ตอนที่ 345 อยู่ในคุกสวรรค์สองสามวัน / ตอนที่ 346 ให้อภัยไม่ได้
ตอนที่ 345 อยู่ในคุกสวรรค์สองสามวัน
พระพันปีหลวงสีหน้าอึมครึม แม้ว่านางไม่ยุ่งเรื่องการปกครองแคว้นมานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางเป็นสตรีแห่งวังหลวงชั้นในผู้โง่เขลาเบาปัญญา
นึกถึงในสมัยนั้น นางได้ขึ้นเป็นพระอัครมเหสีก็เพราะแผนการอันละเอียดรอบคอบและแยบยล
ในตอนนี้ หากแม้แต่เรื่องของเฟิงอู๋โยวยังจัดการไม่ได้ เรื่องนี้คงไม่กลายเป็นที่เย้ยหยันไม่ทั่วหรอกหรือ
“อำนาจของเซ่อเจิ้งหวางปกคลุมทั่วใต้หล้า อย่าได้พูดจาปราศจากความยับยั้งชั่งใจจนทำให้ทุกคนไม่เชื่อใจ วันนี้ เฟิงอู๋โยวถูกคาดโทษพร้อมกันถึงสามคดี หากเขาไม่ถูกส่งตัวให้ศาลต้าหลี่ แบบนี้จะห้ามปากชาวบ้านทั่วแคว้นตงหลินไม่ให้พูดไปเรื่อยได้หรือ”
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนพูดขึ้นอย่างน่าเกรงขาม “ข้าเชื่อว่ามือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง หากเฟิงอู๋โยวถูกใส่ร้ายจริง ศาลต้าหลี่จะคืนความยุติธรรมให้ ดังนั้นเซ่อเจิ้งหวางก็จงอย่าร้อนใจไปเลย”
“ไม่ได้”
จวินมั่วหรันปฏิเสธเสียงเย็น
เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าจวินมั่วหรันเริ่มพาลเกินไปแล้ว
ขืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ชื่อเสียงของเขาจะต้องเสื่อมเสียด้วยตัวเขาเองแน่นอน
ภายในความจำใจ เฟิงอู๋โยวจึงได้แต่แสร้งทำเป็นอารมณ์ดี และเกลี้ยกล่อมจวินมั่วหรันด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “ในชีวิตนี้ของข้ายังไม่อยู่ในคุกสวรรค์ เจ้าให้ข้าพักอยู่ในนั้นสักสองสามวันเป็นเยี่ยงไร”
“เจ้าชอบคุกสวรรค์หรือคนในคุกสวรรค์กันแน่”
จวินมั่วหรันจำได้ว่าเฟิงอี้ถูกคุมขังในคุกสวรรค์ของศาลต้าหลี่ และทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแววหวาดระแวงขึ้นมา
มุมปากของเฟิงอู๋โยวเกร็งกระตุก ก่อนพูดเน้นเสียง “เฟิงอี้เป็นพี่ชายของข้า! เจ้าคิดไปไกลถึงไหน”
จวินมั่วหรันถูกเฟิงอู๋โยวอ่านออกอย่างทะลุปรุโปร่ง “ข้าเป็นคนขี้อิจฉาเอง เจ้าต้องเข้าใจข้าด้วย”
“ถ้าเจ้ากังวล ก็แอบเข้าไปในคุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่ เพื่อไปเยี่ยมข้าก่อนฟ้ามืดก็ได้”
“คืนนี้ ข้าจะไปหาเจ้าอย่างแน่นอน เมื่อคืนเจ้าทำอะไรไม่เสร็จ คืนนี้เจ้าจะต้องชดเชย”
เฟิงอู๋โยว “…”
แม้ว่านางอยากจะไปถึงขั้นนั้นเร็วๆ แต่ก็กังวลว่าเขาจะทำให้นางถึงตาย
ก่อนข้ามมิติมา ในช่วงหลายปีที่ยังเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคของบุรุษ นางเคยเห็นร่างกายของผู้ชายมาแล้วหลายคน
แต่ปัญหาคือนางไม่เคยเห็นอะไรที่เกินจริงเท่าเขามาก่อน
จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตจริงๆ หรือ
ต่อให้ไม่ตาย ก็อาจจะเกือบพิการก็เป็นได้!
เฟิงอู๋โยวสั่นสะท้านทันที นางรู้สึกเพียงว่าดวงตาที่คลุมเครือเกินไปของจวินมั่วหรันทำเอานางขนลุก
นางหลบสายตาอันแผดเผาของเขาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนพูดอย่างเคร่งขรึม “กระหม่อมยินดีให้ความร่วมมือในการสืบสวนพะย่ะค่ะ”
“ทหาร นำตัวแม่ทัพเฟิงไปฝากขังในคุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่”
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนครุ่นคิด เฟิงอู๋โยวถูกคาดโทษสามกระทงพร้อมกัน โชคร้ายย่อมมากกว่าโชคดี
แม้ว่านางจะหลุดพ้นจากข้อหาหนึ่ง แต่อีกสองข้อหายังคงอยู่
ด้วยวิธีนี้ แม้ว่านางจะมีสามหัวหกแขน แต่ก็เป็นเรื่องยากจะหลบหนีจากการลงโทษของกฎหมายแห่งแคว้นตงหลิน
เฟิงอู๋โยวมองพระพันปีหลวงเห่อเหลียนที่ดูมีความสุขด้วยสายตาเยือกเย็น พลันรู้สึกขมขื่นในลำคอ ในทรวงเต็มไปด้วยความโกรธยากจะระบาย
จงเซิ้งมองไปสีหน้าเย็นชาของเฟิงอู๋โยวพลางถามอย่างไม่พอใจ “ไฉนดวงตาของแม่ทัพเฟิงถึงดุร้ายนัก”
“ข้าคิดว่าพระพันปีหลวงมีอคติต่อข้า และกำลังจะทำหน้าตาน่ารักเพื่อให้พระพันปีหลวงโปรดปรานอยู่” เฟิงอู๋โยวยักไหล่และเดินออกจากตำหนักคุนหนิงทันที
เหล่าขุนนางพลเรือนและทหารมองหน้ากัน พวกเขาคิดว่าเฟิงอู๋โยวติดนิสัยเสียมาจากจวินมั่วหรัน จำเป็นต้องเข้มงงวดกับนางให้มากกว่านี้
จากนั้น ก็มีขุนนางปากเสียสองสามคนพูดตักเตือนจวินมั่วหรันอย่างชอบธรรม “เซ่อเจิ้งหวาง กระหม่อมคิดว่าแม่ทัพเฟิงเกเร และจำเป็นต้องได้รับการลงโทษสั่งสอนอย่างเข้มงวด”
“เห็นด้วย”
“เห็นด้วย”
ดวงตาสีดำประกายทองของจวินมั่วหรันกวาดมองพวกเขา ทำให้พวกเขาทั้งหมดยืดตัวตรง หุบปากเงียบ
“อย่าเข้ามาขวางทาง ข้ารีบไปส่งแม่ทัพเฟิงไปอยู่ที่ศาลต้าหลี่สักครึ่งวัน”
ริมฝีปากเรียวบางของจวินมั่วหรันเอ่ย จากนั้นก็เดินตามหลังเฟิงอู๋โยวไปทันที
ตอนที่ 346 ให้อภัยไม่ได้
เป่ยถางหลงถิงก้าวตามเฟิงอู๋โยวอย่างฉับไว “เฟิงอู๋โยว ข้าขอโทษเจ้าสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หากเจ้ายังเต็มใจที่จะกลับไปที่แคว้นเป่ยหลี ข้าสัญญาว่าข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี”
เฟิงอู๋โยวหยุดชะงัก หันศีรษะกลับมาทันที จ้องมองเป่ยถางหลงถิงอย่างเย็นชา “ฮ่องเต้แคว้นเป่ยหลีเจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าไฉนเจ้าถึงวิจารณ์ข้า ฆ่าข้าเพราะคำพูดของเป่ยถางหลีอินอุปสรรคบางอย่างจะไม่มีวันเอาชนะได้และบางคนไม่สมควรได้รับการให้อภัย”
“แคว้นเป่ยหลีเป็นหนี้บุญคุณเจ้าเจ้า”
“อะไร ในที่สุดเจ้าก็เชื่อแล้วหรือว่ข้าไม่เคยกระทำการใดเป่ยถางหลีอิน”
เป่ยถางหลงถิงพูดขึ้น “ข้าไม่ต้องการหยิบยกเรื่องในอดีต ข้าเชื่อในอินเอ๋อร์เสมอ เพียงแค่ข้าต้องการให้โอกาสเจ้าอีกครั้งเพื่อเริ่มต้นใหม่ เพราะเจ้าได้สร้างคุณูปการมากมายให้กับแคว้นเป่ยหลี”
เฟิงอู๋โยว ยอมแพ้กับเป่ยถางหลงถิงโดยสิ้นเชิง
จนถึงทุกวันนี้ เขายังคงเต็มใจที่จะเชื่อเป่ยถางหลีอินที่เต็มไปด้วยการโกหกอยู่ดี
นางมองไปข้างหน้าด้วยดวงตาที่สวยงามและหัวเราะเบาๆ “ฮ่องเต้แคว้นเป่ยหลีถามตัวเองหรือไม่ว่าเหตุใดถึงกล้าว่าร้ายคาดโทษข้าในตอนนั้น ข้าเสียหยาดเลือดหยดเหงื่อต่อสู้เพื่อแคว้นเป่ยหลี แต่คำพูดของเป่ยถางหลีอินเพียงประโยคเดียวก็เกือบทำข้าถึงตาย มีอุปสรรคที่ก้าวผ่านไม่ได้ฉันใด ก็ย่อมมีคนบางคนที่ไม่ควรให้อภัยฉันนั้น”
เป่ยถางหลงถิงจุกคอพูดไม่ออก สิ่งที่เฟิงอู๋โยวพูดทำเขาพูดต่อไม่ถูก
หนึ่งเดือนก่อน เขาโกรธมากที่แม่ทัพหนุ่มที่เขาคาดหวังไว้สูงจะเกิดตัณหากลับและง้างกรงเล็บปีศาจใส่เป่ยถางหลีอิน
ตอนนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ข้ารู้สึกว่าตัวเองรีบร้อนด่วนสรุปเกินไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาพบว่าเฟิงอู๋โยวดูเหมือนหลิงซู่ซู่ ทำให้เขาก็เกิดความปรารถนาอยากปกป้อง และต้องการรับนางเป็นบุตรบุญธรรมของเขา
เมื่อเห็นว่าเฟิงอู๋โยวเริ่มหมดความอดทนขึ้นเรื่อยๆ จวินมั่วหรันจึงผลักเป่ยถังหลงถิงออกไป “ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี โปรดอย่ามาขวางทาง”
แม้ว่าจวินมั่วหรันจะโกรธมาก แต่ในใจของเขายังคงหวังให้เฟิงอู๋โยวเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ ได้อยู่ในอ้อมแขนของพ่อและได้รับการปกป้อง ปรนเปรอ
น่าเสียดายที่เป่ยถางหลงถิงกระทำเกินไปกับนางมาตลอด
เขาคิดว่าเป่ยถางหลีอินยังคงเป็นคนโปรดของเป่ยถางหลงถิงอยู่ ดังนั้นไม่ว่าเป่ยถางหลีอินพูดอะไร เป่ยถางหลงถิงก็เต็มใจเชื่อ
เป่ยถางหลีอินเฝ้าดูเป่ยถางหลงถิงที่ตามติดเฟิงอู๋โยวเหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่ในมุมมืด รู้สึกเหมือนมีดกำลังกรีดแทงที่หัวใจนาง
เมื่อเห็นจวินมั่วหรันกับเฟิงอู๋โยวเดินออกไป เป่ยถางหลีอินจึงปลดระวังและร้องไห้เสียงดัง
เมื่อเป่ยถางหลงถิงได้ยินเสียง หัวใจของเขาก็พลันเจ็บปวดขึ้นอีกระลอก เขารีบวิ่งไปที่เป่ยถางหลีอินที่ร้องไห้ “อินเอ๋อร์ไฉนลูกมาที่นี่ได้”
เป่ยถางหลีอินโผเข้าสู่อ้อมกอดของเป่ยถางหลงถิง ร้องไห้สะอึกสะอื้นเอ่ย “เสด็จพ่อ ท่านไม่เชื่อในสิ่งที่อินเอ๋อร์พูดกระนั้นหรือ เฟิงอู๋โยวลวนลามอินเอ๋อร์อย่างชัดเจน ไฉนเสด็จพ่อจึงปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยน”
“อินเอ๋อร์ อย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย เพราะเจ้าไม่ได้รับอันตรายและตอนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพิสูจน์การกระทำของเฟิงอู๋โยวในเวลานั้น นอกจากนี้เฟิงอู๋โยวยังเคยสร้างคุณูปการมากมายให้กับแคว้นเป่ยหลี ดังนั้น เขาไม่ควรมีวันที่ตกอยู่ในสภาพอนาถเช่นนี้!”
“เขาน่าสงสารตรงไหน ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อ เขายังได้รับความอนุเคราะห์เลี้ยงดูจากเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงลินเป็นอย่างดี”
“อินเอ๋อร์ หยุดร้องไห้เถิด”
เป่ยถางหลงถิงหายใจเข้าลึกๆ และเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนางเบาๆ “อย่าเศร้าไปเลย อินเอ๋อร์ เจ้าจะเป็นอัญมณีในมือพ่อตลอดไป”
การได้ยินของเฟิงอู๋โยวดีเยี่ยม แม้เดินทิ้งห่างออกไปไกล นางก็ยังได้ยินสิ่งที่เป่ยถางหลงถิงพูดอย่างชัดเจน
อาจไม่ถึงกับเศร้าใจ แต่ก็ไม่ใช่ความสบายใจอยู่ดี
“เฟิงอู๋โยว เจ้าไม่ได้เป็นเพียงอัญมณีในมือของข้าผู้นี้เท่านั้น แต่ยังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของข้าด้วย ข้านึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าข้าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่โดยไม่มีเจ้าได้เยี่ยงไร” จวินมั่วหรันจับมือเฟิงอู๋โยวไว้แน่นและพูดอย่างด้วยความรักอันอ่อนโยน
เขาไม่เก่งในการปลอบประโลมผู้คนด้วยการพูดคำหวานๆ เหล่านี้
แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นอารมณ์ของเฟิงอู๋โยวไม่ปกติ ก็พร้อมจะทุ่มเททั้งหัวใจให้นางอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าคำพูดของจวินมั่วหรันกระตุ้นต่อมน้ำตาเกินไป
นางไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าผู้คน จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “ข้าไม่ได้อยากเป็นทั้งหมดของเจ้า ข้าแค่อยากเป็นส่วนสำคัญของเจ้า ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้ากินอะไรเข้าไป ไฉนถึงโตขึ้นมาเป็นแบบนี้”
“เจ้าจะรู้สิ่งนี้ไปทำไม รู้ไปเจ้าก็ไม่มี”
จวินมั่วหรันเขี่ยจมูกของนางเบาๆ เขาไม่สนใจเฟิงอู๋โยวที่กำลังคิดไปไกลเกินกว่าความหมายที่ต้องการจะสื่อ
“เจ้าหมา เจ้าอย่าพูดเรื่องน่าเศร้าของข้าได้หรือไม่ ถ้ามีไอ้นั่น เขาจัดการเป่ยถางหลีอินให้หนำใจ ไหนจะหมูโง่อย่างจวินฝูอีก แล้วก็พระพันปีหลวงเห่อเหลียนนั่นอีก”
เฟิงอู๋โยวสบถออกมาด้วยความโกรธ
แต่ใบหน้าของจวินมั่วหรันมืดสนิท “เฟิงอู๋โยว จงอย่าแม้แต่จะคิด!”