ตอนที่ 321 ขอความช่วยเหลือ / ตอนที่ 321 ขอความช่วยเหลือ
ตอนที่ 320 เจ้ากับข้าห่างกันแค่สี่ปี
“จวินมั่วหรัน เจ้ารีบลุกขึ้นได้แล้ว เจ้าอายุมากขนาดนี้ยังคุกเข่าให้ข้าอีก เจ้าอยากให้อายุขัยของข้าสั้นลงหรือกระไร”
“ระหว่างเจ้ากับข้า อายุห่างกันเพียงสี่ปีเท่านั้น!”
อายุเป็นหนึ่งในจุดอ่อนที่จวินมั่วหรันไม่ต้องการพูดถึง
เพราะไป๋หลี่เหอเจ๋อ ฟู่เย่เฉินและคนอื่นๆ ต่างก็อายุน้อยกว่าเขา
นอกจากนี้ เฟิงอู๋โยวยังชอบเด็กผู้ชายอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเช่นจี้มั่วอิ้นเหริน
ด้วยเหตุนี้ จวินมั่วหรันผู้ที่ไม่เคยสนใจเรื่องอายุมาก่อนจึงเริ่มใส่ใจรายละเอียดเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นเข่าของจวินมั่วหรันเต็มไปด้วยรอยเลือด เฟิงอู๋โยวก็ทั้งโกรธและปวดใจ
นางพูดอย่างขุ่นเคือง “จวินมั่วหรัน เจ้าทำแบบนี้มันกลยุทธิ์ทุกข์กายชัดๆ”
จวินมั่วหรันพูดกลับ “ข้าทำผิดมากเหลือเกิน สมควรถูกลงโทษ”
เฟิงอู๋โยวไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น อีกอย่าง เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของจวินมั่วหรันตั้งแต่แรก
เมื่อเห็นจวินมั่วหรันทำร้ายตัวเองต่อหน้าต่อตาแบบนี้ นางจึงทนดูไม่ได้
ขณะกำลังจะประคองเขาขึ้นเตียง อยู่ๆ ประตูตำหนักด้านข้างก็ถูกใครบางคนถีบจนเปิดออก
เนื่องจากอาการแพ้ท้อง ทำให้จวินฝูไม่ค่อยเบิกบาน อีกทั้งยังมีอารมณ์แปลกขึ้นเรื่อยๆ
นางถีบเปิดประตูตำหนักด้านข้าง บีบหูของหรงชุ่ยด้วยมือข้างหนึ่งและพูดสบถ “นางโง่! เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำไม่ได้ เก็บเจ้าไว้จะมีประโยชน์อะไร”
“ขอท่านหญิงโปรดยกโทษให้หม่อมฉันด้วยเจ้าค่ะ! หม่อมฉันไปที่ห้องเครื่องเสวยและถามไปทั่ว ทุกคนล้วนบอกว่าไม่ได้บ่มบ๊วยเปรี้ยวมาหลายปีแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงของหรงชุ่ยสั่นเครือ นางตอบอย่างตะกุกตะกัก
คิดไปคิดมาก็ใช่ ผู้ที่ชื่นชอบรับประทานบ๊วยเปรี้ยว ส่วนใหญ่ก็มีแต่สตรีมีครรภ์เท่านั้น
หลังจากที่จี้มั่วอิ้นเหรินขึ้นครองบัลลังก์ ก็ไม่มีนางสนมแม้แต่คนเดียว
เมื่อเวลาผ่านไป ห้องเครื่องเสวยก็ขาดแคลนอาหารประเภทบ๊วยเปรี้ยวไปโดยปริยาย
เพี้ยะ!
จวินฝูตบหรงชุ่ยอย่างแรง จากนั้นยืดเอวและประคองท้องของตังเองเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องตำหนักด้านข้าง
คนที่สายตาเฉียบคมอย่างนาง แค่เงยหน้าขึ้นมาแวบแรกก็เห็นจวินมั่วหรันคุกเข่าอยู่หน้าเตียงอย่างไม่ขยับเขยื้อน
“ท่านพี่?”
จวินฝูรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ดวงตาอันสวยงามของนางเบิกกว้างและรีบก้าวฉับๆ เข้าไปหาจวินมั่วหรันทันที
ใบหน้าของจวินมั่วหรันดำมืดราวกับน้ำหมึก เขาจ้องจวินฝูที่ร้องตกใจด้วยสายตาเยือกเย็น “ไสหัวไป”
“ท่านพี่ ใต้เข่าบุรุษมีทองคำ[1]! ไฉนท่านพี่ถึงยอมลดตัวเองเพื่อบุรุษเพียงคนเดียว ทุกคนในแคว้นตงหลินต่างรู้ดีว่าเฟิงอู๋โยวมีนิสัยเสเพลและเจ้าชู้ไปเรื่อย…”
“หุบปาก”
จวินมั่วหรันลุกขึ้นพรวดและเอ่ยเสีวยงเย็น “จงขอโทษเฟิงอู๋โยวเดี๋ยวนี้”
“ท่านพี่ ไฉนถึงลำเอียงเช่นนี้”
จวินฝูยกนิ้วชี้ปลายจมูกเฟิงอู๋โยวพร้อมกับพูดอย่างแค้นเคือง “เฟิงอู๋โยวมีดีตรงไหนกันแน่ มันคุ้มค่าที่ท่านพี่จะปกป้องขนาดนั้นเชียวหรือ ท่านพี่รู้หรือไม่ว่าเมื่อวานเขาหลับนอนกับบุรุษถึงเจ็ดคน”
ทันทีที่น้ำเสียงของจวินฝูสิ้นสุดลง แววตาของเฟิงอู๋โยวก็เฉียบคมขึ้นทันที
เรื่องมีคืนนี้มีคนรู้ไม่มาก
ไฉนจวินฝูถึงรู้ข่าวอย่างรวดเร็วฉับไวขนาดนี้
เฟิงอู๋โยวพลิกตัวลงจากเตียงและคว้าจวินฝูมาเอาในอ้อมแขน จากนั้นก็เค้นถามเสียงดุ “บอกมา เรื่องเมื่อวานเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่”
ดวงตาของจวินฝูผุดแววเกลียดชัง นางพูดอย่างเน้นย้ำ “เรื่องชั่วที่เคยทำไว้ ย่อมปรากฏขึ้นในสักวัน”
“จวินฝู เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองตั้งครรภ์เลือดเนื้อของหยุนเฟยไป๋แล้วข้าจะไม่กล้าแตะต้องเจ้า”
เพียงเสี้ยวพริบตา เข็มเงินยาวหนึ่งนิ้วที่อยู่ระหว่างนิ้วมือของเฟิงอู๋โยวก็ยกขึ้นจ่อที่คอของจวินฝูแล้ว “ไม่พูดความจริงก็ไม่เป็นไร เพียงข้าดันเข็มเงินในมือ ต่อให้เป็นเทพเซียนโพธิสัตว์ก็ไม่อาจช่วยชีวิตสั้นๆ ของเจ้าได้”
เมื่อเห็นท่าทางคลุ้มคลั่งของเฟิงอู๋โยว จวินฝูก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา จึงรีบร้องขอความช่วยเหลือ “ท่านพี่ ช่วยฝูเอ๋อร์ด้วยเจ้าค่ะ!”
เฟิงอู๋โยวจ้องมองจวินมั่วหรันแน่นิ่ง ก่อนพูดขึ้นอย่างไม่เปิดช่วงว่างให้ต่อรอง “ห้ามยื่นมาเข้ามาแทรก”
“เรื่องฆ่าคนพรรค์นี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าจะดีกว่า”
จวินมั่วหรันขมวดคิ้ว เพราะกังวลว่าอาการปวดท้องของเฟิงอู๋โยวจะกำเริบขึ้นอีกครั้ง
เขาไม่สนใจความเป็นความตายของจวินฝูแม้แต่น้อย
ตลอดหลายปีมานี้ จวินฝูทำเขาหมดความอดทนไปตั้งนานแล้ว
ภายในใจของจวินมั่วหรัน ไม่มีที่ให้จวินฝูอีกต่อไป
ตอนที่ 321 ขอความช่วยเหลือ
จวินฝูไม่คิดว่าจวินมั่วหรันจะพูดจาทำร้ายจิตใจเช่นนี้ นางรู้สึกสะเทือนใจจนร้องไห้ออกเสียงดังอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“เจ้าคิดว่าการร้องไห้สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้หรือ จวินฝู วันนี้เจ้าควรอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อย่างตรงไปตรงมา มิเช่นนั้น ข้าจะเชือดคอเจ้า หนึ่งศพสองชีวิต”
“เรื่องเมื่อคืนนี้ เจ้าไปถามไป๋หลี่เหอเจ๋อเองก็ได้ ตัวเจ้าทำตัวสำส่อนเอง เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับข้า” จวินฝูหน้าซีดลงด้วยความตกใจ แต่ปากของนางยังคงไม่ยอม
เฟิงอู๋โยวครุ่นคิดไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นคนหยิ่งยโส เขาไม่มีทางที่ร่วมมือกับคนโง่เขลาอย่างจวินฝูเพื่อจัดการกับตัวนาง
นางแค่อยากรู้ว่าจวินฝูรู้เรื่องนี้ได้เยี่ยงไร
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเฟิงอู๋โยวก็มัดมือของจวินฝูไว้ด้านหลังและกดตัวนางโน้มลงบนเตียง “พูดมา เจ้าได้ข่าวมาจากไหน”
เมื่อเห็นว่าจวินมั่วหรันไม่คิดยื่นมือเข้ามาช่วยจวินฝูก็เกิดกลัวเฟิงอู๋โยวจะทำร้ายชีวิตของนางจริงๆ ดังนั้นนางต้องพูดความจริงออกมาเท่านั้น “จากปากองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉิน”
“องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉิน?”
เฟิงอู๋โยวไม่คิดว่าจวินฝูผู้ที่มีความรักต่อจวินมั่วหรันอย่างลึกซึ้งจะหันไปสู่อ้อมกอดของหยุนเฟยไป๋อย่างรวดเร็วเช่นนี้
จวินฝูพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เป็นเรื่องจริง องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินเป็นคนบอกข้ากับปากเขาเองว่าเมื่อวานเข้าเชื้อเชิญบุรุษทั้งเจ็ดคนมาสนุก”
“ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินจะกลายเป็นแขกประจำของเรือนฟางฮว๋าไปแล้ว”
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวขยับไหวเล็กน้อย นางพูดขึ้นอย่างไม่สนใจ
แววเคียดแค้นพลันสะท้อนออกมาจากดวงตาของจวินฝูทันที
ในมุมมองของจวินฝูเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดของนางเป็นเหตุมาจากเฟิงอู๋โยว
ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงอู๋โยว นางคงไม่มีทางออกตำหนักไปด้วยความโกรธ และไม่ต้องพบกับปีศาจอย่างหยุนเฟยไป๋
เมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ได้มาจากหยุนเฟยไป๋ในช่วงนี้ จวินฝูก็รู้สึกหดหู่จนน้ำตาเม็ดเท่าถั่วเหลืองเอ่อออกมาจากดวงตา
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็พอจะคาดเดาสถานการณ์ของจวินฝูได้
นางคิดในใจ…คนชั่วย่อมถูกคนที่ชั่วกว่าทรมาน
ความทุกข์ทรมานของจวินฝูก่อนหน้านี้ล้วนเกิดจากการหาเหาใส่ตัวเอง
“เจ้าจงไปเถิด จากนี้ไปอย่าได้มาดิ้นพล่านต่อหน้าข้าจะเป็นการดีที่สุด”
เฟิงอู๋โยวปล่อยมือออก นางชำเลืองมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาและสภาพรุงรังของจวินฝู
จวินฝูโกรธจัดแต่ไม่กล้าพูด นางกลัวว่าจวินมั่วหรันจะไม่บันดาลโทสะแทนนาง ดังนั้นจึงทำได้แค่ให้หรงชุ่ยช่วยประคองพาจากไป
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะออกไป อยู่ๆ หรงชุ่ยหันกลับมามองเฟิงอู๋โยวด้วยดวงตาน้ำตาคลอเบ้า
เฟิงอู๋โยวขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองหรงชุ่นที่เหมือนอยากจะพูด ด้วยสายตาไม่เข้าใจ
ตามหลักแล้ว นางไม่เคยรู้จักหรงชุ่ยเป็นการส่วนตัว ต่อให้หรงชุ่ยจะถูกจวินฝูทุบตีจนทำให้หวาดกลัว ก็ไม่ควรขอความช่วยเหลือจากนาง
แต่ไหนแต่ไรมา เฟิงอู๋โยวไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น
ดังนั้นนางจึงไม่ใส่ใจกับพฤติกรรมแปลกๆ ของหรงชุ่ย
จนกระทั่งหรงชุ่ยอาศัยจังหวะที่จวินฝูไม่ทันสังเกต จงใจโยนผ้าเช็ดหน้าเข้ามาในห้อง เฟิงอู๋โยวจึงเริ่มสนใจขึ้นมา
นางก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและหยิบผ้าเช็ดหน้าที่หรงชุ่ยทำหล่นไว้
ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไม่มีคำใดเขียนไว้ มีเพียงไหมสีดำที่เป็นรูปอ่างสุราหงายอยู่ที่พื้น
ข้างๆ อ่างสุราแต่งแต้มด้วยดอกเหมยแดงสามดอก
“หรงชุ่ยเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ไม่นึกว่าจะเล่นปริศนาคำใบ้เป็น”
เฟิงอู๋โยวหยิบผ้าเช็ดหน้าผ้าขึ้นมาด้านหน้าจมูก เมื่อสูดดมเบาๆ ก็รู้ว่าจุดดอกเหมยแดงสามจุดบนผ้าเช็ดหน้าเจือกลิ่นกลิ่นแป้งอัดที่ยังไม่แห้งอยู่
จวินมั่วหรันก้าวเข้ามาข้างหน้า มือข้างหนึ่งพลันคว้าเฟิงอู๋โยวเข้าไปไว้ในอ้อมแขน ก่อนถามขึ้นเสียงแผ่ว “ยังเจ็บอยู่หรือไม่”
“โอสถแก้ปวดของกู่หนานเฟิงได้ผลจริงๆ ข้าไม่เจ็บแล้ว”
เฟิงอู๋โยวชี้ไปที่ภาพแปลกๆ บนผ้าเช็ดหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึม “อย่างที่คาดไว้จวินฝูจะต้องลงไม้ลงมือกับหรงชุ่ยแน่นอน คำว่า ‘สุรา’ พ้องเสียงกับคำว่า ‘ช่วยเหลือ’[2] ส่วนดอกเหมยสีแดงสื่อถึงเลือด หรงชุ่ยกำลังขอความช่วยเหลืออยู่”
[1]ใต้เข่าบุรุษมีทองคำ หมายถึงคำสอนให้รู้จักค่าของตน ทำตัวให้มีศักดิ์ศรี โดยเฉพาะลูกผู้ชายจะไม่คุกเข่าพร่ำเพรื่อ
[2]คำว่าสุราในภาษาจีนออกเสียงว่า ‘จิ่ว’ ออกเสียงคล้ายกับคำว่า ‘จิ้ว’ ที่หมายความว่าช่วยเหลือ