เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 329 ขุนนางจิ้นขายโง่

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 329 ขุนนางจิ้นขายโง่

ในเวลานี้ เฟิงอู๋โยวได้หน้าได้ตาอย่างล้นหลาม

เมื่อต้องเผชิญกับคำชมมากมาย มุมปากของเฟิงอู๋โยวก็โค้งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

นางกางแขนออกและหลับตาดื่มด่ำ ราวกับกำลังถูกอาบชโลมด้วยสายฝนกลางแสดงแดด นางถูกชื่นชมจนตัวลอยและหลงลืมทุกสรรพสิ่ง

ประมาณหนึ่งเดือนก่อน หากจวินมั่วหรันได้เห็นอันท่าดื่มด่ำของเฟิงอู๋โยว เขาคงอยากรีบกำจัดนางให้สิ้นซาก ดีไม่ดีเขาอาจจะจับนางและทุบตีนางอย่างไร้ความปราณี

แต่ตอนนี้ดวงตาสีดำประกายทองของจวินมั่วหรันกลับเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู

สำหรับเขา ทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้มของเฟิงอู๋โยวเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้าง

ไม่นาน เมื่ออารมณ์ของทุกคนค่อยๆ สงบลง จวินมั่วหรันก็เงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน สายตาอันโหดเหี้ยมพลันจับจ้องไปที่ชูชูที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นแสดงความเจ็บปวด

ริมฝีปากเรียวบางของเขาเอ่ย น้ำเสียงชั่วร้ายทรงเสน่ห์ชวนหวั่นเมื่อได้ยิน “จงใจใส่ร้ายแม่ทัพทหารม้าแห่งแคว้นตงหลิน มีโทษถึงประหาร”

ชูชูน้ำตาคลอเบ้า พลางส่งเสียงสะอื้นไห้ “ท่านใต้เท้าโปรดเมตตา ทาสผู้ต้อยต่ำหาได้จงใจขยับตัว! เพียงแต่เข่าของทาสผู้ต้อยต่ำถูกเข็มเงินแทง ด้วยความตกใจ จึงไม่ทันระวังทำให้ข้อเท้าพลิก ทำให้สูญเสียการควบคุมจนล้มลงพื้นเจ้าค่ะ”

“เข็มเงิน? ข้าจำได้ว่าเฟิงอู๋โยวเชี่ยวชาญอาวุธลับเช่นเข็มเงิน” ขุนนางจิ้นตบโต๊ะพูดขึ้นอย่างปากไม่มีหูรูด

เฟิงอู๋โยวคลี่ยิ้มไม่พูดอะไร นางรู้สึกว่าขุนนางจิ้นโง่เหมือนหมูจริงๆ

แม้ว่านางจะพกเข็มเงิน แต่เป็นไปไม่ได้ที่นางจะกำกับและแสดงเรื่องตลกแบบนี้

หากลูกธนูยิงพลาดหรือโดนชูชูจนได้รับบาดเจ็บ มันจะส่งผลเสียอย่างมากต่อเฟิงอู๋โยว

ดังนั้นจึงไม่มีใครในตำหนักพระที่นั่งสูงสุดใส่ใจในสิ่งที่ขุนนางจิ้นพูด และทุกคนก็เชื่อโดยปริยายว่าเข็มเงินที่แทงหัวเข่าของชูชูเป็นฝีมือของหยุนเฟยไป๋

พระพันปีหลวงเห่อเหลียนทรงขมวดคิ้วขึ้นทันที นางคาดไม่ถึงว่าชูชูจะทำเรื่องวุ่นวายใหญ่โตปานนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ชูชูเป็นนางกำนัลที่นางเลือกให้จี้มั่วอิ้นเหรินด้วยตัวเอง ดังนั้นนางจึงดุด่าชูชูในที่สาธารณะไม่ได้

นางปัดพระหัตถ์อย่างอ่อนล้า และถามนางกำนัลข้างกายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กี่โมงยามแล้ว”

“กราบเรียนพระพันปีหลวง บัดนี้เป็นเค่อแรกของยามโหย่ว[1]เจ้าค่ะ”

พระพันปีหลวงเห่อเหลียนพยักหน้าเล็กน้อยและตรัสต่อ “ฟ้ามืดแล้ว ดังนั้นจบการแข่งขันของวันนี้ลงเพียงเท่านี้ ทางศาลต้าหลี่จะตรวจสอบเหตุการณ์การบาดเจ็บจากอาวุธลับอย่างเคร่งครัด ดังนั้นจงอย่าได้ตื่นตระหนก”

เมื่อตรัสจบ พระพันปีหลวงเห่อเหลียนก็โบกพระหัตถ์และจากไปพร้อมกับนางกำนัลทั้งสองคน

ทว่าขุนนางจิ้นกลับพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “พระเชษฐภคินี ตามความเห็นของข้า จะต้องเป็นเฟิงอู๋โยวที่จงใจทำร้ายนางกำนัลอย่างแน่นอน ไฉนต้องให้ศาลต้าหลี่ตรวจสอบอีกพะย่ะค่ะ”

พระพันปีหลวงเห่อเหลียนทอดพระเนตรไปยังขุนนางจิ้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เฟิงอู๋โยวกวาดมองขุนนางจิ้น ดวงตาทรงกลีบดอกท้อฉายแววลุ่มลึก “ขุนนางจิ้นขายโง่ ทำเรื่องใหญ่เกินไป”

จวินมั่วหรันพูดเสียงขรึม “เล่นละครใหญ่เกินไปก็จริง แค่เขารับมือยากกว่าขุนนางยู่ชิน”

“ดูเหมือนว่าเสด็จอาทั้งหกของเสี่ยวอิ้นอิ้นจะมีแต่ภัยร้ายทั้งนั้น นอกจากจี้มั่วจื่อเฉินแค่คนเดียว”

ในที่สุด เฟิงอู๋โยวก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจี้มั่วอิ้นเหรินที่มีพระปิตุลาถึงหกคน ถึงสนิทกับจวินมั่วหรันที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือด

ดูเหมือนว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากจี้มั่วอิ้นเหรินไม่มีอำนาจอัตตาธิปไตยของจวินมั่วหรันคอยปกป้อง จี้มั่นอิ้นเหรินคงไม่มีทางนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ได้อย่างมั่นคงแบบนี้

ณ เรือนแพทย์พยากรณ์

ก้นยังไม่ทันนั่งลง เฟิงอู๋โยวก็ได้กลิ่นเหม็นลอยมาเตะจมูก

นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและชะโงกคอออกจากเรือน “ข้าบอกพวกเจ้าหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ จะปัสสาวะก็ต้องเข้าห้องน้ำ! คนที่ปัสสาวะไม่เป็นที่เป็นทาง ข้าจะปล่อยอาหวงไปกัด!”

จวินมั่วหรันที่กำลังนั่งอยู่ในห้องด้านใน แสงระเรื่อสีทองจากอาทิตย์อัสดงส่องทาบบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ดวงตาของเขาเปล่งประกายแสงสีเหลืองอำพัน ความเย่อหยิ่ง ทรงอำนาจและบ้าระห่ำในแบบของราชาแฝงอยู่ในทุกอากัปกิริยาของเขา

อย่ามองแค่รูปร่างหน้าตาของเขาในฐานะราชาผู้ยิ่งใหญ่ อันที่จริงตอนนี้เขากำลังกระวนกระวายใจราวกับนั่งอยู่บนแผงเข็ม

เขากำลังคิดถึงคำพูดของกู่หนานเฟิงที่พร่ำพูดมาตลอด

กูหนานเฟิงเคยบอกว่า ความต้องการของเฟิงอู๋โยวไม่ได้รับการตอบสนอง ดังนั้นเขาต้องทำให้ดี

สตรีของตัวเอง จำเป็นต้องเอาใจ

นางต้องการอะไรก็ต้องหามาให้

แต่ปัญหาก็คือ จวินมั่วหรันไม่มีประสบการณ์แม้แต่น้อย เขากังวลว่าตัวเองจะทำไม่ดีพอจนถูกรังเกียจ

โชคดีที่เถี่ยโส่วในสภาพเหม็นสาบโผล่มาสำนึกผิด ความร้อนรนใจของจวินมั่วหรันถึงได้ทุเลาลง

เฟิงอู๋โยวปิดจมูกแน่น นางมองเถี่ยโส่วที่คุกเข่าอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าคงไม่ได้ดื่มปัสสาวะตัวเองสิบจินจริงๆ ใช่หรือไม่”

เถี่ยโส่วสะอื้นไห้ ดวงตาของเขาบวมเหมือนเม็ดบ๊วย

เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวชะโงกศีรษะออกมาจากห้องด้านใน เขาก็ก้าวสองก้าวไปหานางอย่างกะทันหัน “แม่ทัพเฟิง เถี่ยโส่วทำผิดกับท่านอย่างมหันต์”

เฟิงอู๋โยวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรังเกียจ “โชคดีที่ข้าไม่ได้รับอันตราย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เถี่ยโส่วก็ร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง “โชคดีที่แม่ทัพเฟิงไม่เป็นไร มิฉะนั้น แม้ความตายของเถี่ยโส่วก็คงมิอาจชดใช้ได้”

เมื่อเขาอ้าปาก กลิ่นเปรี้ยวก็ลอยอบอวลเข้าสู่ห้องด้านใน

จวินมั่วหรันจนปัญญา กลิ่นเหมือนเล้าหมูนี้ เขาจะมีอารมณ์แสดงฝีมือในคืนนี้ได้เยี่ยงไร

เฟิงอู๋โยวนั่งยองๆ ปลอบเถี่ยโส่ว “รู้ผิดแล้วแก้ไข นับว่าเยี่ยมนัก”

นางเกลียดการหักหลังเป็นที่สุด

แต่ว่าเถี่ยโส่วติดตามรับใช้จวินมั่วหรันมาเป็นสิบปี ดังนั้นนางจึงมิอาจฆ่าเขาได้ตามอำเภอใจ

นอกจากนี้ เฟิงอู๋โยวยังคิดว่าเถี่ยโส่วแค่ไม่ทันระวังจนพลาดท่า

ถึงแม้เฟิงอู๋โยวจะเป็นคนที่เถี่ยโส่วชื่นชอบนับถือ แต่นางเชื่อว่าคนที่สำคัญที่สุดในใจของเถี่ยโส่วจะต้องเป็นจวินมั่วหรันอย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ หากเป็นสถานการณ์ปกติ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เถี่ยโส่วจะทรยศต่อจวินมั่วหรันอย่างกะทันหัน

เป็นไปได้ไหมว่าการที่เถี่ยโส่วกระทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นเพราะถูกไป๋หลี่เหอเจ๋อควบคุมจิตใจ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวจึงถามเถี่ยโส่วเสียงขรึม “เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าเข้าพบไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นการส่วนตัวหรือไม่”

“ข้าจำไม่ได้”

เถี่ยโส่วหมดหนทาง เขารู้สึกว่าความทรงจำมากมายของตัวเองหายไป ไม่ว่าจะพยายามนึกเยี่ยงไร เขาก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ต้องถามแล้ว คนสมองทึ่มอย่างเขาไม่มีทางนึกขึ้นได้แน่นอน”

กู่หนานเฟิงจูงม้าเหงื่อโลหิตของเขามาเดินเล่นที่ลานด้านหน้าเรือนแพทย์

เขาถูกเถี่ยโส่วรมควันมอมยาจนตากรอก แม้จะอยากจะไล่เถี่ยโส่วออกจากเรือนให้รู้แล้วรู้รอด แต่กระนั้นก็พยายามพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้แทนเขา

“เนื่องจากไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นเด็กกำพร้าที่เหลือรอดจากแคว้นหนานเชียง ที่เป็นแหล่งรวมคนแปลกๆ ทุกประเภท ในความคิดของข้า อาการของเถี่ยโส่วเหมือนได้รับผลกระทบจากวิชามายาที่หายสาบสูญไปนาน ซึ่งจะมีอาการความทรงจำขาดหายไปบางห้วง และถูกเต็มเติมด้วยวาจาของผู้ร่ายวิชา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็เข้าใจขึ้นทันที “มิน่า ความทรงจำบางช่วงของข้าถึงไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง!”

ริมฝีปากเรียวบางของจวินมั่วหรันเอ่ยอย่างเป็นสุข “พวกสุนัขจิ้งจอกทั้งหกคนในเรือนของเจ้าน่าจะถูกวิชามายาเล่นงานเช่นกัน ดังนั้น ในเมื่อตอนนี้น้ำลดตอผุดแล้ว ก็ควรไล่พวกเขาไปจากที่นี่ดีหรือไม่”

[1]ยามโหย่ว คือช่วงเวลา 17:00-19:00 นาฬิกา

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท