อนลง
นางบ่นพึมพำ “พอแล้ว จะโทษเจ้าเรื่องนี้ก็ไม่ได้ หากเป็นข้าเห็นเจ้าหลับนอนกับสตรีคนอื่น ในใจข้าจะต้องรู้สึกขยะแขยงเช่นกัน”
“บทเพลง ‘พิชิตใจ’ ร้องเยี่ยงไร”
จวินมั่วหรันไม่ยอมลุกขึ้น เขาถามเฟิงอู๋โยวด้วยน้ำเสียงจริงใจและซื่อสัตย์
[1]พิชิตใจ คือชื่อเพลงดังของนักร้องจีนเสียงคุณภาพนามว่า น่าอิง